***เครื่องรางของขลังคณาจารย์ดัง***...Updateเริ่มหน้า 5///

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย TRUSTthanong, 28 มกราคม 2011.

  1. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ปิดรายการครับ
    รายการที่ 1.
    เหรียญหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
    เหรียญรุ่นพิเศษ ปลุกเสกพิธีใหญ่ที่วัดพระแก้ว กทม.
    หนังสือพระเรียกเหรียญนี้ว่า "เหรียญสายสิญจ์ไหม้"
    เพราะหลวงพ่อได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกที่วัดพระแก้ว ในคราวนั้นหลวงพ่อแพปลุกเสกน้ำมนต์เดือด ส่วนหลวงพ่อจวนปลุกเสกสายสิญจ์ ไฟลุกจากมือไปตามสายสิญจ์ แต่ไม่ไหม้สายสิญจ์

    พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน สุจิตฺโต)
    เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2458

    พ.ศ. 2473 อายุได้ 16 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองสุ่ม อยู่ 3 พรรษา ต่อมาได้ลาสิกขา เพื่อไปช่วยพี่สาวประกอบอาชีพกสิกรรม

    พ.ศ. 2475 อายุได้ 22 ปี อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดประศุก ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี ได้มาจำพรรษาที่วัดหนองสุ่ม 1 พรรษา แล้วย้ายไปอยู่ที่วัดโพธิลังกา ต .ท่างาม อ.อินทร์บุรี เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม

    พ.ศ. 2482 ได้ลาสิกขาบทไปประมาณ 5 เดือนเศษ เพื่อไปช่วยพี่สาวที่อุปการะเลี้ยงมา

    พ.ศ. 2483 อายุได้ 26 ปี ทำการอุปสมบทใหม่ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 22483 ณ พัทธสีมาวัดประศุก และได้มาจำพรรษาอย่วัดหนองสุ่ม ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งถึงวันละสังขาร

    หลวงพ่อจวน ได้ละสังขารเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 (แรม 8 ค่ำ เดือน 8) รวมอายุได้ 79 ปี

    พระอาจารย์ที่หลวงพ่อจวนได้ศึกษาเล่าเรียน (ที่พอหาได้) ได้แก่
    หลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่ วิชาเครื่องรางของขลัง
    หลวงพ่อกอง จังหวัดสุโขทัย วิชาตะกรุดโทน
    หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
    และอาจารย์ที่เป็นฆาราวาสอีกหลายท่าน

    "หลวงพ่อจวนเป็นพระองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ลูกศิษย์ไปกราบ และทำบุญด้วย
    เนื่องจากหลวงพ่อ ไปเจอหลวงพ่อจวนที่พระจุฬามณี โดยหลวงพ่อจวนไปทั้งกายเนื้อ"

    "สมัยที่หลวงพ่อจวนยังอยู่ จะไม่ให้ทำหนังสือวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ของ ๆ ฉันถ้าจะดังเดี๋ยวดังเอง"

    [​IMG]

    รับประความแท้ 100%
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  2. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 2.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
    เหรียญรุ่นพิเศษ ปลุกเสกพิธีใหญ่ที่วัดพระแก้ว กทม.
    หนังสือพระเรียกเหรียญนี้ว่า "เหรียญสายสิญจ์ไหม้"
    เพราะหลวงพ่อได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกที่วัดพระแก้ว ในคราวนั้นหลวงพ่อแพปลุกเสกน้ำมนต์เดือด ส่วนหลวงพ่อจวนปลุกเสกสายสิญจ์ ไฟลุกจากมือไปตามสายสิญจ์ แต่ไม่ไหม้สายสิญจ์


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00012.JPG
      DSC00012.JPG
      ขนาดไฟล์:
      118.5 KB
      เปิดดู:
      619
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  3. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 3.

    เหรียญหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
    รุ่นทูลเกล้า ๒๕๒๑ ออกวัดชุมพลครับ
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
    ราคา 500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    เลี่ยมกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00020.JPG
      DSC00020.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.1 KB
      เปิดดู:
      677
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  4. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 4.

    ปิดรายการแล้วครับ
    กริ่งรูปเหมือน หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    เลี่ยมในพลาสติกเก่า

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00003.JPG
      DSC00003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.7 KB
      เปิดดู:
      323
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  5. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 5.

    ปิดรายการแล้วครับ
    วัตถุมงคลพระอรหันต์ หลวงปู่แหวน
    วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    1.พระผงรูปเหมือน หลวงปู่แหวน
    2.เหรียญครบคอบ ๙๖ ปี ๑๖ มกราคม ๒๕๒๖
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00002.JPG
      DSC00002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.6 KB
      เปิดดู:
      214
    • DSC00003.JPG
      DSC00003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.3 KB
      เปิดดู:
      124
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  6. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 7.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญประสบการณ์ รุ่น ฉลองอายุ ๘๕ ปี วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๒๘
    หลวงพ่อนารถ นาคเสโน หรือ พระครูโสภณประชานารถ
    วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ต. ท่าม่วง อ. ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี.

    นามเดิมของท่านคือ นารถ เพิ่มบุญ เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2444 ตรงกับวัน ศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ปี ฉลู ที่บ้าน หุน้ำส้ม ( เข้าใจว่าอยู่แถว ลำห้วยสะด่อง เลย บ้านท่าทุ่งนาขึ้นไปพอสมควร ) อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี โยมบิดา และมารดา ชื่อ นายพิมพ์ เพิ่มบุญ และ นางสมบุญ ตามลำดับ
    ได้เข้าอุปสมบท เมื่อ วันที่ 10 กรกฏาคม พ.ศ. 2465 ณ. พัทธสีมา วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง โดยมีพระวิสุทธิรังษี ( เปลี่ยน ) วัดใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมี พระครูยติวัตรวิบูลย์ ( พรต ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีพระปลัดจู แห่งวัดใต้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ในแผ่นพับของทางวัด ศรีโลหะนั้น ระบุว่าท่านได้รับการถ่ายทอดวิชา และพุทธาคมจาก หลวงพ่อพรต แห่งวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และ หลวงพ่อนาก วัดท่าน้ำตื้น นอกจากนั้นยังได้รับการชี้แนะเรื่อง การวิปัสสนากรรมฐาน จาก หลวงพ่อสด แห่งวัดปากน้ำภาษีเจริญอีกด้วย
    ท่านได้ละสังขาร มรณภาพไปเมื่อ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 รวม สิริอายุ ได้ 86 ปี พรรษา 65 พรรษา

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00002.JPG
      DSC00002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.3 KB
      เปิดดู:
      150
    • 3_1265252011.jpg
      3_1265252011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.8 KB
      เปิดดู:
      228
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  7. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 8.

    ปิดรายการแล้วครับ
    ปลาตะเพียน มหามงคล ปี ๒๕๔๗
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว พระนครศรีอยุธยา
    ปลาตะเพียนนั้น โบราณกาลเชื่อว่า มีพุทธคุณด้านค้าขาย โชคลาภ
    เป็นพุทธานุสติด้านการขยันหมั่นเพียรทำมาหากิน เพื่อสร้างฐานะความร่ำรวย

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00032.JPG
      DSC00032.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.6 KB
      เปิดดู:
      127
    • DSC00041.JPG
      DSC00041.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127.3 KB
      เปิดดู:
      120
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  8. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 9.

