เรื่องเด่น เรื่อง..ถอดวิญญาณ และ บารมีหลวงปู่....

เรื่องถอดจิตวิญญาณ.*.บารมีหลวงปู่…

+ กายทิพย์เป็นอณูปรมาณูเล็ก ๆ กระจายไปทั่วในร่างกายเนื้อ ซ้อนอยู่กับเซลล์ของกายเนื้อ พอนั่งไปถึงจุดหนึ่ง แห่งความสงบนิ่งมากพอแล้ว กายทิพย์จากกายในกาย จะวิ่งมารวมตัวที่ท้ายทอย เหมือนมีอาการหนัก ๆ ร้อน ๆ ที่ท้ายทอย แล้วค่อย ๆ วิ่งรวมผ่านสองข้างขมับ มาผสมจิตวิญญาณที่หน้าผาก รวมกันเป็นลำแสง พวยพุ่งออกจากกายเนื้อ ตรงหน้าผากสู่อวกาศ

**....บางท่าน..ได้อุคนิมิต ปฏิภาคนิมิต..ให้เพ่งจิตตามลำแสงนั้น ไปด้วย จนแสงนั้นนิ่ง แล้วพยายามตั้งสติให้จิตแน่วแน่ ค่อย ๆ บีบลำแสงนั้นให้รวมเป็นวง เป็นดวงแก้วนั้น จะค่อยๆ สดใสแวววาวขึ้น ลอยอยู่ตรงหน้า (ดวงแก้วนี้ เปรียบเหมือนดวงใจ ใช้เรียนรู้โลกวิญญาณเหมือน กายทิพย์ได้)


#....ทีนี้..เราจะทำดวงแก้ว.ให้เป็นกายทิพย์?

---เมื่อได้ดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ให้ค่อย ๆ ส่งกระแสจิต เข้าไปบีบดวงแก้วนั้น ให้เล็กลง แล้วก็ขยายให้ใหญ่ได้จนคล่องแล้ว ก็ค่อย ๆ กำหนดบีบรัดดวงแก้วนั้น ให้กลายเป็นรูปตัวเราขึ้นมา

--- ทีแรก...จะเห็นโครงร่างแก้วที่โปร่งแสง แสดงว่า ยังถอดจิตไม่สมบูรณ์ เมื่อสมาธิสูงขึ้น จนเห็นเป็นรูปร่าง มีเนื้อ มีหน้าตาเหมือเรา นั่นคือ กายทิพย์ของเราเอง

---กายทิพย์เมื่อ ส่งกระแสจิตใจถึงขั้นสุดยอดแล้ว กายทิพย์จะชัดจนเหมือนกายจริง เดินให้คนมองเห็นได้ ด้วยตาเนื้อ(ดังพระสงฆ์บางองค์แยกกายไปบิณบาตรหลายที่ได้คราเดียวกัน) และกายทิพย์นั้นซึ่งอยู่ในสภาพกาย ก็สามารถหยิบของได้ ถ้าบำเพ็ญจิตสูงขึ้น ร่างนั้นก็จะพูดได้ และกายทิพย์นี้ จะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้เร็วมาก นึกจะไปไหนก็ไปได้ ถึงที่นั้นทันที (กลุ่มคณะหลวงปู่เทพโลกอุดรใช้กายทิพย์ดุจกายเนื้อบ่อย)

***..และจะให้ดีที่สุด ให้นำกายทิพย์ มาฝึกปลงอสุภะ กำหนดให้กายทิพย์นั้น เป็นไปตามบทปลงอสุภะ เมื่อถอดจิตปลงครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จิตใจก็จะสะอาด กายทิพย์ก็จะละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้น ....เป็นการเดินวิปัสสนา เดินปัญญา ในสมาธิ..ย่อมเข้าสู่โลกุตตระได้.เพราะจิตมันจะเบื่อหน่าย.แม้กระทั่งกายทิพย์ที่สะอาด..ยังผุพัง..ยังเป็นอนิจจัง อนัตตา..สลายตัวไปตามเหตปัจจัย...จะเกิดความเบื่อหน่าย(นิพทาญาณ).ในขันธ์๕..ทั้งกายเนื้อและกายทิพย์..นั่นคือเส้นทางสู่อริยะ..

