ใครขัดข้องอะไรก็เข้ามา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Master Papol, 11 ธันวาคม 2012.

  1. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92
    ...เชิญเถิดพสก

    เพื่อเป็นไปแห่งการหลุดพ้นในวัฏฏะ
    เชิญถามได้ทุกเรื่องที่ท่านสงสัยในธรรม

    เพราะที่นี่ไม่ขัดข้องเลย
    ประดุจได้พลิกของคว่ำให้หงายได้ฉันนั้น
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถามได้จริงป่าว ครับ :cool:

    กลัวถามแล้วจะไม่ตอบ อ่ะ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากวัฏฏะขอรับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    โอ้โห นานๆทีจะเห็นพี่มาจากดิน ถาม :cool:
     
  5. wama

    wama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +12
    เวลาทำสมาธิมักมีความคิดพร้อมภาพเกิดมารบกวนทุกครั้ง
    ถึงต้ั้ังใจตามกำหนดรู้แล้วปล้อยวางแล้ว แต่มันก็เกิดบ่อยๆ
    มักรู้ไม่ทันมันทุกครั้งคือเมื่อเกิดความคิดมีมโนภาพประกอบกัน
    กว่าจะรู้ก็คิดไปยาวแล้ว..... ท่านมีอุบายอะไรทีจะฝึกเพื่อให้รู้ทันความคิดบ้าง
    ขอบคุณ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ^

    รับเป็น จ๊อบๆ ก็น่าสน หาตังกินหนมเวลาว่าง :cool:
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พูดได้ดี เพราะที่นี่ไม่ขัดข้องเลย
    ประดุจได้พลิกของคว่ำให้หงายได้ฉันนั้น


    Master Papolหัวใจท่านน่ากราบยิ่งนัก ผู้นี้มีคุณสมบัติที่จะมีสานุศิษย์ได้ทั่วโลก
     
  8. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    ...ก็ทำได้หลายวิธีอยู่

    แต่มีวิธีอันเอกอยู่อย่างนึงที่ศาสดาให้การรับรองว่า
    หากบุคคลทำเช่นนี้อย่างถูกวิธีแล้ว
    พึงหวังผล ๗ วัน ๗ เดือน หรือ ๗ ปีเป็นอย่างช้า
    นั่นคือการทำเจริญวิปัสสนาด้วยสติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น ฯ

    แปลเป็นภาษามนุษย์โลกโดยคร่าวและย่อว่า
    บุคคลใดก็ตาม ได้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ตามจริง
    ด้วยสติสัมปชัญญะของตน ณ ปัจจุบันขณะนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยตลอดแล้ว
    ให้พึงหวังสำเร็จอรหันตผล ๗ วัน ๗ เดือน หรือ ๗ ปี เป็นต้น

    ดังนั้นการปฏิบัติในศาสนธรรมนี้ หาใช่จะปฏิบัติกันไปเรื่อย ๆ
    จนอายุ ๖๐ จน๘๐ และจนวาระสุดท้ายจะลงโลงแล้วก็ยังปฏิบัติอยู่ก็หาไม่
    แต่การปฏิบัตินี้มีเป้าหมาย คือ

    "เพื่อให้รู้แจ้งการเกิด-ดับ ของ รูป-นาม
    จนมีปัญญาชัดในไตรลักษณ์เป็นปรกติวิสัย"

    เมื่อรู้ไตรลักษณ์ชัดเป็นปรกติ ก็เรียกว่าเป็น มหาสติ
    เมื่อเป็นมหาสติ ก็เรียกว่า ได้ "จบกิจ" ที่ควรทำแล้ว
    ท่านเรียกว่าเป็น อเสขบุคคล คือ "ผู้ที่ไม่ต้องฝึกอีก"
    เมื่อไม่มีอะไรต้องฝึกอีกแล้วในโลก ก็เรียกว่าหลุดพ้นในวัฏฏะนี้
    เพราะมีปัญญายอมรับสภาวะตามจริงที่เกิดขึ้นทุกปัจจุบันได้ทุกขณะจิต ดังนี้ ฯ





    ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  9. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    การที่เธอบอกว่า "เวลาทำสมาธิมักมีความคิดพร้อมภาพเกิดมารบกวนทุกครั้ง"
    นั้นแปลว่าเธอได้ปฏิบัติดีแล้ว เพราะ "สติ" แปลว่า "การระลึกได้"(แล้วมาเล่า)
    เพียงแต่ว่า การระลึกได้ของเธอนั้นมันยัง ดีเลย์อยู่
    ปรับอีกนิดเดียวเอง
    คือตามรู้กายใจนี้ไปติด ๆ เหมือนแข่งรถก็ดูดกันไปติด ๆ อย่างนั้น

    ต่อมาการที่เธอบอกว่า "ถึงต้ั้ังใจตามกำหนดรู้แล้วปล่อยวางแล้ว แต่มันก็เกิดบ่อยๆ" แปลว่าเธอทำเกินคำสั่งของศาสดาไปหน่อย
    เพราะ "การไปตั้งใจกำหนดรู้แล้วปล่อยวาง" นั้น
    ต้องปล่อยให้เป็นเป็นขบวนการทางปัญญา ไม่ใช่ให้ทำ
    เนื่องจากมันคือ "ผล"
    ไม่มีใครทำมะม่วงให้สุกได้ นอกจากรดน้ำให้ดีเท่านั้น
    เพราะฉนั้นตามดูอย่างเดียว อย่างผู้ไม่ข้องเกี่ยว อย่างเป็นธรรมชาติ
    อย่าไปตั้งใจดู แล้วก็อย่าไปทำเป็นปล่อยวาง เพราะมันเป็น"วาง"แบบของปลอม
    ขบวนการนี้ต้องเกิดขึ้นเองจากการเห็นไตรลักษณ์

    ดังนั้นถ้าเธอกล่าวว่ามันเกิดปล่อย
    ก็แปลว่ามันก็ดับไปปล่อยเช่นกัน(ถ้าดูทัน)
    เห็นไหมหล่ะ ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ถาวร

    เมื่อเกิดขึ้น
    ตั้งอยู่
    ก็จะดับไป
    เป็นธรรมดา


    ดูทันไหม ?
    ถ้าดูตรงนี้ทันก็ไม่นานแล้วหล่ะพสก


    อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    กล่าวคือการปฏิบัติในศาสนธรรมนี้ หาใช่จะปฏิบัติกันไปเรื่อย ๆ
    จนอายุ ๖๐ จน๘๐ และจนวาระสุดท้ายจะลงโลงแล้วก็ยังปฏิบัติอยู่ก็หาไม่
    แต่การปฏิบัตินี้มีเป้าหมาย คือ
    คำของท่าน Master Papol คมยิ่งนักปกติจะรู้ว่าโง่หรือฉลาด
    ก็ถามตอบนี้เอง

    เป้าหมายที่ท่าน Master Papol กล่าวแล้วคืออะไรครับโปรดขยายความนัยเป็นจริงเช่นที่ท่านว่า ไม่จำเป็นเลยจะต้องปฏิบัติให้บรรลุญาณญาณทัสสนะ
    ปัญญาญาณ ต่อเมื่อแก่หงำเหงือกไปแล้ว ผมจะจับตาดูคุณเป็นพิเศษหวังว่าท่าน
    จะไม่เข้าใจผิดว่าผมมาจับผิดท่าน เพราะท่าทีถ้อยคำของท่านสุภาพบรุษยิ่งนัก
    ดูแล้วควรค่ากับธรรมชั้นสูง ขอท่านจงแสดงให้เรานั้นหมดสงสัยในบวรพุทธศาสนา
    แต่นี้สืบไป โมทนาบุญกับท่าน ที่ท่านไม่นิ่งนอนใจ ออกมาตีกลองธรรมปลุกใจพสก
     