    [​IMG]
    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ราชบุรี ปี ๒๕๓๙
    มีจารหมึกลายมือของหลวงพ่อ องค์นี้รับมากับมือท่านตอนไปกราบท่านครับ ท่านเมตตาจารที่เหรียญเพิ่มมาให้ครับ

    หลวงพ่อสง่าวัดหนองม่วงและวัดบ้านหม้อ เป็นเกจิลุ่มน้ำแม่กลอง ท่านเป็นศิษย์ หลวงพ่อดี วัดบ้านยาง ซึ่งเก่งในด้านการสร้างพระปิดตามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี ,หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาลบผงอิทธิเจ ปถมัง และการเขียนยันต์ 108, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้วิชามหาอุตม์, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้ครอบครูนะเมตตาและได้รับการสอนวิชาเจริญวิปัสสนาและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกมากมาย
    หลวงพ่อท่านได้เป็นอาจารย์สักอยู่หลายปีจนกระทั่งได้ข่าวว่าผู้ที่ท่านสักให้ส่วนมากไปกระทำชั่ว เป็นนักเลงเพราะฮึกเหิมลำพองในความคงกระพันของรอยสักที่หลวงพ่อสักให้ ท่านจึงได้เลิกพิธีกรรมการสักทั้งหมดเพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง
    1.หลวงพ่อสง่าท่านจะเน้นเรื่องพุทธคุณมากเลยครับ (เป็นฤทธิ์ที่สำเร็จได้ด้วยพุทธคุณ)
    2.หลวงพ่อสง่าท่านเป็นนักกรรมฐานที่ฝึกกรรมฐานมามากทีเดียว ท่านถึงให้ความสำคัญ แทรกยาดำด้วย คำภาวนา "สัมมาอะระหังพุทโธ"
    3.หลวงพ่อสง่าท่านเป็นผู้ชำนาญเรื่องฤกษ์เรื่องยามเป็นอย่างดีพอสมควรถึงให้ความสำคัญกับ จักรราศี



    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00016.JPG
      DSC00016.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121 KB
      เปิดดู:
      143
    • DSC00023.JPG
      DSC00023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      130
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  9. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 10.

    ปิดรายการแล้วครับ
    พระสมเด็จไกเซอร์ ๙๕ หลังรูปหลวงรูปเหมือน
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00035.JPG
      DSC00035.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170 KB
      เปิดดู:
      136
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  10. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 11.

    ปิดรายการครับ
    เหรียญปี ๒๕๑๑
    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม กาญจนบุรี

    [​IMG]
    พระราชอุดมมงคล หรือ “พระมหาอุตตมะรัมโภภิกขุ” หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ “หลวงพ่ออุตตมะ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ชาวมอญ ผู้มีบทบาทผู้นำคนสำคัญของชาวมอญพลัดถิ่นที่สังขละบุรี

    ประวัติหลวงพ่ออุตตมะ








    <DD>หลวงพ่ออุตตมะเกิดเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 ปีจอ จุลศักราช 1272 (พ.ศ. 2453) ที่หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง เป็นบุตรของนายโงและนางทองสุข อาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 12 คน เนื่องจากเป็นทารกเพศชายเกิดในวันอาทิตย์จึงมีชื่อว่า “เอหม่อง”








    <DD>ปี พ.ศ. 2462 ขณะเด็กชายเอหม่องมีอายุได้ 9 ขวบ เกิดอหิวาตกโรคระบาดขึ้นในหมู่บ้าน บิดามารดาจึงพาเด็กชายเอหม่องไปฝากกับพระอาจารย์นันสาโรแห่งวัดโมกกะเนียงผู้เป็นลุงเพื่อให้ปรนนิบัติรับใช้และศึกษาพระธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองจากโรคภัย เด็กชายเอหม่องเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษาอย่างยิ่ง จนสามารถสอบได้ชนะเด็กในวัยเดียวกันเป็นประจำทุก ๆ ปี








    <DD>ปี พ.ศ. 2467 เด็กชายเอหม่องอายุได้ 14 ปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ต้องสูญเสียน้องชายถึง 5 คน เด็กชายเอหม่องจึงขอออกจากวัดโนกกะเนียงเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านด้วยความขยันขันแข็ง จนกระทั่งอายุ 18 ปี เจ้าอาวาสวัดเกลาสะได้ไปขอกับบิดามารดาให้เด็กชายเอหม่องไปบรรพชาเป็นสามเณร








    <DD>หลวงพ่ออุตตมะบรรพาเป็นสามเณร ณ วัดเกลาสะ ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง เมื่อจุลศักราช 1291 (พ.ศ. 2472) โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีนั้นเองหลวงพ่อศึกษาภาษาบาลี และพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมตรี อีกปีหนึ่งต่อมาสอบได้นักธรรมโท แต่ไม่นานหลวงพ่อก็ตัดสินใจสึกออกมาเพราะเห็นว่าไม่มีใครช่วยบิดามารดาทำนา








    <DD>จนกระทั่งหม่องเอ ซึ่งเป็นลูกของพี่สาวของบิดา ได้มาอาศัยอยู่ด้วย หลังจากที่บิดามารดาของหม่องเอเสียชีวิตจนหมดสิ้น ซึ่งเท่ากับว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระในการทำนา และมีญาติซึ่งไว้วางใจได้มาคอยดูแลบิดามารดา หลวงพ่ออุตตมะจึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเกลาสะ โดยมีพระเกตุมาลา วัดเกลาสะ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระนันทสาโร วัดโมกกะเนียง เป็นพระกรรมวาจารย์ พระวิสารทะ วัดเจ้าคะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2476 ได้รับฉายาว่า “อุตตมรัมโภ” แปลว่า ผู้มีความพากเพียรอันสูงสุด” โดยหลวงพ่ออุตตมะได้ตั้งเจตจำนงที่จะบวชไม่สึกจนตลอดชีวิต








    <DD>ด้วยความพากเพียรและใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรม ในปี พ.ศ. 2474 หลวงพ่ออุตตมะสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ณ สำนักเรียนวัดปราสาททอง อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 สอบได้เปรียญธรรม 8 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสุขการี อำเภอสะเทิม จังหวัดสะเทิม ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ในประเทศพม่า ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงพ่อจึงเดินทางกลับวัดเกลาสะ และได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอนภาษาบาลีแก่ภิกษุสามเณร








    <DD>ต่อมาท่านก็ลาพระอุปัชฌาย์เดินทางไปศึกษาวิปัสนากรรมฐานที่วัดตองจอย จังหวัดมะละแหม่ง และวัดป่าเลไลย์ จังหวัดมัณฑะเลย์ จนมีความรู้ความสามารถในเรื่องวิปัสนากรรมฐานตลอดจนวิชาไสยศาสตร์และพุทธคมเป็นอย่างดี ปี พ.ศ. 2486 หลวงพ่อจึงเริ่มออกธุดงค์เพื่อหาประสบการณ์








