เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพพร้อมด้วยตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี นำญาติโยมทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ในขณะเดียวกันก็ได้ทำการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไปด้วย

    วัตถุมงคลในวันนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรูปเปรียบองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน แกะจากหินลาปิสลาซูรี ซึ่งจะว่าไปแล้ว พระพุทธรูปองค์ที่แกะจากหินลาปิสลาซูรีนี้ ทางด้านคณะของคุณรัตน์ เพื่อนรักษ์ จังหวัดภูเก็ต ตั้งใจที่จะแกะถวายให้กับวัดท่าขนุน โดยขอให้กระผม/อาตมภาพบอกไปเท่านั้นว่าจะเอาแบบไหน แต่กระผม/อาตมภาพปฏิเสธไป เพราะว่าไม่มีที่ตั้งอันเหมาะสมสำหรับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพถือสาเป็นที่สุด เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพ่อใหญ่ของพวกเรา ความรักความเคารพในองค์ท่านนั้นมีมากเท่าไร กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะพูดออกมาเป็นภาษาคนได้ แต่อยากจะบอกว่า ถ้ามีรูปของท่านแล้ววางไว้ในที่ไม่เหมาะสม ก็จะรู้สึกไม่สบายใจ

    ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายไปยังวัดท่าขนุน จะเห็นว่าไม่มีพระพุทธรูปเกะกะไปหมดเหมือนกับวัดอื่น ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พระพุทธรูปแต่ละองค์นั้น ต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสมต่อการกราบไหว้ ต่อการบูชา โดยที่กระผม/อาตมภาพถือหลักว่า พ่อของเรา..ถ้าเราไม่เคารพ แล้วจะให้ใครมาเคารพ ?

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้ปฏิเสธคณะเจ้าภาพ คือคุณรัตน์ เพื่อนรักษ์ จากจังหวัดภูเก็ต ว่าไม่ขอรับพระพุทธรูปองค์นี้ เพราะว่าไม่มีที่ตั้งอันสมควร แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทางคุณรัตน์และคณะไปติดต่อกับทางพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. แบบไหน ถึงได้แกะสลักออกมาเป็นรูปสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน แต่ก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ที่จะนำมาเป็นองค์ประธานในพิธีภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบในครั้งนี้

    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพพร้อมด้วยตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี นำญาติโยมทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ในขณะเดียวกันก็ได้ทำการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไปด้วย

    วัตถุมงคลในวันนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรูปเปรียบองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน แกะจากหินลาปิสลาซูรี ซึ่งจะว่าไปแล้ว พระพุทธรูปองค์ที่แกะจากหินลาปิสลาซูรีนี้ ทางด้านคณะของคุณรัตน์ เพื่อนรักษ์ จังหวัดภูเก็ต ตั้งใจที่จะแกะถวายให้กับวัดท่าขนุน โดยขอให้กระผม/อาตมภาพบอกไปเท่านั้นว่าจะเอาแบบไหน แต่กระผม/อาตมภาพปฏิเสธไป เพราะว่าไม่มีที่ตั้งอันเหมาะสมสำหรับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพถือสาเป็นที่สุด เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพ่อใหญ่ของพวกเรา ความรักความเคารพในองค์ท่านนั้นมีมากเท่าไร กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะพูดออกมาเป็นภาษาคนได้ แต่อยากจะบอกว่า ถ้ามีรูปของท่านแล้ววางไว้ในที่ไม่เหมาะสม ก็จะรู้สึกไม่สบายใจ

    ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายไปยังวัดท่าขนุน จะเห็นว่าไม่มีพระพุทธรูปเกะกะไปหมดเหมือนกับวัดอื่น ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พระพุทธรูปแต่ละองค์นั้น ต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสมต่อการกราบไหว้ ต่อการบูชา โดยที่กระผม/อาตมภาพถือหลักว่า พ่อของเรา..ถ้าเราไม่เคารพ แล้วจะให้ใครมาเคารพ ?


