เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ก่อนอื่นต้องเจริญพรขอบคุณ "พระยาศรีฯ" และบริวารทั้งหมด พร้อมกับ "เจ้าลุง" และบริวารทั้งหมด ที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างตลอดทริปนี้ กุศลบารมีใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาตั้งแต่ต้นจวบจนบัดนี้ โดยเฉพาะในส่วนของทาน ศีล และภาวนา ขอให้ "พระยาศรีฯ" และบริวารทุกท่าน พร้อมทั้ง "เจ้าลุง" และบริวารทุกท่าน ได้อนุโมทนา ประโยชน์ความสุขใดที่ข้าพเจ้าจักพึงได้รับ ขอให้พระยาศรีและบริวารทุกท่าน พร้อมทั้งเจ้าลุงและบริวารทุกท่าน จงได้รับโดยถ้วนหน้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    และขอบคุณขอบใจทุกท่านที่ช่วยดูแลความสะดวกเรียบร้อย ให้คณะของเราได้สนุกสนานเพลิดเพลิน "ม่วนซื่นโฮแซว" ในเมืองลาวตลอดทริปนี้ จึงต้องขอเจริญพรแก่ทุกท่านมาไว้ ณ ที่นี้ก่อน

    สำหรับเช้าวันนี้กระผม/อาตมภาพรีบเข้าห้องอาหารตั้งแต่ ๖ โมงเช้า พูดง่าย ๆ ว่าห้องอาหารยังไม่ทันจะวางอาหารลงครบ กระผม/อาตมภาพก็ฉันอิ่มแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวันนี้จะไปยังอุทยานน้ำตกตาดฟาน ซึ่งมีไฮไลท์อยู่อย่างหนึ่งก็คือการโหนซิปไลน์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าโหนสลิง

    คราวนี้การที่พระภิกษุสงฆ์ของเราจะไปโหนสลิง แม้ว่าเขาจะจัดที่รองนั่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต้องไปห้อยต่องแต่งเหมือนกับชาวบ้านเขา แต่ด้วยความที่คนจำนวนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ถ้ามีใครถ่ายรูปไปลงโซเชียลเมื่อไร กระผม/อาตมภาพก็จะโดนถล่มจมดินลงไปเมื่อนั้น ดังนั้น..จึงต้องแยกจากคณะล่วงหน้าไปก่อน เนื่องเพราะว่าคณะใหญ่ ๗๐ - ๘๐ คนแบบนี้ ต่อให้ห้ามกันขนาดไหน ก็จะต้องมีพวกขวางโลก หรือว่าหัวรั้น ต้องถ่ายเอาไว้จนได้

    โดยเฉพาะทุกคนที่ถ่ายโดยไม่ดูตาม้าตาเรือว่า ครูบาอาจารย์กำลังทำอะไรอยู่ กระผม/อาตมภาพนั่งส่งงานอยู่ก็รีบถ่าย แต่คนที่เห็นรูปทันทีทันใดก็จะฟันธงว่าพระรูปนี้ใช้ไม่ได้ เพราะว่าเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ ดังนั้น..สิ่งที่ท่านทั้งหลายถ่ายไป เราเก็บไว้เป็นความภูมิใจส่วนตัวก็ไม่มีปัญหา แต่ส่วนใหญ่จะไปโพสต์อวดกันในสื่อโซเชียล จนก่อให้เกิดปัญหาขึ้นไม่เว้นวัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    อย่างที่เพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพรูปหนึ่ง นั่งเล่นอยู่กับลูกหมา ๕ - ๖ ตัว ปรากฏว่าลูกศิษย์ภูมิใจมากที่ท่านอาจารย์เป็นผู้มีความเมตตา จึงถ่ายรูปไปลงสื่อโซเชียล ทันทีที่กระผม/อาตมภาพเห็น ต้องบอกไปทันทีว่า "มึงรีบลบด่วนเลย..!" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เพื่อนฝูงท่านนั้นนั่งถ่างขา แล้วลูกหมามะรุมมะตุ้มอยู่หว่างขาเต็มไปหมด บรรดาท่านทั้งหลายที่ต้องการเห็นพระเป็นตอไม้ นั่งนิ่ง ๆ เรียบร้อยอย่างเดียวก็จะรับไม่ได้ แล้วก็จะสร้างเวรสร้างกรรม หาเรื่องตกนรกด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ก็พลอยที่จะเห็นดีเห็นงามไปด้วย

