อันตราย!!สารพิษในเนื้อสัตว์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย llnuhyper, 25 พฤศจิกายน 2012.

  1. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    นักชีววิทยาผู้หนึ่งพูดว่า “สัตว์กับคนเหมือนกัน เมื่อเกิดอารมณ์
    ฉุนเฉียว จะหลั่งสารพิษชนิดหนึ่ง”
    เพราะฉะนั้นขณะที่สัตว์ถูกเขาฆ่า
    ความหวาดกลัวถึงระดับสูงสุด สารพิษจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น สารพิษจะแผ่ซ่าน
    ไปทั่วร่างกาย เดิมทีสารนี้สามารถขับทิ้งไปได้ แต่พอตายแล้ว มันขับออก
    ไม่ได้กลายเป็นสารพิษตกค้าง พอคนกินเนื้อมันก็กินเอาพิษเข้าไปด้วย
    เนื้อสัตว์มีส่วนที่เน่าเสียจะมีแบคทีเรีย
    ถ้าจำนวนน้อยน้ำหนักกรัมหนึ่งก็
    มีเป็นแสนตัวมากก็เป็นล้านๆ การย่างหรือต้มธรรมดา ไม่อาจฆ่าแบคทีเรีย
    เหล่านี้ได้หมด นอกจากนี้เนื้อสัตว์ยังมีพวกพาราไซด์คือหนอนที่มาอาศัยอยู่
    ก็พลอยถูกคนกินเข้าไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2012
  2. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    เนื้อสัตว์ต้นเหตุ สารพัดโรคภัยร้ายนานาชนิด
    ข้อมูลเพิ่มเติม ที่อยากให้อ่าน ได้ พิจารณา ถึงบทความทางวิชาการ



    ที่น่าเชื่อถือนับพัน ๆ บทความที่มีการศึกษาวิจัยกว่า 15 ปี ซึ่งพอที่มีผลสรุปคล้าย ๆ คลึงกัน



    ผู้ป่วยโรคมะเร็ง รังแต่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ในหมู่ผู้บริโภคเนื้อสัตว์ที่กำลังทวีสูงขึ้น



    เนื้อสัตว์ บ่อเกิดของโรคร้ายนานาชนิด เช่น สารพัด โรคมะเร็งร้าย นานาชนิด
    จากงานศึกษาวิจัย โดยคณะแพทย์ ผูเชี่ยวชาญ ระดับ โลก

    ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

    http://www.watisan.com/showdetail.asp?boardid=1080
     
  3. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    Breach ชี้แนะด้วยครับ
     
  4. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    เจริญพรหมวิหาร ๔ ให้มาก จะช่วยได้...
    ....ยิ่งใช้ฤทธิ์สู้กับมารเท่าใด ก็ยิ่งหลงบ่วงมารเท่านั้น
    ทางออกจากบ่วงมาร คือ ปล่อยวางและรู้ทัน
    อะไรจะเกิดก็ช่างมัน "สติ" เท่านั้น ช่วยให้พ้นภัย

    ....พลังงานแห่งเมตตา จึงอยู่เหนือ จิตมาร....
     
  5. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    สารบอแรกซ์ในหมู

    สารบอแรกซ์คืออะไร

    บอแรกซ์เป็นสารเคมีที่มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การฟอกหนัง อุตสาหกรรมแก้ว ยา เช่น ยาล้างตา เป็นต้น มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ได้ดี ในอดีตได้เคยมีการนำมาใช้เป็นวัตถุกันเสีย แต่ต่อมาพบว่าบอแรกซ์อันตรายต่อสุขภาพ จึงได้มีกฎหมายกำหนดห้ามนำมาใช้ในอาหาร ในกฎหมายสาธารณสุขของประเทศไทยได้กำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนไว้ต้องถูกปรับ 20,000 บาท

    โทษของบอแรกซ์เมื่อสะสมในร่างกาย

    ถ้าได้รับบอแรกซ์ร่างกายจะมีสะสมที่ไตและสมองซึ่งจะทำลายเนื้อเยื่อของแต่ละอวัยวะ เช่น จะทำลายไต และมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไตในที่สุด บอแรกซ์ที่ได้รับเข้าไปในร่างกายจะถูกขับออกได้แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ดังนั้นการที่เราบริโภคสารบอแรกซ์เป็นประจำจะทำให้ร่างกายมีการสะสมและเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

