"โอม รัชเวทย์" ผู้สร้างชุดธรรมะการ์ตูนไทย

"การ์ตูน" ถือว่า "เป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่เป็นเยาวชนได้ดีที่สุด" ด้วยเหตุนี้เอง "โอม รัชเวทย์" ศิลปินผู้เชี่ยวชาญการวาดการ์ตูนเด็ก การ์ตูนแอนนิเมชั่น และเป็นหนึ่งในทีมศิลปินผู้วาดภาพผลงานการ์ตูนฉบับพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" และ "คุณทองแดง" จึงเขียนการ์ตูนธรรมะไทยออกมา ๓ ชุด คือ ๑.องคุลิมาล ๒.พระอานนท์ และ ๓.พระเจ้าอโศกมหาราช
โดยเขียนเป็นการ์ตูนแนวคอมมิกส์ (เดินเรื่องเป็นช่องๆ) เพียงเพื่อหวังว่า ให้เยาวชนเข้าถึงธรรมะได้ง่ายและมากขึ้น

โอม รัชเวทย์ บอกว่า การ์ตูนแนวคอมมิกส์ของพุทธศาสนาในบ้านเรายังไม่มี จึงอยากให้ลองหยิบเปิดอ่าน ครั้งแรกอาจจะแปลกใจกับแนวการเขียนการ์ตูนไทยที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งแตกต่างจากการ์ตูนแนวญี่ปุ่น ด้วยความสนุกสนาน การเดินเรื่องที่น่าติดตาม ก็จะทำให้เราชอบ และสามารถรับรู้พระธรรมที่สอดแทรกอยู่ในเรื่องได้อย่างเพลิดเพลิน รวมทั้งช่วยกระตุ้นสนับสนุนให้การ์ตูนธรรมะพระพุทธศาสนา เผยแพร่ออกไปในวงกว้างขึ้น
ครั้งแรกของการทำหนังสือชุดนี้ ได้คุยกับ คุณเมตตา อุทกะพันธุ์ ผู้บริหารอมรินทร์ฯ ว่าจะทำหนังสือพุทธประวัติ คุณเมตตาก็เห็นด้วย โดยให้พุทธประวัติเป็นเรื่องเอก ดังนั้น น่าทำเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ซับซ้อนก่อน อย่างเรื่อง "องคุลิมาล" เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน เป็นเรื่องที่ทุกคนเคยรับรู้มาว่า ตอนแรกเป็นคนไม่ดี เมื่อพบพระพุทธเจ้าก็บรรลุธรรมจนเป็นพระอรหันต์

ขณะเดียวกัน เด็กผู้ชายชอบแนวแอคชั่น จึงเลือก "องคุลิมาล" ออกมาเขียนเป็นเรื่องแรก เพราะเนื้อเรื่องมีบทของการต่อสู้ มีความสนุกสนานมากมาย สามารถเขียนออกมาเป็นการ์ตูนคอมมิกส์ที่มีสีสัน ตามด้วยเรื่อง "พระเจ้าอโศกมหาราช" และเรื่อง "พระอานนท์"
โดยใช้เวลาเขียนการ์ตูนชุดนี้ทั้งหมด ๓ ปี ซึ่งต้องสร้างบทก่อนแล้ว ร่างภาพทั้งหมดเหมือนสตอรี่บอร์ดภาพยนตร์ หลังจากนั้นก็มาตรวจวางความเหมาะสม แล้วค่อยลงมือร่างจริง
ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ ลงหมึกและมีการติดสรีนโทนเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น หรือการ์ตูนฝรั่ง
"ผมเขียนภาพและเรื่องอโศกมหาราช ๔๐ หน้า นำไปให้คุณเมตตาดู ปรากฏว่าให้รื้อทำใหม่ทั้งหมด โดยคุณเมตตาให้เหตุผลว่าบางฉากมันมากเกินไป แต่เราก็แก้ เพื่อให้คนอ่านได้เข้าใจในเนื้อหา ส่วนตัวผมเองไม่ได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ทำให้มีอุปสรรคในการเขียนบ้าง แม้ว่าผมจะไม่ได้ปฏิบัติธรรมแบบพระ แต่ผมก็อยากบอกว่า ขอแค่คิดให้ดีทำให้ดีก็พอแล้ว" เจ้าของผลงานชุดธรรมะการ์ตูนพุทธประวัติ กล่าว




อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามถึงความรู้สึกของผู้ที่อ่านการ์ตูนธรรมะ ซึ่งแต่ละคนได้ให้ความเห็นดังนี้ "ชัย ราชวัตร" นักวาดการ์ตูนการเมืองชื่อดัง แสดงความเห็นว่า ส่วนตัวแล้วดีใจที่คุณโอมไม่ได้เขียนภาพออกมาแบบญี่ปุ่น ใครก็ตามที่นำเอาวรรณคดี หรือพุทธประวัติ ชาดก แล้วทำออกมาเป็นแบบไทยๆ ไม่ได้ออกมาเป็นรูปเล่มหน้าตาเหมือนญี่ปุ่น ก็สามารถยอมรับได้ แต่ถ้าใครนำสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นเรื่องของคนไทย แต่หน้าพระองค์ท่านกลับเหมือนคนญี่ปุ่น ในส่วนนี้ก็ไม่เห็นด้วย

หนังสือธรรมะทั้งสามเล่มนี้ มีความแตกต่างกันเป็นแนวสากล แต่หน้าตายังเป็นไทย จริงๆ แล้วส่วนตัวตลอดชีวิตตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยชรา วันนี้ยังรู้สึกห่างธรรมะมาก ยอมรับว่าเรียนโรงเรียนวัด พอถึงชั่วโมงศีลธรรม เห็นพระอาจารย์ท่านสอนแบบใจเย็น เด็กๆ เล่นกันท่านก็ไม่ว่า เรียนไปก็น่าเบื่อ ทำให้ไม่อยากเรียน

“ผมเรียนชั่วโมงศีลธรรมไม่ค่อยได้อะไร เชื่อไหมว่าถ้าให้ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ๑๐ คำ ยังจำได้ทั้งหมด แต่ถ้าให้ท่องภาษาบาลีคงจำได้แค่สองคำ ขนาดเพื่อนบอกว่า ถ้านอนไม่หลับก็ให้อ่านหนังสือธรรมะ จนวันหนึ่งได้ฟังพระอาจารย์พยอม ท่านเทศน์ในการเผยแผ่ธรรมะ ก็ทำให้เกิดความสนใจธรรมะขึ้นมา แล้วก็คิดได้ว่า ธรรมะเราสามารถนำมาปรับให้มีความทันสมัยในรูปแบบต่างๆ ได้ พอเราได้นำเสนอธรรมะในรูปของการ์ตูน ก็จะทำให้พระพุทธเจ้าดูสง่างาม การเขียนออกมาก็ทำให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินด้วย" ชัย ราชวัตร กล่าว

ในขณะที่ นายองอาจ จิระอร บรรณาธิการสำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์ กล่าวว่า สิ่งที่ได้ทำออกมาเป็นภาพพระพุทธเจ้า ทำให้เราได้เห็นถึงความชัดเจนของพระพุทธองค์มากขึ้น เชื่อไหมว่า กว่าจะเป็นหนังสือธรรมะการ์ตูนออกมาทั้ง ๓ เล่มนี้ ได้ใช้เวลาในการจัดทำประมาณ ๓ ปี ความยากก็อยู่ที่ตัวอักษร ที่นำเนื้อหามาถ่ายทอดให้กับคนอ่านได้เข้าใจอย่างสนุกสนาน และเป้าหมายของการทำหนังสือธรรมะการ์ตูน จะทำทั้งหมด ๑๒ เล่ม โดยอีกสามเล่มที่จะตามคือ พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ และ พระสังกัจจายน์

