"เฉียดตาย!...นับครั้งไม่ถ้วน"พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 4 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    [​IMG]"สมองยังมีอยู่ ก็ใช้สมองทำงานสิ" พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ยังคงก้องกังวาลอยู่ในหูของ พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ ผู้อำนวย การองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ตลอดเวลา แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า ๒๐ ปี แล้วก็ตาม
    บอกว่า สำหรับแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ทสรฐ เดินเข้าสู่ชีวิต ทหาร คือ การได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการปลูกฝัง จากพ่อ (พล.ต.เสนาะ เมืองอ่ำ) ท่านเป็นลูกชาวนา แต่เส้นทางชีวิตของ ท่านก็มาเป็นทหารรับใช้ชาติ ส่วนแม่เป็นลูกทหาร ที่ จ.นครราชสีมา พี่ น้องฝ่ายแม่เป็นทหารกันทั้งครอบครัว ภายในบ้านจะมีหนังสือประวัติศาสตร์ไทยให้ เราได้อ่าน พอเรา ได้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีความรู้สึกให้รักชาติตั้งแต่นั้นมา โดยตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เป็นนักเรียน เตรียม ทหาร และนักเรียนนายร้อยว่า จะเป็นทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้าหรือสนามรบให้ดีที่สุด [​IMG]
    ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เล่าว่า หลังเรียน จบได้เลือกลงเหล่าทหารราบ สมรภูมิแรกที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่คือ จ.อุบลราชธานี จากนั้นก็เวียนไปอีกหลายสมรภูมิ เช่น อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งมีการปะทะกันจนเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย
    จากนั้นก็ไปสนามรบในประเทศลาว ก็มีการปะทะต่อสู้กันอยู่ หลายครั้ง และปะทะกันบ่อยที่สุด ขนาดอยู่ในฐานก็ต้องมีการ ฝ่าวงล้อมออกมาทำให้รอดตายมาอย่างหวุดหวิด
    ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสมรภูมินั้น ชีวิตเฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วน ที่หนักสุดก็คือ โดนระเบิดถึงกับ ทำให้ขาขาด แม้จะแขวน พระเครื่องติดตัวก็ไม่ได้คำนึงว่าเรากำลังจะไปฆ่าใคร คิดอย่างเดียวว่า ทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ
    [​IMG]มีอยู่ครั้งหนึ่ง เกิดการปะทะกันอย่างหนัก มีทหารไทยเสียชีวิต หลายนาย ทางการนำเครื่องบินใบพัดมาลำเลียงรับทหาร ความที่ เราไม่รู้ว่าเครื่องบินแบบนี้ต้องเดินเข้าด้านหลัง เรานึกว่าเหมือน กับเฮลิคอปเตอร์ ทำให้ศีรษะไปกระแทกกับด้านหน้า ของเครื่อง บินจนสลบไป หลายคนก็คิดว่าตายแล้ว จึงลำเลียงไปพร้อมกับ ทหารที่ตายไปด้วย
    พอหายเป็นปกติก็ย้ายฐานไปที่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ และมีการ ย้ายไปทั่วตามจุดที่มีกลุ่มก่อการร้าย
