เข้าฌาน แล้วระลึกชาติ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Tamjugg, 9 ตุลาคม 2012.

  1. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ก่อนอื่นผมเพียงอยากให้ทุกท่านที่ตั้งใจภาวนาได้ ญาน8 ฌาน8 อภิญญา6 จะได้รู้เห็นทางด้วยตนเองเป็นสะพานส่งต่อก้าวสู่อาสวักขยญานในที่สุด และไม่ต้องการให้ยึดติดในอภิญญา ผมฝึกวิปัสนากรรมฐานนี้ 1อาทิตย์ขึ้นปฐมฌาน 2อาทิตย์ขึ้นเนวสัญญายตนะฌาน และบุฟเพนิวาสานุสติ ในเดือนกว่า

    ใครพอใจกับสิ่งที่ตนมีก็ไม่ว่ากันหรือใครจะลองฝึกเกิดสิ่งที่ไม่เคยมีด้วยตนก็โมทนาด้วย ไม่บังคับใครจะฝึกหรือไม่ก็ได้


    การทำวิปัสนากรรมฐานและรักษาศีลไปด้วย
    วันแรก ผมขึ้นอุทยัพพยญาณ
    เข้าวันที่สาม ผมเริ่มเห็นดวงสีเล็กๆสีแดงบ้าง ขาวบ้างในความมืดตอนหลับตาทำสมาธิ กำหนดเห็นหนอๆไม่เที่ยงหนอ ไม่ยึดมั่นถือมั่นหนอ แล้วยกไตรลักษณ์ปลงเรื่อยๆ เริ่มชัดขึ้น
    ผ่านไปวันที่7 ผมขึ้นปฐมฌานมีโอภาสเกิดเป็นแสงสีขาวตัดมาจากซ้ายไปขวาสว่างมากกลางดึกตอนทำสมาธิในศาลา ผมกำหนดรู้อีก อีกวันมาพระท่านบอกผมเห็นโอภาสสีขาวๆแล้วนะทั้งๆที่ผมยังไม่ได้บอกใครเลยเรื่องที่เห็น ผมก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆ เห็นไรก็กำหนดเห็นหนอแล้วปลงทิ้งไปเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้ชัดขึ้นเรื่อยๆ
    ผ่านไปเดือนกว่า ผมเห็นสีครบแล้ว มี แดง เทา หลุมดำมีวงขาวล้อมรอบ ขาว ม่วง เขียว และ เหลือง พอจับญาน ฌานได้แล้ว
    ผมก็กลับไปกุฏิกลางคืนผมก็ลองทำดูเองในห้องเดินจงกลมสักชั่วโมงแล้วไปนั่งสมาธิ หมุนญานไปที่สังขารุเบกขาญาน และ หมุนฌานไปที่จตุตถฌานเป็นบาทฐานในการดู ชาติแรกสิ่งที่ผมเห็นคือ วัดจีนที่ใช้ไม้สีแดงๆสร้าง เป็นวัดที่ไม่มีในประเทศไทยคับ มองไปมาไม่เห็นใคร สักพักไม่นานผมก็ไปดูชาติที่2 ผมเห็นเด็ก2คนน่าจะอายุ12-15 คนขวาหน้าเหมือนเพื่อนผมในชาตินี้ และอีกคนหันหลังให้ผม บอกถ้าใช่ผมยกมือขึ้นคนหันหลังให้ผมยกมือขวาขึ้น และหันหน้ากลับมาหน้าคล้ายๆผมเลยแต่ยังเด็กอยู่อายุประมาณ12-13 และผมไปดูชาติที่3 แต่เหมือนพลังสมาธิจะหมดไม่เห็นภาพขึ้นผมเลยหยุดและออกจากสมาธิ ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นไม่เคยเห็นมาก่อน เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต

    อีกวันถัดมาผมถามพระอาจารย์ผู้มีอภิญญา(แบบไม่เสื่อมโลกุตระ)รักษาศีล227และถือเพศบรรพชิตจนชีวิตจะหาไม่ ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นนึกคิดไปเองหรือเป็นอดีตชาติจริง ท่านบอกว่าใช่อดีตชาติแรกของผม คือเป็นพระจีนอายุมากแล้วบวชอยู่ที่วัดนั้น ชาติ2ผมเป็นเด็กลูกเจ้าเมืองอยู่ภาคกลาง โดยที่ผมไม่ได้บอกเรื่องราวให้ท่านก่อนเลย ครั้งแรกๆจะไม่เห็นอะไรมาก และการระลึกอดีตชาตินั้นจะอิงกับประวติศาสตร์ได้เช่นกัน และผลกรรมนั้นจะสืบเนื่องกันในแต่ละชาติ เช่นบางท่านเห็นชาตินึงตนเองเป็น คนช่วยวัดแต่เอาเงินวัดไปเยอะ อีกชาติเห็นตนเองเกิดเป็นจระเข้เลยคับ สำหรับผู้ที่ระลึกชาติได้ ต้องให้พระอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาระดับโลกุตระจริง มาตรวจให้อีกทีเพื่อป้องกันการนึกคิดไปเอง(อันตรายมาก)นึกคิดจะพาหลงออกทะเลเอาง่ายๆ คิดว่าตนสำเร็จเป็นต้น ทั้งที่ผมใช้ญาน ฌานเป็นฐานในการดูก็ตาม