    กระผม/อาตมภาพได้เตือนนักเตือนหนาในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายว่า อย่าพยายามถ่ายเบื้องหลังครูบาอาจารย์ ต้องรอให้ท่านอยู่ในท่าที่เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยถ่าย แต่ก็ไม่มีใครฟัง ในเมื่อไม่ฟังกัน ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาเคารพกระผม/อาตมภาพเป็นครูบาอาจารย์ไปทำอะไร..!? เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นตัวกระผม/อาตมภาพเอง ครูบาอาจารย์ท่านบอกอะไรเพียงครั้งเดียว ก็จะจำไปตลอดชีวิต ถ้าหากว่าโดนห้าม ก็คือจะไม่ทำเช่นนั้นอีกตลอดชีวิต..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ทำไมท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมมาเนิ่นนานแล้วถึงเอาดีไม่ได้ เนื่องเพราะว่าสภาพจิตไม่ละเอียดพอ ความเคารพในพระรัตนตรัยยังไม่ได้ออกมาจากใจจริงแท้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือพระโสดาบันนั้น ก็ไม่ต้องไปหวัง เพราะว่าความเคารพที่แท้จริงจากใจยังไม่มี สิ่งอื่นก็จะไม่ตามมาด้วย

    แต่ปรากฏว่าเมื่อ "บิ๊กก๊อต" พาพวกเราไปถึงน้ำตกตาดฟาน บรรดาเจ้าหน้าที่บอกว่า "ทางการลาวสั่งห้ามครับ" แล้วติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ทุกมุมเลย เนื่องเพราะว่าปีที่แล้ว มีพระลาวไปพายเรือกระด้งกันสนุกสนาน แล้วถ้าถ่ายรูปโดยทั่ว ๆ ไปก็ยังไม่กระไรนัก ดันไปถ่ายวิดีโอแล้วโพสลงสื่อโซเชียล ทำให้ญาติโยมลาว ซึ่งปกติมีสภาพจิตละเอียดอ่อนอยู่แล้ว ไม่สามารถที่จะรับเรื่องหยาบแบบนี้ได้ จึงมีการกระหน่ำด่าเข้าไปในสื่อโซเชียลจนทางการทนไม่ไหว

    ดังนั้น..สิ่งหนึ่งประการใดที่จะทำให้ภาพพจน์ของพระภิกษุสามเณร หรือว่าพระพุทธศาสนาตกต่ำ ทางการลาวจึงสั่งห้ามไปเลย จึงทำให้กระผม/อาตมภาพที่ตั้งใจมาโหนซิปไลน์ ต้องรับประทาน "แห้ว" ไปจนเต็มพุง..!

    แต่กระนั้นก็ตาม "พระยาศรีฯ" และ "เจ้าลุง" ก็พยายามชี้มุมโน้นมุมนี้ให้ถ่ายรูป โดยเฉพาะช่วงที่เดินทางเข้ามาจากที่จอดรถยนต์ บรรดาไกด์ทั้งหลายตั้งข้อสงสัยว่า กระผม/อาตมภาพเดินเหมือนกับคนเคยมาที่นี่ก่อน ความจริงไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต แต่บังเอิญเจ้าถิ่นเดินนำหน้าอยู่ ก็แค่ตามไปเท่านั้นเอง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    แต่ว่าต้องรอส่งงานไปเรื่อย สะสมเสบียงบุญไปเรื่อย กว่าที่คณะใหญ่จะตามมาถึงก็ ๙ โมงกว่า ทำเอากระผม/อาตมภาพนั่งอยู่เกือบ ๒ ชั่วโมง แล้วก็มีบุคคลในคณะตัดสินใจที่จะโหนซิปไลน์กันตอนนั้น เมื่อเห็นพรรคพวกโหนกันไปตามที่จองมาแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าโหนเดี่ยว ๆ ไปอย่างเดียว เขาคิด ๑,๑๐๐ บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าหากว่าโหนไปแล้ว ต้องการผู้ช่วยเหลือบริการ และถ่ายรูปถ่ายวิดีโอให้ เขาคิด ๑,๓๕๐ บาทต่อเที่ยว ซ้ำระยะทางก็ไกลมาก คือมีถึง ๔ ช่วงสลิง โดยเฉพาะช่วงแรกที่ข้ามเหวหน้าน้ำตกตาดฟานนั้น เป็นช่วงที่ถือว่ายาวไกลที่สุด

    สิ่งที่ทุกคนโหนกลับมาแล้วพูดคุยกันชนิดที่หัวเราะแล้วหัวเราะอีก ก็คือการที่ "ลูกอ้วน" (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) โหนสลิง ปรากฏว่าการโหนซิปไลน์นี้ น้ำหนักตัวยิ่งมากเท่าไรก็ไปเร็วเท่านั้น ทำเอาผู้ที่รับอาสาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอให้กับ "ลูกอ้วน" นั้น ปกติถ้าถ่ายคนอื่น ก็ถ่ายได้ด้านหน้าและด้านข้าง แต่พอมาถ่าย
    "ลูกอ้วน" เข้า กลายเป็นว่าได้แค่ด้านหลังลิบ ๆ เท่านั้นเอง..!