    ผลการตรวจเนื้อสุกรตามเขียงที่กรมฯ ดำเนินการ

    เนื้อสุกรที่พบว่ามีการใช้สารบอแรกซ์มากที่สุดคือหมูบด เนื่องจากการบดหมูจะทำให้มีการผิวสัมผัสของเชื้อโรคเข้าไปในเนื้อหมูมากขึ้น ทำให้หมูบดเน่าเสียได้ง่าย จึงมีการใช้บอแรกซ์ใส่ปนในหมูบด ส่วนเนื้อหมูชิ้นจะมีการนำไปชุบน้ำยาบอแรกซ์ โดยจะมีภาษาเรียกของผู้ที่จำหน่ายสุกรว่า “หมูอาบน้ำ” ดังนั้นจะมีบอแรกซ์ติดอยู่ที่ผิว ข้อปฏิบัติสำหรับผู้บริโภคทั่วไปคือเมื่อซื้อหมูมาก่อนที่จะนำไปปรุงอาหารให้ล้างหลาย ๆ ครั้ง นอกจากจะลดหรือขจัดสารอออกไปได้แล้วยังเป็นการลดความสกปรกที่ติดอยู่บนเนื้อหมูลงไปด้วย ถ้าเป็นหมูบดคงจะไม่สามารถล้างได้เราควรจะหลีกเลี่ยงโดยการนำมาบดเองจะดีกว่า ผลการตรวจบอแรกซ์ในหมูตามเขียงและที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตพบว่าหมูที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตมีการปนเปื้อนน้อยกว่าหมูตามเขียง ส่วนหมูที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตปัจจุบันแทบจะตรวจไม่พบการปนเปื้อนของบอแรกซ์เลย

    แนวโน้มของการใช้สารเคมีในเนื้อสุกร

    หลังจากที่มีการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยของอาหารที่มีการตรวจสอบการใช้บอแรกซ์มากขึ้นทำให้การปนเปื้อนของบอแรกซ์ในเนื้อหมูได้ลดลงแต่ที่น่าเป็นห่วงมากคือ อาหารพร้อมบริโภค เช่น ข้าวขาหมู หมูผัดเผ็ด หรือเนื้อสัตว์ประเภทอื่นที่นำมาปรุงอาหารจำหน่ายยังมีการตรวจพบโดยเฉลี่ยแล้วอาหารพร้อมบริโภคทั้งหลายจะมีพบบอแรกซ์อยู่ประมาณ 5% จากอดีตที่เคยพบอยู่ประมาณ 10% นอกจากหมูบด อาหารประเภทอื่นที่มักพบบอแรกซ์เป็นประจำได้แก่ ทับทิมกรอบ เนื้อปลาบด
    ทอดมันปลากราย เป็นต้น

    การดำเนินการแก้ไขในส่วนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

    ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ผลิตชุดทดสอบบอแรกซ์ให้สามารถนำไปตรวจสอบการปนเปื้อนของสารบอแรกซ์ในอาหารนอกห้องปฏิบัติการได้ และผลจากนำชุดทดสอบไปใช้งานทำให้เราทราบว่าอาหารต่าง ๆ มีบอแรกซ์ปนเปื้อนอยู่ในอาหารหลายประเภท เราได้มีการถ่ายทอดวิธีการใช้ชุดทดสอบบอแรกซ์ในอาหารไปให้ชุมชนในระดับหมู่บ้านได้นำเอาไปใช้ในงานคุ้มครองผู้บริโภค โดยผู้บริโภคสามารถจะดูแลตนเองได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะบอแรกซ์เท่านั้น สารเคมีตัวอื่นหรือเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม เราก็ได้มีการถ่ายทอดให้ชุมชนไปแล้วตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบันเราได้กระจายไปทั่วประเทศแล้ว และขยายผลลงไปถึงโรงเรียนต่าง ๆ ในปี 2543-2544 จะขยายไปถึง อบต.และโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
     
  6. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    สารปนเปื้อนที่มาพร้อมกับอาหาร