    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้ปฏิเสธคณะเจ้าภาพ คือคุณรัตน์ เพื่อนรักษ์ จากจังหวัดภูเก็ต ว่าไม่ขอรับพระพุทธรูปองค์นี้ เพราะว่าไม่มีที่ตั้งอันสมควร แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทางคุณรัตน์และคณะไปติดต่อกับทางพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. แบบไหน ถึงได้แกะสลักออกมาเป็นรูปสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน แต่ก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ที่จะนำมาเป็นองค์ประธานในพิธีภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบในครั้งนี้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับศรัทธาเลื่อมใสยังไม่พอ ยังต้องขึ้นอยู่กับความขยันและสม่ำเสมอของเราอีกด้วย ถ้าหากว่าเราไม่ขยันภาวนาเอาไว้อย่างสม่ำเสมอแล้ว จะไปหวังให้เกิดผล ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้านนั้น เป็นพระคาถาที่ต้องการความเชื่อมั่นและเลื่อมใสอย่างสูงสุด ไม่เช่นนั้นแล้ว โอกาสที่เราจะทุ่มเท กาย วาจา ใจ ในการภาวนาอย่างจริงจังสม่ำเสมอนั้น ย่อมเป็นไปได้ยาก ในเมื่อไม่มีความจริงจังสม่ำเสมอ แล้วจะให้พระคาถาเกิดผล จึงมีโอกาสที่เป็นไปได้น้อยมาก

    แต่ก็ยังดีใจที่ญาติโยมทั้งหลายมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะสถานที่จอดรถเกือบจะไม่เหลือเลย เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้รอจนกระทั่งทางวัดท่าขนุนหรือว่าทางวัดอุทยานจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน แล้วค่อยไปนั่งภาวนากันครั้งหนึ่งเกือบ ๒ ชั่วโมง แต่ว่าวันอื่น ๆ ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ขาดความสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่พระคาถาจะเกิดผลย่อมเป็นไปไม่ได้

    นอกจากนั้นแล้วพระคาถาเงินล้านยังต้องการการทำทานอย่างสม่ำเสมอด้วย ก็คือต้องมีการสละออก ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับเราเปิดน้ำในเขื่อนให้ไหลออก น้ำใหม่ถึงจะไหลเข้ามาทดแทนได้ ไม่เช่นนั้นแล้วน้ำเก่าเต็มอยู่ ค้ำอยู่ น้ำใหม่ย่อมไม่สามารถที่จะหมุนเวียนไหลเข้ามาเพิ่มเติมได้

    ดังนั้น..ในส่วนของการใช้พระคาถาเงินล้านให้เกิดผลนั้น สิ่งสำคัญก็คือต้องมีการให้ทานอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นไปในส่วนของจาคานุสติหรือว่าทานบารมีแล้ว
    จะเป็นวันละเล็กวันละน้อยเท่าไรก็ได้ เมื่อเราทำต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เมื่อผลของทานเริ่มส่งผลดีให้ ผลของพระคาถาเงินล้านก็จะส่งผลให้มากขึ้นตามไปด้วย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ในเรื่องของพระคาถาต่าง ๆ นั้นเป็นบาท คือพื้นฐานของการฝึกอภิญญา ท่านใดที่ทำพระคาถาบทใดบทหนึ่งขึ้นแล้ว ขอให้จดจำไว้ว่าเราวางกำลังใจแบบใด ถ้าสามารถจดจำได้ วางกำลังใจได้ถูก พระคาถาทุกบทก็จะให้ผลได้เช่นเดียวกัน

    ดังนั้น..ในส่วนของการฝึกหัดอภิญญา ซึ่งเป็นลำดับที่สูงกว่านั้น ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง หนักแน่น จากการฝึกพระคาถามาก่อน ทำให้สามารถฝึกอภิญญาสมาบัติได้ง่ายขึ้น เพราะว่าคุ้นชินกับการภาวนามาแล้ว

    เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าทำตัวเป็นคนขี้สงสัย สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร ? สิ่งนี้คืออะไร ? นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับว่าท่านทำได้หรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นแล้วท่านมัวแต่ไปสงสัยอยู่ แบบเดียวกับนักวิชาการบางท่านที่สงสัยว่า อารมณ์ใจในลักษณะแบบนี้ ตรงกับการปฏิบัติตรงไหน ? หรือว่าจุดไหน ? แล้วก็เที่ยวไปค้นคว้า โดยที่ไม่ยอมปฏิบัติเอง โอกาสที่จะรับรู้อย่างแท้จริงก็ไม่มี