    พระศิษย์พี่4พรรษา - พระศิษย์พี่และพระหลายท่านคับเจริญวิปัสนากรรมฐานที่วัด จนสามารถระลึกชาติของตนได้เป็นร้อยเป็นพันชาติและเห็นอดีตชาติผู้อื่นได้ กำหนดรู้ความคิดคนอื่น คนหายของหายบอกสามารถรู้ เห็นกรรมได้ถูกต้องไม่ว่ากรรมนั้นผ่านมาเป็น30-40ปีในชาตินี้โดยที่ผมแทบจะลืมกรรมนี้ไปแล้ว เห็นความฝันของผมโดยที่ผมไม่ได้บอกใคร ผมจะเล่าเรื่องอะไรก็บอกไม่ต้องเล่า เป็นฝ่ายเล่าให้ผมฟังแทน(รู้ได้เอง) ผมนั่งสมาธิหลับตาเห็นอะไรในสมาธิพระท่านก็เห็นได้ โดยไม่ต้องมานั่งดูใกล้ๆ ผมติดนิวรณ์อะไรพระท่านก็รู้และชี้แนะผมให้ปลงไปเรื่อยๆ จนผมได้ญาน ฌาน ใน7วัน นี่ขนาดพระศิษย์พี่ที่มาบวชได้ 4 พรรษาเท่านั้น ยังไม่ต้องบอกถึงพระอาจารย์ว่ามีอภิญญาระดับไหนที่สอนศิษย์พี่จนได้อภิญญา ศิษย์พี่บอกมีอภิญญาจริงหรือญานทรรศนะเปิดไปอินเดียก็จะพบกับพระบรมศาสดาได้เพื่อถามธรรม ณ ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน ที่นี้เคร่งเรื่องศีลมาก ใครผิดศีลพระท่านรู้เลยแล้วจะมาตักเตือนคับ ผมไม่ต้องการให้หลงในอภิญญาแต่อภิญญาเป็นเหมือนสะพานส่งต่อเพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ มีบอกไว้ใน วิสุทธิ 7 ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง นำไปสู่อาสวักขยญานในที่สุด อภิญญาเกิดจากจิตที่บริสุทธิ์ มีศีลอบรมและภาวนาถูกต้องแล้ว ไม่งั้นทำไปหลายปีก็ไม่ได้คับ

    วิธีที่พระท่านสอนผมเดินจงกลม คือ ก้าวท้าวขวา ขวาย่างหนอแล้วเพ่งไปที่กระดูกเท้าขวาให้เห็นกระดูกขาว เราก้าวมาสู่ความแก่อีกก้าวแล้วหนอ ความแก่ก็ไม่เที่ยงหนอ ไม่ยึดมั่นถือมั่นหนอ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา(ไตรลักษณ์)
    ก้าวท้าวซ้ายต่อ ทำเหมือนเดิม แต่พิจารณาความเจ็บ แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวขวาต่อ พิจารณาความตาย แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวซ้ายต่อ พิจารณาความพลัดพลาก แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวขวาต่อ พิจารณาเรามีกรรมเป็นของๆตน แล้วปลง(การพิจารณาต้องครบและน้อมจิตตาม ไม่ต้องรีบคับ)
    วิธีนั่งสมาธิ ให้จับพองยุบที่ท้อง วางจิตไว้เหนือสะดือ2 นิ้ว อารมณ์อะไรเกิดให้กำหนดรู้ แล้วยกไตรลักษณ์มาปลง

