13วันมาฆบูชา 14วาเลนไทน์ พระหนุนรักมีสติ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 7 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    พระพยอมแนะ ปีนี้วันมาฆบูชากับวาเลนไทน์ติดกัน เป็นฤกษ์ดีให้เข้าวัดก่อน รุ่งขึ้นค่อยนำธรรมะมาใช้กับวันแห่งความรัก 14 ก.พ. จะได้ไม่เป็นวันแห่งราคะ ขณะที่พระมหาสมัยร่วมด้วย ชี้นำศีล สมาธิ ปัญญา

    <DD>มาใช้ แล้ววาเลนไทน์คนจะรักกันอย่างมีสติ ด้าน ว.วชิรเมที เน้นเยาวชนเข้าให้ถึงคุณค่าของทั้ง 2 วัน
    <DD>ปี 2549 นี้ วันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ ตรงกับวันที่ 13 และ 14 ก.พ. ติดกัน หลายคนอาจจะมองถึงการให้ความสำคัญของวันทั้ง 2 นี้แตกต่างกันไป โดยเยาวชนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากกกว่านั้น พระพยอม กัลยาโณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันการให้ความสำคัญของทั้ง 2 วันนี้แตกต่างกันมาก วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนา เป็นวันแห่งการถือศีล ปฏิบัติธรรม ซึ่งวันนี้ก็แสดงถึงความรัก ความกตัญญูเหมือนกัน คือพระอรหันต์พันกว่ารูปเดินทางไปหาพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพรัก ซึ่งพระพุทธเจ้าก็แสดงธรรม ซึ่งยึดถือกันมาจนทุกวันนี้ ส่วนวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะเยาวชนให้ความสำคัญกันผิด จนกลายเป็นวันแห่งราคะ ตัณหา ความลุ่มหลง มัวแต่ซื้อของให้กัน ที่สำคัญยังนิยมมี
    <DD>เพศสัมพันธ์กัน ไม่เข้าถึงความสำคัญแท้จริง เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
    <DD>"ปีนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่วันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์อยู่ติดกัน อยากให้เด็กลองมาเข้าวัด ทำบุญ ปฏิบัติธรรม ชำระใจให้ใสสะอาดในวันมาฆบูชา พอวันรุ่งขึ้นวาเลนไทน์ก็อย่าให้ราคะครอบงำ ให้เอาศีลและธรรมะต่างๆ มาใช้กับวันแห่งความรัก ให้รักกันอย่างมีศีล ให้ธรรมะช่วยดับราคะ และกิเลสต่างๆ เป็นโอกาสดี ถือศีลแล้วนำมาปฏิบัติได้ทันที โดยเฉพาะเยาวชน ถ้าทำได้จะช่วยลดปัญหาสังคมลงได้ไม่มากก็น้อย อย่างนี้เรียกว่า ทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่เสีย ควบคู่กันไปในทางที่ดี"
    <DD>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมที (ว.วชิรเมที) เจ้าของผลงานธรรมะติดปีก กล่าวว่า ปีนี้วันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาอยู่ติดกัน อยากให้เยาวชนตระหนักถึงทั้ง 2 วันนี้ให้ดี อย่ามัวแต่หลงกับคุณค่าเทียมของมัน ไม่ใช่วันที่ 13 ก.พ. (วันมาฆบูชา) ก็มัวแต่ไปเดินซื้อของขวัญ คิดแต่เรื่องความรัก ควรให้ความสำคัญโดยการเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของวันมาฆบูชา ซึ่งก็คือเข้าถึงอุดมการณ์ของพุทธศาสนา ( นิพพาน) การนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งช่วยกันเผยแผ่หลักธรรมคำสอน
    <DD>"วันทั้ง 2 วันมีความสำคัญ เราควรตระหนักให้มาก โดยเฉพาะชาวพุทธ อย่ามัวแต่ตั้งตารอวันวาเลนไทน์ ควรตระหนักถึงความสำคัญ และเข้าถึงคุณค่าของวันมาฆบูชาก่อน อย่าให้ค่านิยมตะวันตกเข้ามามากเกินไป รับได้แต่ต้องไม่ลืมวัฒนธรรมของเรา อย่าลืมความสำคัญของวันมาฆบูชา ส่วนวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ปัจจุบันขอบเขตจำกัดลง เหลือแค่ชาย-หญิง ซึ่งเป็นเพียงคุณค่าเทียม เราต้องตระหนักถึงคุณค่าจริง คือความรัก ความหวังดีต่อคนทั้งโลก อยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีไมตรีจิตต่อกัน ถึงแม้ปีนี้ทั้งวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์จะอยู่ติดกัน แต่เยาวชนควรให้ความสำคัญทั้ง 2 วัน อย่าลืมวันใดวันหนึ่ง ทั้ง 2 วันเป็นวันที่ดี" ท่าน ว.วชิรเมที กล่าว
    <DD>ด้านพระมหาสมัย จินตโฆสโก เลขานุการมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน กล่าวว่า วันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญของวิถีการดำเนินชีวิตของทั้งศาสนาพุทธและชาวตะวันตก ซึ่งปัจจุบันเราได้รับวัฒนธรรมนี้มามาก ทั้ง 2 วันจึงมีความสำคัญ ถึงแม้เยาวชนสมัยนี้จะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์กันมาก ยึดตามกระแสสังคมมาก แต่เราต้องไม่ลืมวันมาฆบูชา ยิ่งปีนี้ 2 วันนี้อยู่ติดกัน เราควรจะถือโอกาสนำสาระสำคัญในวันมาฆบูชามาใช้ในวันวาเลนไทน์ที่หลายคนพูดกันว่าเป็นวันแห่งการเสียตัว ควรนำหลักธรรมมาใช้ให้ถูกต้อง ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา รักกันโดยอาศัยหลักธรรมที่ถูกต้อง ควรให้ความสำคัญทั้ง 2 วัน อย่ามัวแต่ตั้งตารอวันวาเลนไทน์ หาซื้อของขวัญ ดอกไม้ ลองเปลี่ยนมาทำบุญ ถือศีลวันมาฆบูชา แล้ววันรุ่งขึ้นวันวาเลนไทน์ก็มารักกันแบบใช้ธรรมะ มอบธรรมะให้กัน มอบความดีให้แก่กัน ซึ่งจะเป็น
    <DD>การเริ่มให้เราเข้าถึงหลักธรรมมากขึ้น แล้วความรักที่ดี ความรักที่บริสุทธิ์ก็จะเกิด ทั้งกับคนรัก ครอบครัว และคนรอบข้าง อย่ายึดติดกับกระแสนิยมมากจนเกินไป.
    </DD>
     

แชร์หน้านี้

Loading...