เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 สิงหาคม 2024 at 17:30.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้ามีฝนตกลงมาไม่หนักนัก กระผม/อาตมภาพรอจนฝนหยุดจึงได้คืนห้องพัก แล้วเดินทางไปยังวัดหลุมเข้า ตำบลหลุมเข้า อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี

    คำว่า "หลุมเข้า" นี้ก็คือ "หลุมข้าว" นั่นเอง เพียงแต่ว่าโบราณจะออกเสียงสั้น อย่างเช่นออกเสียงว่า "กินเข้ากินน้ำ" แต่คนสมัยใหม่ออกเสียงเป็น "กินข้าวกินน้าม" ซึ่งดูท่าว่าจะออกเสียงผิดจนกลายเป็นถูกไปแล้ว

    แม้ในปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพก็ยังเจอพี่น้องคนไทยบางหมู่บ้าน ที่ยังออกเสียง "กินเข้ากินน้ำ" สั้น ๆ แบบนี้อยู่ แม้กระทั่งคำว่าแฟน ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปฟังเพลงไอ้หนุ่มตังเก ที่ไพรวัลย์ ลูกเพชร ขับร้อง ก็จะได้ยินว่า "มีแฟ็นกับเขาหนึ่งคน" ซึ่งคำโบราณมักจะออกเสียงสั้น ๆ แบบนี้ แต่มาสมัยใหม่ออกเป็นเสียงยาวกันหมด..!

    เนื่องเพราะว่าสมัยนั้น เมื่อกองทัพพม่าเข้ามากวาดต้อนเสบียงต่าง ๆ ชาวบ้านก็ขุดหลุม เอาข้าวเปลือกใส่กระสอบไปซ่อนเอาไว้ จนกระทั่งเมื่อกองทัพพม่าผ่านไปแล้ว มาเห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสมที่จะตั้งบ้านแปลงเมือง จึงสร้างเป็นบ้านเป็นเมืองขึ้นมา แต่ก็ยังใช้คำว่า "หลุมเข้า" แม้ว่ารุ่นใหม่ ๆ จะเปลี่ยนเป็น "ข้าว" กันหมดแล้ว แต่วัดและบ้านก็ยังใช้ชื่อเดิมอยู่แบบนี้

    ครั้นไปถึงก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาพระเจ้าหน้าที่และแม่ครัว ด้วยการประเคนข้าวต้มปลาแสนอร่อยมาให้ กระผม/อาตมภาพพอเจอ "รสแท้ที่แม่ทำ" เข้า ก็เลยว่าข้าวต้มปลาไป ๒ ชามตราไก่ ขออภัย..ไม่ใช่ชามโคม เป็นชามขนาดปกติธรรมดา..!

    เมื่อจะเดินไปดูนิทรรศการ ปรากฏว่าจ๊ะเอ๋เข้ากับบุคคลคุ้นเคย ก็คือหลวงปู่เจริญ สุวฑฺฒโน ซึ่งสมัยก่อนพวกเราเรียกว่า "มหาเจริญ" ท่านเป็นคนเก่าคนแก่ที่คุ้นเคยกับหลวงฤๅษีฯ วัดท่าซุง เคยจำพรรษาอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่ากับหลวงพ่อฤๅษีฯ มาแล้วสองหรือสามพรรษาก็ไม่แน่ใจ เมื่อโยกย้ายมาอยู่ทางด้านนี้ ท่านก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นมา เนื่องจากว่ามีประโยคบาลีเป็นเครื่องสนับสนุน ปัจจุบันนี้พระมหาเจริญ ก็คือพระครูอุปกิตปริยัตยาภรณ์ (เจริญ ป.ธ. ๔) เจ้าคณะอำเภอหนองขาหย่าง เจ้าอาวาสวัดหลุมเข้า
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    สมัยก่อนที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านยังมีชีวิตอยู่ กระผม/อาตมภาพได้ทำหน้าที่ต้อนรับพระเถระ จึงรู้จักหน้าคุ้นเคยกับพระเถระ ไม่ว่าจะในจังหวัด หรือว่าที่มาจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อมาถามกันถึงเรื่องราวคราวหนหลัง หลวงปู่เจริญท่านยังตกใจว่า "กระผม/อาตมภาพออกจากวัดท่าซุงไป ๓๒ ปีแล้ว..!" ท่านบอกว่า "ยังนึกว่าต่างคนต่างมีงาน ก็เลยไม่ได้เจอะเจอหน้าตากันเสียอีก"