    หมายเหตุ : ผู้ปฏิบัติควรคอยตรวจตัวเองว่าติดอะไรอยู่แล้วปลง มานะทิฐิ โลภะโทสะโมหะ ขันต์5 นิวรณ์5 อายตนะ6 เช่นตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ทำบ่อยๆจะง่ายขึ้น จิตจะนิ่งขึ้น ทั้งยังต้องรักษาศีลบริบูรณ์ และ ทำสมาธิไปเรื่อยๆทุกวัน ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่ปฏิบัติก็คงเห็นสีแบบผมจำนวนไม่น้อยเลย เพราะไม่มีผู้ได้อภิญญาหรือผู้รู้จิงแนะนำ ก็จะหยุดแค่เห็นดวงสี ญานทรรศนะเปิดจะรู้เห็นได้เอง
    ผมไม่ต้องการให้ใครหลงในอภิญญา แต่อภิญญาจะเป็นเครื่องบอกว่าทางหรือไม่ใช่ทาง เพื่อเป็นสะพานส่งต่อไปสู่ที่สุดแห่งอภิญญา
    หลายๆคนไม่ได้ญาน ฌานพื้นฐาน และอภิญญา แต่จะสอนอภิญญาให้ผู้อื่นในกระทู้ต่างๆ ? ผมมองว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ทั้งคนสอนและผู้ฝึก
    ให้ใช้กาลามสูตรเป็นหลักในการเลือกวิธีฝึกอภิญญาให้มากในแต่ละกระทู้คับ
    และผมขอให้ทุกท่านที่ตั้งใจภาวนาได้ที่สุดแห่งอภิญญาอาสวักขยญานในชาตินี้คับผม


    ประสบณ์การอภิญญา !

    วันแรกผมไปเดินจงกลมหลังรู้สึกร้อนยุบยับ ตอนเย็นมาสอบอารมณ์พระท่านบอกผมเข้าอุทยัพญาน มีปีติ และร้อนยุบยับที่หลังนะ โดยที่ผมไม่ได้บอก ผมนึกกลับไปตอนเช้ามันมีอาการอย่างนั้นจริงๆ แล้วเห็นพวกเพื่อนพระระลึกชาติกัน ได้เป็นร้อยชาติผมก็งง หลวงพ่อก็นั่งสมาธิดูให้บอกใช่ เช่นบางคนบอกเห็นงูในชาติที่5 พระอาจารย์นั่งสมาธิดูบอกใช่ งูนั้นแหละคือเธอในชาตินั้น และดูรอบๆให้ ซึ่งคนละรึกชาติใหม่ๆจะยังดูไม่ชัด และเห็นภาพบางส่วน ไม่สามารถเห็นรอบๆโดยละเอียดได้ทั้งหมด เหมือนที่ผมเห็นแต่วัด ต้องให้พระอาจารย์ดูให้พระอาจารย์ดูได้กว้างกว่าเพราะดูจนคล่องแล้วไม่รู้เป็นกี่แสนรอบ เห็นชัดแจ้ง ในสิ่งที่ผมนั่งสมาธิเห็นโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องบอก

    คืนแรกที่ผมบวช ตกดึกพระสนทนากันไม่นาน มีดวงไฟสีขาวขนาดเท่าผลส้ม ค่อยๆลอยจากบนกุฏิพระอาจารย์ไปทางพระธาตุ พระรุ่นพี่เห็นก่อนเลยเรียกดู บอกพระธาตุเสด็จ ผมและพระอีกเกือบ10รูปก็ลุกมาดู เห็นดวงไฟสีขาวเท่าผลส้ม ค่อยๆลอยจากกุฏิพระอาจารย์ไปที่พระธาตุระยะห่าง100เมตรได้ แบบช้าความเร็วเท่ากับคนเดินหรือ10กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ โดยที่ลอยในระดับเดิมคือลอยเหนือหลังคากุฏิไปนิดนึง และค่อยๆเคลื่อนไปพระธาตุกินเวลาประมาณ10นาทีได้ พระก็หยิบกล้องมาถ่าย ผมก็หยิบไอโฟนมาถ่าย และถ่ายวิดีโอด้วย ปรากฏว่าไม่ติด แต่พระที่ใช้กล้องถ่ายรูป ถ่ายติด1ใบ เป็นดวงไฟขาวๆ มีวงกลมล้อมรอบนอก1วง ศิษย์พี่บางคนบอกเทวดามาให้เห็น
    ต่อมาอีกไม่นาน กลางดึกผมก็ฝันเห็นนางตะเคียนมาจูบที่หู และเอามือมาสัมผัส เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกนึกได้ว่าเปนพระ เลยถอนจิตไม่ให้คล้อยตาม อีกวันมาหลวงพ่อบอกเมื่อวานฝันเห็นแบบนี้หรอ คือพระอาจารย์เอามือไปกวักตรงหู ทำเอาผมตกใจพระอาจารย์รู้ได้ไง โดยที่ผมไม่ทันบอกใครเลย เพราะเพิ่งตื่นและเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน

    เห็นประสบณ์การติดกรรม คือ มีพระปวดแสบหลังไปหมดตอนนั่งสมาธิจนนั่งไม่ได้ หลวงพ่อก็นั่งสมาธิดูให้ตอนสอบอารมณ์ บอกว่าติดกรรมมดนะ พระที่ปวดแสบหลังก็บอกไม่เคยฆ่ามดนะ หลวงพ่อย้ำบอกเคยสิก็เห็นมดมาเอากรรม และบอกต่อว่าเคยเผาหนังสือเก่าไหม พระที่ไม่สบายก็บอกว่า เคยสมัยเป็นเณร หลายสิบปีแล้ว หลวงพ่อก็บอกนั่นแหละในหนังสือเก่ามีรังมดอยู่ มดมาเอากรรมแล้ว ให้ไปจุดธูป ขอขมากรรมเอาน้ำตาลไปถวาย แผ่บุญไป พระไปทำตามก็หายเจ็บแสบหลังทันที และก็ทำวิปัสนากรรมฐานต่อได้