    <DD>หลวงพ่ออุตตมะออกธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ ในประเทศพม่า และเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกทางจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาทราบข่าวว่าพระเกตุมาลา พระอุปัชฌาย์กำลังอาพาธ จึงรีบเดินทางกลับพม่า จนกระทั่งพระเกตุมาลามรณภาพ ท่านก็ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ หลวงพ่อเดินทางเข้ามาทางตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณปี พ.ศ. 2492








    <DD>และใน ปี พ.ศ. 2492 อันเป็นพรรษาที่ 16 ของพระมหาอุตตมะรัมโภ พายุไต้ฝุ่นพัดจากทะเลอันดามัน สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะบ้านโมกกะเนียง และเกลาสะ มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคน บ้านเรือนเหลือเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านลำบากยากแค้นแสนสาหัส ข้าวของอาหารการกินขาดแคลนกันทั่วหน้า








    <DD>นอกจากภัยธรรมชาติแล้ว ชาวบ้านยังต้องประสบเคราะห์กรรมจากปัญาความขัดแย้งในทางการเมืองอีกด้วย เนื่องจากการปะทะและต่อสู้ระหว่าง กองทหารของรัฐบาลพม่า กับกองกำลังติดอาวุธกู้ชาติ อีกทั้งกองกำลังกู้ชาติบางกลุ่มแปรตัวเองไปเป็นโจรปล้นสดมภ์ชาวบ้าน








    <DD>ด้วยความเบื่อหน่ายเรื่องการรบราฆ่าฟันกัน ระหว่างชนเผ่า หลวงพ่ออุตตมะจึงตัดสินใจจากบ้านเกิด มุ่งหน้าสู่ดินแดนประเทศไทย เป้าหมายที่แท้จริงของท่านในเวลานั้น คือเขาพระวิหาร ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านรู้ข่าวต่างเสียใจ ไม่อยากให้ท่านจากไปพากันร้องไห้ระงมด้วยความอาลัย ซึ่งท่านได้ชี้แจงการออกเดินทางของท่านว่า “การไปของเราจะเป็นปรหิต เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น” <DD>หลวงพ่อเดินทางเข้าเมืองไทยในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2492-2493 ทางหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก ชายแดนเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนไทยสองคน ซึ่งมีเชื้อสายมอญพระประแดงที่มาทำเหมืองแร่ที่บ้านอีต่อง ทั้งคู่ได้จัดบ้านพักหลังหนึ่งให้เป็นกุฏิชั่วคราวของหลวงพ่อ มีชาวเหมืองจำนวนมากมาทำบุญกับหลวงพ่อ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีวัดและพระสงฆ์เลย








    <DD>เดิมทีนั้น คนไทยเชื้อสายมอญพระประแดงทั้งสอง ต้องการสร้างกุฏิถวายหลวงพ่ออุตตมะให้จำพรรษาอยู่ที่บ้านอีต่อง แต่หลวงพ่อไม่รับ เนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นพระเถื่อนเข้าเมืองไทย ท่านจึงต้องการไปขออนุญาตจากพระผู้ใหญ่ที่ปกครองเขตปิล็อกเสียก่อน ทั้งสองจึงพาหลวงพ่ออุตตมะ มาจำพรรษาที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี กับหลวงพ่อไตแนม ซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงและอุปสมบทที่วัดเกลาสะเช่นเเดียวกับหลวงพ่ออุตตมะ








    <DD>ปี พ.ศ. 2494 ขณะจำพรรษาที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่ออุตตมะมีโอกาสไปสักการะพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ทำให้หลวงพ่อได้พบชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่มาจากเมืองต่าง ๆ เช่น แม่กลอง สมุทรสาคร มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้นิมนต์หลวงพ่อ ไปจำพรรษาที่วัดบางปลา ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร








    <DD>หลังจากเดินทางกลับจากวัดบางปลา มาจำพรรษาที่วัดท่าขนุน หลวงพ่อไตแนมขอให้หลวงพ่ออุตตมะ ไปจำพรรษาที่วัดปรังกาสีซึ่งเป็นวัดร้าง บริเวณวัดปรังกาสีมีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และบริเวณนั้นไม่มีพระหรือวัดอื่นเลย หลวงพ่อร่วมกับกำนันชาวกะเหรี่ยงนิมนต์พระกะเหรี่ยง จากตลอดแม่น้ำแควใหญ่และแควน้อยได้ 42 รูป มาอยู่ปริวาสที่วัดปรังกาสี 9 วัน 9 คืน หลัง








    <DD>จากนั้นก็สร้างกุฏิและเจดีย์ขึ้น หลวงพ่อนิมนต์พระกะเหรี่ยงมาจำพรรษาที่วัด 3 รูป ท่านสอนภาษามอญแก่พระทั้ง 3 รูปนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการสอนธรรมะต่อไป








    <DD>หลวงพ่ออุตตมะจำพรรษาอยู่วัดปรังกาสีหนึ่งพรรษา ต่อมาผู้ใหญ่ทุม จากท่าขนุนมานิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยมหลวงปู่แสงทีวัดเกาะ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งเคยไปจำพรรษาที่วัดโมกกะเนียง เกลาสะ และมะละแหม่งมาก่อน และในพรรษานั้น หลวงพ่ออุตตมะได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ ตามคำนิมนต์ของหลวงปู่แสง




    ปี พ.ศ. 2494 ขณะที่หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ มีคนมาแจ้งข่าวแก่หลวงพ่อว่า ที่กิ่งอำเภอสังขละบุรีมีชาวมอญจากบ้านเดิมของหลวงพ่ออพยพเข้าเมืองไทย ทางทางบีคลี่เป็นจำนวนมาก และต้องการนิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยม เมื่อหลวงพ่ออุตตมะออกจากจำพรรษา แล้วเดินทางกลับไปยังอำเภอทองผาภูมิ และไปยังอำเภอสังขละบุรี และพบกับคนมอญทั้งหมดที่มาจากโมกกะเนียง เจ้าคะเล และมะละแหม่ง บ้านเกิดของท่าน หลวงพ่อจึงพาชาวมอญเหล่านี้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านวังกะล่าง นับเป็นจุดกำเนิดแรกเริ่มของชุมชนชาวมอญในสังขละบุรี


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ






    </DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00026.JPG
      DSC00026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.1 KB
      เปิดดู:
      206
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  11. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 12.