    สักครู่หนึ่ง บรรดาพระเถระก็ทยอยกันมาถึง ประกอบไปด้วยพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทร (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รองประธานคณะกรรมการบริหารกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ พระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ.๙) รองเจ้าคณะภาค ๑๕ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง เป็นต้น

    กระผม/อาตมภาพได้พาบรรดาพระเถระเข้าสู่ที่ฉัน ชี้สถานที่สำหรับเข้าห้องน้ำห้องส้วมสำหรับท่านที่มาถึง ไม่ใช่ว่า
    กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับวัดนี้ หากแต่ว่าไปที่ไหน กระผม/อาตมภาพก็จะไปเดินซอกแซกดูก่อนว่าเขามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะเวลาไปที่หมู่บ้านหรือตำบลอื่น ๆ กระผม/อาตมภาพจะเดินมุดซ้ายมุดขวา ดูทางเข้าทางออกไปเรื่อย

    แม้แต่ตอนไปต่างประเทศก็เป็นแบบนี้ ด้วยความที่สนใจใคร่รู้ว่าสถานที่นั้น ๆ มีอะไรบ้าง จนเพื่อนฝูงถามว่า "ทำไมตี ๒ ตี ๓ ถึงไม่นอน ออกไปเดินเล่นแบบนั้น ?" ก็เนื่องเพราะว่าต่างประเทศอย่างเช่นยุโรปนั้น ตี ๒ ตี ๓ ฟ้าก็สว่างแล้ว และทางโรงแรมที่พักก็นัดฉันเช้าตอน ๗ โมงเช้า มีเวลาให้เดินดูบ้านดูเมืองจนเหลือเฟือ พูดง่าย ๆ ว่าไปที่ไหนก็กำไรที่นั่น โดยเฉพาะถ้าหากว่าเจอบรรดา "เจ้าที่" รู้จักถูกคอกัน บางทีก็ได้เอามาแนะนำให้ญาติโยมต่าง ๆ ได้รู้จักไปด้วย

    ครั้นได้เวลา ๘ โมงเช้า ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. ก็นำพาพวกเราเข้าไปในพระอุโบสถ กราบพระประธานและเจริญพระพุทธมนต์ถวาย เมื่อถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกแล้ว ค่อยออกมาเดินดูซุ้มนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งก็เหมือนเดิม คือทุกคนช่วยกันซื้อช่วยกันหาสิ่งของต่าง ๆ โดยที่กระผม/อาตมภาพแอบซื้อไปตั้งแต่ตอนที่ท่านทั้งหลายฉันเช้ากันอยู่แล้ว..!

    แต่ว่าหลวงพ่อพระธรรมวชิรสุนทรก็ยังอุตส่าห์ซื้อผ้าถุง ๒ ผืน ซึ่งเป็นผ้าทอของลาวครั่งให้กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) โดยที่กำชับกำชาว่า "เจ๊..เดี๋ยวพอไปตรวจที่กาญจนบุรีจังหวัดของเจ๊..เจ๊ต้องดูแลพระเถระทั้งหมดที่ไปด้วยนะ..!" เล่นเอาน้องเล็กแทบไม่อยากจะรับของขวัญมา เนื่องเพราะรู้ว่าเจอภาระหนักแน่นอน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในเรื่องของการต้อนรับขับสู้นั้น ทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีรู้สึกว่าจะไม่ค่อยเคยชิน จึงทำให้มีอะไรขาดตกบกพร่องโน่นนี่นั่นอยู่เป็นประจำ ในเมื่อพึ่งพระไม่ได้ บรรดาพระเถระจึงหันมาพึ่งฆราวาสแทน..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    ตรงจุดนี้จะว่าไปแล้ว หลายต่อหลายงาน กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าไปปิดจุดอ่อน อย่างเช่นว่ารับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารบ้าง รับนำไปยังสถานที่พักต่าง ๆ บ้าง จึงกลายเป็นที่คุ้นเคยกัน บรรดาคนขับรถก็มักจะกระซิบเจ้านายว่า "พี่เล็ก" เหตุที่ต้องเรียกพี่ก็เพราะว่าคนส่วนมากเรียกป้ากันแล้ว..! บอกว่า "พี่เล็กเป็นคนคล่องงานมาก ถ้ามีอะไรหลวงพ่อเรียกใช้งานได้เลย" ในเมื่อคนขับรถแนะนำ บรรดาพระเถระจึงใช้แบบไม่เกรงใจ