    อีกรูป เดินจงกลมแล้วรู้สึกมีคนมาดึงให้เขว่ตลอด พระอาจารย์ดูให้ก็บอกติดกรรมพ่อนะ เคยไปตีพ่อไหม พระลูกวัดก็นั่งคิดเกือบ10นาที และคิดออกว่า ตอนอายุ18 เคยสบัดมือโยมพ่อทิ้งและจะชก เพราะโยมพ่อเมาชักปืนมาชี้หน้า ตนเลยปัดทิ้งและจะชกพ่อ หลวงพ่อก็บอกนั่นแหละ ไปจุดธูปขอขมากรรม แผ่บุญไปก็หาย เล่นเอาพระลูกวัดงง เพราะเหตุการณ์ผ่านมาเกือบ30กว่าปี พระลูกวัดตอนนี้อายุ40กว่า แต่เหตุการณ์ตอนนั้นคืออายุ18 หลวงพ่อใช้ญานดูรู็เหมือนอยู่ในเหตุการณ์อย่างชัดเจน

    พระอีกรูปนั่งดูอดีตชาติหลายสิบชาติแล้ว แต่ดูต่อไม่ได้รู้สึกมีอะไรมาบัง หลวงพ่อนั่งดูบอกเป็นเพราะติดกรรมที่เคยด่าพระ เพื่อนพระก็นั่งคิดไม่เคยไปด่าพระ หลวงพ่อย้ำอีกเคยสิ เอ็งเคยด่าพระในทีวีไหม เพื่อนพระก็คิดขึ้นได้ว่านานมาแล้วเคยเห็นพระออกข่าวไม่ค่อยดีมั้ง เลยด่าในใจไป ไม่คิดว่าตอนนี้มาบวช ยังติดกรรมด่าพระในใจ ว่ากันว่าผู้ห่มผ้ากาสาวพัสตร์นั้นสูงส่งมาก คิดด่าก็ติดกรรมเยอะแล้ว

    พระอีกรูปนั่งดูอดีตชาติ อยู่ๆปวดตรงถวารหนัก หลวงพ่อก็นั่งดูบอกตอนเด็กๆเคยไปแกล้งเพื่อนไว้เยอะนิ พระรูปนั้นคิดดูก็งง สักพักคิดหลวงพ่อบอกเคยเอามือไปแทงเพื่อนไหม เท่านี้แหละคิดได้เลยบอกตอนเด็กๆ เป็นหัวหน้าเด็กชอบเอามือไปแทงเพื่อน กรรมนั้นย้อนมาเลย ไปขอขมาแล้วแผ่บุญก็ดีขึ้น

    ประสบณ์การ์เจอเปรตที่วัด คืนนั้นผมทำกรรมฐานอยู่ในกุฏิสักพักรู้สึก เห็นเหงาคนดำๆสูงมาก อยู่ด้านหลังขวามือผม ผมหันไปดู เป็นเหงาดำรอบๆตัวมีแสงริบหรี่นวลๆแต่สังเกตที่ขาจะยาวมาก ผมตกใจกลัวสุดขีดผ่านไปสัก3วินาทีกพอจำคำสอนหลวงพ่อได้เห็นให้กำหนดผมก็ดึงสติและกำหนดเห็น เปรตนั้นก็กรีดร้องเสียงยาวไม่มีที่สิ้นสุดและดังขึ้นเรื่อยๆจนแก้วหูผมรับไม่ไหว อีกวันมาพระเถระก็บอกนั่นแหละที่วัดมีเปรต3ตน 1ตนเป็นเด็กวัยรุ่นก่อสร้างวัดขโมยเหล็กไปขายมั้ง ไม่นานก็ตาย และอีก2คน เป็นคนขับรถให้คนที่มาทำบุญที่วัด พระบอกของถวายที่วัดมีอะไรบ้าง บ้านของคนขับรถนี้ก็มีหมด เพราะพระท่านจะไม่ล็อคห้องที่เค้าถวายของ คือเปิดตลอดนั่นเอง

