"สุข"ที่ได้จากการ"เผื่อแผ่" ของเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย guawn, 24 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    "สุข"ที่ได้จากการ"เผื่อแผ่" ของเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์

    คอลัมน์ ลายแทงความสุข

    โดย สุพรรณี สมนึก



    [​IMG]อาชีพนักแสดง หรือ "ดารา" เป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน ความดัง ความเด่น อาจมีอยู่ได้ไม่นาน และน้อยคนนักที่จะก้าวขึ้นไปเป็น "ดาวค้างฟ้า"

    แต่ "เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์" หรือจิ๊ก ดารานักแสดงหญิงที่ได้รับบทบาทเด่นจนคว้ารางวัลตุ๊กตาเงินจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก "แผ่นดินของเรา" เมื่อปี พ.ศ.2519 ก็ยังเป็นหนึ่งในนั้น

    ชื่อของ "เนาวรัตน์" ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเธอเล่นหนัง เล่นละครมาแล้วไม่ต่ำกว่า 300 เรื่อง โด่งดังจนติดลมบน แม้ระยะหลังๆ เธอจะไม่ได้รับบท "นางเอก" แต่บทบาทอื่นๆ ที่ได้รับก็ยังสร้าง "ความสุข" และ "รอยยิ้ม" ให้กับผู้ชมเสมอมา

    นอกจากเนาวรัตน์จะสร้างความสุขผ่านทางการแสดงแล้ว ในช่วงเวลาว่างเธอยังไปรับบทบาทใหม่ เป็น "อาสาสมัคร" สวมเสื้อฟ้าในโครงการอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ป่วย หรือ "Blue Angel" ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี อีกด้วย

    โรงพยาบาลของรัฐแห่งนี้ ไม่ต่างกับโรงพยาบาลแห่งอื่นๆ ที่มีแต่ความแออัดของผู้ป่วยที่มารอรับบริการรักษาพยาบาล ยิ่งมีผู้เจ็บป่วยเข้ามาหามากเท่าไร นั่นหมายถึง "คิว" ในการให้บริการของแพทย์และพยาบาลที่จะต้องยาวมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งความกังวล กระวนกระวายใจของผู้ป่วยเอง ยิ่งก่อให้เกิด " ความเครียด" และยิ่งเพิ่มความเจ็บป่วยที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้น

    "หากมีใครสักคนมาคอยพูดคุยกับเขา จากเดิมที่หงุดหงิดไม่พอใจ ความรู้สึกก็จะเปลี่ยนไป ความเครียด หงุดหงิด ก็จะลดน้อยลง บางคนมาจากต่างจังหวัดไม่รู้จักสถานที่ ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน นางฟ้าก็ต้องบริการ เช่น พาไปห้องน้ำ ห้องตรวจ หรือช่วยดูแลลูกหลานที่ติดตามผู้ป่วยมาด้วยระหว่างที่เขาเข้าไปหาหมอ พูดคุย ช่วยเหลือ ความเครียดก็จะผ่อนคลายลงไป" เสียงใสๆ จากนางฟ้าเนาวรัตน์ เล่าถึงงานที่อาสามาทำ

    ก่อนหน้านี้ เนาวรัตน์ก็เป็นหนึ่งในคนไข้ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เข้ารับการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่หลังจากรักษาจนอาการป่วยหายเป็นปกติ เนาวรัตน์จึงเข้าใจ และรู้ซึ้งดีถึงความเจ็บปวด และรู้ว่าผู้ป่วยเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างไร "อย่างน้อยก็ช่วยผ่อนคลายความกังวล และความเครียดที่เกิดจากอาการเจ็บป่วย การเป็นอาสาสมัครก็เป็นการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง เมื่อเขาได้พบเรา คุยกับเรา เขาก็มีความสุข เราก็เป็นปลื้มแล้ว เพราะชีวิตหนึ่งที่ได้รู้จักกัน คนที่มาโรงพยาบาลก็คือคนที่ส่งเสริม สนับสนุนเรามาตั้งแต่เราเข้ามาเป็นดารา ก้าวเข้ามาสู่วงการแรกๆ การเป็นอาสาสมัคร จึงถือว่าเป็นการขอบคุณแฟนๆ ทางอ้อมด้วย"

    จากที่เคยพบเห็นเนาวรัตน์แค่ในกระดาษ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือเห็นแต่ในทีวี ผู้ป่วยเหล่านี้ก็จะได้พบกับดาราตัวจริง เสียงจริง และดาราก็ได้รับใช้พวกเขาจริงๆ

    "ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนควรจะเสียสละซึ่งกันและกัน เพราะเป็นปีมหามงคล ครบ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากให้ทุกคนมาร่วมกันทำความดี"

    เนาวรัตน์บอกว่า การเป็นอาสาสมัคร ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องควักเงินออกจากกระเป๋า เป็นการเสียสละจากใจ และผู้ที่ทำก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ นั้นกลับคืนมาด้วย

    "ในโรงพยาบาลมีคนหนาแน่นมาก บางทีคนไข้บ่น หงุดหงิด หมอนัดให้มารอแต่เช้า แต่ทำไมป่านนี้แล้วยังไม่ได้รักษาอีก ในขณะที่หมอเองก็ผิดหวังกับคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง พอมาทำงานตรงนี้ พี่ก็ได้เข้าใจหมอมากขึ้น เพราะหมอคนเดียว แต่ต้องรักษาคนป่วยตั้ง 500 คนต่อวัน ก็ถือว่าหนักมาก หากเราพอแบ่งเบาได้ก็อยากจะช่วย"