    หลังจากที่ถ่ายรูปหมู่เมื่อชมนิทรรศการจุดสุดท้ายแล้ว ส่วนที่กระผม/อาตมภาพปลื้มใจที่สุดก็คือเด็ก ๆ ของที่นี่แค่ชั้นประถมปีที่ ๓ เท่านั้น สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรคล่องแคล่วมาก มีการสวดสะสมเป็นสถิติถึง ๖,๐๐๐ กว่าจบแล้ว โอ้แม่เจ้า..! ขนาดพระภิกษุสามเณรหลายต่อหลายรูปยังสวดไม่ได้เลย บรรดาหนูน้อยสวดสะสมไป ๖,๐๐๐ กว่าจบ..! เมื่อฟังการสวดไปไม่ถึงครึ่ง ก็ต้องบอกว่าพอได้แล้ว เชื่อจริง ๆ ว่าสวดได้ แล้วท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. ก็มอบเงินขวัญถุงให้เป็นรางวัล โดยที่กระผม/อาตมภาพแอบหย่อนเพิ่มให้ไปอีกคนละ ๒๐๐ บาท..!

    บรรดานักเรียนมัธยมที่มาจากโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย จังหวัดอุทัยธานี ต่างก็แนะนำบรรดาศีลข้อต่าง ๆ ว่าข้อห้ามเหล่านี้มีอะไรบ้าง และทางด้านวัดนี้ได้จัดกิจกรรมอะไร เพื่อเป็นการส่งเสริมการละเว้นไม่ไปละเมิดศีลข้อเหล่านั้นบ้าง แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความคล่องแคล่วน่าชื่นใจ รับเอารางวัลกันไปกระเป๋าตุงไปตาม ๆ กัน

    เมื่อพวกเราขึ้นสู่ที่ประเมินแล้ว ท่านศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้กล่าวต้อนรับ กระผม/อาตมภาพเจอคนคุ้นเคย ก็คือคุณพรทิพย์ กำเนิดแจ้ง ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการส่วนอยู่ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ตอนนี้ย้ายมาเป็นใหญ่เป็นโต คือมาเป็นวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานีเสียเลย กระผม/อาตมภาพจึงได้มอบผ้าทอของบ้านหลุมเข้าให้ไปเป็นที่ระลึก ๑ ผืน และอวยชัยให้พรว่า "ขอให้ได้ย้ายกลับไปจังหวัดกาญจนบุรีเร็ว ๆ"

    ทุกฝ่ายดำเนินการไปตามตารางที่กำหนดจนเสร็จเรียบร้อย บรรดาพระเถระต่าง ๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่าง ก็ล้วนแล้วแต่คุ้นเคยกันทั้งสิ้น จะไม่ทักทายก็ไม่ได้ อย่างเช่นว่าพระเดชพระคุณพระราชปริยัติสุธี (ชลอ ปิยาจาโร ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดธรรมามูล วรวิหาร รองเจ้าคณะภาค ๓ พระเดชพระคุณพระราชอุทัยโสภณ (มนัส สมชาโน ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี หรือว่า มจร.อุทัยธานีนั่นเอง มองไปทางไหนก็เจอแต่คนคุ้นเคยทั้งสิ้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    แม้กระทั่งผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหนองขาหย่าง โผล่หน้ามาถึงก็ถามว่า "หลวงพ่อจำผมได้ไหมครับ ?" ยังถามว่า "เฮ้ย..ย้ายออกมาจาก สภ. เมืองอุทัยธานีตั้งแต่เมื่อไร ?!" เพราะว่าตอนนั้นท่านเป็นสารวัตรสอบสวน ยศแค่ร้อยตำรวจโทเท่านั้น ปรากฏว่าปัจจุบันนี้เป็นพันตำรวจเอก ดาวและมงกุฎเต็มบ่าไปเสียแล้ว แต่ละท่านแต่ละคนล้วนแล้วแต่เจริญก้าวหน้าไปตาม ๆ กัน

    กระผม/อาตมภาพยังหันไปปรารภกับ ดร. พระครูทวี ก็คือท่านพระครูศรีรัตนาภิวัฒน์, ดร. (ทวี รตนเมธี) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดพระลอย ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลางว่า "นี่ถ้าไม่ได้เจอท่านทั้งหลายเหล่านี้ กระผมก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่ แต่พอมาเจอเข้าถึงได้รู้ว่าตัวเองแก่
    ไปถนัดใจเลย..!"

