หลวงตามหาบัว กับ พญานาคราช

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 18 พฤศจิกายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    พระอาจารย์มหาบัว เล่าถึง พญานาค

    ท่านอาจารย์ สิงห์ทองเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์มั่น ต่อมาจึงได้มาอยู่ศึกษาอบรมกับหลวงตานี่แหละ ท่านมีนิสัยกล้าหาญ ไม่กลัวอะไรง่ายๆ แต่คราวนี้ท่านไปพบเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งเข้า ท่านจึงบอกท้าพวกที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงให้ไปลองพิสูจน์ดู หลวงตาเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า

    "...แล้ว ท่านสิงห์ทอง ยังอยากจะให้พวกนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ว่าไม่มีผีไม่มีอะไรให้ไปอยู่ภูเขาลูกนั้น ภูเขาลูกนั้นเราก็เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ มันเป็นตีนเขา ข้างบนมีถ้ำอยู่ 2 ถ้ำ มีหลวงตาองค์หนึ่งอยู่ทางนั้นถ้ำหนึ่ง แล้วเป็นซอกเขาลงมาน้ำไหลลงมาตรงนี้แล้วมีอีกถ้ำหนึ่ง ครั้นเวลามีพระมาใหม่มาเยี่ยมมาพักอยู่ถ้ำนี้ ผีนั้นก็ลงมาจากโน้นนะ จากภูเขา

    บนหลังเขานั้นมี แอ่งน้ำอยู่ ไหลอยู่ทั้งแล้งทั้งฝน หากไม่มากนะ หากไหลอยู่...ทั้งแล้งทั้งฝน เขาเขียนประกาศติดไว้ว่าไม่ให้ผู้หญิงลงอาบน้ำนั้น ถ้าผู้หญิงลงอาบน้ำนั้น จะเหม็นคลุ้งไปหมดเลย เขาห้าม เขาเขียนประกาศติดเอาไว้ ถ้าต้องการก็ให้ตักเอามาดื่มมากินมาอาบ ห้ามไม่ให้ลงไปอาบนั่นละ เป็นความจริงถึงขนาดนั้นละ น้ำเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าผู้หญิงลงไปอาบ น้ำนี้เหม็นคลุ้งไปหมดเลย

    มีพญานาคอยู่ที่ นั่น... หลวงตาองค์นั้นท่านอยู่นั้นเป็นประจำ ท่านชินกับสัตว์ตัวนี้พอแล้ว มันลงมาจากภูเขาเหมือนกับเรา ลากต้นตาลทั้งต้น เอาต้นตาลทั้งต้นลากลงมา เสียงซ่าๆ ลงมา มันค่อยลงนะ ซ่าๆ ลงมาซอกเขานี่ หลวงตาองค์นั้นอยู่ทางด้านนั้น ท่านอยู่ถ้ำนั้นเป็นประจำ แล้วถ้ำนี้คนมาพักบ่อยๆ พระน่ะ

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- _ธัมมวโร250.jpg [ 32.83 KiB | เปิดดู 614 ครั้ง ] -->


    ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมวโร
    วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ....................................................

    ถ้าใครมาพัก พระมาใหม่ไม่ว่าพระองค์ไหนมาจากไหนก็ตามเถอะ ตัวนี้เขาจะลงมาถามข่าว ทีนี้หลวงตาก็เลยสั่งบอกไว้กลัวว่าพระจะกลัว คือกลัวว่าท่านสิงห์ทองจะกลัว ท่านสิงห์ทองเป็นพระขี้ดื้อ นิสัยกล้าหาญขี้ดื้อ จึงได้หมอบราบกับผีนั้นละซี พูดท้าทายเลยเทียวนะ ใครเก่งว่าผีไม่มีแล้วให้มาตรงนี้ ถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน ทีนี้พอมาถึง ผู้เฒ่าก็บอก


