หญ้าแฝก บนพื้นที่ธรรมของ "อี๊ด วงฟลาย"

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย paang, 18 เมษายน 2010.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>"สำราญ ช่วยจำแนก" หรือ "อี๊ด วงฟลาย"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>


    หายหน้าหายตาจากงานเพลงไปนานพอสมควรสำหรับ “สำราญ ช่วยจำแนก” หรือ “อี๊ด วงฟลาย” นักร้องไร้ผมที่เราคุ้นเคยกับท่าทางการร้องและลีลาอันยังคงอยู่ในความทรงจำในหลายๆเพลงของเขา ปัจจุบันอี๊ดผันตัวเองมาทำรายการทีวี ในโครงการพระราชดำริชื่อ My way สารคดีเชิงท่องเที่ยวที่แสดงให้เห็นพระอัจฉริยภาพทางธรรมชาติของในหลวงของเรา เมื่อคลุกคลีกับการเกษตร ชาวบ้าน อีกทั้งการได้ลงพื้นที่จริงในการทำรายการ จึงทำให้เขาเห็นว่าชีวิตชัดเจนขึ้นบนพื้นฐานของความ “พอเพียง” ที่เขาเองเพิ่งพบคำตอบ และทฤษฎีใหม่บางข้อในชีวิตที่เกิดขึ้นจาก “หญ้าแฝก”

    1.
    สุขที่ไม่ได้วัดด้วยตัวเงิน


    ห่างหายจากงานเพลงมาตั้งบริษัท ไอดีโปรเจ็กต์ ผลิตรายการทีวีมา 4-5 ปีแล้ว ล่าสุดมาทำรายการในโครงการพระราชดำริ ออกอากาศทางททบ.5ทุกวันจันทร์-ศุกร์ หลังเคารพธงชาติ เจ้าตัวบอกว่าแม้รายการจะวันละ 10 นาที ตนก็พร้อมพยายามสอดแทรกเนื้อหาสาระให้มากที่สุด และยอมรับว่าไม่ได้เงินทองมากมายจากสิ่งที่ทำ หากแต่เป็นความสุขที่ไม่ได้เอาเม็ดเงินนำหน้า

    “ทุกวันนี้มันพบความจริงบางข้อพอมาทำแล้วมันสุขใจนะ เหนื่อยแต่สุขต้องพูดแบบนั้น มันเริ่มจากผมไปช่วยงานมูลนิธิพระดาบสก่อน ที่หน่วยงานพระดาบสไป แล้วไปประสานของโครงการพระราชดำริ จุดเริ่มต้นพอได้ไปก็คือสิ่งใหม่หมด ไม่เคยได้สัมผัสแต่รู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทำอะไร เห็นในช่วงข่าวว่าพระองค์เสด็จฯไปโน่นไปนี่ แต่ว่าทุกวันนี้พอได้เข้าไปทำ จริงๆ เลยได้เห็นว่าสิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆผ่านมานานแล้ว เราได้เห็นพระองค์ทรงแก้ปัญหา มันเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง"

    "ส่วนมากเรื่องของการแก้ปัญหาให้ประชาชนของพระองค์ พอไปเห็นแต่ละที่ที่ไปก็เลยไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าเกิดว่าผมมีโอกาสที่จะทำรายการขึ้นมา ผมขอไม่ทำให้มันเป็นแบบวิชาการได้มั้ย เรื่องของพระเจ้าอยู่หัวบางคำยังคงต้องรักษาไว้ พอคุยไปคุยมาเขาบอกจริงๆแล้วทำได้นะ เราอยากดำเนินรายการแบบนี้ ซ่อนความสนุกของเราไว้ด้วย อยากให้เยาวชนรุ่นหลังได้ดูด้วย แล้วซาบซึ้งแบบที่เราซาบซึ้ง ให้รู้สึกว่ามันมีประโยชน์กับคนไทยมาตลอดนะ”

