เช่าพระปลอมมาหลอมเป็นพระแท้

"เหรียญหลวงปู่ช่วง" หรือ "พระครูนนทวุฒาจารย์" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ซึ่งตั้งอยู่หลังเรือนจำบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นที่แสวงหาของนักเลงพระเมืองนนทบุรี โดยมีความเชื่อว่า "มีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน หรือหนังเหนียว"
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ส่งผลให้เหรียญหลวงปู่ช่วงมีราคาสูงถึงหลักหมื่นบาท เมื่อเป็นเหรียญมีราคาสูง การทำเหรียญปลอมออกมาหลอกขายในตลาดพระเครื่องจึงมีจำนวนมาก
ในวงการนักเลงพระ นายฉลอง เรี่ยวแรง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.นนทบุรี น่าจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่สะสมเหรียญหลวงปู่ช่วงไว้มากที่สุด ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น "เซียนเหรียญหลวงปู่ช่วง" โดยตรงก็ว่าได้
ส่วนเหตุผลที่ ส.ส.ฉลอง เรี่ยวแรง ชอบสะสมเหรียญหลวงปู่ช่วง ก็เพราะท่านเคยแสดงปาฏิหาริย์กับตัวเอง และลูกน้องหลายครั้ง ทั้งนี้เขากล้าพูดอย่างเต็มปากว่า "ถ้าจะให้เลือกระหว่างเหรียญหลวงปู่ช่วง กับพระสมเด็จ บางขุนพรหม ผมยอมทิ้งพระสมเด็จ บางขุนพรหม แต่ขอเก็บเหรียญหลวงปู่ช่วง"
อย่างไรก็ตาม ส.ส.ฉลอง ยังเล่าถึง เหตุการณ์ที่เฉียดตายไม่มีวันลืม คือ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๓๕ ขณะนั้นยังไม่ได้เป็น ส.ส. ได้ขับรถจากนนทบุรีไปสระบุรี พอเข้าเขต อ.หินกอง จ.สระบุรี ถูกรถชนท้ายเข้าอย่างจัง ตัวเองและเพื่อนรวมทั้งรถจักรยานยนต์ กระเด็นไปคนละทิศละทาง เพราะเป็นช่วงกลางคืน ประกอบกับมีฝนตกหนักพอสมควร
ขณะกล่าวถึงตอนนี้ ส.ส.ฉลอง ได้ถลกขากางเกงให้ดูแผลเป็นบริเวณใต้หัวเข่า พร้อมกับเล่าต่อว่า "ผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครมายกตัวให้ลอยไปนอนอยู่กลางถนน จากนั้นก็เห็นแสงไฟรถยนต์กำลังวิ่งตรงเข้ามายังร่างของผม ทันใดนั้นเองผมก็เอามือจับไปที่เหรียญพระ พร้อมพูดว่า หลวงปู่ช่วงช่วยลูกด้วย รถปิกอัพสีเหลืองได้วิ่งทับขาผ่านไป ผมพยายามลุกขึ้น เมื่อรถสิบล้ออีกคันหนึ่งกำลังวิ่งผ่านมาทับซ้ำ แต่โชคดีเพื่อนมากระชากร่างผมออกมาได้ทันเวลา"
แม้ว่า ส.ส.ฉลอง จะมีความชำนาญในการพิจารณาเหรียญหลวงปู่ช่วง โดยสามารถฟันธงว่า เหรียญอันไหนเป็นของแท้อันไหนเป็นของปลอมในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เชื่อหรือไม่ว่า "ทุกวันนี้ ส.ส.ฉลอง เช่าเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมมากกว่าของแท้" ชนิดที่เรียกว่า "ถ้าเจอเหรียญหลวงปู่ช่วงปลอมต้องเช่าไว้ทั้งหมด"
ครั้งหนึ่ง เขาเคยลงทุนนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ เพื่อเช่าเหรียญหลวงปู่ช่วง ซึ่งเป็นของปลอมจากศูนย์พระแห่งหนึ่ง ในราคาหลักพันบาทเท่านั้น เพราะดูจากรูปภาพที่ประกาศขายทางนิตยสารพระ ก็เข้าใจว่าเป็นของแท้
"ผมไม่อยากให้ใครที่เช่าเหรียญหลวงปู่ช่วงไปบูชา เพื่อหวังพึ่งพุทธคุณของหลวงปู่ช่วง แล้วกลับมาย้อนด่าว่า เหรียญหลวงปู่ช่วงไม่มีพุทธคุณ และไม่แสดงปาฏิหาริย์ เพราะเช่าเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอม ผมเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ช่วง ผมไม่อยากได้ยินใครมาด่าว่าเหรียญหลวงปู่ช่วงไม่ขลัง คนที่เป็นลูกศิษย์หากได้ยินใครมาด่าอาจารย์ของตนย่อมเสียความรู้สึกแน่" นี่คือเหตุผลของ ส.ส.ฉลอง