    ล่าสุดผมหนักบริเวณหลังซีกซ้ายและปวดท้องเหมือนกระเพาะรั่วและเจ็บหัวใจเหมือนมีไรมาแทง เหมือนใจจะขาดได้ตลอดเวลาแม่ให้ไปหาหมอแต่ผมคิดๆอยู่ๆผมเจ็บขึ้นมาเองได้ไง ผมเลยไปถามพระท่านดูบอกติดกรรมหมูของบรรพบุรุษ ผมก็ขอขมาให้ หลังขอขมาเสร็จหัวใจก็แทบจะหายเจ็บเป็นปกติเลยเหลือเชื่อมาก แต่ยังปวดท้องและหนักบริเวณหลังซีกซ้าย ผมก็ถามพระบอกผีผู้หญิงมาเกาะ ผมก็งงมาได้ไง นึกได้ว่าแม่เอาสาลิกาลิ้นทองมาไว้ในบ้านพระบอกนั่นแหละไปเอาออกจากบ้านเพราะเราสายขาว และให้ผมกินน้ำมนต์ ผมกลับบ้านไปเอาสาลิกาที่ได้มาจากน้าออกไปทิ้งนอกบ้าน คืนนั้นอาการเจ็บต่างๆก็แทบจะหายหมด และผมก็ฝันเห็นตะปูออกจากท้องออกลงจากนิ้วเท้าสู่ภายนอก นับได้14ตัวตะปูสีดำ และมีหวีกับไรไม่รู้อยู่ในหัวผมอีก แต่พระมาเอาออกให้ ตื่นเช้ามาผมก็รู้สึกหายปวดทั่วหมดเลยหลังกินน้ำมนต์ และเอาของออกจากบ้าน

    11.01.2013

    ผมถามพระเถระที่ได้ญาน ฌานแล้วไปอินเดีย บอกพบญานพระอรหันต์มากมายเลยตรงบริเวณสังเวชสถานทั้ง4 และถามพระอีกรูปเรื่องนรก ท่านไปดูมาบอกเห็นโยมพ่ออยู่ขุมล่างลึกมาก และท่านก็ทำวิปัสนากรรมฐานรักษาศีลยกบุญให้โยมพ่อบ่อยๆ สวดเมตตัญกรณียกบุญวิปัสนากรรมฐานไม่นาน เดือนกว่าโยมพ่อก็ขึ้นมาจากขุมแล้วโดยบุญวิปัสนากรรมฐานจากพระลูกนั่นเอง พระบอกสถานที่เหล่านั้นลงไปจะเหนื่อยถ้าญานฌานยังไม่แก่กล้าและสวดเมตตัญขออนุญาติลงไปดูก่อน มีพระอีกรูปดูยายของตนก็อยู่ขุมล่างเหมือนกัน ก็ทำวิปัสนากรรมฐานยกบุญไปเดือนกว่า ยายก็ขึ้นมาเป็นยักษ์ตามยถากรรม ลืมบอกพระเถระทั้งหลายท่านสามารถล่วงรู้ความคิดและสภาวะจิตของผมได้แล้ว เช่นติดนิวรณ์อะไรเป็นต้น ทั้งที่ฝึกวิปัสนากรรมฐานไปได้2พรรษา คือบางท่านบวชมาหลายสิบพรรษานานแต่เพิ่งมาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานนี้

    20.01.2013

    ล่าสุดมีเพื่อนหมอมาจากกรุงเทพมาปฏิบัติธรรมไป1-2วัน เห็นดวงสีแดงกับสีขาวด้วยตนเองทั้งที่ตอนแรกไม่เชื่อ และพระท่านก็บอกได้อุทยัพญานแล้วและเตือนว่าเวลาตรวจคนไข้อย่าใช้อารมณ์ หมอก็ตกใจคิดว่าพระท่านรู้ได้อย่างไร แต่คุณหมอเริ่มเข้าใกล้ฌานแล้ว

    9.02.2013

    คุณหมอที่อยู่กทมเจริญวิปัสนากรรมฐานที่โรงบาลยามว่างและก่อนนอน ตอนนี้ได้ฌานแล้วนั่งสมาธิเห็นโอภาส สีแดง เทา ขาว เขียว เหลืองชัดเจนขึ้นมาก กำหนดปลงทิ้งเรื่อยๆยิ่งชัด ตอนนี้กำลังชวนพ่อและเพื่อนๆมาลองปฏิบัติวิธีนี้ดู ส่วนคุณหมอนั้นเตรียมเข้าฌานไปดูอดีตเป็นต้น เพื่อฝึกใช้กำลังฌาน

    28.03.2013
    ล่าสุดผมเดินจงกลมทำวิปัสนากรรมฐาน ในสมาธิมีภาพคนแก่คนนึงที่รู้จัก เป็นป้าอายุมากแล้วแกเข้าวัดตั้งแต่อายุ70กว่าไปจนถึงสิ้นอายุไข แต่ผมเห็นแกยกมือสองข้างกวักให้ช่วยด้านล่างแกนั้นเป็นสีส้มๆคล้ายคล้ายน้ำพุร้อนในนรก ผมเลยออกจากสมาธิไปถามพระ พระท่านบอกใช่ป้าแกอยู่ในขุมนรกในทะเลน้ำพุร้อน ป้าแกกินเจหลายสิบปีก็จริงแต่วาระจิตไม่ได้ยกขึ้นให้ผมสวดเมตตัญยกบุญให้ไปแกจะได้ไม่มาขัดขวางการทำวิปัสนากรรมฐาน