    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย พวกเราเดินออกมาตรงที่จอดรถ ซึ่งเป็นแหล่งละลายทรัพย์ขนานใหญ่ เนื่องเพราะว่ามีสินค้าพื้นเมืองสารพัดรูปแบบรองรับอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผ้านุ่ง ผ้าห่ม เครื่องไม้แกะสลัก ของป่า หรือว่าพืชผักผลไม้ มีแม้กระทั่งเนื้อสัตว์อย่างเนื้อเก้ง ที่ภาษาลาวเรียกว่าฟาน เป็นการยืนยันว่าตาดฟาน หรือน้ำตกอีเก้งนั้น มีเก้งมากจริง ๆ

    หลังจากช้อปปิ้งกันเป็นที่พออกพอใจแล้ว นางสาวสมฮัก ไซยะมูน หรือแม่หญิงปุ๋ยก็พาพวกเราวิ่งตรงไปยังเมืองปากซอง เพื่อที่จะไปรับประทานอาหาร แต่ว่าหนทางตรงนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าห่างไกลความเจริญหรืออย่างไร จึงมีคลื่นอินเตอร์เน็ตบ้าง ไม่มีบ้าง

    โดยเฉพาะเมื่อไปถึงอาโกรคาเฟ่ ซึ่งชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นร้านกาแฟการเกษตร ที่นี่ทำเกษตรอินทรีย์ มีการปลูกผักสารพัดชนิด ดังนั้น..อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือสลัดผัก ความจริง กระผม/อาตมภาพไม่ได้ชอบ "อาหารนางเอก" แบบนี้เลย แต่เจอผักกรอบอร่อยเข้า จึงกวาดไปเกินครึ่งจาน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ส่วนที่อร่อยยิ่งอีกอย่างหนึ่งที่ "บิ๊กก๊อต" สรรหามาให้ ก็คือส้มฟาน หรือว่าแหนมเก้ง จัดการปิ้งสุกมาแล้ว อร่อยจนลืมกลืนหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพฉันอะไรก็แค่ชิ้นเดียว หรือว่าคำเดียว แต่ว่าเล่นฉันส้มฟานไปเสีย ๓ ชิ้น เพียงแต่ว่าปิ้งฟานนั้น ด้วยความที่เป็นคนแก่ ฟันฟางไม่ค่อยจะดี ประกอบกับเขาไม่ค่อยจะได้ปิ้งมา แต่หากเผามามากกว่า จึงฉันไปแค่ ๒ ชิ้นเท่านั้น

    ส่วนอื่นอย่างคั่วไข่ หรือที่บ้านเราเรียกว่าไข่เจียวก็ดี ตำพริกปลาร้า ตลอดจนกระทั่งต้มยำซี่โครงหมู ก็ฉันไปอย่างละเล็กละน้อย เสร็จแล้วตั้งใจจะไปส่งงาน ปรากฏว่าต่อให้ใช้ WIFI ของทางด้านอาโกรคาเฟ่นี้ก็ตาม ก็ส่งได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่งรูปไปแล้ว ส่งข้อความตาม ปรากฏว่าข้อความขึ้นก่อนบ้าง

    ในระหว่างที่มานั่งรออยู่ในรถยนต์นั้น ก็มองเห็นต้นมะนาวฝรั่งที่เรียกว่าเลมอน ที่เขาปลูกเอาไว้เป็นแถวเป็นแนว แต่ว่าอยู่บนเนินสูง เมื่อเห็นก็เดินเข้าไปเพื่อที่จะถ่ายรูป ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดอะไร ก็เดินดุ่ย ๆ ขึ้นไปถ่ายรูปเลย ปรากฏว่ามีผู้ตาดีมองเห็น แล้วก็ถามว่า "หลวงพ่อเดินขึ้นไปได้อย่างไร ?" ก็ได้แต่ตอบว่า "เดินขึ้นไปอย่างที่เห็นนั่นแหละ"