พร้อมกันนี้ ส.ส.ฉลอง เล่าว่า เริ่มเช่าเหรียญหลวงปู่ช่วงเก็บไว้อย่างจริงจังกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว ช่วงแรกๆ ราคาอยู่ที่ ๒-๓ หมื่นบาทเท่านั้น ระหว่างที่เช่าเหรียญหลวงปู่ช่วงของแท้ ก็มีเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมผ่านมือจำนวนมากเช่นกัน จึงเกิดความคิดว่า ถ้าปล่อยให้เหรียญของปลอมผ่านมือไป คนที่ไม่รู้อาจจะเช่าโดนของปลอมก็ได้ หลังจากนั้นมา ถ้าเห็นเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมที่ไหน ก็จะเช่าเก็บไว้ทั้งหมด
ราคาเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมส่วนใหญ่ประมาณ ๘๐๐-๑,๐๐๐ บาท ที่เช่าไว้แพงสุดก็เป็นเหรียญที่เชียงใหม่ ซึ่งทางศูนย์พระลงประกาศขายผ่านนิตยสารพระเครื่องไว้ในราคา ๑๕,๐๐๐ บาท แต่เมื่อบินไปขอซื้อปรากฏว่าเป็นของปลอม ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นของปลอม แต่ก็ขอเช่ามาในราคาประมาณ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเหรียญหลวงปู่ช่วงปลอมที่เช่ามาแพงที่สุด เพราะถ้าบวกค่าเครื่องบิน และค่ารถไปด้วยน่าจะถึงหลักหมื่นบาท
สำหรับเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมที่เช่ามานั้น ส.ส.ฉลอง บอกว่า ได้เอาไปหลอมรวมกับตะกรุดของโบราณาจารย์ และโลหะศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะนำไปหล่อเป็นพระหลวงปู่ช่วงลอยองค์ จากนั้นก็นำพระรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่ช่วงไปอธิษฐานจิต ขออำนาจบุญบารมีต่อหน้ารูปปั้นหลวงปู่ช่วงที่วัด ขอให้ช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่ครอบครองบูชาอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาดปลอดภัย โดยไม่ต้องจัดหรือเข้าพิธีพุทธาภิเษกเหมือนวัดทั่วๆ ไป
เหรียญที่สร้างนี้ ส่วนหนึ่งได้มอบให้วัดบางแพรกเหนือเพื่อให้ประชาชนเช่าบูชา นำปัจจัยเข้าวัด อีกส่วนหนึ่งได้เก็บไว้เพื่อแจกให้กับผู้ที่เคารพนับถือ
นอกจากสร้างรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่ช่วงแล้ว ส.ส.ฉลอง ยังได้ทำรูปถ่ายหลวงปู่ช่วง ขนาด ๑ นิ้ว ให้ทางวัดบางแพรกเหนือ เปิดให้พุทธศาสนิกชนเช่าบูชา โดยใช้วิธีอธิษฐานจิตขออำนาจบุญบารมีต่อหน้ารูปปั้นหลวงปู่ช่วงเช่นเดียวกับรูปหล่อ แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือ เขาจะเขียนยันต์หลังรูปหลวงปู่ช่วงด้วยลายมือของตัวเอง
วิธีการอธิษฐานจิตขออำนาจบุญบารมีหน้ารูปปั้นหลวงปู่ช่วงนั้น ส.ส.ฉลอง บอกด้วยว่า ยังใช้สำหรับการเจิมรถยนต์และจักรยานยนต์ด้วย โดยเป็นผู้เจิมรถยนต์เอง ทั้งนี้จะจุดธูปอธิษฐานถึงหลวงปู่ช่วง พร้อมทั้งขอทองคำเปลวจากรูปหล่อหลวงปู่ช่วง และผงธูปจากกระถางธูปไปเจิมรถยนต์ ระหว่างการเจิมรถ ก็จะภาวนาคาถาของหลวงปู่ช่วง ที่ว่า "มะ อะ อุ อิ กะ ยุ ติ อะ หัง ปุ สะ โร ปุ สะ ทุ ภะ" ส.ส.ฉลอง พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "คนเช่าพระทุกคนล้วนอยากได้ของแท้ไปบูชาทั้งสิ้น แต่ในตลาดพระเครื่องมีของปลอมมากกว่าของแท้ และคนที่ดูพระไม่เป็นมีมากกว่าคนดูพระเป็น ถ้าคนดูพระเป็นช่วยเช่าเหรียญพระเกจิอาจารย์ของปลอมเฉพาะที่ตนนับถือ เพื่อไม่ให้คนที่ดูพระไม่เป็นต้องหลงเช่าพระปลอม ผมว่าจะเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผมอยากแนะนำคนที่ดูพระไม่เป็นว่า การเช่าพระใหม่ซึ่งเป็นพระแท้ ดีกว่าเช่าพระเก่าที่เป็นพระปลอม"