    "คุณหลาน เอ๊ย พี่น้องจะลงมาเยี่ยมนะตอนค่ำวันนี้ เพราะคุณหลานมาใหม่เป็นพระอาคันตุกะ เป็นแขกมาเยี่ยม แล้วไอ้ตัวอยู่ข้างบนเขามันจะลงมาถามข่าวถามคราว ไม่ต้องกลัวนะ เขาจะลงมาธรรมดา

    แต่เวลา เขาลงมาก็เหมือนลากต้นตาลทั้งต้น ลากลงมาซ่าๆ เวลาเขาขึ้นก็ซ่าๆ ลงไปตีนเขาแล้วหายเงียบนะ พอไปแค่นั้นเงียบ เวลาขึ้นมาก็ซ่าๆ เวลาขึ้นมาไม่ทำก็มี แล้วแต่เขาจะทำ เขาจะทำแบบไหน เขาทำได้"

    พอดีท่าน สิงห์ทองมาเหนื่อยๆ เดินทางมาไม่มีรถยนต์ พอมาถึงที่นั่นก็เข้าพัก ผู้เฒ่าก็สั่งเสียไว้เรียบร้อยกลัวผีนั้นละ ทางนี้เข้าใจแล้วก็นอนประมาณ 3 ทุ่ม

    คนจะตาย เดินทางทั้งวันเหนื่อยมากเลยนอนเสียก่อน ถึงจะลุกขึ้นเดินจงกรม พอนอนหลับไป เสียงฮ่อๆ อยู่หัวเตียง งูเหมือนงูใหญ่เรานี่ขนาดเท่าตัวเสานี่แหละ เสียงมันฮ่อๆ อยู่บนหัวเรานี่ ทางท่านสิงห์ทองนั้นก็เรียก

    "หลวงพ่อๆ"

    "แม่นหยัง"

    "มันเสียงงูใหญ่มาอยู่นี่แล้ว"

    "มันบ่แม่น เสียงที่บอกนั่นละอย่าไปกลัว"

    "บ่กลัวยังไง มันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้" เสียงดังฮ่อๆ น่ะซิ

    "มันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้ มันจะกลืนผม"

    "ไม่กลืนไม่ต้องกลัว มันเคยอย่างนั้นละ จะเป็นไรไป เชื่อหลวงพ่อเถอะ เพราะหลวงพ่อเคยอยู่นั้นมานานแล้วนี่นะ"

    "จะเชื่อได้ยังไง มันจะกินคนนี่"

    เลยเรียก ให้พระมาด้วยองค์หนึ่ง นอนอยู่ทางโน้น ถ้ำมันยาวนอนอยู่ทางโน้น เรียกพระองค์นั้นให้จุดไฟใส่โคมมา แขวนมาแล้วเอาไม้ยาวๆ มา จะหิ้วมานี้ไม่ได้เดี๋ยวจะมาเหยียบงู เอาไม้ยาวๆ แล้วเอาโคมไฟห้อยมาถือมายาวๆ คนไปเรื่อยฉายไปเรื่อย พอคนมาถึงเตียง มันก็หายเสียง เงียบเลยเสียงฮ่าๆ ไม่ได้ยินอะไร หายเงียบ คนจึงกลับไป พอกลับไปสักเดี๋บวขึ้น มีเสียงขึ้นอีกแล้ว

    ...มาอีกแล้ว..."

    คนนั้นเลยจุด ไฟมาหางูทั้งคืน จุดไฟมาแบบนั้นละ กลัวจะมาโดนงูเข้า เพราะเสียงใหญ่เสียงโตมากนี่นะ พอมาก็ไม่เห็นผีอะไร อยู่ได้คืนเดียวเท่านั้นละท่านสิงห์ทอง


    "ทำไมล่ะ?"

