เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๘ พรรษาในวันนี้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม บ้านมาบฟักทอง ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล และหล่อพระปางเปิดโลกให้กับพระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล เมื่อไปถึงปรากฏว่าทางพระครูโก้ หรือพระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำการบวงสรวงขออนุญาตหล่อพระ และจัดพิธีกรรมพุทธาภิเษก

หลังจากนั้นก็ไปทำการจุดเทียนชัยและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล โดยมีตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งเป็นรุ่นพี่หรือว่ารุ่นพ่อที่บวชจากโบสถ์วัดท่าซุงมาด้วยกัน ปัจจุบันนี้ถือว่าท่านเป็นพระสายวัดท่าซุงที่อาวุโสพรรษามากที่สุด ท่านก็ได้มาร่วมพิธี โดยที่เดินทางมาค้างหนึ่งคืนแล้ว

ในพิธีนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะว่าวัตถุมงคลที่สร้างนั้นแทบจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าทั้งหมด การเสกรูปพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าการ "เสกพระเป็นพระ" นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้ามีวัตถุมงคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รูปพระอยู่ในพิธีด้วย บางทีก็ต้องนั่งกันนานเป็นชั่วโมง ๆ กว่าที่ท่านทั้งหลายซึ่งได้รับการอัญเชิญหรือว่าอาราธนามา จะทำพิธีกรรมนั้นเสร็จเรียบร้อยลง

เพียงแต่ว่าในพิธีนี้ พระท่านได้เตือนอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรกก็คือ ขอให้พระครูโก้ไปศึกษาดูว่าพระพุทธรูปอะไรบ้างที่จะสร้างแล้วต้องทำหนังสือขออนุญาต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าถ้าพลาดเมื่อไรแปลว่าทำผิดกฎหมายทันที..!

เรื่องที่สองก็คือบุคคลที่เข้ามาในวัด แล้วมาอยู่ในลักษณะของการเป็นต้นเหตุในการทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านให้รีบระงับเรื่องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้วัดร้อนไปอีกนาน โดยเฉพาะมีบางท่านที่มา ไม่ได้มีเจตนาดี แฝงตัวเข้ามาในลักษณะค่อย ๆ บ่อนทำลายก็มี ไม่ว่าที่ไหนก็มีบุคคลประเภทนี้ทั้งนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทางท่านพระครูโก้ต้องไปบริหารจัดการกันเอาเอง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านเป็นเจ้าสำนัก เป็นผู้มีอำนาจเต็ม จะดำเนินการอย่างไรก็ต้องแล้วแต่ท่านจะพิจารณา กระผม/อาตมภาพก็มีหน้าที่แค่บอกกล่าวตามที่พระท่านแจ้งมาเท่านั้น

 

หลังจากเสร็จจากการปลุกเสกวัตถุมงคลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกมาหล่อพระปางเปิดโลกให้กับทางพระครูโก้ ปรากฏว่าขณะที่กำลังเททองอยู่ พระเดชพระคุณเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ได้เดินทางมาถึง จึงได้อธิษฐานจิตหล่อพระร่วมกัน แล้วกระผม/อาตมภาพก็รับไทยธรรมและขอตัวเดินทางกลับ

เหตุเพราะว่าอาทิตย์นี้ยังเป็นอาทิตย์เทศกาลเช็งเม้งอยู่ ซึ่งถ้าออกช้าเมื่อไรก็จะเจอรถติดมหาวินาศเมื่อนั้น ไม่ว่าจะเส้นทางไปสระบุรีของท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย หรือว่าเส้นทางชลบุรีก็ตาม เพราะว่าทั้งสองแห่งนี้เป็นสถานที่มีมงคลภูมิ หรือที่เรียกภาษาจีนว่าฮวงจุ้ย ถ้าเป็นจีนกลางจะเรียกว่าเฟิงสุ่ย เป็นสถานที่ที่ดี ซึ่งตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว เชื่อว่าถ้าฝังบรรพบุรุษเอาไว้ในสถานที่เหล่านี้ บรรดาลูกหลานทั้งหลายก็จะมีความเจริญรุ่งเรือง

คราวนี้คนไทยของเรานั้นเกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์มีเชื้อสายจีนอยู่ในตนเอง ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนไทยมากี่รุ่นแล้วก็ตาม ไล่ขึ้นไปเมื่อไร ก็จะมีอากง อาม่าเมื่อนั้น บรรดาคนรุ่นเก่า ๆ ได้ฝังบรรพบุรุษเอาไว้ โดยเฉพาะสถานที่คือจังหวัดชลบุรีและสระบุรีที่มีความเหมาะสม เป็นชัยภูมิที่ดีเป็นอย่างยิ่งตามหลักวิชาฮวงจุ้ย ลูกหลานทั้งหลายก็ต้องไปกราบไปไหว้แสดงความกตัญญู แต่ละปีล้วนแล้วแต่ทำให้รถติดแสนสาหัสทั้งสิ้น กระผม/อาตมภาพพอหลุดออกจากชลบุรีมาได้ก็หายใจโล่งอก แม้ว่ารถราจะค่อนข้างมาก แต่ก็ยังพอที่จะเอาตัวรอดได้

เมื่อกลับถึงที่พักแล้ว ก็ได้เข้าไปตรวจการในเว็บวัดท่าขนุนและทำการ "แบน" บุคคลไปหลายยูสเซอร์ ก็คือประเภทจองแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ประเภทที่ว่าข้าวของหมดไปตั้งหลายชาติแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เข้ามาจอง

อีกประเภทหนึ่งก็คือเข้าไปจองผิดกระทู้ อย่างเช่นว่าจองในกระทู้ยืนยันตัวตน จึงมีผู้โชคดีถูกรางวัลใหญ่ไป ๕ รายด้วยกัน อีกรายหนึ่งแคล้วคลาดไปอย่างหวุดหวิด น่าจะรู้ตัว..รีบลบข้อความทิ้งเสียก่อน..!

