อยู่อย่างสันโดษ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 29 มีนาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,652
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,973
    93FA13B5-96D5-4720-9D01-F7207E9DAFC1.jpeg

    อยู่อย่างสันโดษ

    สมัยที่อยู่กับกะเหรี่ยง จะเป็นลักษณะกินเพื่ออยู่ บางครั้งก็ถือถังน้ำหรือตะกร้าแล้วเก็บใบไม้ไปเรื่อย ๆ เก็บมาได้ ๑ ถัง ก็เอามาล้างน้ำให้สะอาด แล้วก็ลวกหรือต้ม ใส่เกลือนิดหน่อย

    บางวันกะเหรี่ยงเขาก็แบกกล้วยเอามาให้กิน ตัวเองไม่มีจะกินก็ยังอุตส่าห์เอามาถวายพระอีก ได้กล้วยก็เอามาเผาไฟเสียก่อน จำเอาไว้ว่ากล้วยอย่าไปกินสด ๆ มาก ทำให้จะป่วย เพราะกล้วยเป็นธาตุเย็น บางวันหรูหน่อยมีมันสำปะหลังมาหัวหนึ่ง แบ่งออกเป็นสามท่อน กินได้สามวัน

    ไปอยู่แบบนั้นทำให้เห็นชัดเจนว่า ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์แค่นั้นจริง ๆ ส่วนอื่น ๆ เป็นส่วนเกินทั้งนั้น

    ถาม : แล้วเขามีไฟฟ้าหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : ก่อนหน้านั้นเขาไม่มี เดี๋ยวนี้เริ่มมีแผงโซลาร์เซลล์แล้ว พอมีไฟฟ้าใช้ก็ซื้อโทรทัศน์ เมื่อความเจริญเข้าไปก็น่าเสียดาย ทำให้วิถีชีวิตเริ่มเปลี่ยน จากพออยู่พอกินก็เริ่มซื้อเครื่องอำนวยความสะดวก ซื้อตู้เย็น ซื้อมอเตอร์ไซค์ เริ่มมีรถกระบะบ้างแล้ว ส่วนมากก็ติดหนี้เขาไว้ ซื้อเงินผ่อนทั้งนั้น

    อย่างเช่นมอเตอร์ไซค์ แค่เพียงถือบัตรประชาชนเปล่า ๆ ใบเดียวไป ก็สามารถรับมอเตอร์ไซค์ ๑ คัน แถมค่าน้ำมัน ๕๐๐ บาท พัดลม ๑ ตัว ร่ม ๑ คัน เอาไปใช้ก่อนสามเดือน ถ้าไม่พอใจเอามาคืนได้

    เขาลงทุนขนาดนั้น แต่ไม่มีใครเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนสักคน เพราะอะไรรู้ไหม ? สักกายทิฏฐิล้วน ๆ เมื่อเพื่อนบ้านเห็น ก็มีแต่คนเอ่ยชมว่ามอเตอร์ไซค์สวยดีนี่ ทีนี้ก็เริ่มยืด พอครบ ๓ เดือน เอาไปคืนไม่ได้แล้ว เพราะกลัวเสียหน้า

    จะเห็นได้ว่า เขาเอาหลักจิตวิทยาไปใช้ผิด ๆ เอาไปใช้ให้คนอื่นต้องกลายเป็นทาส จะว่าไปพวกนี้เขาทำการตลาดเก่งมาก แค่บัตรประชาชนใบเดียว เงินสักบาทก็ไม่มี ไปตัวเปล่า ๆ ได้ของมาสามสี่อย่าง ระบบการนำเงินในอนาคตมาใช้จึงขาดธรรมะข้อสันโดษ

    แล้วอย่าไปบอกหรือเตือนเขานะ เขาไม่ฟังเราหรอก เพราะอะไรรู้หรือไม่ ? เพราะข้างบ้านเขามี จึงต้องมีให้เหมือนเขา หรือมีให้ดีกว่าเขา

    นึกถึงนายดาบตระกูล เปาริก พี่เขาเป็นตำรวจติดตามหลวงพ่อวัดท่าซุง ดาบตระกูลมีสิทธิ์อยู่แฟลตตำรวจ แต่ไปซื้อที่ดินสร้างบ้าน ก็เลยถามเขาว่าคิดอย่างไร ? เพราะซื้อที่สร้างบ้านต้องผ่อนเยอะ เขาบอกว่า ผมคำนวณแล้วว่า ก่อนเกษียณผมสามารถผ่อนหมด ที่ดินก็เป็นของผม บ้านก็เป็นของผม ถ้าผมอยู่แฟลตแล้วผมเกษียณ หมดสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อ ผมจะไปอยู่ที่ไหน ? นี่คือข้อที่หนึ่ง

    ข้อที่สอง ถ้าอยู่แฟลต ซึ่งมีห้องข้าง ๆ เยอะ ถ้าห้องข้าง ๆ เขามีโทรทัศน์ เมียผมก็จะเอา ถ้าเขามีตู้เย็นเมียผมก็จะเอา ถ้าเขามีวิทยุเทปเมียผมก็จะเอา ผมก็ติดหนี้หัวโตสิครับ และที่สำคัญถ้าผมออกพื้นที่ แล้วเขามาชวนเมียผมไปเล่นไพ่ก็หนักเข้าไปอีก เพราะแม่บ้านตำรวจถ้ามีเวลาว่างก็มักจะล้อมวงตีไพ่กัน

    นายดาบคิดรอบคอบมาก เขาเป็นตำรวจที่ไม่ยอมโกงกิน หางานสุจริตทำ ขายแอมเวย์ด้วย ขายประกันด้วย เป็นตำรวจด้วย เขามั่นใจว่าเขาต้องผ่อนหมดก่อนเกษียณ

    คนที่มีปัญญา เขารู้จักหาช่องทางดำเนินชีวิตไม่ให้ตัวเองต้องเดือดร้อน แต่คนที่ขาดปัญญา ขาดสันโดษ มักจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนอยู่เสมอ ด้วยการไปสร้างหนี้แล้วก็สร้างหนี้... พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อิณาทานัง ทุกขังโลเก ความเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก

    ถาม : แล้วสันโดษนี่...?
    ตอบ : สันโดษไม่ได้แปลว่าต้องจน ไม่ได้แปลว่าต้องไม่มีอะไร พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามที่ได้มา ได้เท่าไรก็พอใจแค่นั้น ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังที่หาได้ ถ้ามีความสามารถหาทรัพย์สินได้เยอะก็เอาสิ ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามฐานะของตน มีเป็นหมื่นล้านจะซื้อเบนซ์หรือวอลโว่ก็ไม่มีใครว่า ดูสารูป ก็คือสภาพฐานะแห่งตน ดูกำลังของตน ในหลวง ร.๙ จึงได้ตรัสว่า เศรษฐกิจพอเพียงก็รวยได้
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...