    18.04.2013
    พระที่เป็นดร. มหาปธ9เล่ากับผมว่าท่านบวชมาเกือบ30พรรษายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย คือสามารถไปพบพุทธเจ้าได้และพระเถระอีกรูปได้ใช้กำลังอภิญญาพาท่านไปดูนรกแต่ละขุมคนเต็มไปหมดเลย เห็นทะเลน้ำเดือดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ท่านถึงกับยอมรับพระเถระที่พาท่านไปดูนรกเลยทั้งที่พรรษาน้อยกว่าท่านและบวชทีหลัง แต่ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานนี้ไม่กี่พรรษาก็เก่งมาก จนตอนนี้ท่าน ดร.มหาปธ.9 ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อและฝึกกรรมฐานที่วัด ละทิ้งกุฏิที่กรุงเทพที่ใหญ่โตมาอยู่กุฏิเล็กๆที่วัดปฏิบัติธรรม ณ ตอนนี้ ทั้งที่ตอนแรกบอกไม่เชื่อเป็นไปไม่ได้ตลอด





    สาธุในธรรม

    พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
    [๕๐๙]ดูก่อนราชกุมาร อาตมภาพนั้นได้มีความคิดเห็นว่า ธรรมที่
    เราบรรลุแล้วนี้เป็นธรรมลึก ยากที่จะเห็นได้ สัตว์อื่นจะตรัสรู้ตามได้ยาก

    เป็นธรรมสงบระงับ ประณีต ไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงได้ด้วยความตรึก เป็น
    ธรรมละเอียด อันบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง. ก็หมู่สัตว์นี้มีความอาลัยเป็นที่รื่นรมย์
    ยินดีในความอาลัย บันเทิงนักในความอาลัย. ก็การที่หมู่สัตว์ผู้มีความอาลัย
    เป็นที่รื่นรมย์ ยินดีในความอาลัย บันเทิงนักในความอาลัย จะเห็นรานะนี้ได้
    โดยยาก คือ สภาพที่อาศัยกันเกิดขึ้นเพราะความมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย. แม้ฐานะ
    นี้ก็เห็นได้ยาก คือ สภาพเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง
    ความสิ้นตัณหา ความปราศจากความกำหนัด ความดับโดยไม่เหลือ นิพพาน.
    ก็เราพึงแสดงธรรม และสัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่รู้ทั่วถึงธรรมของเรา นั้นจะพึง
    เป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่า เป็นความลำบากเปล่าของเรา. ดูก่อนราชกุมาร
    ทีนั้น คาถาอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏแจ่มแจ้ง
    กะอาตมภาพว่า

    บัดนี้ ยังไม่สมควรจะประกาศธรรมที่เราบรรลุได้โดยยาก ธรรมนี้อันสัตว์
    ทั้งหลาย ผู้ถูกราคะโทสะครอบงำไม่ตรัสรู้ได้ง่าย สัตว์ทั้งหลาย อันราคะย้อม
    แล้ว อันกองมืดหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรม อันยังสัตว์ให้ไปทวนกระแส
    ละเอียด ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก เป็นอณู ดั้งนี้.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.9 KB
      เปิดดู:
      524
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2013
  2. tuk187

    tuk187 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2011
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +1,068
    เคยเห็นเหมือนกันหลุมดำๆ ตอนนั่งสมาธิค่ะ เหมือนจะดูดเข้าไปกลัวเสียก่อนเลยออกจากสมาธิ เพราะปฎิบัติเองที่บ้าน ไม่มีครูบาอารย์แนะนำเลยค่ะ แต่ก็อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  3. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    เก่งจัง:cool:
     
  4. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "ราชรถอันวิจิตรดีย่อมชำรุดโดยแท้ อนึ่ง แม้สรีระก็ย่อมเข้าถึงชรา แต่ว่าธรรมของสัตบุรุษหาเข้าถึงชราไม่ สัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้กับสัตบุรุษ" (๑๕/๓๓๓) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  5. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ปรารภความเพียร ด้วยตั้งสัตยาธิษฐานว่า จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็นและกระดูกก็ตามที เลือดและเนื้อในร่างกายจงเหือดแห้งไปเถิด ผลอันใดที่จะพึงบรรลุได้ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษ ยังไม่บรรลุผลนั้นแล้ว จะหยุดความเพียรเสียเป็นอันไม่มี"

    "โมคคัลลานะ ภิกษุย่อมเป็นผู้ปรารภความเพียรอย่างนี้แล"

    (๑๖/๖๙๓) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  6. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "บุคคลไม่พึงใส่ใจคำแสลงหูของชนเหล่าอื่น ไม่พึงแลดูกิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของชนเหล่าอื่น พึงพิจารณากิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของตนเท่านั้น" (๒๕/๑๔) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    หาอ่านเรื่อง ฌาน 1-8 ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่อ่านอธิบายไว้ดูเน้อ เดี๋ยวรู้เอง ว่าทำไมผมหัวเราะ...