 

อีกส่วนหนึ่งก็ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับท่านพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าญาติโยมทั้งหลายที่หน้ามืดตามัว ไม่ได้สนใจเลยว่ากระผม/อาตมภาพพูดว่าอะไร เมื่อบอกว่าออกพระสมเด็จคำข้าววัดท่าขนุน พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่ เพื่อนำไปทอดกฐินปลดหนี้ให้กับทางวัดโพธิ์ผักไห่ ญาติโยมทั้งหลายก็แห่กันไปยังวัดโพธิ์ผักไห่ เพื่อขอบูชาพระสมเด็จคำข้าววัดท่าขนุน คิดว่าที่นั่นน่าจะมีอยู่ ซึ่งก็หาได้มีไม่ อย่างที่ท่านทั้งหลาย "ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด"

อีกส่วนหนึ่งก็คือญาติโยมที่ไม่ทราบว่านำข่าวมาจากไหนว่า กระผม/อาตมภาพสร้างพระสมเด็จคำข้าวพิมพ์ละ ๑๐๐,๐๐๐ องค์ รออย่างใจจดใจจ่อ ถึงขนาดโทรศัพท์มาทวงว่าจะออกอีก ๙๐,๐๐๐ องค์เมื่อไร จะได้เตรียมรอจองกัน..!

กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล..!" ทำไมพวกเราถึงกลายเป็นบุคคลประเภทนี้ ฟังเรื่องดี ๆ ก็เอาแต่เข้าข้างตัวเองว่าจะต้องมีส่วนของตัวเองอย่างแน่นอน จึงทำให้กลายเป็นว่าไปไล่ตามในสถานที่โน้นบ้าง สถานที่นี้บ้าง คิดว่ายังมีเหลือบ้าง ส่วนกระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่นั่งเซ็งในอารมณ์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะแก้ไขได้อย่างไร !?

แต่ขอยืนยันกับญาติโยมทั้งหลายว่า วัดท่าขนุนจะสร้างวัตถุมงคลก็ต่อเมื่อพระ หรือว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่งเท่านั้น และสั่งในจำนวนเท่าไรก็ทำเท่านั้น

ในส่วนหนึ่งเคยขอให้ทางวัดสี่แยกเจริญพรช่วยสร้างให้ เพราะว่าทางด้านพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพรนั้น ท่านติดตามงานดีมาก แต่ว่าทำไปทำมา เผลอเมื่อไร พระครูเทพก็ทำเกินจากจำนวนที่ตกลงกันไว้ คือเห็นว่าเนื้อไหนดี พิมพ์ไหนดี ก็สั่งเพิ่มขึ้นมาเพื่อถวายหลวงพ่อ

 

ตรงจุดนี้จะทำให้กระผม/อาตมภาพโดน "ตื้บ" โดยใช่เหตุ เพราะว่าเรื่องของพระหรือว่าครูบาอาจารย์ ท่านสั่งเท่าไรก็ต้องเท่านั้น ไม่ใช่นึกว่าดีก็ทำเพิ่มขึ้นมา จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่าทำไมวัตถุมงคลที่พระครูเทพท่านสร้างนั้น จึงไม่สามารถที่จะออกได้รวดเดียวหมด เหมือนกับที่ทางวัดท่าขนุนสร้างกันเอง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า กระผม/อาตมภาพนั้นทำเฉพาะที่พระท่านสั่ง หรือว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ถ้าหากว่าท่านสั่งเมื่อไรแปลว่าของนั้นจะต้องหมดอย่างแน่นอน จึงทำให้ท่านทั้งหลายที่มาช้าอาจจะต้องผิดหวังมาก

มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ถือว่าเป็นส่วนที่ทำเกิน แต่ว่าอย่างไรเสียก็จะต้องเกิน ก็คือในส่วนของพระที่สร้างเพื่อลองพิมพ์ ทดสอบดูว่าแม่พิมพ์นั้นสวยถูกใจพวกเราหรือยัง ? ทางโรงงานก็จำเป็นที่จะต้องปั๊มออกมาเป็นตัวอย่างครั้งละไม่กี่สิบองค์ ซึ่งบรรดาชุดลองพิมพ์ก็ดี ชุดปฐมฤกษ์ก็ตาม ถือว่าเป็นชุดพิเศษ โดยเฉพาะชุดปฐมฤกษ์หรือว่าชุดนำฤกษ์นั้น ส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะจำหน่ายกันในราคาแพง ๆ

แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นโดนลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) "ดราม่า" เป็นการใหญ่ เพราะว่าตนเองพลาดไป ไม่ได้พระสมเด็จคำข้าวแม้แต่องค์เดียว กระผม/อาตมภาพจึงได้รับปากว่า "เดี๋ยวจารเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะยกส่วนที่เหลือซึ่งเป็นพระลองพิมพ์ก็ดี พระนำฤกษ์ก็ตาม ให้กับทางลูกกิฟท์เอาไปดำเนินการเอง จะเอาไว้ติดตัวกี่องค์ จะจำหน่ายกี่องค์ก็แล้วแต่หนูเลย"

ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะ "มุโขโลกนะ" ก็คือลำเอียงเพราะรัก แต่ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่า จากเด็กเกเรคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหลวงตาสั่งสอนอะไร ก็เพียรพยายามทำตาม จนกระทั่งตอนนี้กลายเป็นคนดี ทำมาหากินอย่างสุจริต กลายเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ท่านทั้งหลายก็คงจะอดรักไม่ได้ เหมือนที่กระผม/อาตมภาพเป็นอยู่นี้เช่นกัน

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)