เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 กุมภาพันธ์ 2025 at 19:37.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,662
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,642
    ค่าพลัง:
    +26,500
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,662
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,642
    ค่าพลัง:
    +26,500
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ช่วงนี้สัก ๑๐ วัน ครึ่งเดือน ถ้าหากว่ามีใครเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วต้องการไปรบกวนท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์ ให้ช่วยรักษาให้ กรุณาเว้นวรรคไว้ก่อน ก็คือให้ท่านฟื้นไข้เสียก่อน..!

    จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพบางทีหนักกว่าท่านเยอะ แต่ด้วยความที่คุ้นชินกับอาการเจ็บไข้ได้ป่วย
    กำหนดกายกับใจเป็นคนละส่วนกัน โดยถือคติว่าในเมื่อร่างกายไม่ใช่ของเรา ถึงเวลาเราก็บังคับมัน ไม่ใช่ให้มันมาบังคับเรา คราวนี้ด้วยความที่เจ็บป่วยมา ๔๐ กว่าปี ก็ถือว่าซักซ้อมจนชำนาญแล้ว เพราะฉะนั้น..บางคนถ้าไม่สังเกตจริง ๆ จะดูไม่ออกว่ากระผม/อาตมภาพป่วยหนักอยู่..!

    จากการที่ไปสร้างวีรกรรมที่ประเทศลาวกันมา พระอาจารย์บ๊ะท่านก็รับเละไป ท่านต้องเข้าใจนะครับว่ากระผม/อาตมภาพเหมือนรถสิบล้อ ต่อให้วิ่ง ๒ สูบ ๓ สูบ แต่ถ้าให้บรรทุกข้าวสารสัก ๑๐ - ๒๐ กระสอบก็ยังเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นรถกระบะแล้วไปวิ่ง ๓ สูบ คิดจะบรรทุกข้าวสารก็สาหัสหน่อยเป็นธรรมดา..!

    ในส่วนนี้
    กระผม/อาตมภาพจึงระวังอยู่เสมอว่า จะไม่ไปยุ่งกับกรรมส่วนรวมเขา เพราะถ้าคนทั้งประเทศรวมกันแล้วเทลงมา ก็คงจะสาหัส..! แบบเดียวกับหลวงตามหาบัว (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด ที่ท่านไปแบกภารกิจช่วยชาติ นั่นต้องบอกว่าท่านอธิษฐานต่ออายุตัวเอง เพื่อมาทำโครงการช่วยชาติโดยเฉพาะ โครงการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไป..!

    เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ชำนาญในอิทธิบาท ๔ สามารถอธิษฐานร่างกายให้อยู่ได้เป็นกัป ตัวอย่างชัดที่สุดก็หลวงปู่ใหญ่โลกอุดร ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ อยู่มาจนบัดนี้ ถ้าหากว่ารำคาญคนมาก ก็ใช้วิธีตายต่อหน้าต่อตาให้เขาเห็น บางทีก็เผาจนเป็นขี้เถ้าไปเลย หลังจากนั้นคนก็เห็นไปโผล่ที่โน่นที่นี่อีก ทางด้านฝั่งพม่าก็มีหลวงปู่โกวิด๊ะ ถ้าเป็นบ้านเราเรียกว่าโกวิท คราวนี้บาลีตัว ท.ทหาร ออกเสียงเป็น ด.เด็ก ถ้าอ่านแบบไทยก็ โก-วิ-ทะ อ่านแบบบาลีก็ โก-วิ-ด๊ะ ตอนที่กระผม/อาตมภาพข้ามไปท่านอายุ ๙๐๐ กว่า ตอนนี้ก็ต้องบวกเข้าไปอีก ๒๐ กว่าปี..!

    ปีหนึ่งท่านจะออกมาพบปะประชาชนครั้งเดียว ใครมีอะไรที่ต้องการให้ท่านช่วยเหลือก็ไปอธิษฐานกันตอนนั้น เพราะว่าคนเป็นหมื่นเป็นแสน พอถึงเวลาท่านก็จะเข้าที่ซึ่งเขาเตรียมเอาไว้ให้ ลักษณะทำเหมือนกับถ้ำ แล้วก็จะมีพวกฟืนไม้จันทน์ พวกอะไรอยู่มากมาย พอท่านเข้าไปญาติโยมก็ช่วยกันจุดไฟเผา พอไฟมอดท่านเดินออกมา ก็เป็นอันว่าอยู่ต่อไปอีกปีหนึ่ง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,662
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,642
    ค่าพลัง:
    +26,500
    ถ้าหากว่าท่านใดเคยเห็นวิดีโอที่เขาถ่ายทำตอนที่ท่านออกมาพบปะชาวบ้าน ถ้าเป็นสมัยนี้เขาถือว่าตัดต่อ แต่สมัยนั้นการตัดต่อไม่มี สมมติว่าเป็นศาลาวัดท่าขนุนใหญ่ ๆ อย่างนี้ ท่านอยู่มุมนี้ ด้านโน้นตะโกน "หลวงปู่..มาทางนี้หน่อย" ท่านก็ไปอยู่ตรงโน้น ทักทายญาติโยมทางด้านโน้น อีกด้านหนึ่งตะโกน "หลวงปู่..มาทางนี้บ้าง" ท่านก็ไปอยู่ตรงนั้น ไม่เห็นท่านตั้งท่าอะไรเลย นั่นคือความคล่องตัวจนเป็นวสีของการใช้ฌาน ใช้สมาบัติ