  11. vaddee

    vaddee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +443
    อยากถามเรื่องหนึ่ง โดยปกรติจะสนใจเรื่องธรรมะตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี อ่านธรรมะครั้งแรกของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพราะพี่เขยเป็นลูกศิษย์ท่านและธรรมะท่านอ่านเข้าใจง่ายท่านใช้ภาษาชาวบ้านเพราะบางครั้งไม่เข้าใจภาษาทางบาลีลึกๆ คือส่วนตัวจะนั่งสมาธิน้อยมากแต่เป็นคนที่มีอะไรก็ไม่รู้สอนธรระในหัวตลอด เช่น เวลาเรารู้สึกเพลินกับเรื่องทางโลกมากแล้วจู่ๆในสมองก็สั่งให้เบาๆบ้างนะ เพราะมันจะทำให้ทุกข์ในภายภาคหน้า เช่น เห็นงานศพเกิดขึ้นก็ปลงคิดเป็นตัวเองทันทีอย่างนี้ ฯลฯ บางทีพูดธรรมะให้คนอื่นฟังโดยไม่รู้เอาคำพูดมาจากไหน มันออกมาจากสมอง บางทีพูดสอนตัวเองคนเดียวบางครั้ง ชีวิตก็ปรกติดี อยากทราบว่ามันคืออะไร.......
     
  12. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    ไม่มีประโยคไหนที่เรากล่าวว่า
    "ไม่จำเป็นเลยจะต้องปฏิบัติให้บรรลุญาณญาณทัสสนะ
    ปัญญาญาณ ต่อเมื่อแก่หงำเหงือกไปแล้ว" เช่นนั้นเลย


    แต่เรากล่าวว่า...

    การปฏิบัตินี้มีเป้าหมาย คือ
    "เพื่อให้รู้แจ้งการเกิด-ดับ ของ รูป-นาม
    จนมีปัญญาชัดในไตรลักษณ์เป็นปรกติวิสัย"

    นั้นหมายถึงเมื่อบุคคลได้เห็นแจ้งในไตรลักษณ์แบบเต็มใบ ในทุกขณะจิตแล้ว
    ก็ย่อมที่จะเกิดญาณทัศนะที่ถูกที่ตรงต่อทางนิพพานตามมาอย่างนั่นเอง




    ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  13. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    มันคือการทำงานของขันธ์ในส่วนที่เรียกว่า "สัญญาธาตุ"
    คือธาตุ จำได้หมายรู้
    ที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลในจิตติดตัวข้ามภพข้ามชาติ
    จนก่อเกิดเป็นนิสัย และสันดาน นั้นเอง

    การที่บุคคลมีอาการเช่นนี้ ก็เนื่องจากในอดีตกาลมีการได้ฟังธรรมบ่อย
    ดังนั้นเวลามีเหตุการณ์ที่เคยคุ้นใจ จิตจะสำลอกอาการออกมาว่าฉันจำได้นะ
    เหมือนโมสาร์ทตอนเด็ก พอจับเปียนโนสองที ก็เล่นได้เลย เป็นต้น ฯ


    ขออนุโมทนา
     
  14. vaddee

    vaddee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ให้ความกระจ่างและมันก็เป็นอย่างที่คุณอธิบายจริง ถ้าได้อ่านหรือฟังธรรมะจะตอบสนองและเข้าใจทันที แต่มีอยู่ว่าจะเริ่มต้นปฏิบัติตนอย่างไรต่อไปเพื่อความก้าวหน้าในทางธรรม ชีวิตแต่งงานมีความสุขดี แต่ไม่มีลูกค่ะ และก็คงไม่เอาอยากปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ บางครั้งอยากหนีออกไปจากทางโลกเลยเบื่อวัฏจักรของชีวิต ที่ต้องทำงาน หุงหาอาหาร หลับนอน เป็นต้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  15. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ตามความเชื่อของพุทธมหายานก็คือ จี้กงเป็นอรหันต์ที่จุติมาเกิดอีกครั้ง เพื่อสั่งสอนมนุษย์โลก