ส่วนมุมมอง พระภาสกร ภูริฑฺฒโน (ภาวิไล) ผู้อำนวยการธรรมสถาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้ดำเนินรายการ "พุทธธรรมนำสุข" กล่าวว่า การสร้างงานธรรมะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม ต่างมุ่งถึงเหตุผลที่ล้วนจะเป็นครูเป็นธรรมะได้หมด คนเราที่มีสติปัญญาน้อยก็มองเป็นข้าศึกได้หมด ดังนั้น สิ่งใดที่มีการดัดแปลงไปบ้าง เราก็ต้องทำตามกฎกติกาก็ต้องทำ เพื่อรักษาองค์กร ตาไม่บอด หูไม่หนวก ต้องฉลาดเลือกสิ่งที่ดีได้

ทั้งหมดนี้พ่อแม่จะต้องเป็นแม่แบบให้กับลูกๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การสร้างค่านิยม ให้ลูกๆ ยินดีในศีล ในธรรม ในที่สุดลูกก็จะยินดีในศีล สมัยอาตมาเป็นเด็ก พ่อพาเข้าวัดเป็นประจำ พอโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นก็รู้สึห่างเหินวัดไปบ้าง แต่ลึกๆ แล้ว พอเราเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต อาตมามันก็ยังมีที่พึ่ง วันนี้วัดยังมีประโยชน์ แม้ว่าข่าวที่ออกมาว่า มีบางวัดไม่ดีอยู่บ้าง เราเองก็ต้องเลือกวัดกันบ้าง อาตมาจะยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งว่า

"การเสพสิ่งดีๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับแม่แบบ จริงๆ พ่อแม่จะต้องเป็นแม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ วันหนึ่งโยมพ่อให้ขนเหล้าในตู้เย็น แล้วท่านก็ยืนเทน้ำเหล้าลงโถส้วมทั้งหมด อาตมาก็ถามท่านว่า เททิ้งทำไม ทำไมไม่ให้คนอื่น โยมพ่อตอบว่า เมื่อรู้ว่ามันไม่ดี จะเอาไว้ให้คนอื่นทำไม พออาตมาโตขึ้น ก็เคยแอบกินเหล้าบรั่นดี แต่พออาตมาจะเอาชนะมันได้ ก็คิดถึงพ่อทันทีว่า เมื่อพ่อทำได้ ทำไมเราถึงจะทำไม่ได้" พระภาสกร กล่าว

ด้าน แพร-ระริน อุทกะพันธุ์ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนังสือธรรมะทั้งสามเล่มที่ทำออกมานี้ เพื่อกลุ่มคนที่กว้างขึ้น โดยเน้นกลุ่มเยาวชน กลุ่มคนทำงาน จนถึงกลุ่มผู้ใหญ่ ใครเห็นหนังสือธรรมะที่รูปเล่มแบบนี้ก็จะไม่เชย ไม่เขินที่จะหยิบอ่าน “ได้อ่านแล้วสนุกดี มีหลายๆ ฉากที่สะท้อนนึกถึงตัวเอง ก็คิดว่าในวัยคนอย่างแพร อ่านแล้วจะรู้สึกตื้นตันด้วยซ้ำไป แล้วยังได้พูดคุยกับเด็กๆ ว่า อ่านแล้วพวกเขารู้สนุกกับเนื้อหาและภาพการ์ตูน พออ่านจบได้อะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นข้อคิด ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์ การดูแลปรนนิบัติของพระอานนท์ หรือตัวพระเจ้าอโศก เคยเป็นนักรบพิฆาตคนเยอะมาก แล้วในที่สุดก็มาตั้งใจกระทำความดี ตรงนี้แพรคิดว่าเด็กจะได้นำมาปฏิบัติ และอยากจะบอกว่า นี่เป็นแค่ขั้นต้นในการให้คนหันมาสนใจมาทำความดี และสนใจในเรื่องสัจธรรมของชีวิต ที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรจีรัง” น.ส.ระริน กล่าว


คมชัดลึก

 

โมทนา สาธุ