ไพโรจน์ ใจสิงห์ มีสติ !...ไม่จำเป็นต้องแขวนพระ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 27 มกราคม 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] หากเอ่ยชื่อ ไพโรจน์ ใจสิงห์ แฟนภาพยนตร์ในอดีตคงจำกันได้ว่า เขาเป็นอดีตพระเอกหนังแนวบู๊ที่สร้างผลงานมาแล้วเป็นจำนวนมาก ที่โด่งดังอย่างมากในปี ๒๕๑๖ อาทิ สองชาติสมิง ไผ่ล้อมรัก ยอดสงสาร รสสวาท รัญจวนจิต สวรรค์เวียงพิงค์ สายชล เสือหยิ่งสิงห์ผยอง หมอกฟ้า มารรัก

    มาวันนี้ ไพโรจน์ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ที่รับบทส่วนใหญ่เป็นบทพ่อ มาวันนี้ไพโรจน์อยู่ในวงการแสดงมาแล้วกว่า ๓๐ ปี และล่าสุดมารับบทเป็นหลวงตา ในละคร ธรรมะ (ทำไม ) ที่กำกับการแสดงโดย องอาจ สิงลำพอง
    นับเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว ที่ชีวิตของไพโรจน์ได้หันหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกวันที่ ๓- ๗ ธันวาคมของทุกปี จะไม่รับงานแสดงใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากต้องเดินทางไปอยู่ วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยูริมแม่น้ำทางด้านใต้ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา บวชพราหมณ์-ปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีความคิดว่า อย่างน้อยสิ่งที่ทำทั้งปีอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี พอได้ปฏิบัติธรรมก็ทำให้ได้สำรวจตัวเอง ทำจิตใจให้สะอาด สักช่วงเวลาหนึ่ง
    ไพโรจน์ บอกว่า ชีวิตเราทำงานมามากมายตลอดทั้งปี เพียงแค่ปฏิบัติธรรม ๓ วัน ๗ วัน ไม่สามารถทำได้ก็คิดว่าแย่แล้ว การปฏิบัติธรรมแบบนี้ก็เหมือนเราได้ไปล้างตัวให้สะอาดสักครั้งหนึ่ง ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้วที่ชีวิตอยู่ในหลักธรรม ระยะหลังพอมีอายุมากขึ้นไป การนั่งสมาธินานๆ ก็รู้สึกปวดหลังอยู่เหมือนกัน ทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก ประกอบกับงานติดต่อเข้ามาไม่น้อย บางปีก็ไม่ได้ไปอยู่เหมือนกัน แต่จะหันกลับมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านแทน
    "ส่วนตัวแล้วเป็นคนเชื่อในเรื่องของบุญและบาปอย่างมาก เพราะชีวิตที่ผ่านมาเห็นคนเราที่ทำอะไรไว้นั้น ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ยิ่งในยุคนี้กรรมไม่ดีจะตอบสนองเราเร็วมาก ไม่ต้องไปรอชดใช้ในชาติหน้า กรรมดีที่ตนเองได้ทำเอาไว้จะเห็นได้ชัดว่า เราทำแต่ความดีงานต่างๆ ก็เข้ามาให้เราได้ทำอย่างไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันชอบดูรายการธรรมะ เหมือนเราได้มีพระมาสอนให้เราอยู่ในศีลธรรม และทำให้ทุกคืนก่อนนอนจะต้องสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะคาถาชินบัญชร อย่างน้อยสวดแล้วก็ทำให้เราสบายใจ" นี่เป็นสิ่งที่เขาได้จากการปฏิบัติธรรม