    แล้วก็ แก้มิจฉาทิฎฐิ ตรงที่ผมขีดเส้นใต้ ไว้ด้วยนะครับ... อันนี้คุณกำลังเถียงพระพุทธเจ้าอยู่นะครับ ไม่ใช่เถียงผม
     
  8. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "กรรมไม่ดีและไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ทำได้ง่าย ส่วนกรรมใดแล เป็นประโยชน์ด้วย ดีด้วย กรรมนั้นแลทำได้ยากอย่างยิ่ง" (๒๕/๒๒) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  9. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "การสรรเสริญจากคนพาล กับการติเตียนจากนักปราชญ์ การติเตียนจากนักปราชญ์ประเสริฐกว่า การสรรเสริญจากคนพาลจะประเสริฐอะไร" (๒๖/๓๘๒) #โคทัตตเถรคาถา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    [​IMG]
    ทำไมพระอรหันต์หัวเราะได้ ร้องไห้ได้ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    http://palungjit.org/threads/ทำไมพระอรหันต์หัวเราะได้-ร้องไห้ได้-หลวงตามหาบัว-ญาณสัมปันโน.347228/


    พูดไม่คิด ปรามาสพระรัตนตรัยไปเสียแล้วเน้อ...

    ว่าแต่ ทุกข์ขัง มันไม่ได้สะกดอย่างนี้เน้อ มันไม่ได้ใช้อย่างนี้เน้อ... อายชาวบ้านเขาเน้อ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2012
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2012
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    " การสำรวมในที่ทั้งปวงเป็นการดี บุคคลสำรวมในที่ทั้งปวงแล้ว มีความละอายต่อบาป เรากล่าวว่าเป็นผู้รักษาตน ฯ ''
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  13. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "คนเกาะท่อนไม้เล็กๆ พึงจมลงในห้วงมหรรณพ ฉันใด แม้สาธุชนก็ย่อมจมลง เพราะอาศัยคนเกียจคร้าน ฉันนั้น เพราะฉะนั้น พึงเว้นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวนั้นเสีย พึงอยู่ร่วมกับบัณฑิตผู้สงัด ผู้เป็นอริยะ ผู้มีใจสูง ผู้เพ่งพินิจ ผู้ปรารภความเพียรเป็นนิตย์" (๑๖/๓๗๒) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  14. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    '' คนมีปัญญาทรามอยู่ท่ามกลางธรรม ก็ยังห่างไกลนัก ''
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    สวัสดีครับ
    ผมขอแทรกซะหน่อยนะครับ อย่าว่ากันเลยนะครับ การปฏิบัติธรรมนั้น พระท่านให้มองที่จิตของเรา ไม่ต้องใส่ใจในจิตผู้อื่น หากมีสิ่งใดมารบกวนจิตก็ให้แผ่เมตตาหรือวางอุเบกขาไปนะครับ หากเรามัวแต่เอาจิตไปสนใจสิ่งเร้าใด รังแต่ทำให้จิตเราเศร้าหมองนะครับ คิดว่าท่านนั้นเขาคงมาสอนคุณเรื่องนี้หรือเปล่า คิดว่าเขาเป็นครูเรา มาช่วยบอกเราว่าเรายังมีจุดใดบ้างที่ยังต้องแก้ไขดีกว่านะครับ หากเขาทำไม่ดีก็ปล่อยให้เป็นกฎแห่งกรรมเขาจัดการไปดีกว่านะครับ
    หากมีข้อความใดที่ล่วงเกินต่อท่านผู้ใดผมต้องขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุ...
    ผู้ที่บารมีถึงพร้อมแล้วจะมองกลับมาที่เรือนตนเอง เห็นว่าไฟกำลังไหม้เรือน และหาวิธีดับไฟ
    ผู้ที่ยังไม่ถึงเวลา จะเดินเที่ยวเล่นอยู่นอกเรือนเรื่อยไป ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าไฟกำลังไหม้เรือนอยู่
     