    “ผมรับหน้าที่ผลิต แต่คนที่ออกเงินให้คือบริษัทพีดี เขารับผิดชอบเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังหนักอยู่ แบกอยู่ ผมเองไม่รับค่าตัวเอาแค่ค่าตัดต่อ แล้วก็พอมีทีมงาน2-3 คนก็อยู่ได้แล้ว แต่ความสุขที่ได้ผมบอกเลยว่าเต็มเปี่ยมครับ เวลาทำอะไรแล้วไม่ได้เอาเงินเป็นที่ตั้งมันสุข”

    2.
    “พอเพียง” คือการตัดความโลภ


    หลายคนรู้จักคำว่า “พอเพียง” มาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว อี๊ดก็เช่นกัน แต่ทว่าความหมายโดยแท้จริงเขายอมรับว่าไม่เคยรู้ว่าคือสิ่งใด จนเมื่อมีโอกาสเข้ามาทำรายการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริของในหลวงจึงเข้าใจได้ว่า ความพอเพียงทั้งหลายเริ่มจากการตัดความโลภออกก่อนเสมอ

    “ตอนนี้เข้าใจแล้วพอเพียงคืออะไร ตอนแรกไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องพอเพียง พระองค์ทรงมองถึงความยั่งยืนในอนาคต เราใช้ทรัพยากรไม่ยับยั้งวันหนึ่งมันก็หมด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศใดประเทศหนึ่งยืนอยู่บนลำแข้งได้ ใช้ทรัพยากรที่มีค่าให้เกิดประโยชน์จริงๆคือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มันใช้ได้จริง 30: 30: 30: 10 นี่แหละ ข้าวก็มีกิน ผักก็มีกิน เหลือไว้ขาย ไม่ต้องซื้ออะไรเลย อยากกินปลาก็ลงไปจับ ใช้ทุกอย่างเท่าที่จำเป็นมันเห็นชัดเจนนะ พระองค์ทรงแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ถ้าเราทำตามทฤษฎีนี้ทั้งประเทศผมว่าเราอยู่ได้ หัวใจคือต้องตัดความโลภออกไปก่อนนะ”

    “นี่คือความสุขที่ยั่งยืนจริงๆ ต่างชาติต้องมามองเรา ทฤษฎีนี้ 40 กว่าประเทศเอาไปใช้แล้วมาขอที่ กปร.(สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ขอสูตรไปทำแล้ว พอดีไปเริ่มที่ประเทศที่ไม่ได้ใหญ่โตข่าวเลยไม่เยอะ เพราะทั่วโลกเน้นเรื่องอุตสาหกรรมไม่เน้นความยั่งยืน วัดกันด้วยเม็ดเงิน อย่างดูไบเราเคยคิดมั้ย เขาเศรษฐีน้ำมัน เขาช็อตเงินได้อย่างไร พระองค์ท่านไม่หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป มันมีคำถามในใจว่าทำไมต้องพอเพียง ตอนนี้คนยังไม่เห็นไงว่ามันคืออะไร แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นแล้ว ในอนาคตมันต้องแย่งกัน ทุกอย่างแพงหมด ทรัพยากรก็แพง นี่คือสิ่งที่ผมเห็นและได้รับรู้ จากที่ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร”

    3.
    แง่คิดชีวิตจาก “หญ้าแฝก”


    ออกทำรายการและศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้ทราบประโยชน์ของหญ้าแฝกที่มีมากกว่าการยึดรั้งหน้าดิน อีกทั้งได้แง่คิดหลักธรรมบางข้อจากหญ้าแฝก