    ทุกครั้งที่รับประทานอาหารนอกจากจะต้องคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของความสะอาดและความปลอดภัย เพราะกว่าอาหารจะมาถึงมือผู้บริโภคนั้นต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน นับตั้งแต่การผลิตตลอดจนวิธีการเก็บดูแลรักษาอาหารก่อนจะมาถึงมือผู้บริโภค ซึ่งกระบวนการทั้งหลายเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความเสี่ยงของอาหารที่ไม่ปลอดภัยได้ทั้งสิ้น

    ที่มาของสารปนเปื้อน

    สารปนเปื้อนในอาหารเกิดขึ้นได้จากทั้งเชื้อจุลินทรีย์ทางธรรมชาติ เช่น สารอะฟลาทอกซิน (aflagoxin) ซึ่งเป็นสารที่สร้างจากเชื้อรา Aspergillus spp สารพิษจากเห็นบางชนิด เป็นต้น และสารอาหารที่ปนเปื้อนในอาหารที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ยาฆ่าแมลง สารเร่งเนื้อแดง บอร์แรกซ์ สารกันรา ฟอร์มาลีน เป็นต้น

    สำรวจประเภทสารพิษตกค้างในอาหาร

    ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยด้านอาหารได้สรุปผลการสุ่มตรวจสารปนเปื้อน 10 ชนิด จุลินทรีย์ก่อโรคในอาหาร และการสุ่มตรวจประเมินตลาดสดประเภทที่ 1 ตามเกณฑ์ตลาดสดน่าซื้อ และร้านอาหารแผงลอย ตามเกณฑ์ CFGT จากการรายงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (ตามตัวชี้วัดระดับจังหวัด) ปีงบประมาณ 2551-2553 พบว่า โดยภาพรวมแล้วสารปนเปื้อนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก ร้อยละ 0.69 ในปี 2551 เพิ่มเป็น 0.83 ในปี 2552 และ เพิ่มขึ้นเป็น 1.91 ในปี 2553

    โดยสารปนเปื้อนที่เพิ่มขึ้นจนน่าวิตก อันดับ 1 ได้แก่ จุลินทรีย์ก่อโรค จากร้อยละ 1.19 ในปี 2552 เพิ่มเป็นร้อยละ 19.66 ในปี 2553 อันดับ 2 คือ อะฟลาทอกซิน จากร้อยละ 0.46 ในปี 2552 เพิ่มเป็นร้อยละ 10.20 ในปี 2553 อันดับ 3 คือ สารเร่งเนื้อแดง จากร้อยละ 0.17 ในปี 2552 เพิ่มเป็นร้อยละ 3.10 ในปี 2553 ส่วนที่เหลือรองลงมา คือ ยาฆ่าแมลง ฟอร์มาลีน สารฟอกขาว สารกันรา ตามลำดับ (ดังตารางที่ 1)

    ส่วนสารปนเปื้อนที่มีจำนวนลดน้อยลง ได้แก่ น้ำมันทอดซ้ำ จากร้อยละ 5.58 ในปี 2552 ลดลงเหลือ ร้อยละ 4.76 ในปี 2553
     
  7. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    ตารางที่ 1 แสดงผลการสุ่มตรวจสารปนเปื้อน 10 ชนิด และจุลินทรีย์ก่อโรคในอาหารของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
    (ตามตัวชี้วัดระดับจังหวัด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2553
    [​IMG]
    ที่มา : ตารางสรุปผลการสุ่มตรวจสารปนเปื้อน 10 ชนิด และจุลินทรีย์ก่อโรคในอาหารของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (ตามตัวชี้วัดระดับจังหวัด)
    ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2553 สรุปผลการรายงานโดย ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยด้านอาหาร กระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2553 http://www.fda.moph.go.th/project/f...ation.php?Submit=Clear&ID_Inf_Nw_Category=25#
     
  8. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    พิษภัยของสารปนเปื้อนแต่ละชนิด

    1. สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสุกร

    คุณสมบัติของสาร สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสุกรเป็นสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (Beta-agonist) เช่น ซาลบลูทามอล (Salbutamol), เคลนบิวเทอรอล (Clenbuterol) ซึ่งปกติใช้เป็นยารักษาโรคหอบหืดในคนและสัตว์เท่านั้นแต่มีการลักลอบนำมาใช้ผสมอาหารเลี้ยงสุกร เพื่อเพิ่มเนื้อแดงและลดไขมันตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ทำให้เกิดการตกค้างของสารนี้ในเนื้อสุกร ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้อาหารทุกชนิดมีมาตรฐานโดยตรวจไม่พบการปนเหื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์และเกลือของสารกลุ่มนี้