    "กลัวละซิ ยอมรับว่ากลัว กลัวจริงๆ โห เหมือนมันจะกลืนเราทั้งคนนี่นะ ตัวมันจะขนาดเท่าลำตาล"

    งูตัวนี้ พญานาค พอตื่นขึ้นมาไปลาหลวงตา

    "ว่าอย่างไรล่ะลูก?"

    "โอ๊ย กลัวงูอยู่ไม่ได้แล้ว"

    "ไปกลัวมันทำไม? หลวงพ่ออยู่นี้มานานแสนนานรู้เรื่องของมันหมด ไม่มีอะไรแหละ อย่าไปกลัวเลย"

    "โอ๊ย กลัวๆ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว"

    ใครเก่งว่าผีไม่ มีให้มา ถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน เอาจริงๆ นี่ นั่นละ เสียงมันเป็นอย่างนั้นเวลามันแสดง...พญานาค มาเล่าให้อาจารย์หมออวยฟัง โอ๊ย ตั้งใจฟัง สนใจฟังอยากจะไปด้วยนะ อยากจะไปดูสภาพเป็นยังไง อยากไปดูเป็นกำลัง แต่ไม่มีเวลาพอที่จะไปดูได้ ไปดูถึงที่เลย ไปดูเหตุการณ์จริงๆ เป็นยังไง ไปดูก็เห็นจริงๆ นั่นแล้ว เพราะเป็นอย่างนั้นมาเป็นประจำ ว่าขอแต่แขกคนมาที่นั่น พอตกกลางคืนเขาจะลงมา เขาก็ไม่ทำไมละ ลงมาถามข่าวธรรมดา

    แต่เสียงมัน... ทำได้แปลกๆ นะ แบบงูก็ได้ แบบเสือก็ได้ แบบไหนได้หมด ไม่ใช่มีแบบเดียว ที่มันน่ากลัวคือมันหลายแบบนั่นเอง บางทีเหมือนเสือ เห่อๆ ใกล้ๆ ข้างถ้ำ "เสือมายังไง" ว่าอีกละ"มันไม่ใช่เสืออันนั้นละ" ว่าอันนั้นก็เข้าใจกัน

    อาจารย์หมออวย อยากไปเป็นกำลังโฮ้ ซักท่านสิงห์ทองใหญ่เลยเทียวนะ ท่านสิงห์ทองเล่าให้ฟัง ทีนี้ท่านสิงห์ทองก็เป็นพระกล้าหาญด้วยไม่ใช่เป็นพระออดแอด พระโกโรโกโสนะ ท่านพูดมันน่าฟัง เราเองก็เชื่อ เพราะเราชื่ออยู่ก่อนนั้นแล้วเรื่องเหล่านี้

    "โห มันน่ากลัวจริงๆ นะ" ท่านว่า

    "ตัวมันขนาดเท่า ลำตาลแล้วมันขู่ฟ่อๆ อยู่บนหัวเราใกล้ๆ ฝ่ามือเดียวเท่านั้น มันเหมือนจะกลืนเอาเลย เสียงฮ่อๆ แต่มองหาตัวไม่เห็น ครั้นเวลาจุดไฟมาหาไม่เห็น ไปไหนก็ไม่รู้ พอดับไฟสักเดี๋ยวขึ้นอีกแล้ว"

    เขาเรียกภูทอก เราเคยผ่านไปผ่านมา เราเที่ยวกรรมฐาน แต่ไม่เคยขึ้นพักถ้ำที่ว่า...

    เรื่อง พญานาคนี้ เคยมีลูกศิษย์หลวงตาคนหนึ่งกราบเรียนถามปัญหาว่า พญานาคมีจริงไหมครับ

    หลวงตา ท่านจึงได้เมตตา ตอบคำถามให้อย้างเผ็ดร้อนไว้ว่า..