    ปิดรายการแล้วครับ
    รูปเหมือน ๙๕ ปี
    หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม

    [​IMG]
    ประวัติโดยสังเขป

    พระครูสถิตโชติคุณ(หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ) วัดปรีดาราม (ยายส้ม) ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม

    ณ ดินแดนศรีทวาราวดี เมืองแห่งพระปฐมเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ซึ่งมีตำนานประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่สุดนับด้วยพันปีของสุวรรณภูมิ ได้ปรากฏกำเนิดยอดแห่งเกจิอาจารย์ เป็นที่ศรัทธาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านทุกระดับชั้นมีมานานนับเนื่องหลายร้อยรูป จนมาถึงปัจจุบันก็ปรากฏ “หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ” ปรากฏบุญญฤทธิ์บารมีโดดเด่นลือลั่นไปทั่วประเทศ ด้วยสรรพวิทยาพุทธาคม ไสยเวทย์ที่เจนจบ ร่ำเรียนสั่งสมมาจากบยอดเกจิอาจารย์มากมายในอดีต ตลอดทั้งได้จาริกธุดงค์ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในเถื่อนถ้ำ ภูเขาลำเนาไพรอันเติมไปด้วยภยันอันตรายสรรพสัตว์ร้ายและภูติไพรนานา กระทั่งสำเร็จวิชาชาคมพุทธเวทย์ก็ล่วงเวลาก็ล่วงเวลามาเกือบค่อนศตวรรษ อายุ ๗๗ ปี พรรษที่ ๕๖

    หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ถือกำเนิดเมื่อ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๔ ตรงกับพุธ แรม ๖ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ณ บ้าน ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุทยา บิดาชื่อ “เสือ” มาราชื่อ “ยิ้ม” นามสกุล
    “พุทธศร” โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช. ไสว พุธทศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวท์มนต์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปัจจุบัน ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดปรีดารามเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดปรีดาราม โดยหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลนเป็นพระอุปัชฌาย์สามเณรไสว พุทธศร ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปรีดารามเป็นเวลา ๔ ปี ครั้นที่วันที่ ๔ กรกฎาคม
    พ.ศ.๒๔๘๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดปรีดาราม โดยหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เจิมวิสุทธิญา โณ เจ้าอาวาสวัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตวณฺโณ” จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมสอบ ได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน และร่ำเรียนอย่างอุกฤษฏ์ด้านวิทยาคม ไสวเวทย์ วิชาอาถรรพณ์ เร้นลับ พุทธคมต่างๆ มีความรู้ลึกซึ่งเป็นพหูสูตมาตั้งต้น และนำมาช่วยญาติโยมเห็นผมเป็นที่ประจักษ์
    บูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดวิทยาคม ให้หลวงพ่อมีทั้งฆารวาสและบรรพชิต โดยท่านเป็นผู้คงแก่เรียนเมื่อทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีเก่งกล้าอยู่ที่ทิศใด ท่านก็จะดั้นด้นไปหา ขอศึกษาหาความรู้จนแตกฉาน เรียกว่า ปรนนิบัติอาจารย์เป็นเลิศ อาจารย์ก็เมตตาเห็นว่าตั้งใจจริง จึงถ่ายทอดวิชาให้ ชนิดแบบหมดไส้หมดพุง ถึงลูกถึงคนถึงพริกถึงขิง คือทดลอง ให้เห็นกันจะจะเลยทีเดียว ศิษย์ทำได้ถือว่าสำเร็จ แม้บางครั้งเสี่ยงต่อชีวิตแต่หลวงพ่อก็ไม่ย้อท้อ ขอเพียงให้ได้วิชาหรือศาสตร์อันลึกล้ำพิสดารนั้นมาท่านก็พอใจแล้วครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อไสว เท่าที่พอจะประมวลได้พอสังเขปมีดังนี้

    ๑.หลวงปู่พูน เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นยอดพระเกจิฯ ร่นเดียวกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผัดกูด และสหธรรมิกรุ่นพี่ของ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งหลวงพ่อเงินท่านนับถือหลวงปู่พูน ในฐานะเป็นพระเกจิฯ รุ่นอาวุโสและเคยนิมนต์ให้มาปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่านหลวงปู่พูนท่านเป็นเจ้าตำรับวิชาคงกระพันชาตรี ขนาดใช้ฝ่ามือผ่าไม้รวกได้ วัตถุมงคลหลวงปู่พูน เซียนพระรุ่นเก่าๆรู้จักกันดี เช่นพระสังกัจจายน์ เนื้อผงใบลาน นางกวัก เนื้อผงดินเผา ปลัดขิก เหรียญรุ่น ๑ พ.ศ.๒๔๙๐ ผ้ายันต์-ผ้าประเจียด-ตะกรุดโทนปัจจุบันโด่งดังแต่หายากมาก หลวงพ่อไสว ได้รับการถ่ายทอดวิชา การลงอักขระเลขยันต์คงกระพันชาตรี วิชามหาอุด วิชาเมตตามหานิยม และอาถรรพ์เวทย์หลายด้านครบถ้วนจากหลวงปู่พูน ชนิดที่เรียกว่าครอบจักรวาลทีเดียว ที่หลวงพ่อไสวโด่งดังมากคือ ตะกรุดโทน ตำรับหลวงปู่พูน
    หลวงปู่พูน มรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ปัจจุบันมีรูปเหมือนขนาดเท่าองศ์จริงประดิษฐานอยู่ที่ ณ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นที่เคารพนับถือของคนนครปฐมมาก ทุกครั้งที่ทางวัดมีงานสำคัญ จะนิมนต์หลวงพ่อไสว ไปร่วมงานในฐานนะศิษย์เอกหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อันเป็นที่ อมตะในตำรับผ้ายันต์-ตะกรุดโทน

    ๒.หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) ท่านบวชที่ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่พูน ลำได้รับการถ่ายทอดพุทธวิทยาคมไปจากหลวงปู่พูน หลวงพ่อไสว ได้รับการฝึกฝนสมาธิจิตพื้นฐาน จากหลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม เมื่อได้เคล็ดวิชาเบื้องต้นแล้ว หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม จึงได้นำหลวงพ่อไสวไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่พูน ซึ่งเป็นปรมาจารย์จึงได้รับการถ่ายทอดสรรพวิทยาคาทั้งหมดฯลฯ ในปัจจุบันมีรูปเหมือนเท่าจริงหลวงพ่อเงิน ประดิษฐานอยู่หน้าอุโบสถหลังเก่าวัดปรีดาราม

    ๓.อาจารย์ยัง เพชรบุรี เป็นครูสักยันต์ชื่อดังระดับประเทศ เคยบวชเรียนและศึกษาพุทธาคมจากหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาจารย์ยัง ท่านเก่งทางวิชาหาสะเดาะ สะเดาะลูกกุญแจหรือกลอนประตูดุจ ขุนแผน กลับชาติมาเกิด หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม นำหลวงพ่อไสว ไปเรียนวิชาบางประการ อันเป็นเอตทัคคะของอาจารย์ยัง อาจารย์ยังเกรงใจหลวงพ่อเงิน จึงถ่ายทอดวิชาพิเศษให้
    หลวงพ่อไสว อาทิเช่น การทำมหายันต์กำเนิดนารายณ์ อันมีฤทธานุภาพยิ่งต่อมาผ้ายันต์กำเนิดนารายณ์ของหลวงพ่อไสว ก็โด่งดังลือลั่นมีศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งเผชิญมหาภัย ใช้ผ้ายันต์อธิษฐาน
    ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองมาเห็นตัว กลับเห็นคนโพกผ้าแดงเต็มไปหมด จึงหนีรอดจากปวงภัยไปได้ด้วยปาฏิหาริย์ผ้ายันต์นั้น นอกจากนี้ป้องกันภูตผีปีศาจ ด๗รผู้ร้ายไม่อาจทำอันตรายได้ นิยมติดผ้ายันต์นี้ไว้เหนือประตูบ้าน มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีผู้นักพบประสบการณ์มากมาย