    ความเชื่ออาจจะไม่ตรงหลักความจริง เช่นเมื่อก่อนคนอเมริกันเชื่อกันว่าแมลงปอมีพิษ

    ตกลงผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วยังจุติได้ไหมครับ
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เจ้าของกระทู้ " ได้โปรด

    แสดงอาการไปอาการมา กับอารมณ์ที่หลายท่านในที่นี้ ยังไปไม่ถึงไหน
    มีแต่ สะสมอารมณ์สมถะกรรมฐาน ที่ชาชินกับความเบื่อหน่ายแต่ไม่คายหลุดพ้นคับ Master Papol
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พะ พะ พะ พี่ สี อาน

    จขกท เขาเชิญ " ผู้ขัดข้อง "

    เขาบ่ได้เชิญ " ผู้เอออวย " นิ !?
     
  18. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    ความจริงแล้วการเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ดี ไม่ใช่ผู้หนีโลกไปปลีกวิเวกเอาความสงบ
    แต่คือผู้อยู่กับโลก สังคม และทำหน้าที่ด้วยจิตฉันทะ (การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ) เหล่านี้มีอยู่ในมรรค๘ ทางพ้นทุกข์อยู่ในตัวอยู่แล้ว

    ด้งนั้นหากเธออยากจะก้าวหน้า หลุดพ้นทางใจ
    เธอจำต้องดูความไม่เที่ยงให้ออก ๑
    เธอจำต้องดูทุกข์อันเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะให้ออก ๑
    เธอจำต้องดูความไม่มีแก่นสารของระบบจักรวาลที่เคลื่อนไปนี้ให้ออก ๑

    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอหั่นผัก
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอหุ่งอาหาร
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอหลับนอน
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอชมภาพยนต์
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอขับรถ
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอไปเที่ยว
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอฟังเพลง
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอรัก
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อโกรธ
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเหงา
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเศร้า
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อสนุก
    เธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในยามเมื่อเธอโดดเดียว

    และเธอจำต้องดู ๓ สิ่งนี้ให้ออกในทุกเมื่อที่เธอหายใจ เข้า และ ออก อย่างเป็นปรกติ
    ในชีวิตประจำวัน ในสังคมและการงานที่เธอทำอย่างปรกติ

    เธอพึงพิจารณาสิ่งเร้าที่มากระทบเหล่านั้นเพื่อเป็นเครื่องมือให้เกิดปัญญาให้ได้


    และเมื่อเป็นดังนี้จิตเธอจะทราบชัดเองว่า เพียงการหลีกเร้นไปที่สงัด
    หรือวิธีการปลีกสันโดนนั้น เป็นเพียงที่พักผ่อนทางจิตแบบชั่วคราวเฉย ๆ
    และมิใช่วิธีที่สุดทางปัญญา

    ฉนั้น ต่อให้บุคคลใดในโลกนี้ทำตัวเป็นคนไม่เอาอะไรแล้ว จนกระทั่งพิสูจน์ตนปลีกวิเวกสมถะอย่างชีเปลือย อยู่ในถ้ำ ก็หาใช่จะสำเร็จคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่

    แต่บุคคลแม้อยู่ในคฤหาสน์สถานเสพโภชนะอันปราณีตด้วยการพิจารณาการเกิดดับของ กาย-ใจ , นาม-รูป บุคคลนั้นอาจสำเร็จคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ได้


    ปรมัตถ์ที่สุดแล้วเป็นเรื่องของปัญญา
    ไม่ใช่วิธีการ หรือรูปแบบ


    ขออนุโมทนา
     
  19. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92


    พระอรหันต์ คือผู้เห็นโทษภัยในวัฏฏะสังสารอย่างแจ่มแจ้ง
    คือผู้ไม่เกิด ไม่จุติในที่ใดอีก



    ขออนุโมทนา
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    นักปฎิบัติจำต้องเจอ วิปัสสนูกิเลส กันทุกคนหรือไม่อย่างไรครับ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...