    การเข้ามาทำงานอาสาสมัครครั้งนี้ เนาวรัตน์เล่าว่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของสังคม เพราะสังคมนี้ต้องมีทั้ง "การให้" และ

    "การรับ"

    "เมื่อเราช่วยเขา เขาก็อวยพรให้เราสุขภาพแข็งแรง ขอให้สวยๆ อย่างนี้ตลอดไป บางคนเขาก็ปลาบปลื้มถึงขนาดที่กอดเราแล้วน้ำตาไหลไปด้วย เขาดีใจที่เราเข้าไปช่วยเขา ทำให้รู้สึกและรับรู้ได้ว่าเขาจริงใจกับเราจริงๆ"

    วันนี้ เนาวรัตน์มีความสุขจากการ "เผื่อแผ่" ความสุขที่มี ส่งต่อไปให้กับคนอื่นๆ

    "การที่เรามีความสุขมากๆ เราดีใจ ก็แค่ดีใจคนเดียว แต่หากเราเผื่อแผ่ความสุขของเราออกไปอีก 10 เท่า ก็จะมีคนที่มีความสุขกับเราอีกตั้ง 10 คน พี่อยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคน เรื่องทุกข์โศก เศร้า ร้องไห้ นั้น ทุกคนก็ต้องเจออยู่แล้วในชีวิต แต่จะดีกว่า...ถ้ามีคนสร้างรอยยิ้ม หรือทำให้คนอื่นมีความสุข ไม่อยากเห็นคนโกรธกัน ไม่อยากเห็นคนมองกันในแง่ร้าย ชีวิตนี้มันสั้น เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี เงินทอง ความรวย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ อย่ามองคนที่ดีกว่าเรา แต่เราต้องมองที่ตัวเราเองว่า วันนี้เรามีความสุขแล้วหรือยัง มีเงินทองแค่พอกิน พอใช้ ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากใคร แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขได้แล้ว"

    หากจะกล่าวว่า วันนี้ เนาวรัตน์อยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะเลือกที่จะ "เก็บไว้" เฉพาะความสุข

    "ความทุกข์ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้หายไปโดยเร็ว ทุกข์-สุข เป็นของคู่กันเสมอ เป็นเรื่องธรรมดาโลก เมื่อได้อะไรมา ก็จะต้องเสียบางอย่างไป อย่างเพลงได้อย่างเสียอย่าง ของ อัสนี-วสันต์"

    ในโลกนี้...เมื่อมีความสุข ก็ต้องมีความทุกข์ เมื่อมีความสุข ก็จะต้อง "ทำใจเผื่อ" ความทุกข์เอาไว้ก่อนเสมอ

    "เราเป็นเจ้าของอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ที่สักวันก็ต้องจากเราไป แม้แต่สามี หรือลูก ก็ไม่ใช่ของเรา ลูก...สักวันหนึ่ง เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะต้องแยกออกไปมีครอบครัวใหม่ เราไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรสักอย่าง เช่น ซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์มาแพงๆ มันก็อาจไม่ใช่ของเรา สักวันหนึ่งมันก็อาจจะหายไปได้ และเราต้องทำใจให้ได้"

    เนาวรัตน์เล่าถึงแนวทางการดำเนินชีวิตว่า หากเราอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเราอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติแบบนั้นกับเขาด้วย

    "อยากให้เขายิ้มให้ ก็ต้องยิ้มให้เขาก่อน อยากได้อะไรจากใคร ก็ต้องทำสิ่งนั้นให้คนอื่นก่อน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตอบกลับมาอย่างที่เราอยากให้เป็น ก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าอย่างน้อย เราก็เคยรู้จักกัน มีความทรงจำที่ดีๆ ต่อกัน และจารึกเขาไว้ในความทรงจำที่ดีๆ"

    เมื่อเราเป็นคนของสังคม ก็ต้องช่วยสังคม เมื่อคนเราเกิดมาจึงต้อง "ไม่เห็นแก่ตัว"

    "เรื่องศักดิ์ศรี ชนชั้น วรรณะ เป็นเรื่องที่กินไม่ได้ และไม่ได้มีอยู่จริง สิ่งที่มีอยู่จริงคือ คนที่อยู่ข้างเรา ตัวเรา และสังคม จึงสอนลูกเสมอว่า อย่าได้ไปถือเรื่องพวกนี้ แต่ให้นอบน้อมถ่อมตัวเข้าไว้ การไหว้คือสิ่งที่เข้าถึงจิตใจคนได้ดีที่สุด แล้วเขาจะรักเรา"

    บางครั้ง "ความสุข" ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ถ้าความสุขเกิดได้น้อยกว่าความทุกข์ และคนเรามักจะมีความทุกข์มากกว่าสุข

    เราจะทำอย่างไร? ให้เกิดความสุข และเก็บความสุขนั้นไว้เป็นความทรงจำที่ดี เหมือนอย่างที่ "เนาวรัตน์" ดาวค้างฟ้าดวงนี้ได้ค้นพบแล้ว


    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01lif10240250&day=2007/02/24&sectionid=0132
     

แชร์หน้านี้

Loading...