    ๔.เสือย้อยชูรอด เป็นเสือร้ายจำใจในอดีต เป็นคนหมู่บ้านถนนขาด แถวเกาะวังไทร นครปฐม ตอนหลังกลับใจเป็นคนดีเป็นจอมขมังเวทย์ฤทธิ์เวทย์ขมังขลังนักเป็นที่เลื่องลือหลวงพ่อไสว ได้ขอเรียนวิชา “ยันต์หน้าพระ” หรือนะหน้าคนจากเสือย้อย ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทให้ด้วยความเต็มใจชนิดครอบครูยกตำรับตำราให้เลย หลวงพ่อไสวฝึกฝนสูตรสนธิแม่นยำ และประทับใจในยันต์หน้าพระมาก หลวงพ่อไสวจึงใช้ยันต์เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวท่าน โดนใช้ยันต์นี้ประทับอยู่ด้านหลังเหรียญของท่านแทบทุกรุ่น ได้รับปรากฏอิทธานุภาพเป็นที่รำลือเช่นกัน ตำรับยันต์หน้าพระเสือย้อยได้มอบแก่ “พระอาจารย์สำราญ” วัดเขาตะเครา และพระราชสุธรรมเมธี (หลวงพ่อ-เทพ) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวิหาร อีกด้วย หลวงพ่อไสวจะเขียวยันต์นี้เจิมบ้าน เจิมรถ ลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์ โดยบริกรรมภาวานาเรียกสูตรเรื่อยไปตากตำรับ ห้ามยกดินสอ กระทั่งเขียวเสร็จ

    ๕.หลวงพ่อขาว วัดสวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา “ปิดทองเข้าหน้าผาก” หรือลงนะหน้าทองตำรับพิสดารให้แก่หลวงพ่อไสว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง ต้องใช้พลังจิตชั้นสูงบริกรรมภาวานา โดยปิดทองคำเปลวที่หน้าผาก โดยใช้ ๓ แผ่นบ้าง ๙แผ่นบ้าง โดยไม่ต้องแกะกระดาษปิดออก หลวงพ่อเสกบริกรรม แล้วตบเบาๆ เปรี้ยงเดียวแผ่นทองคำก็หายไปในหน้าผากทั้งหมด มีอาณุภาพทางเมตตามหานิยม คุ้มภัยนานา

    ๖.อาจารย์ปิ่น รอดคลองตัน สมุทรสาคร เก่งในเรื่อง “ปลัดขิก” เพราะเป็นศิษย์หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นศิษย์หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา เป็นศิษย์หลวงปู่พูน
    วัดใหม่ปิ่นเกลียว ปลัดขิกของหลวงพ่อไสวมีผู้อาราธนาฟาดสายรุ้ง ขาดออกจากกัน และเมื่อปลุกเสกในบาตรน้ำมนต์ วิ่งพล่านดุจมีชีวิต และกระโดดออกจากบาตรได้ ปัจจุบันหลวงพ่อไสว เป็นศูนย์รวมหนึ่งเดียวของการปลุกเสกปลัดขิกมีอาณุภาพอัศจรรย์ปรากฏชื่อเกียรติคุณอยู่ในขณะนี้

    ๗.อาจารย์แช่ม ตะโกสูง จ.นครปฐม เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อแช่มนั้นเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์หลายประการรวมทั้งย่นระยะทางได้ อาจารย์แช่มเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผ่นโบราณตำรับพุทธมนต์โอสถแก่หลวงพ่อไสว ซึ่งหลวงพ่อไสว เคยรักษาโรคร้ายแรง ที่โรงพยาบาลไม่รับ หายมาแล้วมากมาย ฯลฯ

    ๘.พระปลัดตู่ วัดหนองเสือ มีวิชาเร้นลับสำคัญอยู่ เรียกว่า วิชาตกวิญญาณ สำหรับใช้เรียกวิญญาณคนตกน้ำตายเพื่อนำวิญญาณไปอยู่ในที่อันควร พระปลัดตู่ได้ถ่ายทอดวิชาตกวิญญาณ
    ให้หลวงพ่อไสวอย่างสมบูรณ์แบบได้ผลอัศจรรย์ยิ่งพิธีสังเขปคือ เมื่อเรียกวิญญาณปลุกเสกหุ่นเสร็จ ตั้งเครื่องเสียกบาลต่างๆ แล้วใส่กระทงกากล้วย ทำบัตรพลี ใช้เบ็ดตกปลาเกี่ยวดินอาคมหย่อนลงไปในน้ำที่มีคนตกไปตาย บริกรรมคาถาเรียกวิญญาณ ผู้ที่มาเห็นปรากฏการณ์ประหลาดมีคลื่นวิ่งเป็นทางยาว สายเบ็ดกระตุกดุจมีปลาใหญ่มากินเหยื่อ จนคันเบ็ดโค้งโก่งไปโก่งมา ต้องกันดึงขึ้นมา ฯลฯ เรื่องนี้ชาวบ้านคลองจินดาต่างประจักษ์กันดี การตายโหงทุกรูปแบบหลวงพ่อก็ไปทำพิธีมาหมดแล้วแม้แต่มีผีเจ้าของสิงที่ไหนท่านก็เคยปรากมาหมดแล้ว โดยมากพาคน โดนผีเข้าที่อาการหนัก มารดน้ำมนต์หลวงพ่อ ผีดิ้นพราด ร้องโหยหวนวังเวง ก่อนจะออก

    ๙.หลวงพ่อประพันธ์ คำสิงห์ อยู่ในถ้ำดงพญาไฟ ได้ถ่ายทอดวิชาสร้างพระปรอท-ธาตุกายสิทธิ์ให้ศิษย์คนหนึ่งที่รับสัจจะเลิกเป็นโจรสลัด ต่อมาศิษย์คนนั้น ได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่หลวงพ่อไสว หลวงพ่อได้สร้างพระปรอทแจกทหารเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารหาญผ่านสมรภูมิอย่างโชกโชน ถูกยิงไม่เข้า แคล้วคลาดจากระเบิด ปราศจากโรคภัยรอดมาได้ฯลฯนอกจากนี้หลวงพ่อไสวยังได้ไปเรียนวิชาอาคมเป็นเกร็ดเล็กน้อย จากพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เจ้าแห่งการสร้างพระราหูดันเลื่องลือ เป็นต้น เหตุที่หลวงพ่อไสวมีจิตตานุภาพสูง ก็เพราะท่านได้บำเพ็ญธุดงค์วัตรฝึกสมาธิจิตหลังจากสอบได้นักธรรมเอก โดยอธิฐานออกธุดงค์ในพรรษาที่ ๓ มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานไปมนัสการ พระธาตุพนม พรรษที่ ๗ ธุดงค์จาริกไปทางเขาวงพระจันทร์ ดินแดนถ้ำผาท้าวกกขนาก จ.ลพบุรี สู่ จ.อุตรดิตถ์ ฯลฯ สมัยนั้นเป็นป่ารกทึบ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด และคลาคล่ำด้วยภูตผีปีศาจโขมดดง ผีก็องกอย ไข้ป่า และกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของการสมาทานธุดงค์ เช่นครั้งท่านปักกลดลงไปแล้วครอบเอารังมดเข้าถอนกลดก็ไม่ได้จึงสมาธิแผ่เมตตาว่าคาถากันหมด ซึ่งได้มาจากหลวงพ่อพระครูสาครคุณาธาร เจ้าอาวาส วัดเดชาฯ จ.นครปฐม เกิดปรากกฎการณ์อัศจรรย์ มดฝูงใหญ่รวมกันอยู่ภายในกลดไม่มาไต่ท่านเลย เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ยังอีกมาก เท่าที่เสนอมานี้เป็นเพียงสังเขปเท่านั้น เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า การที่หลวงพ่อกว่าจะก้าวขึ้นมาสู่การเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของเมืองไทยอีกรูปหนึ่งนั้น ยังมีหนทางอีกยาวไกล ผ่านมามิใช่น้อย
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00028.jpg
      DSC00028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.1 KB
      เปิดดู:
      141
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  12. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 13.