    เหมือนอย่างกับว่ามีอาหารสำเร็จรูปอยู่ตรงหน้า ใส่จานเตรียมไว้แล้ว เรามีหน้าที่แค่ตักใส่ปากเท่านั้น แต่เรามัวแต่ไปวิจัยค้นคว้าว่าอาหารจานนั้นมีส่วนประกอบอะไร ? มีวิธีทำอย่างไร ? แต่ละขั้นตอนเรียกว่าอะไร ? แบบนั้นแล้วเมื่อไรท่านถึงจะมีโอกาสได้กินอาหารนั้นให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง

    ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะตระหนักว่า การที่เราลงมือปฏิบัติ ถ้าหากว่าทำอย่างจริงจังสม่ำเสมอแล้ว แทบจะได้รับคำตอบในสิ่งที่สงสัยเกือบทั้งหมด ยกเว้นแค่ในส่วนของการยกอารมณ์ขึ้นสู่ความเป็นพระอริยเจ้า ซึ่งจะต้องมีครูบาอาจารย์คอยแนะนำ คอยบอกกล่าวอย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นแล้วโอกาสที่จะทำได้ตรง ได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด ก็มีโอกาสน้อยลง อาจจะต้องเสียเวลาไปมากมายหลายปีก็เป็นได้

    ปัญหาต่าง ๆ ในการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าท่านทั้งหลายทุ่มเทเวลาให้กับการภาวนาอย่างแท้จริง ไม่เสียเวลาไปสงสัยสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น เราย่อมได้รับคำตอบไปในตัว ถึงเวลาทำไปถึงก็จะรู้เองว่า อารมณ์ใจนี้คืออะไรอย่างที่ตำราได้กล่าวถึงเอาไว้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เอาแค่การภาวนาแล้วเข้าถึงระดับของสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นวิตก การคิดนึกตรึกอยู่ว่าจะภาวนา วิจาร กำหนดรู้อยู่ว่าตอนนี้ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น เราใช้คำภาวนาว่าอย่างไร ปีติ มีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะอย่างใดอย่างหนึ่งก็คือ ขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง บางทีก็ดิ้นตึงตังโครมคราม หรือว่าลอยขึ้นไปทั้งตัวก็มี หรือมีความสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่สามารถจะบอกกล่าวเป็นภาษามนุษย์ออกมาได้ จนกระทั่งอารมณ์ใจตั้งมั่น เข้าสู่สมาธิระดับนั้นอย่างแท้จริง

    ท่านมีหน้าที่แค่ทำ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะค่อย ๆ เกิดขึ้นเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษาว่า ตอนนี้อยู่ในจิตดวงที่เท่าไร ? อยู่ในภวังคจิตแบบไหน ? จิตในลักษณะไหนจึงเป็นโลกียะ ? จิตในลักษณะไหนจึงเป็นโลกุตระ ?

    ในลักษณะอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพขอใช้ภาษิตจีนที่ว่า "ถอดกางเกงผายลม" ก็คือว่าจะตดทั้งที ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสียเวลาไปถอดกางเกง เราก็มีหน้าที่แค่ตดไปเท่านั้นเอง..! เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายไปทำอาการถอดกางเกงผายลม ตามที่สำนวนจีนเขาว่าเอาไว้ ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติไปโดยใช่เหตุ

    การที่มัวแต่ไปเสาะหาอยู่ว่า สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร ? สิ่งนี้เรียกว่าอะไร ? นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเรา นั่นเป็นหน้าที่ของบุคคลที่เป็นครู ก็คือปฏิบัติเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ท่านจะต้องนำไปสอนคนอื่นเขา จึงต้องรู้ให้ละเอียดว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นว่า จะเข้าถึงได้แบบไหน ? อยู่ในภวังคจิตแบบไหน ? อยู่ในจิตดวงที่เท่าไร ? มีชื่อเรียกว่าอะไร ? แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้ไปบอกกล่าวเขาให้ละเอียดถึงระดับนั้น แค่บอกว่าควรที่จะทำอย่างไรเท่านั้นเอง

    ถ้าหากว่าเราไม่ฉลาดจนเกินไป เราก็จะสามารถเข้าถึงมรรคถึงผลได้ง่าย หรือว่าทรงสมาธิสมาบัติได้ง่าย แต่ถ้าเราฉลาดจนเกินไปดังตัวอย่างที่กระผม/อาตมภาพได้กล่าวมา เราทั้งหลายก็จะเสียเวลาไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า บางทีเราตายไปก่อนยังไม่มีโอกาสเข้าถึงความดีก็มี..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...