    สำหรับพระเครื่องที่แขวนติดตัว อดีตพระเอกชื่อดัง บอกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพระสมเด็จ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ ขึ้นอยู่กับใจว่าวันนั้นอยากแขวนพระองค์ไหนมากกว่า หรือบางครั้งก็จะแขวนเหล็กไหลของวัดพุทไธศวรรย์ โดยที่ผ่านมาก็เล่นหนังบู๊ก็จะมีเหตุการณ์ที่ต้องเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากบางเรื่องต้องใช้ปืนเอ็ม ๑๖ เอามาใช้ในฉากที่แสดงจริงๆ ถามว่าน่ากลัวไหม ก็ต้องบอกว่านั่นมันเป็นหน้าที่และอาชีพของเรา ที่จะต้องทำตามผู้กำกับการแสดง
    ฉากบู๊แบบนี้ในแต่ละครั้งจะโดนสะเก็ดระเบิดเข้าหน้าเข้าตาอยู่เป็นประจำ นับว่าโชคดีที่ไม่มีอะไรถึงขนาดเฉียดตาย ส่วนตัวก็มีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ตรงนี้ที่ชีวิตรอดตายจากสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านั้น น่าจะมาจากความไม่ประมาทของเราด้วย ยิ่งเราเป็นนักแสดงก็ต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพระเครื่องเอาไว้แขวนติดตัวคุ้มครอง และถ้าคนเราทำอะไรอย่างมีสติสัมปชัญญะ คิดว่าดีกว่าการแขวนพระด้วยซ้ำไป
    "วันหนึ่งที่ผมเคยมีชื่อเสียงโด่งดัง มาวันนี้ผมเห็นสัจธรรมชีวิตได้อย่างหนึ่งว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ สรรเสริญ นินทา เหล่านี้แหละเป็นโลกธรรมแปด ทุกอย่างเมื่อมีได้ก็ย่อมหมดได้ ลักษณะเดียวกันหมดได้ก็ย่อมมีได้ ชีวิตวันนี้มันไม่แน่นอน ดังนั้น เราจะทำอะไรก็ตาม จะต้องคิดเสมอว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิต และที่สำคัญอยากให้รับรู้ว่าเรามีชีวิตทุกวันนี้ไม่ใช่ของเราเลย วันหนึ่งเราก็ต้องคืนให้ธรรมชาติ" อดีตพระเอกชื่อดัง กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ กนต์ธีร์ เหลืองอร่าม 0

    -->[​IMG]
    หากเอ่ยชื่อ ไพโรจน์ ใจสิงห์ แฟนภาพยนตร์ในอดีตคงจำกันได้ว่า เขาเป็นอดีตพระเอกหนังแนวบู๊ที่สร้างผลงานมาแล้วเป็นจำนวนมาก ที่โด่งดังอย่างมากในปี ๒๕๑๖ อาทิ สองชาติสมิง ไผ่ล้อมรัก ยอดสงสาร รสสวาท รัญจวนจิต สวรรค์เวียงพิงค์ สายชล เสือหยิ่งสิงห์ผยอง หมอกฟ้า มารรัก
    มาวันนี้ ไพโรจน์ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ที่รับบทส่วนใหญ่เป็นบทพ่อ มาวันนี้ไพโรจน์อยู่ในวงการแสดงมาแล้วกว่า ๓๐ ปี และล่าสุดมารับบทเป็นหลวงตา ในละคร ธรรมะ (ทำไม ) ที่กำกับการแสดงโดย องอาจ สิงลำพอง
    นับเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว ที่ชีวิตของไพโรจน์ได้หันหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกวันที่ ๓- ๗ ธันวาคมของทุกปี จะไม่รับงานแสดงใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากต้องเดินทางไปอยู่ วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยูริมแม่น้ำทางด้านใต้ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา บวชพราหมณ์-ปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีความคิดว่า อย่างน้อยสิ่งที่ทำทั้งปีอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี พอได้ปฏิบัติธรรมก็ทำให้ได้สำรวจตัวเอง ทำจิตใจให้สะอาด สักช่วงเวลาหนึ่ง [​IMG]