    ปิดรายการแล้วครับ
    อุกาบาตหรือสะเก็ดดาว (Tektite)
    จัดเป็นวัตถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี

    สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง แล้สแยกตัวออกจากกัน ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ได้เหมือนซะทีเดียวไม่ และยังเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ครับ

    สะเก็ดดาว บางทีก็จะเรียกว่า อุกมณี อุลกมณี หรือ คดปลวก
    สะเก็ดดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    คุณสมบัติของสะเก็ดดาว
    เป็นแหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
    นำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )
    สะเก็ดดาวนี้ ขนาดองค์กรนาซ่าก็ได้มีการทดลองให้นักบินอวกาศฝึกส่งโทรจิตมายังพื้นโลกในกรณียานอวกาศขัดข้อง และได้ให้นักบินอวกาศพกพาสะเก็ดดาวติดตัวเพื่อเพิ่มกำลังส่งโทรจิตอีกด้วย
    ผู้หนึ่งที่นิยมนำสะเก็ดดาวมาแกะเป็นพระพุทธรูปเป็นอย่างมากคือ คุณประดิษฐ์ กัลจาฤกษ์ ผู้ก่อตั้ง กันตนากรุ๊ป ว่ากันว่าที่โต๊ะหมู่บูชาที่บ้านท่านนั้น มีสะเก็ดดาวก้อนใหญ่มากแกะเป็นพระพุทธรูป และท่านเชื่อในอำนาจของสะเก็ดดาวมาก ท่านต้องนำติดตัวตลอดเวลา เวลาธุรกิจประสบปัญหา ท่านจะนำสะเก็ดดาวมาเป็นสื่ออธิษฐานถึงพลังแห่งจักรวาลเพื่อขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งท่านก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยดีทุกครั้งจริงๆ

    องค์ที่ 1.พระศรีคเณศ เทพเจ้าผู้ประทานความสำเร็จ และขจัดอุปสรรคทั้งปวง
    องค์นี้แกะมืองาน Handmade ช่างแกะได้สวยงามคมชัดดี
    องค์ที่ 2. พระอวโลติเกศวร โพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์ผู้ประทานพรให้แก่มนุษย์ทุกชนชั้น องค์นี้ใช้บล็อคตอกพิมพ์


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00005.JPG
      DSC00005.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.8 KB
      เปิดดู:
      140
    • DSC00009.JPG
      DSC00009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.8 KB
      เปิดดู:
      133
    • DSC00011.JPG
      DSC00011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.7 KB
      เปิดดู:
      123
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  13. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 15.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ กทม. รุ่น ๓

    "หลวงพ่อเกษร" เป็นนามพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าพระ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

    สำหรับ เหรียญหลวงพ่อเกษร รุ่นแรก จัดสร้างในงานฉลองอุโบสถ ประมาณ พ.ศ. 2489 ช่วงประมาณหลังสงครามโลกเพียงเล็กน้อย เป็นเหรียญปั๊มตัดจำนวนการจัดสร้างไม่มาก เท่าที่พบ มีเหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่เงิน และเนื้อทองแดงผิวไฟ

    ด้านหน้าเหรียญเป็น รูปหลวงพ่อเกษร ปางมารวิชัย ฐานองค์พระเป็นกลีบบัวคว่ำบัวหงายมีปลายที่อ่อนช้อยงดงาม ขอบเหรียญเป็นรูปไข่ปลาล้อมรอบ ไข่ปลารอบเหรียญจะอูมนูนลอยเด่น

    ด้านบนเหรียญ เป็นหูในตัวมีห่วง ด้านซ้ายองค์หลวงพ่อเกษร เขียนว่า "วัดท่าพระ" ด้านขวา องค์หลวงพ่อเกษร เขียนว่า "ธนบุรี" ใต้ฐาน องค์หลวงพ่อเกษร เขียนว่า "หลวงพ่อเกษร" ด้านหลังเหรียญ มีอักขระโบราณปรากฏ 8 คำ แบ่งเป็น 3 แถว แถวบน 3 คำ แถวกลาง 3 คำ และแถวล่าง 2 คำ ผิวเหรียญมีลักษณะเป็นร่องแอ่นและขยักเป็นแผ่น เกิดจากการรีดโลหะได้ไม่เรียบพอ

    ส่วนขอบ เหรียญหลวงพ่อเกษรรุ่นแรก วัดท่าพระจะมีลักษณะของเส้นเป็นแนวตั้งฉากบางๆ เกิดจากตัวตัดขอบเหรียญ ด้วยการสร้างเหรียญหลวงพ่อเกษร รุ่นนี้ มีการตัดขอบไปในตัว

    เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ จัดสร้างกันมาหลายรุ่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ รุ่นแรก รุ่นสองและรุ่นสาม ด้วยมีความเชื่อกันว่า หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุง เทพฯ, หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต ตลาดพลู กรุงเทพฯ, หลวงพ่อเจ้าคุณพระทักษิณคณิสร วัดอินทรารามใต้ กรุงเทพฯ, หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พร้อมด้วยพระเกจิอีกมากมาย

    ผู้ที่ได้บูชา เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ร่ำลือกันว่า มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอันตรายเป็นที่สุด พ่อค้าแม่ค้ารุ่นเก่าย่านตลาดพลู เขตท่าพระ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ใครมีเหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ทำมาค้าขึ้นทุกคน"

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00006.JPG
      DSC00006.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.7 KB
      เปิดดู:
      142
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  14. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 16.

