เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเข้าร่วมการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ คราวนี้ในส่วนที่ผู้บังคับบัญชาท่านกังวลก็คือ ช่วงนี้มีแก๊งที่ใช้ผู้หญิงหากินกับพระสงฆ์สามเณรของเรา โดยเฉพาะบุคคลที่เล่นเฟซบุ๊ก เขาจะทักเข้ามาโดยเป็นโปรไฟล์ผู้หญิงหน้าตาสวย แสดงอาการเคารพเลื่อมใสเราอย่างสุด ๆ พอคุยไประยะหนึ่งก็จะถามหาไอดีไลน์ส่วนตัว เมื่อได้ไปแล้วก็ตีสนิท อยู่ในลักษณะที่ถามโน่นถามนี่ด้วยความเป็นห่วงเสมอ

พอท้ายที่สุด ก็จะมีการส่งรูปตนเองที่โป๊เปลือยบ้าง อะไรบ้างมาให้ดู แต่ความจริงไม่ใช่รูปของเจ้าตัว เป็นรูปของคนอื่น แต่ว่าอยู่ในแบบที่ผู้ชายชอบล้วน ๆ เสร็จแล้วก็ขอดูของพระบ้าง ก็มีไอ้พวกสิ้นสติถ่ายรูปตัวเองไปให้เขาดู ทันทีที่เขาเซฟรูปไว้ได้ จากนางฟ้าก็กลายเป็นนางมารทันที ก็คือเรียกร้องเงินทองเท่าโน้นเท่านี้ ถ้าหากว่าไม่ให้ เขาก็เอารูปโป๊เปลือยของพระหรือสามเณรนั้น ส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ของผู้บังคับบัญชา หรือไม่ก็ประจานออกเฟซบุ๊กไปเลย..!

จากที่ได้ข่าวมา เฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างเดียว มีพระสงฆ์โดนไปแล้ว ๗ รูป..! เพราะฉะนั้น..อย่าไปไว้ใจว่าเป็นพระสังฆาธิการระดับสูงแล้ว ระดับเจ้าคณะตำบล ระดับเจ้าอาวาส กิเลสนั้นไม่เข้าใครออกใคร

ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีไลน์แปลกหน้าหรือว่าคนแปลกหน้าทักเฟซบุ๊กเข้ามา ถ้าไม่บล็อกก็ดีดทิ้งไปเลย กระผม/อาตมภาพทำอย่างนั้นเสมอ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้ามาดีดทิ้งหมด ถ้าเป็นเจ้านายเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ก็เรื่องของเจ้านายไม่เกี่ยวกับเรา ก็ใครใช้ให้ท่านเปลี่ยนใหม่ ?!!

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราไม่หวั่นไหวก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร บางทีก็เหมือนกับดูหนังดูละคร ใครคิดว่าตัวเองตบะดีก็ลองดู..! แต่ที่อยากจะแนะนำก็คือ พวกนี้เหมือนกับศึกษาจิตวิทยามาโดยตรง เขารู้ว่าหลอกอย่างไรแล้วเราจะยอมทำตามเขา แล้วทำให้เขาสามารถที่จะบันทึกเอาไว้ได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชากำลังปวดหัวกันมาก เพราะว่าบรรดาพระหรือว่าเณรที่โดนไปก็มักจะไม่กล้าบอก ไม่กล้าพูดให้คนอื่นฟัง เพราะกลัวว่าเขาจะเอารูปไปประจาน ต้องบอกว่ายิ่งกลัวก็ยิ่งโดน..! เพราะว่าเขาไม่แล้วไม่เลิก สมมติว่าครั้งนี้ขอเงินไปได้แล้ว อีกไม่กี่วันมาขออีก ในเมื่ออยู่ในลักษณะนี้ก็กลายเป็นว่า เราหาเงินได้เท่าไรก็ต้องให้เขาจนหมด..!

จากที่ได้ข่าวมา ขนาด ๓๐๐ บาท ๕๐๐ บาท เขาก็เอา..! ขอให้โอนไปเท่านั้น แต่ความจริงถ้าหากว่าเป็นกระผม/อาตมภาพนี่จะดัดหลังให้เข็ด ก็คือขอบัญชีธนาคารเอาไว้แล้วก็แจ้งตำรวจ ถ้ามีบัญชีธนาคารนี่สาวถึงตัวได้แน่นอน..!