    แต่ว่าถ้าหากว่าไม่ได้มีภารกิจจริง ๆ ไม่มีใครอยากอยู่หรอก เพราะว่าสภาพร่างกายมีความทุกข์เป็นปกติ แค่นิพัทธทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ต้องดูแลร่างกายแค่นี้ก็ปางตายแล้ว แล้วไหนยังมีสารพัดทุกข์ที่จะตามมาอีกในการดำรงชีวิต ดังนั้น..
    ถ้าพระท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนกระทั่งรู้จักพระนิพพานแล้ว ไม่มีใครอยากอยู่สักรายหนึ่ง เพราะรู้ว่าสถานที่นั้นพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงแล้ว

    เพียงแต่ว่าบุคคลที่อยู่ในระดับนั้นไม่ใช่ทิ้งโลกไปเลย แบบเดียวกับนาคที่หนีกลับบ้านของเรา ถึงขนาดต้องการจะปฏิบัติปิดวาจา แสดงว่าไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุไฉนโมฆบุรุษพวกนี้จึงได้ถือมูควัตร ซึ่งพวกเดียรถีย์ถือกัน การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้น นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ฯลฯ กระทำประดุจสัตว์ที่ไม่สามารถพูดจากัน ฯลฯ ครั้นแล้วทรงธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย..ภิกษุไม่พึงสมาทานมูควัตรที่พวกเดียรถีย์สมาทานกัน รูปใดสมาทานต้องอาบัติทุกกฏ"พระองค์ท่านตรัสไว้ชัดเจนมาก

    แต่ถ้าอย่างหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี พอคนไปพูดถึงเรื่องนี้ ท่านถามกลับมาสั้น ๆ ว่า "ไอ้คนไม่พูด มันคิดไหมเล่า ?" พูดง่าย ๆ ก็คือความฟุ้งซ่านนั้นเกิดจากความคิดเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่พูดแล้วถึงฟุ้งซ่าน ถ้าสติไม่พอ ต่อให้คุณไม่พูดกับใคร ก็ฟุ้งซ่านได้..!

    คราวนี้การที่เราจะประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะประกอบกิจวัตรของความเป็นพระเราก็ดี เรื่องของคันถธุระต่าง ๆ ก็ตาม ถ้าสามารถกำหนดสติไปได้ด้วย ทุกอิริยาบถก็คือการปฏิบัติธรรม เพียงแต่ว่าพวกเราไม่ค่อยจะถนัดกัน ทดลองทำกันบ้างแล้วจะรู้และทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น

    กระผม/อาตมภาพเองกลับมาได้ไม่กี่ชั่วโมง เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ ดร.ท่านเจ้าคุณอ๋อ (พระวชิรปัญญาภรณ์, ดร.) โทรตาม "หลวงพ่อ..พรุ่งนี้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ก่อนพิธีปิดอบรมบาลีก่อนสอบนะครับ" ก็แปลว่าต้องแหกขี้ตาไปแต่มืดอีกแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,662
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,642
    ค่าพลัง:
    +26,500
    เรื่องพวกนี้เราท่านจะเห็นว่างานด่วน ๆ เข้ามาเสมอ แม้กระทั่งหนังสือเอกสารที่ท่านเห็นอยู่ อย่างของมหาคณิสสรที่ส่งมา เลขที่ ๑ ของปี ๒๕๖๘ นะครับ..! มหาคณิสสรเป็นหน่วยงานที่มีพระเถระสังกัดอยู่ ต้องบอกว่ามากที่สุด เพราะว่าเจ้าคณะภาค และรองเจ้าคณะภาคทั้ง ๑๘ ภาค สังกัดอยู่ในมหาคณิสสร งานหลักสำคัญที่สุดของมหาคณิศรก็คือ คัดเลือกตัวบุคคลเข้าอบรมเป็นพระอุปัชฌาย์

    ท่านส่งมาขอความอุปถัมภ์การอบรมพระอุปัชฌาย์ ที่วัดสามพระยา วรวิหาร ทั้ง ๒ รุ่นของปีนี้ ความจริงก็น่าภูมิใจนะ..ไอ้เรื่องเสียเงินท่านจะนึกถึงกระผม/อาตมภาพก่อนเพื่อนเลย แต่จะว่าไปแล้ว บรรดาเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค ส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นกัน ในเมื่อท่านเห็นวัตรปฏิบัติของกระผม/อาตมภาพประเภทใช้เงินไม่คิด ท่านขอความช่วยเหลือมา ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว..!