    บรรดาญาติโยมต่าง ๆ ที่เตรียมการแสดงกลองยาวและฟ้อนรำมา ก็แสดงลวดลายกันอย่างเต็มที่ โดยการร้องเพลงเหย่ย ซึ่งการร้องนั้นคนร้องเสียงดีมาก ๆ ทั้งก้องกังวาน และเนื้อหาก็เกี่ยวกับการรักษาศีล ๕ เสียด้วย ทำเอาท่านประธานกรรมการ คือท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. ควักจ่าย "มือเป็นระวิง"

    เมื่อถึงเวลาตรวจประเมิน กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวว่า หลวงพ่อเจริญนั้นท่านทำงานเกินตัว เนื่องเพราะว่าเราต้องการมาตรวจประเมินแค่หมู่บ้านรักษาศีล ๕ แต่งานของหลวงพ่อนั้นเกินระดับอำเภอไปถึงระดับจังหวัดเสียแล้ว ถ้าหากว่าจะยกขึ้นเป็นอำเภอคุณธรรม ก็คาดว่าจะได้รับรางวัลในเวลาอันรวดเร็ว ปรากฏว่าท่านนายอำเภอหนองขาหย่างบอกว่า "เพิ่งได้รับรางวัลไปปีนี้เองครับ" ทำให้กระผม/อาตมภาพ "หน้าบานเป็นจานเชิง"

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามองงานของพระเถระท่านออก ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นไม่ใช่แค่หมู่บ้าน หากแต่ว่าเป็นการประสานบ้าน วัด โรงเรียน ส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในลักษณะของภาคีเครือข่าย ซึ่งท่านศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ตอนกล่าวต้อนรับแล้วว่า ที่บรรดาข้าราชการ ประชาชน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากันพร้อมหน้า ก็เพราะว่าเป็นภาคีเครือข่ายที่คอยช่วยเหลือกันอยู่ จึงทำให้กรรมการตรวจประเมินทุกท่าน ไม่ได้มีข้อตำหนิติติงอะไรเลย
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,427
    ค่าพลัง:
    +26,254
    กระผม/อาตมภาพบอกว่าที่ก้มหน้าก้มตาดูข้อมูลในมือถืออยู่นั้น มีข้อตำหนิข้อเดียว ก็คือ "หลวงพ่อให้เลขาฯ ลงรูปประกอบน้อยไปหน่อย มีแค่ช่องละ ๑ รูปแค่นั้น ดูแล้วไม่จุใจ กราบรบกวนหลวงพ่อให้เลขาฯ ช่วยลงรูปเพิ่มให้ด้วยครับ"

    ปรากฏว่าพระมหาวิเชียร ชาตวชิโร ป.ธ. ๙ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร อนุกรรมการ มากระซิบข้างหลังว่า "หลวงพ่อครับ ในระบบลงได้แค่รูปเดียวครับ ที่หลวงพ่อเห็นหลาย ๆ รูปนั้น เพราะว่าเขาทำลงในเวิร์ด ทำเป็น PDF ไฟล์ แปลงมาเป็น JPEG แล้วค่อยนำลง ก็เลยดูว่าช่องหนึ่งมีตั้งหลายรูป" กระผม/อาตมภาพพอได้ฟังก็ตกใจ ต้องหันไปกราบขอขมาหลวงพ่อเจริญท่านก่อน..!

    เสร็จสรรพจากการตรวจประเมินแล้ว ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้นำข้าราชการทุกภาคส่วน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปฏิญาณตนที่จะนำเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและศีล ๕ เป็นเครื่องดำเนินชีวิต คณะสงฆ์อนุโมทนาแล้วค่อยแยกย้ายกันไปฉันเพล

    หลังเพลก็ยังมีการออกไปดูงานโคกหนองนาในพื้นที่ไม่ไกลจากวัดนัก แต่กระผม/อาตมภาพขอตัวตั้งแต่ตอนนี้ โดยที่ทางด้านญาติโยมยัดเยียดข้าวปลาอาหารมาให้ ๒ - ๓ กล่อง เพื่อที่จะได้ฉันบนรถ บอกกับทุกท่านว่า "กระผม/อาตมภาพแก่แล้ว วันนี้หมอนัด..ต้องไปให้ทัน" จากนั้นก็รีบเดินทางกลับไปยังที่พัก ครั้นถึงที่พัก สรงน้ำเปลี่ยนผ้าแล้ว จึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เสร็จสรรพจากที่นี้จะไปได้หาหมอตามนัดกันต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...