    ความเป็นพิษ ถ้าบริโภคสารนี้เข้าไปจะทำให้เกิดอาการมือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศรีษะ หัวใจเต้นเร็ว เป็นตะคริว คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการทางประสาท มีผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ

    การสังเกตการปนเปื้อน เนื้อหมูที่มีอาจมีสารเร่งเนื้อแดงจะมีสีแดง
     
  9. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    2. สารกันรา หรือ กรดซาลิซิลิค

    คุณสมบัติของสาร สารกันรา หรือ กรด ซาลิซิลิค เป็นกรดที่มีอันตรายต่อร่างกายมาก กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดห้ามนำมาใช้เจือปนในอาหาร แต่มีผู้ผลิตอาหารบางรายนำมาใส่เป็นสารกันเสียในอาหารแห้ง พริกแกง หรือน้ำดองผัก ผลไม้ เพื่อป้องกันเชื้อราขึ้น และช่วยให้น้ำดองผัก ผลไม้ดูใสเหมือนใหม่อยู่เสมอ

    ความเป็นพิษ ถ้าร่างกายได้รับเข้าไปจะไปทำลายเซลในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและหากได้รับเข้าไปมาก ๆ จะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ ถ้าได้รับกรดซาลิซิคจนมีความเข้มข้นในเลือดถึง 25-35 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตรจะมีอาการอาเจียน หูอื้อ มีไข้ ความดันโลหิตต่ำจนช็อค และอาจถึงตายได้

    การสังเกตการปนเปื้อน อาหารแห้ง อาหารดองที่อาจมีสานกันรา น้ำดองอาหารดูใสเหมือนใหม่อยู่เสมอแม้จะเก็บไว้เป็นเวลานาน
     
  10. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    3. สารฟอกขาว

    คุณสมบัติของสาร สารฟอกขาวเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเปลี่ยนสีของอาหารไม่ให้เป็นสีน้ำตาลเมื่ออาหารนั้นถูกความร้อนในกระบวนการผลิต หรือถูกหั่น/ตัด แล้ววางทิ้งไว้ และยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์ รา บักเตรี สารเคมีดังกล่าวที่นิยมใช้เป็นสารกลุ่มซัลไฟต์ ได้แก่ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โซเดียมหรือโปแตสเซียมซัลไฟด์ โซเดียมหรือโปแตสเซียมไบซัลไฟต์ และโซเดียมหรือโปแตสเซียมแมตาไบซัลไฟต์ ซึ่งจะได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ใช้ได้ในอาหารทุกชนิด คือ สารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือ โซเดียมไดไทโอไนต์ เป็นสารเคมีที่ใช้ในการฟอกแห อวน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก แต่มีผู้ลักลอบนำมาใช้ฟอกขาวในอาหาร สานนี้มีคุณสมบัติในการสลายตัวได้เร็วเมื่อทิ้งไว้จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของสารกลุ่มซัลไฟต์

    ความเป็นพิษ ถ้าร่างกายได้รับสารฟอกขาวแล้วกระบวนการในร่างกายจะเปลี่ยนสารไปอยู่ในรูปของซัลเฟตและขับออกได้ทางปัสสาวะ แต่ถ้าได้รับสารฟอกขาวกลุ่มโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือกลุ่มซัลไฟต์เกินกำหนด สารฟอกขาวจะไปทำลายไวตามินบี 1 ในร่างกาย ทำให้เกิดอาการหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง ในรายที่แพ้อาจเกิดลมพิษ ช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหอบหืด

    การสังเกตการปนเปื้อน อาหารที่อาจมีสานปนเปื้อนสารฟอกขาว อาหารมีสีขาวเหมือนใหม่เสมอ ถั่วงอกขาวมากผิดปกติ ขิงหั่นฝอยสีสดไม่เป็นสีน้ำตาย
     