    เมื่อกลับมาก็ต้องมาทำการแจกรางวัลเด็กนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นโยธวาทิต หรือว่าชุมนุมนาฏศิลป์ของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ที่มาช่วยงานตั้งแต่วันเปิดงานประจำปีฯ แต่ไม่มีโอกาสไปแจกรางวัลให้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพต้องไปเป็นกรรมการพิจารณาผู้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักรปี ๒๕๖๗ ของจังหวัดกาญจนบุรี กว่าจะมาถึง เขาก็แห่กันจนจะเลิกไปแล้ว..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องมามอบรางวัลกันในวันนี้ แล้วไหนยังจะต้องเรื่องการจ่ายค่าผ่าตัดค่ารักษา ให้ท่านวัศพล (พระวัศพล จนฺโทภาโส) การทำหนังสือสุทธิให้พระใหม่ ที่ต้องยืนยันตัวเองในการสอบ สารพัดเรื่อง ถ้าหากว่าประดังมาพร้อม ๆ กัน ท่านทั้งหลายขาดสติก็จะเป็นภาระที่หนักมาก เพราะฉะนั้น..เราต้องมีสติลำดับความก่อนหลังเร็วช้า ความสำคัญมาก สำคัญน้อยของงานให้ได้

    อย่างเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ทางที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ก็ต้องการให้ไปจัดงาน "วาเลนไทน์..รักได้ไม่จำกัด" ทางด้านวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็นิมนต์ไปงานครบรอบวันมรณภาพ
    ครบ ๑๗ ปี ของหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ, ป.ธ. ๖) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ทางด้านหลวงพ่อเจ้าคุณเสน่ห์ (พระวิสุทธิวรกิจ, ดร.) นิมนต์ไปงานวันบูรพาจารย์ ของวัดคงคาราม จังหวัดเพชรบุรี
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,662
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,642
    ค่าพลัง:
    +26,500
    คราวนี้งานของที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ พวกท่านไปแทนกระผม/อาตมภาพได้ งานที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) กับวัดคงคาราม ไม่มีกระผม/อาตมภาพ งานเขาไม่กระทบกระเทือน แต่งานที่ประเทศลาวถ้าไม่มีพระครูวิลาศกาญจนธรรมเป็นประธาน งานเขาล่ม..!

    เมื่อลำดับความสำคัญของงานได้ ก็ต้องไปงานที่ประเทศลาว แต่ถ้าไม่มีงานที่ประเทศลาว งานที่วัดไร่ขิง ถ้าไปถึงประมาณ ๙ โมง
    กระผม/อาตมภาพก็สามารถที่จะขอเข้ารับทักษิณานุปทานก่อน เพราะว่าคุ้นเคยกัน เสร็จแล้วค่อยวิ่งไปเพชรบุรี ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง อย่างไรเสียก็ทันเจริญพระพุทธมนต์ - ฉันเพล ก็แปลว่าถ้าหากว่าไม่มีงานที่ประเทศลาว กระผม/อาตมภาพก็ต้องไปที่วัดไร่ขิงก่อน แล้วก็ต่อด้วยวัดคงคาราม

    นี่คือการจัดลำดับความก่อนหลังเร็วช้าของงาน ที่กระผม/อาตมภาพพูดอยู่บ่อย ๆ แต่การที่เราจะทำอย่างนั้นได้สติต้องมาก่อน ถ้าสติไม่มีปัญญาก็ไม่เกิด คราวนี้การที่เราจะมีสติได้ต้องมีสมาธิเป็นตัวควบคุม สมาธิเกิดได้หลายวิธี ระมัดระวังรักษาศีล สมาธิก็เกิดได้ ตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระ สมาธิก็เกิดได้ นั่งภาวนาอย่างเป็นทางการ สมาธิก็เกิดได้ ทำงานใส่สติลงไปตรงหน้า สมาธิก็เกิดได้

    พอสมาธิเกิด สติก็จะแหลมคมว่องไว ช่วยให้ปัญญาสามารถวินิจฉัยและตัดสินเรื่องต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ยิ่งกำลังสมาธิสูงเท่าไร ความเด็ดขาดในการตัดสินก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น..!

    จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องตระหนักเอาไว้ อย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกไปหลายครั้งแล้วว่า แทบทุกปัญหาในการปฏิบัติธรรม คำตอบอยู่ที่สมาธิ ถ้าหากว่าตั้งหน้าตั้งตาทำ ไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้คำตอบเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามใคร ยกเว้นตอนที่สภาพจิตของท่านจะเริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบัน ซึ่งเป็นของที่เราไม่เคยชิน

    บางท่านก้าวถึงความเป็นพระโสดาบัน คิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ไปก็มี..! หรือบางท่านสมาธิทรงตัวแค่ฌาน ๔ แต่มีกำลังสูงมาก กดกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ดับสนิทชั่วคราว คิดว่าเป็นพระอรหันต์ก็มี..! ดังนั้น..ถ้าเกิดเหตุการณ์พวกนี้ เราถึงจะไปถามครูบาอาจารย์ได้ ไม่ใช่อะไรก็ถามไปทุกเรื่อง ขี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออก ก็ต้องถามครูบาอาจารย์ก่อน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป คำตอบจะมีให้อยู่แล้ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...