    "โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่เคยเห็น มันมาถามหาอะไร พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ปฏิเสธพญานาคยังไง ก็มีแต่พวกตาบอดเท่านั้นมาหลับตาถาม ทีนี้ เวลาตอบลืมตาตอบมันก็เข้ากันไม่ได้ซิ พระพุทธเจ้าลืมตา มาถามสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างคนตาบอดเขาก็บอกเขาตาบอด คนตาดีทั้งโลกเขาก็ไม่ปฏิเสธ แต่เขาตาบอดเขาก็บอกเขาตาบอด ก็ยอมให้เขาตามส่วน เราไม่ว่าอะไรแหละ พอพูดถึงเรื่องพญานาค หลวงพ่อผางสำคัญอยู่นะ กับพวกงูพวกพญานาค นี่ละอำนาจวาสนาของคน มีฤทธาศักดานุภาพ ปัจจุบันนี่หลวงพ่อผางขอนแก่น นั่นน่ะท่านบวชทีหลังเรา ตอนท่านไปเราก็อยู่ที่นั่นวัดนามน ที่ท่านศึกษาปรารภกับหลวงปู่มั่น ท่านก็เทศน์อย่างเด็ดทีเดียว นั่นล่ะท่านได้ธรรมะนั่นล่ะมา ใส่เปรี้ยง ๆ ลง ท่านคงเล็งดูแล้ว เหมาะแล้ว ธรรมะจึงไม่มีอ่อนข้อเลย เด็ดตลอดจนจบ ใส่เปรี้ยงๆ เหมือนคนโกรธแค้นกันมาได้ห้ากัปห้ากัลป์ พอมาก็ปรี่ใส่กันเลยว่างั้นเถอะน่ะ นั่นล่ะผู้ท่านได้อันนั้นมา มาพิจารณาก็ได้คติตั้งแต่นั้นมา เอาจนทะลุไป นี่ล่ะองค์นี้หลวงพ่อผาง แล้วก็เล่าถึงเรื่องของเรา

    ท่านบอกว่าท่านเคยพบกับเราอยู่ที่ นั่น นามน เล่าให้พระทั้งหลายฟัง เพราะตอนนี้เราก็มาขั้นครูขั้นอาจารย์แล้ว หลวงพ่อผางก็เป็นครูเป็นอาจารย์ไปแล้ว เลยเล่าเรื่องถึงกันเฉย ๆ ทีนี้เวลาท่านออกมาแล้วนี้ งู จระเข้เหล่านี้ เหมือนกับท่านเป็นครูเลยเชียว พวกนี้หมอบกลัวหมด จระเข้ตัวหนึ่งมันอยู่ในสระที่วัดนั้น เราเคยไปแล้ววัดนี้ เวลาเขาไปปลูกกุฏิกลางน้ำ เวลาเผลอ ๆ คนกำลังทำกุฏิมันมางับเอาขาละซิ ร้องเอิ้กอ้ากขึ้นเลย พอร้องขึ้นหลวงพ่อผางก็มา พอมันได้ยินเสียงหลวงพ่อผางมันจำได้เลยนะ พอหลวงพ่อผางมานี่ไม่ทราบหนีไปไหนกลัว ถ้าได้ยินเสียงหลวงพ่อผาง หมอบเลย กลัว
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต
    -->หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต
    [​IMG]
    <!-- 1390-041061.jpg [ 58.85 KiB | เปิดดู 619 ครั้ง ] -->