    ไพโรจน์ บอกว่า ชีวิตเราทำงานมามากมายตลอดทั้งปี เพียงแค่ปฏิบัติธรรม ๓ วัน ๗ วัน ไม่สามารถทำได้ก็คิดว่าแย่แล้ว การปฏิบัติธรรมแบบนี้ก็เหมือนเราได้ไปล้างตัวให้สะอาดสักครั้งหนึ่ง ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้วที่ชีวิตอยู่ในหลักธรรม ระยะหลังพอมีอายุมากขึ้นไป การนั่งสมาธินานๆ ก็รู้สึกปวดหลังอยู่เหมือนกัน ทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก ประกอบกับงานติดต่อเข้ามาไม่น้อย บางปีก็ไม่ได้ไปอยู่เหมือนกัน แต่จะหันกลับมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านแทน
    "ส่วนตัวแล้วเป็นคนเชื่อในเรื่องของบุญและบาปอย่างมาก เพราะชีวิตที่ผ่านมาเห็นคนเราที่ทำอะไรไว้นั้น ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ยิ่งในยุคนี้กรรมไม่ดีจะตอบสนองเราเร็วมาก ไม่ต้องไปรอชดใช้ในชาติหน้า กรรมดีที่ตนเองได้ทำเอาไว้จะเห็นได้ชัดว่า เราทำแต่ความดีงานต่างๆ ก็เข้ามาให้เราได้ทำอย่างไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันชอบดูรายการธรรมะ เหมือนเราได้มีพระมาสอนให้เราอยู่ในศีลธรรม และทำให้ทุกคืนก่อนนอนจะต้องสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะคาถาชินบัญชร อย่างน้อยสวดแล้วก็ทำให้เราสบายใจ" นี่เป็นสิ่งที่เขาได้จากการปฏิบัติธรรม
    สำหรับพระเครื่องที่แขวนติดตัว อดีตพระเอกชื่อดัง บอกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพระสมเด็จ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ ขึ้นอยู่กับใจว่าวันนั้นอยากแขวนพระองค์ไหนมากกว่า หรือบางครั้งก็จะแขวนเหล็กไหลของวัดพุทไธศวรรย์ โดยที่ผ่านมาก็เล่นหนังบู๊ก็จะมีเหตุการณ์ที่ต้องเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากบางเรื่องต้องใช้ปืนเอ็ม ๑๖ เอามาใช้ในฉากที่แสดงจริงๆ ถามว่าน่ากลัวไหม ก็ต้องบอกว่านั่นมันเป็นหน้าที่และอาชีพของเรา ที่จะต้องทำตามผู้กำกับการแสดง
    ฉากบู๊แบบนี้ในแต่ละครั้งจะโดนสะเก็ดระเบิดเข้าหน้าเข้าตาอยู่เป็นประจำ นับว่าโชคดีที่ไม่มีอะไรถึงขนาดเฉียดตาย ส่วนตัวก็มีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ตรงนี้ที่ชีวิตรอดตายจากสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านั้น น่าจะมาจากความไม่ประมาทของเราด้วย ยิ่งเราเป็นนักแสดงก็ต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพระเครื่องเอาไว้แขวนติดตัวคุ้มครอง และถ้าคนเราทำอะไรอย่างมีสติสัมปชัญญะ คิดว่าดีกว่าการแขวนพระด้วยซ้ำไป "วันหนึ่งที่ผมเคยมีชื่อเสียงโด่งดัง มาวันนี้ผมเห็นสัจธรรมชีวิตได้อย่างหนึ่งว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ สรรเสริญ นินทา เหล่านี้แหละเป็นโลกธรรมแปด ทุกอย่างเมื่อมีได้ก็ย่อมหมดได้ ลักษณะเดียวกันหมดได้ก็ย่อมมีได้ ชีวิตวันนี้มันไม่แน่นอน ดังนั้น เราจะทำอะไรก็ตาม จะต้องคิดเสมอว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิต และที่สำคัญอยากให้รับรู้ว่าเรามีชีวิตทุกวันนี้ไม่ใช่ของเราเลย วันหนึ่งเราก็ต้องคืนให้ธรรมชาติ" อดีตพระเอกชื่อดัง กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ กนต์ธีร์ เหลืองอร่าม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...