เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) หมู่ที่ ๕ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อร่วมงานสมโภชอุโบสถวัดเขาวง ตามที่พระเดชพระคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. (เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย) ได้ถวายฎีกานิมนต์เอาไว้ ไปถึงทันเวลาบวงสรวงช่วงเช้าพอดี

    หลังจากนั้นแล้วเป็นการแสดงโขนจากกรมศิลปากร โดยที่คณะโขนของกรมศิลปากรนั้น ได้จัดแสดงในชุดพระรามรบทศกัณฐ์ แล้วถ้าเป็นไปตามวรรณคดี ก็จะมีท้าวมาลีวราชลงมาเป็นผู้ตัดสินความ แต่งานนี้กำหนดให้ท้าวสักกเทวราช คือท่านปู่พระอินทร์ เป็นผู้ตัดสินความแทน

    ทันทีที่กระบวนยักษ์ออกมา กระผม/อาตมภาพก็เรียนถวายท่านเจ้าคุณหลวงตาว่า ถ้าเป็นไปตามวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอนนี้ผิดอย่างสาหัส เนื่องเพราะว่าบรรดาแม่ทัพยักษ์ทั้งหลายที่มานั้น ไม่มีทางที่จะออกมาพร้อม ๆ กันได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว ทศกัณฐ์ก็ส่งไปให้รบกับพระรามแล้วก็ตายไปทีละตนสองตน เนื่องเพราะว่าแม่ทัพยักษ์ที่ออกมานั้น มีทั้งท้าวสัทธาสูร ไมยราพ อินทรชิต แสงอาทิตย์ เหล่านี้เป็นต้น

    หลังจากที่บรรดาขุนพลยักษ์ต่าง ๆ ออกมาแสดงพหลพลโยธาแล้ว ก็เป็นฝ่ายของกองทัพลิง ซึ่งเป็นไปถูกต้องตามวรรณคดีระบุเอาไว้ เพราะว่าบรรดาขุนลิงต่าง ๆ นั้น ออกรบพร้อมกับพระรามเป็นปกติ เพียงแต่ว่าต้องแยกให้ออก เนื่องจากว่าบรรดาลิง ๑๘ มงกุฎนั้น ส่วนใหญ่ก็คือเป็นหัวโขนทรงเตี้ย แต่ถ้าหากว่าเป็นลิงระดับเจ้าเมือง อย่างเช่นว่า พญาพาลี หรือว่าพญาสุครีพ ก็จะมีมงกุฎ ถ้าเป็นพญาสุครีพกายก็จะเป็นสีแดง ถ้าเป็นพญาพาลีก็มีกายสีเขียว หรือถ้าหากว่าเป็นพญาลิงเจ้าเมือง อย่างเช่นพญาชามพูวราช หรือว่าถ้าเป็นพญาชมพูพาน
    ก็จะเป็นมงกุฎหางไหล

    ส่วนลิงอื่น ๆ นั้น จะมีที่ดูง่ายอยู่ก็คือ ถ้าเป็นองคตก็จะเป็นลิงหน้าแพะ จะมีส่วนใบหน้าที่ยื่นออกมามากกว่าลิงปกติหน่อยหนึ่ง เหล่านี้เป็นต้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องกลายเป็นผู้บรรยยายขยายความให้กับท่านเจ้าคุณหลวงตาว่า ตัวไหนเป็นตัวไหน แล้วในขณะเดียวกัน เมื่อกองทัพทั้งสองยกกันมาปะทะกัน ก็จะเห็นว่าเป็นไปตามวรรณคดี คือบรรดาแม่ทัพยักษ์ต่าง ๆ ที่ได้ตายลงไปตามลำดับนั้น ไม่ได้ออกมาด้วย หากแต่ว่าเป็นทศกัณฐ์กับบรรดาพลยักษ์เท่านั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    แล้วก็มีเรื่องให้เฮฮากัน เนื่องเพราะว่าผู้ขับเสภานั้น กล่าวถึงว่าทั้งสองกองทัพล้วนแล้วแต่มาจากกรมศิลปากรด้วยกัน มาห้ำหั่นฆ่าฟันกันทำไม ? ในเมื่อมาถึงวัดเขาวงแห่งนี้แล้ว ก็มาทำบุญกับท่านเจ้าคุณหลวงตาดีกว่า แล้วแถมทศกัณฐ์ก็ยังบอกว่าไม่ได้พกเสบียงมา ดังนั้น..จึงขออาหารเที่ยงจากท่านเจ้าคุณหลวงตาหนึ่งมื้อ แถมขอวัตถุมงคลอีกต่างหาก..! ทำให้กลายเป็นที่เฮฮาสนุกสนานกันโดยถ้วนหน้า