    พล.อ.ทสรฐ เล่าต่อว่า หลังแต่งงานปี ๒๕๑๘ เป็นช่วงที่ติดยศร้อยเอก ได้ไปเป็นผู้บังคับกองร้อย เคลื่อนที่เร็ว ประจำกอง กำลังผสมพลเรือนตำรวจทหาร ออกปฏิบัติราชการภาคสนามในพื้นที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นำกำลังซุ่มโจมตีผู้ก่อการร้าย เป็นผลสำเร็จทุกครั้ง เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ ออกซุ่มโจมตีกวาดล้าง โดยมี พ.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ (ยศในขณะนั้น) เป็นผู้บังคับกองกำลัง ได้ปะ ทะกับกองกำลังของผู้ก่อการร้ายอย่างรุนแรง ฝ่ายเราประสบความสูญเสียอย่างหนัก เพราะตกอยู่ ในพื้นที่เสียเปรียบ จึงเดินเรียงหน้ากระดานเข้าหาข้าศึก
    ระหว่างนั้นมีใครคนหนึ่งเดินสะดุดกับระเบิด ทำให้เกิดระเบิดขึ้น เสียงดังมาก ช่วงระเบิดดังก็รู้ เพราะจับที่ขาตัวเองรู้สึก ว่ากระดูกทิ่มมือ เจ็บบริเวณขาข้างขวาท่อนล่าง แต่ไม่คิดว่าต้องตัดขา [​IMG]
    มีมอร์ฟีนติดตัวก็ฉีดเข้าที่ขาตัวเอง บรรเทาความปวด เวลา ต่อมารู้ว่าตัวเองขาขาด แต่ก็ไม่ตกใจอะไร เพราะถือว่าเราเป็น ชายชาติทหาร
    "ขณะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ท่านเสด็จฯ มาเยี่ยมและทรงให้กำลังใจว่า สมอง ยังมีอยู่ ก็ใช้สมองทำงานสิ พระราชดำรัสของพระองค์ประดุจยา วิเศษ เป็นแรงบันดาลใจให้ต่อสู้บากบั่น เอาชนะอุปสรรค ต่างๆ มาวันนี้เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะว่า ท่านเป็นจอมทัพไทย เวลาเราได้ยศร้อยตรี ท่านก็ พระราชทาน กระบี่ให้ เวลาเราเจ็บ ท่านก็ทรงมาเยี่ยมเรา จะเห็นได้ว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งทหารเลย ตั้งแต่ นั้นมา คิดว่า ต้องทำงานรับใช้ประเทศชาติต่อไป" นี่คือความภูมิใจมากที่สุดในชีวิตทหาร ของผู้ อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
    เมื่อถามถึงความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม พล.อ.ทสรฐ บอกว่า การดำเนินชีวิตของคนเป็นไปตาม กฎแห่งกรรม จากประสบการณ์ผ่านสมรภูมิรบก็มีการต่อสู้แล้วมีคนตายมาก็มากมาย อาจเป็นเรื่อง ของกรรมที่เราอาจต้องชดใช้ ครั้งหนึ่งเมื่อครั้ง เป็นเด็ก ชอบจับจิ้งหรีดมากัดกัน ตัวที่แข็งแรงกว่า ก็เลยไปดึงขามันออกไปหนึ่งข้าง เพื่อลดความแข็งแรงให้มันสู้กันอย่างเสมอภาค ตรงนี้เองหากมอง ไปถึงเรื่องกรรมที่ย้อนกลับมาสนองตัวเอง ทำให้วันนี้ตัวเองต้องขาขาด ซึ่งเป็นกรรมที่แสดงผลใน ชาติปัจจุบัน ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า
    "คนเราเกิดมาเป็นลูกผู้ชายต้องสู้ อย่าท้อแท้ ทำด้วยความขยันซื่อสัตย์สุจริต ผลตอบแทนก็จะตามมา ตัวเองที่รู้ว่าขาขาด ได้รับกำลังใจจากในหลวง จากพ่อแม่ เป็นเหมือนพลังใจว่า เราต้องสู้ วันนี้ได้ยศ พล.อ.ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่เรามีใจที่จะสู้ จึงอยากบอกว่า คนเราจะพิการหรือไม่พิการใจต้องสู้ ใครที่มี ปมด้อยก็จงเอามาเป็นปมเด่น ทุกวันนี้ก็พูดกับลูกน้องตลอดว่า การทำงานในชีวิตราชการ ต้องเอา ใจผู้บังคับบัญชาด้วยการทำงาน เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงาน แต่คนที่เอาใจผู้บังคับบัญชาในเรื่อง ส่วนตัว ถึงโตก็โตได้ไม่นาน" พล.อ.ทสรฐ กล่าวทิ้งท้าย
    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ พีระรัตน์ ธรรมจง [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...