 

ต้องบอกว่าโลกเราอยู่ยากขึ้นทุกวัน แล้วคราวนี้ถ้านักบวชของเราขาดความสำรวมอินทรีย์ ปล่อยให้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เตลิดเปิดเปิง ควบคุมไม่อยู่ ก็จะกลายเป็นอย่างนี้ ที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกว่าสมัยนี้อาบัติตามเข้าไปยันในมุ้ง ก็เพราะไอ้โทรศัพท์นี่แหละ..! หลายต่อหลายรายต้องไปอยู่ปริวาสก็เพราะความเผลอสติ เป็นพระใหม่ พอผู้หญิงที่เคยคบหาสมาคมโทรมาก็อดไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องอาบัติในฐานะที่ไปเกี้ยวหญิง..!

เรื่องของโทรศัพท์เขามีเอาไว้สำหรับงานเท่านั้น แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเองใช้โน้ตบุ๊ก ใช้โทรศัพท์ก็ใช้เรื่องงานเท่านั้น เคยมีคุณวิรัช เจ้าหน้าที่ทีโอทีทองผาภูมินี่แหละ มาเปลี่ยนยูเซอร์เนมอินเตอร์เน็ตให้ แกก็ประเภทที่ไม่ค่อยจะมีมารยาท คลิกดูว่ากระผม/อาตมภาพเข้าเว็บไซต์ไหนบ้าง แล้วท้ายที่สุดก็เห็นว่ามีแค่เว็บพลังจิต เว็บวัดท่าขนุน ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔ แล้วก็อีเมล์อีก ๒ แห่งก็คือของ gmail กับของ outlook เขายังมีหน้ามาถามว่า "หลวงพี่เข้าแค่นี้เองหรือ ?" กระผม/อาตมภาพก็ตอบว่า "แล้วมึงจะให้กูเข้าอะไรมากมาย อย่างอื่นกูไม่มีธุระกับมัน..!" คงหวังว่ากระผม/อาตมภาพจะเข้าไปดูหนังโป๊บ้าง..!

เรื่องพวกนี้คนที่เขาชำนาญไอทีเขาสามารถที่จะกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ทั้งหมด พูดง่าย ๆ ว่า "มึงเปิดเมื่อไรก็หาเรื่องเดือดร้อนเอง" หลายต่อหลายคนเขาคิดว่าลบทิ้งแล้ว จบแล้ว ไม่ใช่ครับ ไอ้บรรดาดารานักร้องที่ไปเซฟเรื่องอะไรที่ส่วนตัว ๆ เอาไว้ แล้วหลุดออกไปเป็นวงกว้างก็เพราะอย่างนี้แหละ คิดว่าลบทิ้งแล้วจบ ที่ไหนได้..พอเอาโทรศัพท์ไปให้เขาซ่อมเท่านั้นเอง ข้อมูลมีเท่าไร โดนกู้กลับมาจนหมด..!

จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องสำรวมระวังเอาไว้ให้มาก เทคโนโลยียิ่งก้าวหน้ามากเท่าไร โอกาสที่เราจะต้องอาบัติก็มีมากเท่านั้น แล้วในขณะเดียวกัน คนก็อาศัยเทคโนโลยีในการหลอกลวงเราได้มากเท่านั้น เราจะเห็นบรรดาคนแก่ต่าง ๆ บางทีเงินเก็บทั้งชีวิตไม่มีเหลือเลย ก็เพราะโดนคนพวกนี้หลอกลวงเอา เขาไม่ได้สนใจในเรื่องของศีลของธรรมอะไรทั้งนั้น เอาแต่ผลประโยชน์ที่เขาจะพึงได้ ก็เลยกลายเป็นปัญหา เพราะว่าปัจจุบันนี้เวลาไปแจ้งความ ถึงเขารับแจ้งเอาไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะติดตามเรื่องให้พวกเรา