    แต่ว่าในเรื่องของวรรณคดีไทยนั้น จะต้องกล่าวกันเอาไว้ให้ชัดเจนว่า ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ศึกษาให้ละเอียด บางทีเราก็อาจจะไม่เข้าใจ เนื่องเพราะว่าเรื่องของโขนนั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของศิลปะชั้นสูง ซึ่งคนทั่ว ๆ ไป โอกาสที่จะได้ดูนั้นน้อยมาก โดยเฉพาะระดับโขนศิลปากรซึ่งครูบาอาจารย์แต่ละท่านที่ออกมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดนักการแสดงอยู่ในตัว นอกจากจะต้องแสดงเองแล้ว ยังต้องถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง ๆ ต่อไปอีกด้วย

    โดยเฉพาะบรรดาพญาวานร ๑๘ มงกุฎ ท่านทั้งหลายแค่จำชื่อก็ปวดหัวแล้ว เพียงแต่ถ้าได้เคยท่องจำมา ก็จะมีรายชื่อเรียงรายกันไป อย่างเช่นว่า

    นิลเอกนิลนนท์ชมพูพาน

    สุรเสนสุรกานต์ทหารใหญ่

    ทั้งชามพูวราชฤทธิไกร

    อายุสม์ได้โกฏิปีปลาย
    เหล่านี้เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่เราควรที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

    สรุปว่าโขนตอนพระรามรบทศกัณฐ์ ที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) นั้น มีท้าวสักกเทวราช คือพระอินทร์เสด็จมาห้ามทัพ แล้วทั้งหมดก็ร่วมกันกินอาหารกลางวันด้วยกันที่วัดเขาวง ด้วยความสมัครสมานสามัคคี แถมยังรับวัตถุมงคลกลับไปเป็นที่ชื่นมื่นถ้วนหน้ากัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ญาติโยมทั้งหลายได้ดูของดี ซึ่งการที่จะยกขบวนมายิ่งใหญ่ขนาดนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะได้ดูง่าย ๆ ซื้อตั๋วเข้าไป ๓๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ก็ไม่ได้ดูใกล้ชิดขนาดนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรจะกราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง ที่คณะศิษย์นำมาโขนชุดนี้มาแสดง ในงานสมโภชอุโบสถวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

    กระผม/อาตมภาพเอง หลังจากฉันเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งคุยกับพระพี่พระน้องที่มาในงานหลายต่อหลายท่านด้วยกัน กราบทักทายกันด้วยความคิดถึง เนื่องจากว่าหน้าที่การงานรัดตัวมากขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่ก็จะไปเจอกันตามงานแบบนี้ โอกาสที่จะไปมาหาสู่กันตามวัด ก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ แม้กระทั่งบรรดาเจ้าคณะปกครองต่าง ๆ มาเจอหน้ากันก็ยังได้คุยกันอย่างชื่นอกชื่นใจในงานนี้เอง

    โดยเฉพาะท่านเจ้าคุณริด - พระเทพปัญญาภรณ์ (ริด ริตเวที ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า ท่านเป็นกรรมการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ของหนเหนือ ซึ่งโอกาสที่จะได้เจอหน้ากันก็เฉพาะตอนประชุมเท่านั้น เมื่อมาเจอกันแบบนี้ จึงคุยกันเสียเนิ่นนาน อีกท่านหนึ่งก็คือพระครูวิมลธรรมานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอวิหารแดง เจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม จังหวัดสระบุรี ท่านก็เป็นกรรมการโครงการหมู่บ้านศีล ๕ หนกลางมาด้วยกัน

    เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่มานิมนต์ให้เข้าไปสู่อุโบสถ ครั้นพิธีกรรมต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพสวดมาติกา พิจารณาผ้าไตรบังสุกุลพระราชทานแล้ว จึงขอตัวเดินทางกลับเลย พอพ้นวัดเขาวงออกมา ก็เจอฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ยังคิดอยู่ว่าพระเถระอีกสองชุดที่จะต้องเข้าไปพิจารณาผ้าไตรภายในอุโบสถนั้น ตอนเดินเข้าเดินออกจะทำอย่างไร ? แต่เมื่อพ้นออกมาได้ไม่ไกล ยังไม่ทันจะถึงเขตอำเภอดอนพุด ฝนด้านนี้ก็หยุดสนิทเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นที่สบายใจได้ว่า ทางด้านวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ฝนก็น่าจะหยุดลงด้วยเช่นเดียวกัน

    ความจริงวันนี้ กระผม/อาตมภาพจะขอรับไทยธรรมแล้วกลับเลย เนื่องเพราะว่าไม่ได้นำเอาพัดยศไปด้วย คราวนี้ด้วยความอนุเคราะห์ของพระครูปลัดเอ๊ด (พระครูปลัดนิพพาน โชติธมฺโม) เลขานุการของท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย ที่อุตส่าห์ติดต่อพรรคพวกเพื่อนฝูงในจังหวัดสระบุรี ให้หาพัดมาให้ ซึ่งตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่น่าจะมี เนื่องเพราะว่าพัดยศฝ่ายวิปัสสนาธุระ หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าพัดขาวนั้น ค่อนข้างจะมีน้อย

    อย่างจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งจังหวัดก็มีของกระผม/อาตมภาพอยู่เล่มเดียว แล้วยังเป็นเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอกเสียด้วย แต่ปรากฏว่าพระครูปลัดเอ๊ดสามารถหามาได้ ต้องบอกว่าประสิทธิภาพในการทำงานสูงจริง ๆ จึงทำให้สามารถที่จะอยู่ร่วมงานได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วจึงขอลาพระพี่พระน้องทั้งหลายกลับมาก่อน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    โดยที่หลายท่านก็เดินทางมาไกลกว่ากระผม/อาตมภาพอีก แต่เนื่องจากว่าเป็นหลวงปู่หลวงตา ไม่มีพัดยศประจำตำแหน่งบ้าง ไม่ได้เอาพัดยศมา แล้วหาทดแทนไม่ได้บ้าง กลายเป็นต้องรออยู่ในชุดสุดท้าย กระผม/อาตมภาพแซงหน้ารุ่นพี่รุ่นพ่อไป แล้วก็เดินทางกลับ แต่เนื่องจากว่ากว่าจะถึงที่พักก็นานหลายชั่วโมง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในระหว่างเดินทางนี้ก่อน

    การเดินทางแต่ละครั้งนั้น กระผม/อาตมภาพจะฉวยโอกาสภาวนาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะไม่ไว้วางใจว่าชีวิตนี้จะปลอดภัยหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยมทั้งหลาย ถ้าหากจะเลียนแบบ สามารถที่จะทำตามได้เลย โดยไม่ต้องเกรงใจ

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำจนชินเมื่อไร ขึ้นรถก็จะภาวนาเองโดยอัตโนมัติ ถ้ากำลังใจดี ๆ นอกจากตัวเองปลอดภัยแล้ว ยังสามารถนำพาเพื่อนร่วมเดินทางให้ปลอดภัยได้ทุกคนอีกด้วย

    ถ้าหากว่ากำลังใจไม่ได้ อย่างน้อยตัวเราปลอดภัย ไม่เป็นภาระกับใคร ก็ยังสามารถที่จะแบ่งเบากำลังของคนอื่น ไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเรา เนื่องเพราะว่าเรารักษาตัวเองได้ คนอื่นก็จะได้ช่วยผู้อื่นให้ได้มากขึ้นต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...