  11. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    4. สารบอแรกซ์

    คุณสมบัติของสาร สารบอแรกซ์หรือที่มีชื่อทางการค้าว่า น้ำประสานทอง ผงกรอบ ผงเนื้อนิ่ม สารข้าวตอก ผงกันบูด และเพ่งแซ เป็นสารเคมีที่เป็นเกลือของสารประกอบโบรอน มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมบอเรต (Sodium borate) โซเดียมเตตราบอเรต (Sodium tetraborate) มีลักษณะไม่มีกลิ่น เป็นผลึก ละเอียด หรือผงสีขาว ละลายน้ำได้ดี มีละลายในแอลกอฮอล์ 95% มีการนำมาใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม เป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายแก่ร่างกายและห้ามใช้ในอาหารทุกชนิด แต่เนื่องจากบอแรกซ์มีคุณสมบัติทำให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อน กับสารประกอบอินทรีย์โพลีไฮดรอกซี (Organic polyhydroxy compound) เกิดลักษณะหยุ่น กรอบ และเป็นวัตถุกันเสียได้ จึงมีการลักลอบนำสารบอแร็กซ์ผสมลงในอาหารหลายชนิด เช่น หมูบด ปลาบด ลูกชิ้น ทอดมัน ไส้กรอก ผงวุ้น แป้งกรุบ ทับทิมกรอบ มะม่วงดอง ผักกาดดอง เป็นต้น เพื่อให้อาหารเหล่านั้น มีลักษณะหยุ่น กรอบ แข็ง คงตัวอยู่ได้นาน หรือนำผงบอแร๊กซ์ละลายในน้ำ แล้วทาหรือชุบลงในเนื้อหมู เนื้อวัว เพื่อให้ดูสดตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการใช้ปลอมปนในผงชูรส เนื่องจากบอแร็กซ์มีลักษณะภายนอกเป็นผลึกคล้ายคลึงกับผลึกผงชูรส

    ความเป็นพิษ ถ้าบริโภคเข้าไปในร่างกายจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด สำไส้และกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง อุจจาระร่วง และเป็นพิษต่อตับ ไต และสมองได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณสารที่ได้รับ

    การสังเกตการปนเปื้อน อาหารที่อาจมีสารบอแรกซ์อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย
     
  12. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    5. สารฟอร์มาลิน หรือสารละลายฟอร์มาลดีไฮด์

    คุณสมบัติของสาร สารฟอร์มาลินมักใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้เป็นน้ำยาดองศพ ประกอบด้วย แก๊สฟอร์มาลดีไฮด์ ประมาณร้อยละ 37-40 โดยน้ำหนักในน้ำ ลักษณะทั่วไปของฟอร์มาลินเป็นของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์พลาสติกสิ่งทอใช้ในการรักษาผ้าไม่ให้ย่นหรือยับ ใช้ป้องกันการขึ้นราในการเก็บรักษาข้าวสาลี ข้าวโอ๊ตหลังจากเก็บเกี่ยวและใช้เพื่อป้องกันแมลงในพวกธัญญาพืชหลังการเก็บเกี่ยว ฟอร์มาลินเป็นอันตรายและห้ามใช้ในอาหารทุกชนิด แต่ปัจจุบันยังมีการนำมาใช้ในทางที่ผิด โดยเข้าใจว่าช่วยทำให้อาหารคงความสด ไม่เน่าเสียได้ง่าย และเก็บรักษาได้นาน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับอาหารที่เน่าเสียได้ง่าย เช่น อาหารทะเลสด เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ผักสดชนิดต่างๆ เป็นต้น

    ความเป็นพิษ ถ้าร่างกายได้รับสารฟอร์มาลินจากการบริโภคอาหารที่มีสารดังกล่าวตกค้างอาจทำให้เกิดการะคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร และหากสัมผัสอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดการสะสมจนทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ และสารฟอร์มาลินยังเป็นสารก่อมะเร็งในสิ่งมีชีวิตได้ด้วย

    การสังเกตการปนเปื้อน อาหารที่อาจมีสารฟอร์มาลินอาหารจะสดอยู่เสมอ ไม่เน่าเสียเร็ว ผักวางขายทั้งวันยังดูสดใสไม่เหี่ยว ถ้ามีการใช้ฟอร์มาลินมากจะมีกลิ่นฉุนแสบจมูก
     
  13. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    6. ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

