สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน มนะเป็นของร้อน ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 8 มีนาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๔๙/๓๐๔
    อาทิตตปริยายสูตร
    [๕๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จ
    จาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลคยาสีสะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๑๐๐๐ รูป ล้วนเป็น
    ปุราณชฎิล. ได้ยินว่า พระองค์ประทับอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยานั้น พร้อมด้วยภิกษุ
    ๑๐๐๐ รูป.
    ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นของร้อน รูปทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน
    สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์ เป็นสุขเป็นทุกข์ หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่
    เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้นก็เป็นของร้อน ร้อนเพราะอะไร? เรากล่าวว่า ร้อน
    เพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่
    และความตาย ร้อนเพราะความโศก เพราะความรำพัน เพราะทุกข์กาย เพราะทุกข์ใจ เพราะ
    ความคับแค้น.
    โสตเป็นของร้อน เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    ฆานะเป็นของร้อน กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    ชิวหาเป็นของร้อน รสทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    กายเป็นของร้อน โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    มนะเป็นของร้อน ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน
    สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์เป็นสุข เป็นทุกข์หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่
    เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้นก็เป็นของร้อน ร้อนเพราะอะไร? เรากล่าวว่า ร้อน
    เพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่
    และความตาย ร้อนเพราะความโศก เพราะความรำพัน เพราะทุกข์กาย เพราะทุกข์ใจ เพราะ
    ความคับแค้น.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้วเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน
    สัมผัสอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์ ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์
    มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโสต ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเสียงทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในฆานะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกลิ่นทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในชิวหา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรสทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพะทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในมนะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในธรรมทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน
    วิญญาณอาศัยมนะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัมผัสอาศัยมนะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์
    ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย.
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้น
    แล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จ
    แล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี. ก็แล เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่
    จิตของภิกษุ ๑๐๐๐ รูปนั้น พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.
    อาทิตตปริยายสูตร จบ
     
  2. รัศมีสีทอง

    รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +391
    รู้สึกว่าท่านเจ้าของกระทู้จะเหมารวมธรรมทุกอย่างเลยนะครับ หัวข้อกระทู้แบบเข้าใจผิดๆมาอีกแล้ว จะตั้งกระทู้ทำไมไม่แยกให้ชัดเจนล่ะครับ ธรรมแบบไหน มันมีทั้งธรรมฝ่ายมรรคกับธรรมฝ่ายสมุทัย ถ้ากระทู้เหมารวมแบบนี้ทำลายคำสอนชัดๆเลย อย่าเหมารวมสิครับ ธรรมฝ่ายมรรคมีแต่ให้ความร่มเย็นฝ่ายเดียว ธรรมฝ่ายสมุทัยให้ความร้อนรุ่ม ต้องแยกแยะแบบนี้นะครับ เนื้อหาพระไตรปิฎกน่ะถูกต้องทุกประการ แต่โพสต์ออกมาล่ะท่านเอ๋ยแสดงถึงภูมิธรรมที่ไม่มีอะไรเลย ถ้าไม่แน่ใจว่าจะโพสต์หัวข้อโพสต์แต่เนื้อหาก็พอครับ ธรรมที่พูดถึงในอาทิตตปริยายสูตรหมายเอาธรรมฝ่ายสมุทัยนะครับ ไม่ใช่ธรรมฝ่ายมรรค
    ผู้หวังดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2012
  3. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ผู้น้อยยังคงสัมผัสความร้อนได้ในปัจจุบัน
    กิเลส ราคะ โทสะ โมหะ เป็นเหตุ
    ความร้อน เป็นผล
    มันเริ่มเบาบางลงเมื่อเหตุเผาตนเองสลายไปจ้า
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ธรรมะหาได้มีแยกฝ่ายไม่ ธรรมะคือธรรมชาติ อาศัยเหตุและปัจจัยในการเกิด เมื่อมีการเกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่ ย่อมดับไปในที่สุด พระสูตรที่ผมโพสต์ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน ท่านสนใจเรื่องไหนก็ศึกษาเอาเฉพาะหัวข้อกระทู้นั้นพระสูตรนั้น มันก็จบในกระทู้นั้นหัวข้อนั้น ใยท่านรัศมีสีทองนำมาปนกัน

    สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน เพราะความคับแค้นใจเป็นของร้อน ท่านจับของร้อนอยู่ ท่านก็ร้อนอยู่นั่นแล
     

แชร์หน้านี้

Loading...