    เมื่อย้อนกลับมาทางเดิม พ้นจากเขตตัวเมืองมาได้เล็กน้อยเท่านั้น อินเตอร์เน็ตก็ใช้ได้ดีเหมือนเดิม พวกเราก็แวะเข้าไปที่ไร่กาแฟบอละเวน ซึ่งเป็นไร่กาแฟที่ใหญ่มาก ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เป็นของนางเหลื่องนั่นเอง

    นางเหลื่อง ลิดดัง ก็คือเจ้าของร้านค้ายี่ห้อดาวเรือง นางเหลื่องเป็นชาวญวน แรก ๆ ก็ทำมาหากินกับสามีด้วยการหาบ "ข้าวปุ้น" ขาย ข้าวปุ้นนี้ก็คือขนมจีนบ้านเรา เก็บเล็กผสมน้อยได้ก็จับจองที่ทาง ในประเทศลาวนี้ เนื่องจากว่ามีคนน้อย ที่ดินมาก ใครจะจับจองที่ดินเท่าไรก็ได้ แต่ว่าต้องมีการทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นประโยชน์จริง ๆ ถ้าครบ ๕ ปีไปแล้ว ทางการก็จะออกโฉนดให้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    นางเหลื่องเมื่อได้ที่ดินมา ก็ทำการขายไปส่วนหนึ่ง แล้วเอาเงินไปปล่อยกู้ เมื่อได้ดอกมา มีฐานะมั่นคงขึ้น ก็ทำกิจการหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าเป็นเศรษฐีนีอันดับหนึ่งของเมืองปากเซ บ้านที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมจำปาสักแกรนด์นั้น ใหญ่เสียยิ่งกว่าวัง..!

    แต่ขอโทษ..เขาสร้างไว้ให้คนรับใช้อยู่..! นางเหลื่องก็มักจะไปอยู่กับคุณดาว ผู้เป็นลูกสาว ดูแลร้านสินค้าปลอดภาษี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเจอกาแฟยี่ห้อดาว หรือว่าดาวเรือง หรือร้านสินค้าปลอดภาษีดาวเรือง หรือว่าตลาดดาวเรือง ขอให้รู้ว่าเป็นของนางเหลื่อง ลิดดัง สุดยอดวาณิชหญิงชาวญวนผู้นี้เอง

    ที่ไร่กาแฟบอละเวนนี้อากาศดีมาก ๆ "พระยาศรีฯ" และ "เจ้าลุง" จัดให้ ก็คือนอกจากดึงเมฆมาบังดวงอาทิตย์แล้ว ยังให้บังแค่บริเวณดวงอาทิตย์เท่านั้น มุมอื่นถ่ายรูปได้สวยงามตามปกติ ลมเย็นประมาณ ๒๑ - ๒๒ องศาเซลเซียส นั่งจิบกาแฟกันอย่างชนิดเกือบจะลืมขึ้นรถ จนกระทั่งครบตามเวลา ทางด้านมัคคุเทศก์ก็พาพวกเราไปยังน้ำตกตาดเยือง คำว่าฟางคืออีเก้ง คำว่าเยืองคือเลียงผา หรือถ้าเรียกแบบชาวเขาบ้านเรา ก็เรียกว่าโกรำบ้าง กูรำบ้าง

    เมื่อเข้าไปถึงน้ำตกตาดเยือง กระผม/อาตมภาพก็เดินตาม "พระยาศรีฯ" และ "เจ้าลุง" ไปตามปกติ แต่ว่าคุณเนศวร์ผู้เป็นไกด์ ซึ่งได้รับคำสั่งจากลูกกิฟท์ ผู้บังคับบัญชาที่บ้าน สั่งให้ตามประกบกระผม/อาตมภาพ ก็เลยต้องวิ่งตามลิ้นห้อย แถมยังตั้งข้อสังเกตซ้ำเติมว่า "หลวงพ่อเดินเหมือนกับคนที่เคยมาแล้ว"

    เมื่อไปถึงทางด้านชั้นล่าง ที่ต้องลงบันได ลงแล้วลงอีก หลายต่อหลายช่วงด้วยกัน ปรากฏว่าน้ำตกตาดเยืองนั้น เป็นลำห้วยที่ไหลลงมาจากหน้าผาตัด เป็นน้ำตกคู่คล้าย ๆ น้ำตกตาดฟาน แต่ว่าใกล้ชิดกว่ากันมาก และลมแรงมาก พัดเอาละอองน้ำมาเปียกแฉะไปหมด ใครก็ตามถ้าหากว่าไป ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