โดยเฉพาะพวกแก๊งต่าง ๆ บางทีเขาอาศัยเบอร์โทรศัพท์ หรือว่าสายสัญญาณอินเตอร์เน็ทจากบ้านเราก็จริง แต่ตัวอยู่อีกประเทศหนึ่ง สมัยก่อนเราจะได้ยินข่าวว่า มีผู้หญิงไทยโดนชาวแอฟริกันหลอกอยู่เสมอ ประมาณว่าตนเองเป็นเจ้าชายของเผ่านั้น ของประเทศนี้ ต้องการจะโอนเงินเท่านั้นแสนเท่านี้ล้านดอลล่าร์ แต่ไม่สามารถที่จะโอนมาได้ ต้องขอยืมบัญชีของเราก่อน โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิง แต่คราวนี้การโอนต้องมีค่าธรรมเนียมเท่านั้นเท่านี้ ถ้าหากว่าช่วยโอนค่าธรรมเนียมให้เขาก่อน ถึงเวลาโอนมาแล้วเขาจะคืนให้ แล้วจะมีกำไรเท่านั้นเท่านี้ให้ จำไว้ว่า..โลภเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น..!

 

หลายต่อหลายคนโดนหลอกไปเป็นล้าน ๆ บางคนก็โดนหลอกเรื่อง "เงินดำ" ก็คือเงินดอลลาร์ที่ส่งไปเกี่ยวกับงานลับที่เปิดเผยไม่ได้ แต่ว่าเขาใส่อยู่ในกระเป๋าที่มีรหัสพิเศษ ถ้าไม่ใช่คนของเขาที่รู้รหัสไปเปิดเข้า ก็จะฉีดสารเคมีทำให้ธนบัตรดำหมด ใช้งานไม่ได้ ก็จะมีไอ้เจ้าพวกนี้บอกว่ามีน้ำยาเคมีที่ล้างได้ แล้วเขาแสดงให้เราดูด้วย ถ้าต้องการร่วมหุ้นกันจะให้เท่านั้นเปอร์เซ็นต์เท่านี้เปอร์เซ็นต์ เราก็โอนให้เขาไปเรื่อย แต่เงินที่จะได้นั้นไม่เคยเข้ามาสักที..!

กระผม/อาตมภาพเองยังมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ทุกวันนี้เขาก็ยังหวังไอ้พันกว่าล้านดอลลาร์ที่ติดอยู่ที่ฮ่องกงอยู่นั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ด่าเขาไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่าให้ฟังว่า "มึงโดนหลอก" แต่เขาก็ไม่เชื่อ แล้วท้ายที่สุดก็โดนหลอกมากขึ้น ๆ จนทางบ้านต้องตัดหางปล่อยวัด เพราะว่าเงินกองกลางของบริษัทมีเท่าไร โดนเขาเอาไปใช้ตรงนี้จนหมด..!

ส่วนอีกรายหนึ่งหนักกว่านั้นอีก เป็นพระใหม่เพิ่งบวชได้ ๒ พรรษา บอกว่าได้รับการติดต่อมาจากในหลวงรัชกาลที่ ๘ พระองค์ท่านไม่ได้สวรรคตตามประวัติศาสตร์ หากแต่ว่าไปอยู่ที่ประเทศจีน ค้าขายจนมีเงินเป็นแสน ๆ ล้านบาท จะโอนเงินเข้ามาช่วยน้องชายก็คือในหลวงรัชกาลที่ ๙ แต่ว่าโดนทางรัฐบาลบล็อกเอาไว้ ก็เลยต้องขอร้องพวกเราให้ช่วยกันเปิดบัญชี รับโอนคนละเท่านั้นคนละเท่านี้ แล้วจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้

โดยเฉพาะคำเกลี้ยกล่อมของเขาก็คือ "คุณมีบารมีพอที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ และช่วยเหลือสถาบันพระมหากษัตริย์" แล้วพระใหม่นั่นก็เชื่อ โดยเฉพาะตัวเองอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะด้วย ก็โอนเงินของครอบครัวไปให้เขาเสียมากมาย บอกว่าต้องเป็นค่าดำเนินการอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อที่จะให้เงินเข้ามาในเมืองไทยให้ได้ ๑๐ กว่าปีมาแล้วกระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นเงินเข้ามาสักบาทเลย..!