    คุณสมบัติของสาร ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช คือ วัตถุมีพิษที่นำมาใช้เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืช สัตว์ และมนุษย์ ทั้งในการเกษตร อุตสาหกรรม และสาธารณสุข ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ได้บางชนิดแต่ต้องทิ้งระยะให้สารหมดความเป็นพิษก่อนการเก็บเกี่ยว

    ความเป็นพิษ เมื่อได้รับสารฆ่าแมลงเข้าสู่ร่างกายจะเกิดปฏิกริยาทางเคมีกับเอนไซม์ในร่างกาย มีผลให้เกิดการขัดขวางการทำหน้าที่ตามปกติของระบบประสาททั้งในคนและสัตว์ ความเป็นพิษขึ้นกับคุณสมบัติของสารเคมีแต่ละชนิด วิธีการได้รับสารเข้าสู่ร่างกาย ปริมาณความถี่ สุขภาพของผู้ได้รับสารพิษและก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดศรีษะ มึนงง หายใจลำบาก แน่นในอก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน กล้าวเนื้อโดยเฉพาะที่ลิ้นและหนังตากระตุก ชัก หมดสติ

    การสังเกตการปนเปื้อน อาหารที่อาจปนเปื้อนยาฆ่าแมลง ผัก ผลไม้มีกลิ่นสารเคมี สดไม่มีรอยเจาะของแมลงปลาแห้ง ปลาเค็มไม่มีแมลงวันตอม

    จากการสุ่มตรวจอาหารเพื่อหาสารปนเปื้อนและจุลินทรีย์ก่อโรคในอาหารของสาธารณสุขจังหวัด ตั้งแต่ปี 2551-2553 พบว่า แนวโน้มของสารปนเปื้อนที่ผสมอยู่ในอาหารมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากไม่มีมาตรการใดๆ มาแก้ไข อาหารซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย อาจกลายเป็นยาพิษที่ย้อนกลับมาทำลายสุขภาพของเราก็ได้
     
  14. ๛จิตพุทธะ๛

    ๛จิตพุทธะ๛ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +87
    โมทนา...สาธุครับ

    ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ควรจะกินเจ เว้นกรรมดีกว่านะครับ
     
  15. llnuhyper

    llnuhyper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +885
    ใช่ครับ ละเว้นซึ่งการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น

    เพียงเพื่อให้ตัวเองอิ่มท้อง

    กินอิ่ม 1 มื้อ แต่ไม่รู้แลกมาด้วยกี่ชีวิต

    แถมยังได้รับสารพิษสะสมในร่างกายอีกด้วยครับ
     
  16. ๛จิตพุทธะ๛

    ๛จิตพุทธะ๛ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +87
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
     
  17. Stabilo

    Stabilo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +760
    อย่างกลางวันนี้ผมก็กินง่ายๆ

    ข้าวต้มกับเต้าหู้ยี้ ก็อิ่มไปมื้อหนึ่ง
    นี่ก็กำลังเผามันเทศอยู่ เดี๋ยวได้ของว่างกินแระ อิอิ

    คนเราไม่ต้องกินเนื้อสัตว์ก็อยู่ได้

    นี่กำลังแช่หมี่กึนเจแบบลูกปิงปอง
    เดี๋ยวก็มาต้มกับซีอิ้ว รากผักชี ใส่น้ำตาลปิ๊บนิดหน่อย
    มื้่อเย็นก็จะผ่านไปอีกมื้อ โดยไม่ต้องแตะเนื้อสัตว์เลย

    ถ้าทำได้ ก็อย่าเอาศพไก่ ศพหมู เข้าปากเลยนะ
    ถ้าเราต้องใช้ชีิวิตของสัตว์เหล่านี้เพื่อบำรุงตนเอง
    เราก็ไม่ต่างจาก พวกแวมไพร์ที่ต้องดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองเลย
    ก็ไม่ได้ต่างจากยักษ์ที่จับคนกินเป็นอาหารเลย
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2012
  18. Stabilo

    Stabilo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +760
    พวกที่ยังอยากกินเนื้อก็หาข้ออ้างไปเรื่อย

    หาว่าคนอื่นเป็นเทวฑัต
     
  19. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    อันตรายมากคะ เดี๋ยวนี้ฉีดสารทำให้สัตว์โตไว
     
  20. MonkeyAstro

    MonkeyAstro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +202
    เดียวนี้อันตรายอยู่รอบตัวเราจริงๆนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...