    ปิดรายการแล้วครับ
    พระปิดตามหาลาภขนาดบูชา รุ่น ผู้ชนะเสริมทรัพย์เสริมบารมี
    หน้าตักประมาณ 4 นิ้ว
    เนื้อผงพุทธคุณ ทารักดำ จารมือ
    ปลุกเสกโดยพระปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น
    หลวงปู่จอม นาคเสโน วัดป่าบ้านดอนดู่ ต.น้ำปลีก อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

    [​IMG]
    หลวงปู่จอม นาคเสโน องค์ที่ 1 จากซ้าย

    "พระปิดตา" โบราณกาลกล่าวสืบทอดกันมาว่า พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาลาภโภคทรัพย์เรียกเงินเรียกทองชั้นสูง เสริมดวงด้านการเงินอย่างยอดเยี่ยม
    เนื่องจากเป็นพุทธลักษณ์ของพระสังกัจจายนะกำลังปิดตาอธิษฐานขอลาภ
    ผู้มีปัญหาทางการเงินทุกประเภทจะช่วยเสริมให้การเงินคล่องตัว

    แถมตู้กระจกสวยงาม


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2391366.jpg
      2391366.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.3 KB
      เปิดดู:
      146
    • 2391369.jpg
      2391369.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.1 KB
      เปิดดู:
      136
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  15. maharaj

    maharaj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +45
    จองครับ:cool:
     
  16. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  17. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 17.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญเสมาศุภมงคล
    เหรียญปรกใบมะขาม
    หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า จ.ระยอง

    [​IMG]
    "ท่านพ่อคร่ำ" ตามทีชาวบ้านย่านชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกขานกันนั้นท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับความเคารพ
    ศรัทธาอย่างสูงจากสาธุชนทั่วๆ ไปมานานเต็มทีแล้ว และยังเป็นท่านพ่อของบรรดาชาวเรือตังเกในย่านนี้ด้วยบางท่านที่เข้าถึง
    กระแสแห่งรสพระธรรม เชื่อกันว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่ล่วงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง

    หลวงปู่คร่ำ หรือ พระครูสุตพลวิจิตร มีนามว่า คร่ำ อรัญวงศ์ เกิดที่บ้านตำบลวังหว้า อ.แกลง เมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำ
    เดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 โยมบิดา ชื่อครวญ โยมมารดาชื่อ ต้อย ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน
    พี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่เป็นชาวเมืองแกลงโดยกำเนิด ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามานานหลายชั่วอายุคน
    ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพในทางกสิกรรมเฉกเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ในชนบทที่ไม่ทำสวนก็ทำนาเป็นหลักคือ
    การทำสวนพริกไทย อันเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำกันแพร่หลายไม่แพ้ในเขตจังหวัดจันทบุรี เมื่อวัยเจริญขึ้นควรที่จะได้รับการศึกษา
    โยมบิดามารดา ได้พาไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือ กับท่านเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่มีอายุราว 11-12 ปี เล่าเรียน
    และปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อยู่ประมาณปีเศษจึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพลงช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่น จนอายุได้ราว 15 ปี
    ก็กลับมาบ้าน เพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัวในการทำสวนพริกไทย แต่แล้วในปีนั้นเองได้เกิดอาเพทขึ้นบรรดาสวนพริก
    ไทยในละแวกนั้น เกิดเหี่ยวเฉาตายเรียบทุกสวนสร้างความเดือดร้อนกันทั่วทุกครัวเรือนจนทำให้ทางบ้านของท่านเลิกการทำ
    สวนพริกไทยหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นกระทั่งหลวงปู่อายุครบ 20 ปี จึงคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนพระคุณ อันเป็นขนบ
    ธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานของชายไทยทั่วๆ ไปที่นับถือพระพุทธศาสนา คนที่ยังไม่เคยบวชเรียน สังคม
    ชาวบ้านถือกันว่าเป็นคนดิบ ชนบทบางพื้นที่มีคำเรียกอันเป็นการแยกสถานภาพ ระหว่างผู้ที่ผ่านการบวชเรียนแล้ว กับผู้ที่ยัง
    ไม่ใด้บวช เช่นคำว่า ทิด ซึ่งมาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้มีปัญญา หรือนักปราชญ์ คำเรียกดังกล่าวนี้แตกต่างกันไปตามท้อง
    ถิ่น ทางภาคเหนือและอีสานก็มีเช่นกัน

    พอถึงวันจันทร์แรม 14 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง จ.ศ. 1279 ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2460 จึงได้รับการอุปสมบท
    เป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสังฆการบูรพาทิพย์ (ปั้น) วัดทะเลน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เผือกวัดวังหว้า เป็นพระกรรม
    วาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า ยโสธโร หลวงปู่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพระนวกะทั่วๆ ไป และตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้
    ประโยคนักธรรมโท กับค้นคว้าตำรับตำราวิชาการต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนพระกรรมฐานและ
    วิทยาคุณจากหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หรือวัดเขาชากโดนซึ่งเชี่ยวชาญในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมญานเป็นพระอาจารย์
    บอกกรรมฐาน มีจิตตานุภาพและวิทยาคมขลัง เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น หลังจากได้ฝากตนเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งหน้าศึกษาเล่า
    เรียนอย่างจริงจัง จนบังเกิดความเชื่อมั่นในตนเองกับวิชาที่เรียนและเป็นที่พอใจของผู้เป็นอาจารย์

    ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์ ออกจาริกธุดงค์เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจและฝึกฝนจิตให้เกิดสมาธิเข้าสู่วิปัสสนา
    ญาณต่อไปได้เดินธุดงค์เพียรปฏิบัติอยู่เป็นเวลาพอสมควรจึงกลับสู่วัดวังหว้า นับตั้งแต่หลวงปู่คร่ำอุปสมบท ในเพศบรรพชิต
    สืบทอดหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดาถึงขณะนี้ได้ 76 ปี แล้ว ได้ใช้พระธรรมคำสอนอบรมบรรดาลัทธิหาริก
    และสาธุชนผู้มีใจฝักใฝ่ในธรรมให้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรมแห่งความดี ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่ม
    กาสาวพัสตร์ก็ปฏิบัติตนเป็นผู้สำรวมในศีลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าบรรดาศิษย์ จะได้จดจำและปฏิบัติตน
    ตามเยี่ยงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาจารย์ในส่วนที่ดี ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหาร
    เศรษฐีตลอดจน กระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งก็ได้สร้าง
    ปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้น ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศ

    เมื่อราวปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
    สังคมเมื่อมีกระทรวงใหม่เกิดก็ย่อมจะต้องมีเจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการ บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติต่างก็หมายมั่นปั้นมือ
    เพื่อจะได้เป็นเสนาบดีกันสักครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวง
    แรงงานไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ได้พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้หลวงปู่
    เจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า "มนต์
    หลวงปู่เฮี้ยน..." ปรากฏว่าท่าน ส.ส. ทั้งคู่ได้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย

    จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งก็การแต่งตั้งอธิบดีตำรวจที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กระเด้งกระดอนออกมาจากมติ
    กตร. 2 ระรอกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติกันอีกครั้งวัดวังหว้าก็ปรากฏกายของท่าน พล.ต.อ. ประทินว่าที่อธิบดี
    ตำรวจ เพื่อขอให้หลวงปู่คร่ำรอดน้ำมนต์ และเป่ากระหม่อมให้ เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ชื่อของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
    คือนัมเบอร์วันของกรมตำรวจจริงๆ ชื่อของลป.คร่ำ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงบุญบารมี เพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเชื่อ