    “หัวใจของงานพระองค์คือเรื่องแหล่งน้ำ พระเจ้าอยู่หัวจะบอกว่าน้ำคือหัวใจเสมอ ต้องหาแหล่งน้ำให้ได้ เมื่อมีน้ำทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง อีกอันหนึ่งคือหญ้าแฝก แรกๆผมไม่เข้าใจว่าประโยชน์มีอะไรบ้าง ก็พอรู้ว่าไม่ให้ดินพังทลาย แต่ที่จริงมันมีประโยชน์มากกว่านั้นมาก วิถีชีวิตของหญ้าแฝก คือดินที่เสื่อมโทรมเอาหญ้าแฝกไปลง หญ้าแฝกจะอุ้มน้ำไว้ แล้วไม่แย่งปุ๋ยของคนอื่น สมมติกำลังจะปลูกมะม่วงต้นหนึ่งแล้วเอาหญ้าแฝกมาล้อมต้นมะม่วงไว้ 1เมตร ล้อมไว้เป็นวงกลม แล้วถ้าปลูกหญ้าแฝกลงไป ชาวบ้านถามว่าจะแย่งปุ๋ยมั้ย พระองค์ตรัสว่าไม่แย่งนะ คุณสมบัติของหญ้าแฝกไม่แย่งปุ๋ยคนอื่น เขามีวิถีที่อยู่ด้วยตัวเขาเองด้วยการหยั่งราก ลึก 3 เมตร ทิ่มลงไปในดิน เวลามีน้ำมาก็ดูดน้ำไว้ในรากแล้วแผ่ไปให้คนอื่น”

    4.
    “สติ” ของติดตัวที่สำคัญที่สุด


    ส่วนธรรมะข้อสำคัญในการดำเนินชีวิต อี๊ดบอกว่านอกเหนือจากการมีชีวิตแบบพอเพียงแล้ว การมีสติ คือสิ่งที่พยายามเอาติดตัวไว้เสมอ

    “ปัญหาอะไรก็ตามสติต้องมี นี่คือหลักของพุทธฯชัดๆเลย ปัญหาทุกวันนี้คือไม่มีสติ ปักธงเลยว่าคิดแบบนี้แล้วต้องเป็นแบบนี้ที่ต้องการ แต่ไม่วิเคราะห์ ต้องดูว่ามีสติมั้ย มีสติหรือเปล่า ต้องมีสติในการอยู่ร่วมกัน ถ้าคนมีสติมันจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นนะ”

    5.
    สอนลูกให้ตัดความอยาก
    นอกจากบทบาทนักร้อง พิธีกร และเจ้าของบริษัท อี๊ดยังคงฐานะพ่อของลูกอีกสองคน ซึ่งแน่นอนว่า เขาเองสอนลูกเสมอว่าให้ละซึ่งความอยาก และมองเรื่องวัตถุให้เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะใครก็ตามที่วิ่งตามวัตถุย่อม “เหนื่อย”

    “ผมพูดเสมอเรื่องวัตถุ มันเปลี่ยนไปตลอดนะลูก เช่นเทคโนโลยี ทุก 3 เดือน 6 เดือนมันก็ได้ยอด แล้วมันก็เปลี่ยนแบบไปเรื่อยนะลูก เราเปลี่ยนไม่ไหวหรอก เราตามไม่ทันทุกวันนี้เราหาเงินมาเพื่อเสพสิ่งพวกนี้ นี่มันคือเจริญด้านวัตถุ มันเจริญไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทำอย่างไรเราจะหยุดในใจเราเพื่อไม่ต้องตามมันไป คือไม่ตามมันไป เราก็อยู่ได้ พวกนี้อยู่ในพุทธศาสนาหมดเลยนะ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเมื่อไหร่ที่วัตถุล่มสลายศาสนาพุทธจะรุ่งเรืองอีกครั้ง มีวันที่มันละล่มจริงๆนะ แล้วมนุษย์ถึงจะเห็น"

    "การใช้ชีวิตแบบหลักพุทธฯเนี่ยที่พระพุทธเจ้า ทรงเขียนไว้ในพระไตรปิฎกคือเรื่องจริง ตอนนี้คนติดวัตถุหมดเลย อยากได้ไอโฟน ได้มา 3 วันจากวันแรกที่ไม่ได้อารมณ์มันต่างกันเลย มันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปกับสิ่งที่เราไปสัมผัส คือกิเลส ล้อมตัวมนุษย์โลก เลยทำให้เกิดอะไรขึ้นเยอะ แก่งแย่งชิงดี อยากมีหน้ามีตา อยากเป็นใหญ่เพื่อครอบครองสิ่งนั้น แต่ตายแล้วเอาไปไม่ได้นะ พระพุทธศาสนาสอนว่ามาตัวเดียวก็กลับตัวคนเดียวนะ แต่มนุษย์ก็ยังไขว่คว้า หาไปเรื่อยๆ ”

