อานิสงส์การ "สร้างพระพุทธรูป" ของมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Apinya Smabut, 4 กันยายน 2019.

  1. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,634
    พระอาจารย์กล่าวว่า "อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป ต้องดูมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร สมัยที่มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเป็นมนุษย์อยู่ ไม่เคยสร้างความดีแม้แต่อย่างเดียว แต่กลับสร้างความชั่วแทบทุกอย่าง

    ก่อนตายมัฏฐกุณฑลีป่วยหนัก อทินนกปุพพกพราหมณ์ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพราหมณ์ที่ตระหนี่มาก กลัวว่าญาติมาเยี่ยมลูกชายตนแล้วเห็นสมบัติในบ้าน จะเที่ยวขอสมบัติข้าวของ จึงนำลูกชายไปทิ้งไว้ที่ระเบียงบ้าน เมื่อพระพุทธเจ้าบิณฑบาตเสด็จผ่านมา ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีให้มัฏฐกุณฑลีเห็น เพื่อเป็นการสงเคราะห์

    พอมัฏฐกุณฑลีเห็นพระพุทธเจ้า ก็นึกในใจว่า "ใคร ๆ ก็ว่าพระสมณโคดมมีความสามารถมาก ถ้าท่านได้มารักษาเรา อาการป่วยที่เป็นอยู่ก็คงจะหาย" มัฏฐกุณฑลีคิดแค่นั้นแล้วก็ตาย ด้วยอานิสงส์ที่ใจที่คิดถึงพระพุทธเจ้า จึงไปเกิดอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำ

    ส่วนอทินนกปุพพกพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ เอาศพลูกชายตัวเองไปฝัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญไปด้วย มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรก็นึกว่า "พ่อเรานี่ช่างโง่จริง ๆ ลูกมีชีวิตอยู่ไม่ยอมรักษา มัวแต่เสียดายเงิน พอลูกตายแล้วกลับมานั่งร้องไห้" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ ๆ หลุมศพ แล้วนั่งร้องไห้บ้าง

    อทินนกปุพพกพราหมณ์พอเห็นมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ก็คิดว่ามาณพผู้นี้หน้าตาเหมือนลูกชายของเรา จึงเกิดความรัก อยากได้มาเป็นลูก เพื่อทดแทนลูกชายที่เพิ่งตายไป อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงถามมาณพว่า "ข้าพเจ้าร้องไห้เพราะบุตรชายเพิ่งเสียชีวิตไป ท่านอายุยังน้อย คงไม่มีบุตรที่เพิ่งเสียชีวิต แล้วมาร้องไห้ทำไม ?"

    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้าสร้างรถคันหนึ่ง เป็นรถทองคำที่สวยงามมาก แต่ไม่มีล้อที่เหมาะสมกับรถ จึงร้องไห้เสียใจ" อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงคิดว่า "ถ้าเรามอบล้อรถอันเป็นที่ถูกใจให้ชายคนนี้ เราอาจจะขอมาเป็นลูกได้"

    อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงถามว่า "เจ้าต้องการล้อรถแบบไหน ล้อทองคำ ล้อเงิน หรือล้อแก้วมณี เราก็จะจัดหาให้" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรคิดว่า "ตอนลูกมีชีวิตอยู่ พ่อขี้เหนียวไม่ยอมแม้แต่จะจ่ายเงินเป็นค่ารักษา พอตอนนี้แม้ล้อรถทองคำหรือแก้วมณีก็ยอมให้"

    "มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้าอยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถ" อทินนกปุพพกพราหมณ์โกรธ "แกจะบ้าหรือเปล่า ? ใครที่ไหนจะสามารถเอาพระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถได้" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ถ้าข้าพเจ้าบ้า ท่านก็บ้ายิ่งกว่า ข้าพเจ้าอยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถ เพราะข้าพเจ้ามองเห็นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ แต่ท่านร้องไห้คร่ำครวญอยากจะให้ลูกชายที่ตายกลับฟื้นขึ้นมา ตอนนี้ท่านมองเห็นลูกชายของท่านหรือไม่ ?"

    อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงได้สติว่า มาณพผู้นี้พูดเป็นภาษิตดี จึงสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงบอกว่า "ข้าพเจ้าคือบุตรชายของท่าน หลังจากสิ้นชีวิตแล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีวิมานทองคำ" อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็แปลกใจ "ในชีวิตของเจ้าไม่เคยทำความดีอะไรเลย แล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีวิมานทองคำได้อย่างไร ?"

    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้านึกถึงพระนามของพระสมณโคดมก่อนตาย ด้วยอานิสงส์นี้จึงทำให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์" อทินนกปุพพกพราหมณ์ยังไม่เชื่อ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงแนะนำว่า "ถ้าอย่างนั้นขอให้ท่านพ่อนิมนต์พระสมณโคดม พร้อมกับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป มาฉันภัตตาหารที่บ้าน แล้วสอบถามเอาเองแล้วกัน"

    "ด้วยความอยากรู้จริง ๆ อทินนกปุพพกพราหมณ์จอมตระหนี่ จึงยอมลงทุนเลี้ยงภัตตาหารพระพุทธเจ้าพร้อมกับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป เมื่อเลี้ยงภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงเข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระสมณโคดมผู้เจริญ บุคคลที่ไม่เคยสร้างคุณความดีอะไรมาก่อนเลย เพียงนึกถึงแต่พระนามของพระองค์ เมื่อตายแล้วไปสวรรค์ มีอยู่บ้างหรือไม่ ?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พรามหณะ..ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลที่ไม่เคยสร้างความดีอื่นใดเลย นอกจากนึกถึงนามของตถาคต เมื่อตายแล้วได้ไปสุคติโลกสวรรค์นั้น ไม่ได้มีแค่ร้อยแค่พัน หากแต่มีเป็นโกฏิ" แล้วท่านก็ตรัสว่า "พราหมณ์ก็ได้เจอลูกชายของท่านเองมาแล้วไม่ใช่หรือ ? "

    อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็ยอมรับ พระพุทธเจ้าจึงเรียกมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรพร้อมกับวิมานทองคำมาเป็นเครื่องยืนยัน อทินนกปุพพกพราหมณ์เกิดความเลื่อมใส จึงปวารณาตนนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

    มีอยู่ประเด็นหนึ่งก็คือ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรทำชั่วมาตลอดชีวิต แล้วอานิสงส์อะไร ที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดในวินาทีสุดท้าย ? ตรงจุดนี้ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึง อรรถกถาก็ไม่ได้กล่าวไว้ แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามตรงต่อพระ

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในอดีตมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเคยสร้างพระพุทธรูปเอาไว้ อานิสงส์ในการสร้างพระพุทธรูปในอดีตตามมาทันในชาตินี้ ในวินาทีสุดท้ายพอดี

    ดังนั้น..พวกเราที่ตั้งใจร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมกับคณะของคุณหมอนพพรหรือท่านอาจารย์สมปอง ถ้าเป็นนิสัยของอาตมาก่อนนี้ก็จะอธิษฐานว่า "ก่อนตายขอให้พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ อย่าได้คลาดเคลื่อนไปจากใจของข้าพเจ้าเลย" อธิษฐานเผื่อเหนียวไว้ก่อน เกิดอยู่ ๆ ก่อนตายภาพสาวสวย ๆ โผล่มา คงจะได้เกาะผิดที่ จึงต้องใช้วิธีอธิษฐานขออย่าให้ภาพพระเคลื่อนไปจากใจ ตรงนี้อนุญาตให้ทุกคนเลียนแบบได้"

    ที่มา วัดท่าขนุน
     

แชร์หน้านี้

Loading...