แม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพก็ถูกล็อตโต้มาแล้ว ๒ ครั้ง ครั้งแรก ๓๐๐ ล้านดอลลาร์ ครั้งที่สอง ๒๐๐ ล้านดอลลาร์ เขาจะมีเบอร์โทรศัพท์ มีอีเมล์ มีอะไรให้ติดต่อไป ซึ่งไม่ต้องห่วง ติดต่อไปเมื่อไรก็พวกมันทั้งนั้นแหละ ถ้าหากว่าเราต้องการเงินตรงนี้ ก็ต้องจ่ายภาษีเท่านั้นเท่านี้ ก็คือโอนเงินของเราไปให้เขาก่อน แล้วคุณคิดว่าคุณจะได้ไหม..ไอ้ ๓๐๐ ล้านดอลลาร์นั่น ?

แล้วยังมีอีกนะ..พอกระผม/อาตมภาพดีดทิ้งไปเฉย ๆ อีกไม่นานก็เตือนมาอีกว่า "ระบบของเราแจ้งว่าเงินของท่านยังค้างอยู่ ให้รีบดำเนินการโดยด่วน ก่อนที่จะโดนดึงกลับ" รู้สึกว่าจะน่าเชื่อถือมาก เพราะว่าเอกสารทุกอย่างเป็นหลักเป็นฐานหมด แต่กูไม่เคยเล่นล็อตโต้ แล้วกูถูกได้อย่างไรวะ !?

 

เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่เราต้องควบคุม ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ของเราให้ได้ ถ้าเราควบคุมราคะของเราได้ ต่อให้เขาส่งโปรไฟล์ตามสเปคมาขนาดไหน เราก็จะไม่แยแสสนใจ ถ้าควบคุมโลภะได้ เขาหลอกขนาดไหนก็ไม่สำเร็จหรอก

มีอยู่ลูกไม้หนึ่งที่บรรดาเจ้าอาวาสโดนบ่อย แล้วกระผม/อาตมภาพก็โดน ก็คือโทรมาว่า "ตอนนี้ผมอยู่ห้องไอซียู ที่บ้านมีพวกบรรดาโต๊ะหมู่มุก มีบรรดาเตียง มีบรรดาโซฟา โต๊ะกินข้าว เป็นชุดมุกทั้งหมด ราคาแต่ละชุดหลายแสนถึงเป็นล้านบาท อยากจะถวายหลวงพ่อ แต่ผมอยู่ห้องไอซียู ไม่มีเวลาไปดำเนินการ จะต้องโทรเรียกรถเข้ามาช่วยขนไปให้ เพราะฉะนั้น..รบกวนหลวงพ่อช่วยโอนเงินค่าน้ำมาให้สัก ๘,๐๐๐ บาท แล้วรอรับที่วัดได้เลย"

ไอ้พวกเราก็ไปเห็นแก่ของราคาเป็นแสน ๆ จ่ายเงินแค่ ๘,๐๐๐ บาทได้ของขนาดนั้นก็รีบโอนไป รับประกันได้ว่าแม้แต่ซากอะไรสักนิดก็ไม่ได้เห็น..! กระผม/อาตมภาพเองบอกไปว่า "วัดไหนใกล้ มึงไปถวายวัดนั้นแหละ ไม่ต้องส่งไปถึงนี่หรอก ไกลมาก" ครั้งต่อไปมามุขเดิมอีก ก็เลยถามว่า "มึงอยู่ไอซียูนานขนาดนี้ยังไม่ตายอีกหรือ !?" เขาเลยวางหูไป เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าเราควบคุม รัก โลภ โกรธ หลง ได้ คนที่จะหลอกลวงเราได้ก็จะมีน้อยมาก ยกเว้นว่าเวรกรรมมาถึงจริง ๆ ทำให้บางคนขาดสติ แล้วก็หลงตามคำของเขาไป

จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาส ต้องระมัดระวังเอาไว้ โลกปัจจุบันเป็นโลกของคนกินคน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หลอกลวงได้ก็หลอกลวง ปล้นได้ปล้น จี้ได้จี้ ถ้าเราไม่รู้จักระมัดระวังรักษาตัวเอง ก็จะตกเป็นเหยื่อของเขาไปจนได้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)