  17. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ความโกรธก็เหมือนดังไฟ หากมีใครเอาไฟมาให้เราจะรับไหม เราไม่รับเราก็ไม่ร้อนมือ หากเรารับเราก็ร้อน
    แต่อินทบุตรนี่ก็มาแนวHardcoreใช่เล่นเนาะเรา(เป็นเรื่องของธาตุขันณ์นั่นแหละ) ถึงจะไม่เคยคุยกันแต่ผมรู้สึกถูกชะตาอ่ะ พอจะรับรู้สึกปริศนาธรรมที่เขียนไว้ในตัวการ์ตูนอยู่นะครับ
     
  18. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ชาติภพมันยาวนาน ผมเก็บสะสมของแย่ๆ รวมไว้เป็นอนุสัยเยอะอยู่ครับผม
    แม้ชาติปัจจุบัน ก็ยังมีนิสัยไม่ดีหลายอย่าง หลายๆ ครั้งก็ขาดสติ กิเลสก็ยังเข้ามาปรุงแต่งร่วมด้วยเรื่อยๆ เป็นปกติธรรมดาอยู่ครับ
    หากท่านพิจารณาแล้วว่า ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ ท่านยังพอจะสงเคราะห์ได้ในเรื่องใด หรือ พอจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ในทางเดินไปสู่ปลายทาง ผมก็ยินดียิ่งที่จะได้เป็นกัลยาณมิตรครับ :)
     
  19. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    5555 ถูกใจท่านยิ่งนักครับ ตัวผมเองฝึกกรรมฐานแบบพุทธานุสติ แต่เน้นแนวปฏิบัติ เรื่องทฤษฎีนั้นอ่อนด้อยนัก ศัพท์บางคำก็งงๆ
    ฝึกๆไปก็พบว่ามีแต่ความว่าง พอฝึกเสร็จแล้วขันณ์บอกให้ฝึกเอาอภิญญามั่งเฮอะ จิตส่ายหน้าบอกอยากอยู่อย่างวาง ว่าง แบบนี้แหละดีแล้ว จะฝึกอะไรมาตรูก็จะวาง มีไรไหม
    คราวนี้เลยกลายเป็นการประลองกำลังของขันณ์กับจิต แต่สุดท้ายถ้าจิตไม่เอามันก็แห้ว เพราะฝึกไปจิตก็วางอยู่ดี
    ก็ได้แต่มาอ่านอ่านอภิญญาท่านอื่นไปเรื่อยๆ เผื่อจิตผมจะสนใจมั่งอ่ะครับ พอมีวิธีมั่งไหม
     
  20. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เท่าที่ได้ทราบมา เร่งปฏิบัติทางตรงอย่างเดียวก็ได้ครับ หากบุญวาสนาถึง ชาตินี้ได้ถึงการเป็นพระอนาคามี ทุกอย่างที่เคยทำได้ จะกลับมาหมดเลย

    แม้ยังไม่ถึง แต่เมื่อก่อนเราเคยทำสิ่งใดได้ ก็จะค่อยๆ มาทีละนิดทีละหน่อยเช่นกัน ตามแต่ระดับการปฏิบัติที่เราทำได้

    วันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงปู่ไม อินทสิริ มาเทศนาโปรดญาติโยม ผมก็ถามท่านในใจครับ ท่านก็ค่อยๆ หาโอกาสตอบแทรกลงมาตามเนื้อหาที่ท่านเทศน์ ได้ใจความได้ว่า ทำจิตให้ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจะรับรู้ได้ด้วยตนเอง ครับ

    ตรงกับที่ผมเคยถามหลวงพ่อสมบูรณ์ ถ้ำเขาพระ ท่านตอบเป็นปริศนาธรรมเอาไว้ให้ ใจความว่า "อภิญญาอะไร ไม่ต้องไปอยากได้หรอก (ตอนนั้นอยู่ในห้องประชุม) นี่ ลองเงียบลงนิดนึง ดูสิได้ยินเสียงคนอื่นพูดกันไหม? แล้วลองทำใจให้มันสงบนิ่งสักนิดนึง ลองฟังดูอีกทีสิ ได้ยินเสียงคนอื่นพูดกันชัดกว่าเดิมไหม?"

    โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อว่า การที่มนุษย์เราเข้าไม่ถึงอภิญญา เกิดจากการที่เข้าไม่ถึงจิตบริสุทธิ์เดิมแท้ เพราะกิเลสที่มันขวางไว้ และการเคยชินกับการที่จิตไปยึดผูกติดกับกายสังขาร มากกว่าครับ
    หากจิตเดิมบริสุทธิ์แท้ มีสภาพรู้ มีกำลังมาก ถ้าขาดจากการยึดติดกับขันธ์ 5 ทั้งรูป และ นาม ได้เมื่อใด เมื่อนั้น จิตน่าจะหลุดพ้นจากการครอบงำของกายนี้ อยากจะรู้สิ่งใด อยากจะไปที่ใด น่าจะทำได้โดยไม่มีข้อจำกัดของกายสังขารเข้ามาเกี่ยวข้องครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...