    กระผม/อาตมภาพต้องโบกมือให้ลมพัดละอองน้ำไปทางด้านอื่น แล้วก็ถ่ายรูปไปตามสะดวก แต่ว่ารูปที่บรรดาตากล้องของเติมเต็มทัวร์ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมถ่าย ส่วนใหญ่หน้ากล้องจะมืดมัวไปหมดด้วยละอองน้ำ เมื่อถึงเวลาก็มาตามนัด คือว่าแสงแดดส่องจัดจ้าลงมาทันที ทำให้เกิดสายรุ้งที่บริเวณหน้าน้ำตก เมื่อพวกเราถ่ายรูปกันเสร็จสรรพเรียบร้อย แสงแดดก็หายวับไปกับตา..! ต้องขอบพระคุณท่านผู้มีความกรุณาเป็นพิเศษ
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ครั้นกลับขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินไปดูบริเวณลำห้วย ก่อนที่จะตัดลงไปจากหน้าผากลายเป็นน้ำตกตาดเยืองแห่งนี้นั้น ปรากฏว่ามีญาติโยมที่ยังอยู่ด้านล่างหลายคนตาดี มองขึ้นมาบนหน้าผา เห็นจีวรสีเหลืองเป็นจุดเล็ก ๆ ก็รีบถ่ายรูปกันเอาไว้ ส่วนท่านที่เดินตามมาทัน ก็ได้ถ่ายรูปหมู่บริเวณสะพานข้ามห้วยช่วงนี้ แล้วค่อยเดินกลับไปที่รถ

    แต่ปรากฏว่าต้องเดินผ่านชาติพันธุ์ ๕ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณย่าคุณยายชาวบอละเวน ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าหนึ่ง มานั่งให้ถ่ายรูป แล้วนักท่องเที่ยวมักจะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าถ่ายรูปให้ กระผม/อาตมภาพล้วงกระเป๋าส่งธนบัตรไทยใบละ ๒๐ บาทให้คนที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ปรากฏว่าหมด คนที่ ๕ ก็เลยรับใบละ ๑๐๐ บาทไป..! ทำเอาทุกคนตะลึงกันหมด

    เมื่อพวกเราขึ้นมายังรถ รอกันจนครบถ้วนแล้ว ก็ตรงกลับมายังเมืองปากเซ ไปยังตลาดใหม่เมืองปากเซของคุณนายเหลื่อง เพื่อที่จะให้ทุกคนช็อปปิ้งได้ตามสะดวก โดยเฉพาะสินค้าเกรดเอจากต่างประเทศ มีทุกยี่ห้อ ส่งตรงจากประเทศจีน เป็นของแท้แน่นอน ใครจะซื้อไปใช้ก็โปรดระมัดระวังเจ้าของลิขสิทธิ์จะ "สะง่อม" เอาด้วย

    กระผม/อาตมภาพตั้งใจเดินมาเพื่อถ่ายรูปบริเวณวงเวียนน้ำพุ ปรากฏว่าหลังวงเวียนก็คือโรงแรมจำปาสัก
    แกรนด์ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) จึงบอกว่า เราเดินไปหยิบของที่รถ แล้วเดินกลับโรงแรมเลยดีกว่า เพราะว่าคนเราเวลาเข้าไปสู่ซอยละลายทรัพย์แล้ว ก็มักจะลืมเวล่ำเวลากันหมด..!

    เมื่อตกลงกันได้ ก็มีกระผม/อาตมภาพ ป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) น้องเล็ก "ลูกอ้วน" น้องฝู (นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล) ตลอดจนกระทั่งญาติโยมอีก ๓ - ๔ ท่านที่เห็นดีเห็นงามว่าพักผ่อนกันดีกว่า จึงเดินตามกันกลับมาจนถึงโรงแรม

    เมื่อกระผม/อาตมภาพเข้าสู่ห้องพักแล้ว ก็รีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ก่อน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะได้ใช้เวลาในการอัพโหลดต่อไป เพราะว่าวันแรกที่มาถึงนั้น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนใช้เวลาอัพโหลดถึง ๔๑ นาที ด้วยความที่ใช้อินเตอร์เน็ตที่เมืองไทยจนชิน เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนแต่ละตอน ใช้เวลาอัพโหลดไม่กี่วินาที มาที่นี่ใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมง ก็ต้องทำใจเท่านั้นเอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...