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00001.JPG
      DSC00001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.8 KB
      เปิดดู:
      414
    • DSC00004.JPG
      DSC00004.JPG
      ขนาดไฟล์:
      181.6 KB
      เปิดดู:
      198
    • DSC00006.JPG
      DSC00006.JPG
      ขนาดไฟล์:
      176 KB
      เปิดดู:
      127
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  18. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 18.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่น สุวรรณมงคล เนื้อทองแดง
    ปลุกเสกโดย พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย

    หลวงพ่อทองได้อนุญาตให้จัดสร้างพระหลวงพ่อทวดรุ่นสุวรรณมงคล และท่านได้กำหนดวันเวลาและราย
    ละเอียดของพิธีด้วยดังนี้
    วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2548 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (พญาวัน)
    เวลา 20.40 น. เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา 22.48 น. นั่งปรก
    พระศรีมงคล (พ่อท่านทอง) ประธานในพิธีพุทธาภิเษกฝ่ายสงฆ์
    พันเอกวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกปัตตานี ประธานในพิธีพุทธาภิเษกฝ่ายฆราวาส


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00013.JPG
      DSC00013.JPG
      ขนาดไฟล์:
      190.4 KB
      เปิดดู:
      321
    • DSC00022.JPG
      DSC00022.JPG
      ขนาดไฟล์:
      136.4 KB
      เปิดดู:
      302
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  19. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 19.

    ปิดรายการแล้วครับ
    หุ่นพยนต์มหามงคล 9 รุ่น 2 ปี 2549 เนื้อทองเหลือง
    พ่อท่านประสูติ วัดในเตา
    [​IMG]
    หุ่นพยนต์ตนนี้จะเป็นได้ทั้งหญิงและชายเพราะท่านอธิฐานจิตที่หุ่นให้เป็นได้ทั้งสองเพศ
    คุณวิเศษหุ่นพยนต์มหามงคล9
    1.พยนต์ค้าขาย
    2.พยนต์คงกะพัน
    3.พยนต์มหานิยม
    4.พยนต์มหาอุตม์
    5.พยนต์มหาเสน่ห์
    6.พยนต์เฝ้าเรือนเฝ้ารถ
    7.พยนต์ใช้งาน
    8.พยนต์กุมารทอง
    9.พยนต์รับเคราะห์แทนเจ้าของและหนุนดวง

    คาถาอาราธนาก่อนใช้

    พุทธัง มหาอาราธนานัง อะธิฐามิ พุธธัง มหาประสิทธิเม ธัมมัง มหาอาราธนานัง อะธิฐามิ ธัมมัง มหาประสิทธิเม สังฆังมหาอาราธนานัง อะธิฐามิ สังฆัง มหาประสิทธิเม


    พ่อท่านประสูติ ปิยธมโม วัดในเตา เป็นหนึ่งในสำนักตักศิลาเขาอ้อเป็นสำนักที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์วิชาการผูกหุ่นพยนต์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพ่อท่านประสูติ ได้กำหนดอาการให้ครบ 32 สามารถรับรู้ และเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิตจริงทุกประการจะอยู่ในลักษณะที่แอบแฝงอิทธิฤทธิ์จะแสดงออกมาต่อเมื่อมีคนคิดปองร้าย ต่อผู้ครอบครองหุ่นพยนต์นี้ หุ่นพยนต์มีรูปแบบลักษณะที่แตกต่างกันออก ขึ้นอยู่กับคณาจารย์นั้นๆจะเสกขึ้นมาตามตำราของท่าน ข้นอยู่กับพลังจิตของท่านด้วย ถ้ามีพลังจิตสูงก็สามารถผูกหุ่นได้ครั้งละมากๆ แต่หุ่นพยนต์ของพ่อท่านประสูติ จะเป็นได้ทั้งหญิงและชายเพราะท่านอธิฐานจิตที่หุ่นให้เป็นได้ทั้งสองเพศผู้บูชาจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้โดยมีลายละเอียดดังนี้
    1. ส่วนศรีษะจารด้วยหัวใจธาตุทั้ง4 กลับไปกลับมาคือ นะมะพะทะ กับ ทะพะมะนะ
    2. แขนด้านหนึ่งจารคาถาหัวใจพระเจ้า 5 พระองค์คือ นะโมพุทธายะ อีกข้างหนึ่งจารยะธาพุทโมนะ
    3. ตัวข้างหนึ่งจารหัวใจผู้ชายคือ จิตตังปุริโส อีกข้างจารหัวใจผู้หญิงคือ จิตตังภะคินิเม
    ขาจารหัวใจอิทธิฤทธิ์คือ อะหังนุภา อีกข้างจาร คุณวิเศษแห่งหุ่นพยนต์มหามงคลเก้าคือ กานุหัง
    พุทธคุณ ค้าขาย โชคลาภ มหานิยม คงกระพัน มหาอุตม์ มหาเสน่ห์ เฝ้าบ้าน เฝ้ารถ รับเคราะห์แทนเจ้าของ ใช้ เสริมดวง…


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00019.JPG
      DSC00019.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      122
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  20. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 20.

    ปิดรายการแล้วครับ
    จิ้งจกสองหาง เนื้อทองเหลือง
    มหาเมตตา มหาโชคลาภ
    หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง

    [​IMG]
    เจ้าตำรับพญาเต่าเรือนอันโด่งดัง
    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก นับเป็นผู้ทรงอภิญญา และมีพุทธาคมสูงส่ง ท่านเป็น
    ผู้ที่มีเมตตา พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ท่านพร้อมที่จะสร้าง พร้อมที่จะเสียสละ ให้กับบวรพุทธศาสนา ท่านไปอยู่ยังที่แห่งใดก็เปรียบเสมือนดวงประทีปของที่นั่น จนท่านได้ชื่อว่า พุทธบุตร ที่ทุกคนยกย่อง
    ในช่วงที่หลวงปู่หลิวยังมีชีวิตอยู่นั้น
    ท่านได้ใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่ท่านมี บูรณปฏิสังขรณ์ สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัด เช่นโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ โดยมิได้หยุด
    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก เคยตั้งปณิธานด้วยสัจจะ 2 ประการคือ
    1. ลดเลิกอบายมุขทุกชนิด
    2. เมื่อมีโอกาสจะสั่งสมบารมี ด้วยการสร้างเสนาสนะภายในวัด เช่นโบสถ์ วิหาร กุฏิ ศาลาการ เปรียญ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
    ความปรารถนาอันแรงกล้าของหลวงปู่หลิวเป็นผลให้อำนาจบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สถิตย์ทั่วจักรวาล ดลบันดาล ให้ท่านมี วาจาสิทธิ์ กับ ญาณทิพย์ มาขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกของเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่ายากดีมีจนไม่ว่าใกล้ไกลที่ไหนท่านก็จะถามถึงทุกข์สุขของทุกคนท่านได้ช่วยเหลือจนหมดสิ้น

    พุทธคุณสุดยอดทางเมตตามหานิยมเจรจากับใครก็ให้ความเมตตารักใคร่เอ็นดู ค้าขายเรียกลูกค้า โชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง เงินไม่ขาดกระเป๋าลาภลอย มหาเสน่ห์ มหานิยม


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00309227.jpg
      00309227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72 KB
      เปิดดู:
      224
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...