    “ผมว่าเราต้องเริ่มสอนเรื่องแบบนี้ให้เด็กๆ บ้าง ผมคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่ม ถึงเขาจะรู้สึกไม่อยากทำให้สำเร็จแล้วถ้าเป็นสิ่งที่ดีมีหลายๆคนมาร่วมทำในสิ่งที่ดี มาทำหลายๆคนร่วมกัน วิธีคิดโกงก็ได้ถ้าให้เงินเรา ตายเลยนะ ถ้าคิดแบบนั้น เราต้องปลูกฝังได้แล้ว”

    6.
    “กลียุค” กับมุมมองเรื่องการเมือง


    แน่นอนว่าในภาวะบ้านเมืองมีความขัดแย้งในเรื่องการเมือง ในฐานะคนไทยและชาวพุทธคนหนึ่ง เขาพูดสั้นๆว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจวบจนเท่าวันที่ได้ศึกษาหลักธรรมมากขึ้น จึงทำให้รู้ว่าปัญหาทุกอย่างย่อมเกิด แตก และดับ เป็นเรื่องธรรมดา

    “พอมาทำตรงนี้แล้วเข้าใจหมดเลย เข้าใจว่ามันจำเป็นต้องเกิด เพราะมันก่อตัวมาแบบนั้น จุดเริ่มต้นมันมาแบบนั้น นั่นคือหลักพุทธศาสนาเลยนะ มีเหตุมันต้องมีผล ไม่เครียดครับ มันต้องเป็นไปเพราะว่ามันมีการก่อตัวมา มันมีความแตกแยก ความโลภ จากกิเลสนี่แหละ”

    “ผมอ่านหนังสือที่แปลจากพระไตรปิฎกเล่มหนึ่ง ค่อนข้างจะชัดเจนมากด้วยเรื่องการแบ่งแยก พระพุทธเจ้าทรงแยกไว้ 4 ยุค ตอนนี้ เราอยู่ในยุคที่ 4 ยุคที่1 ก่อกำเนิดโลกมันก่อตัวมาใหม่ จากการล่มสลายมีสิ่งมีชีวิตขึ้นมามีทั้งหมดคนดีหมดเลย ไม่มีศัตรู คิดแบบเดียวกัน ทำดี อยู่ร่วมกันดี เรื่องเบียดเบียนไม่มีหลอกลวง ใจบริสุทธิ์ ยุคที่ 2 เริ่มมีคนเลวปะปน 1 ส่วน พวกหัวใสก็อยากได้ของคนอื่นก็เริ่มเกิดขึ้น พอยุคที่ 3 เป็นยุคครึ่งๆ คนดีเลวคนละครึ่งเราอยู่ในยุคที่ 4 กลียุค หรือกุลียุค ยุคที่คนเลว 3 คนดี 1 ส่วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมีความวุ่นวายทั่วโลกไปหมด เพราะมันคือยุคนี้ แต่เราต้องถามตัวเราว่าเราต้องไปอยู่ใน 3 ส่วนนั้นมั้ย หรืออยู่ใน 1 ส่วน”

    ....

    “คุณสมบัติของหญ้าแฝกไม่ใช่แค่ป้องกันการพังทลายของดิน แต่จริงๆแล้วเขาไม่เอาของใครแถมให้คนอื่นอีก เวลาปลูกมะม่วงถ้ายังเล็ก แดดจะให้ความชุ่มชื้นกับมะม่วงจนโต พอมีใบคลุมแล้วหญ้าแฝกจะตายทันที เพราะว่าเขาจะอยู่ที่แดด หาน้ำให้คนอื่นแล้วให้คนอื่น พอใบมะม่วงคลุมเขา เขาก็ตาย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้จักหญ้าแฝกมากขึ้นนี่คือความมหัศจรรย์สำหรับผม” ….สำราญ ช่วยจำแนก
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     
  2. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...