**..มีวันหนึ่ง..ข้าพเจ้าพบหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน..มาในกายแก้ว..ลักษณะ เป็นกายขอทานชูชก..แต่ข้างในกายแก้ว...มีกายเนื้อหลวงปู่สรวง..ผลุบๆโผล่อยู่..ข้าพเจ้าจึงตะโกนว่า..กราบหลวงปู่สรวงครับ”..หลวงปู่ท่านยิ้มซื่อๆ..ปู่พูดว่า.”.เอ็งเก่ง..เห็นข้าได้”.

*...แต่ที่ประทับใจ..มิรู้ลืม..ในวันที่.พบหลวงปู่ดู่กายพระสงฆ์..ยืนกลางอากาศ..แล้วหลวงปู่..สั่งให้กายแก้วพระจักรพรรดิสีฟ้า..2.องค์(ขนาดเท่ากับกายมนุษย์)ขนาบข้างข้าพเจ้า..สั่งให้ข้าพเจ้าพร้อมพระจักรพรรดิทั้ง2องค์...เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า..ดุจจรวด..แนวดิ่ง..ยังไม่พอ..ปู่ดู่ยังสั่งให้พระแก้วจักรพรรดิ์กายสีฟ้าอีก..4-5องค์..เหาะมาจากข้างบนวิ่งเข้าไปในกายข้าพเจ้า....เมื่อพลังข้าพเจ้าหมดเหาะไม่ขึ้น....

@*...ข้าพเจ้าได้ยินเสียงปู่ดู่สั่งพระจักรพรรดิที่ขนาบข้างว่า..”ไปช่วยดันมันขึ้นไปอีก”..กายจักรพรรดิ 2องค์..จึงลงมานำมือมาดันกายข้าพเจ้าให้เหาะขึ้นสูงไปอีก..พอหมดพลัง..ก็ทำแบบนั้นอีก...(ขอเล่าแค่นี้)...เป็นท่านผู้อ่าน..ท่านจะลืมภาพนี้ไหม..ข้าพเจ้ารู้ซึ้ง ซาบซึ้ง..ตื่นตะลึง.ในมหาบารมี..มหาวิชชา.คลอบโลกธาตุ..ของหลวงปู่ดู่..แม้กายทิพย์กลับเข้าร่างแล้ว..ข้าพเจ้ายังตะลึงไม่หาย..น้ำตาไหล..แห่งความปิติ..(จิตรู้ว่า..หลวงปู่มาต่อดวงชะตา..ต่อชีวิตให้..)..เพราะขณะเหาะบนท้องฟ้า..หลวงปู่ยืนอยู่บนอากาศ..บอกข้าพเจ้าว่า.

*”เอ็งต้องไปเกิดใหม่..ข้าเลือกสถานที่เกิด.ข้าเลือกฤกษ์..เวลาเกิดใหม่..ให้แกแล้ว..ต่อไปชะตาของเอ็งจะแข็งแกร่ง..เอ็งทิ้งตัวลงมาเลย”

**..ความรู้ทางธรรม ทั้งสมถะวิปัสสนา อภิญญา.ที่ข้าพเจ้านำมากล่าว.ล้วน.มาจาก บารมีธรรมหลวงปู่ครูอาจารย์หลายๆองค์..แต่ที่ข้าพเจ้านำมาใช้มากที่สุด..คือ.คำสอนของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง..เพราะท่านกล่าวไว้คลอบคลุมหมดทุกด้านแล้ว..จะว่าไปแล้ว.หลังยุคพุทธกาล..คำสอนที่หลวงพ่อฤาษีท่านสอน..มีมากที่สุด มีทุกอย่างเท่าที่เราต้องการรู้..ข้าพเจ้าขอน้อมกราบด้วยเศียรเกล้าๆทุกๆองค์..ที่ท่านเมตตาให้พบทั้งกายทิพย์ กายธรรม คำสอน ของท่าน..สาธุ สาธุ สาธุ.

1แชร์=1ส่งต่อสิ่งที่ดีๆฝากกดที่ลิงค์นี้เพื่อติดตามคติธรรมงานบุญกันไว้ด้วยน่ะครับสาธุ https://line.me/R/ti/p/@amatatum


----------------------------------------------------------------------------------