    แล้วที นี้ไปพักภาวนาอยู่ทางน้ำหนาว นี่ล่ะที่สำคัญนะ มีหลวงพ่อองค์หนึ่งอยู่ทางด้านนู้น เดินจงกรมอยู่กลางวันนะไม่ใช่กลางคืน หลวงพ่อผางเดินจงกรมอยู่ทางนี้ องค์นั้นเดินอยู่ทางนั้น งูใหญ่ ใหญ่เท่ากับต้นมะพร้าว มานี้มายกคอขึ้นอ้าปากใส่หลวงตาองค์นี้ ตัวมันใหญ่กว่านี้ ฟังเสียงร้องว้อ ๆ ขึ้น ตอนนั้นก็เดินจงกรมอยู่ " เป็นอะไรว่ะ" "งูใหญ่ไม่ทราบมาจากไหน กำลังจะงับผม อ้าปากใส่ผมอยู่นี่" ท่านก็มาแล้ว ก็เห็นจริง ๆ กลางวันนะ หายก็หายในขณะนั้นเลยต่อหน้าต่อตา เป็นยังไงพญานาคมีหรือไม่มีฟังซิ ผู้เห็นท่านเห็นอยู่อย่างงั้น ผู้หลับตามันก็หลับอยู่งั้น พอมาก็เห็น โอ๊ย มันยกคอขึ้น ตัวเท่าต้นมะพร้าว ตัวยาว หลวงตานี้ก็เดินจงกรม ตัวแข็ง มันอ้าปาก มันไม่เข้ามาใกล้แหละ ห่างประมาณสักวาเศษ ๆ มันอ้าปากอยู่อย่างงี้ ตัวใหญ่

    ทีนี้หลวงพ่อผางมา “ไหนมันอยู่ไหน” พอว่าท่านเดินเข้ามาเลยนะ หลวงพ่อผางไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน มันก็อ้าปาก ทางนี้ก็เดินเข้าไป เอามึงจะกินกูเหรอ เอาเลย มึงชอบตรงไหนเอาเลย เดินบุกเข้าไปหาเลยเชียว มันกำลังอ้าปากอยู่ พรึบเดียวหายเงียบเลย ไม่ทราบหายไปไหน ตัวใหญ่ ๆ หายเดี๋ยวนั้นเลย ไปเงียบ บอกว่าพญานาคมันมาแกล้งเฉย ๆ ภาวนาเมตตามันไม่ดี นั่นเห็นไหมล่ะ ภาวนามันไม่คอยแผ่เมตตา พญานาคก็มาแกล้งเอาบ้าง นี่หลวงพ่อผาง ตัวใหญ่จริง ๆ ท่านบุกเข้าไปเลยนะ ที่มันอยู่นั้น ท่านเดินไปหาเลย ท่านไม่มีสะทกสะท้าน เอาเลยกินเรา เดินเข้าไปหาตรงนั้น หายวูบไปเลย เงียบเลย ไม่มี หายหมดทั้งตัว มันไปไหนไม่รู้ เวลาออกมาพูดว่ามาแกล้งหลวงพ่อ หลวงพ่อใจดำไม่มีเมตตาจิต มันมาแกล้งเอา

    อันนี้ก็เข้ากันได้ ก็เรียนหนังสือเหมือนกันไม่ใช่หรือ ที่พวกพาไปภาวนาไม่แผ่เมตตา พวกเทวดาทั้งหลายเกิดความเดือดร้อน มาแสดงอาการทั้งหลายให้เห็น เป็นกะโหลกหัวผีบ้างอะไรบ้าง และทำพระให้ทั้งจามทั้งไอ เป็นไข้เป็นหนาว วิ่งไปหาพระพุทธเจ้า พระองค์รับสั่ง เวลาไปไม่สบาย “ไม่ สบายซิพวกเธอใจดำ พวกเทพทั้งหลายเขาอยู่ที่นั่น เขาได้รับความลำบากลำบน เขาก็แกล้งเอาบ้าง ไม่มีเมตตาจิต ไป ไปเจริญเมตตาจิต ไปอยู่ที่นั่น” ไล่กลับมาที่เก่า ไปคราวนี้เจริญเมตตาจิตชุ่มเย็นหมดเลย อำนาจเมตตาธรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นธรรมชนะโลก สุดยอดอยู่กับเมตตาธรรม ให้พากันจำไว้นะ "


    คัดจากหนังสือหยดน้ำบนใบบัว "พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน"
    วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
     

แชร์หน้านี้

Loading...