สัมภาษณ์พิเศษ บีม D2B (ลับเฉพาะ...สมัยยังบวช)

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย paang, 4 เมษายน 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE id=table266 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>[​IMG]

    ความสนุกสนาน ร่าเริง เบิกบาน นั่นคือ มุมมองที่บุคคลโดยทั่วไป ได้นิยามเพียงด้านหนึ่งของความเป็นวัยรุ่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นดารา นักร้อง นักแสดง ที่เป็นวัยรุ่นด้วยแล้ว หลายคนก็คงจะมองกันว่า เป็นคนที่ต้องอยู่กับความบันเทิง อยู่ในสังคมที่มีแสง สี เสียง น่าดึงดูดใจอยู่ตลอดเวลา แต่ก็คงไม่ค่อยมีใครนึกว่า ด้านหนึ่งของชีวิตพวกเขาที่ได้พักเรื่องงานในวงการบันเทิง และเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต เพื่อที่จะได้มาพักกาย ฝึกใจ และทบทวนศึกษา ความเป็นไปในชีวิต เพื่อเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ในร่มเงาบวรพระพุทธศาสนา ภายใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ในเพศสมณะ ก็มีเหมือนกัน


    และบุคคลที่เป็นนักร้องวัยรุ่น ที่มีชื่อเสียงที่เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เพื่อนำเสนอมุมหนึ่งของชีวิตที่ สงบ สะอาด สว่าง สมถะ ของ พระกวี อภิปุณโณ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ บีม กวี ตันจรารักษ์ นักร้องดังหนึ่งในสมาชิกวง D2B บัณฑิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับเรา เมื่อครั้งที่ยังอุปสมบท อยู่ในเพศสมณะ ดังนี้ครับ

    [​IMG]

    คิดยังไงถึงได้ตัดสินใจบวชในครั้งนี้ครับ?

    มีเหตุผลอย่างแรก คือ มันเป็นหน้าที่ ที่ลูกชายคนหนึ่งต้องทำ ทำเพื่อคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่สังคมไทยได้คาดหวังกับเรา ซึ่งเป็น “ ลูกผู้ชาย” ของครอบครัว อย่างคำกล่าวที่ว่า “พ่อแม่ เกาะชายผ้าเหลืองลูกชายขึ้นสวรรค์” ซึ่งมันเป็นเรื่องของบุญ ที่อาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ตัวเองก็รู้สึกดีใจที่ โยมพ่อโยมแม่ได้มองเราอยู่ในเพศสมณะอย่างปลื้มปีติ ตอนนั้นมีความรู้สึกนี้จริง ๆ และก็รู้สึกอีกว่านี่แหละเป็นบุญที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นข้างในใจเรา และถ้าอยากจะรู้ คงต้องมาลองบวชเรียนดู แล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร
    อีกอย่างก็คือ เป็นการฝึกตัวเอง ฝึกใจ เพราะอย่างน้อยเราได้เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ต้องศึกษาคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเรียนรู้ว่าการอยู่ในเพศสมณะนั้นดียังไง และด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่าง ที่อำนวยให้เรามีเวลาที่จะได้มาบวช ก็เลยตัดสินใจบวชในทันที

    ครอบครัวมีส่วนในการตัดสินใจนี้ด้วย หรือเปล่าครับ?


    จริงๆ แล้วความคิดที่จะบวชนี้ มีมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อาจจะเป็นเพราะการปลูกฝังของโยมแม่ ซึ่งเป็นคนที่ศึกษามาทางด้านพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่มีวิธีจะจัดการกับความทุกข์ และความสุข เกี่ยวกับวิธีการวางใจตนเอง ตรงนี้เอง ที่โยมแม่ได้ปลูกฝังมา ซึ่งมันก็พัฒนาขึ้นมาทำให้เรามีสติ เพราะสตินั้นมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตของเราทุกคนและวิธีที่จะฝึกสติได้ดีที่สุด ก็คือการบวชนั่นเอง ซึ่งถ้าเรายังเป็นฆราวาสอยู่ ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถมีสติได้ตลอดเวลา ตอนที่เป็นฆราวาส เป็นดารานักร้อง ก็ใช่ว่าจะไม่มีสติ คือเราเองก็รู้ตัวว่า เราทำอะไรอยู่ เพียงแต่ว่ามันยังละเอียดไม่พอ เหมือนกับผูกเชือกหลวมๆ แต่ก็มีโยมแม่นี่แหละ ที่คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลา

    [​IMG]

    พอบวชแล้ว รู้สึกยังไงบ้างครับ?


    การบวชในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการฝึกตัว ฝึกใจ ถ้าจะพูดว่าการบวชนั้นสบายก็คงไม่ใช่ เพราะมันเป็นการฝึกตัว ที่ “ลูกผู้ชาย” ทุกคนควรฝึกก็ว่าได้ ดูตอนนี้เราเองเพิ่งเรียนจบมา ยังอยู่ในความคุ้มครองของพ่อแม่ ยังไม่เคยเจอกับสิ่งที่เรียกว่า “ทุกข์” ว่าจริงๆ นั้นเป็นยังไง ถ้าในอนาคตเราเจอกับมันเข้าจริงๆ บางคนอาจถึงกับรับไม่ได้เลย เพราะบางเรื่องมันหนักหนา สาหัสเสียจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ เรามาบวชก็เหมือนกับมารับวัคซีน เวลาเราเจอเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ก็จะได้ไม่ต้องเจ็บหนัก และเพื่อให้มีสติ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้

    ในเรื่องของการฝึกใจ พอมาบวชแล้ว มันต่างกันมากกับตอนที่ยังไม่ได้บวช เพราะเราเองจะมีศีลเป็นกรอบไว้ จะทำให้ความคิด การกระทำมีสติที่ละเอียดขึ้นเป็นลำดับๆ เราเองก็ได้เรียนรู้มากขึ้น ในเรื่องของการจัดการกับความทุกข์นั้น ถ้าเรามีสติในการคิด และการกระทำ เราก็จะเกิดปัญญา สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ และจากเดิมที่เราเคยอยู่กับความอึกทึกครึกโครม อยู่กับแสง สี เสียง มีคนอยู่รอบข้างเรา แต่พอบวชแล้ว ทุกอย่างเหล่านี้มันหายไป มันเงียบเลย เพราะเราอยู่กับป่า ซึ่งมันก็ทำให้ใจเรา ได้ความสงบด้วยเช่นกัน

    [​IMG]

    ความสงบในช่วงที่บวช กับความสนุกตอนที่ยังไม่ได้บวช รู้สึกว่ามันแตกต่างกันยังไงบ้างครับ?

    ตอนที่มันสนุก เราก็รู้สึกว่า “มันก็ดีเหมือนกันนะ” แต่ว่ามันก็เป็นการปรุงแต่งขึ้นมาเองด้วยใจของเรา จริงๆ แล้วก็เหมือนกับว่า เรากางรับความรู้สึกนั้นเข้ามาอย่างเต็มที่ แต่พอมันผ่านไป เรากลับรู้สึกว่า “เอ๊ะ! เมื่อกี้ เราเคยรู้สึกแบบนี้ด้วยเหรอ” มันมีความรู้สึกคล้ายกับ เหงาๆ เหมือนอยู่คนเดียวอย่างบอกไม่ถูก แม้เราจะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย ไม่มีใครหรอก ที่จะสุข สนุกสนานได้ตลอดเวลา เพราะไม่ว่าเราจะสนุกกับอะไรก็ตาม มันก็จะมีความทุกข์เจือปนมาด้วย

    พอเราบวชแล้ว ช่วงแรกก็รู้สึกเหงาจริงๆ เพราะว่าเราต้องอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ เมื่อก่อนเราเสพกับความสุขสนุกสนาน เสพกับการอยู่กับคนอื่นเยอะแยะ มากมาย แต่พอวันนี้ เราตัดขาดจากมันเลย ซึ่งแน่นอนว่า ความทุกข์ ก็เกิดขึ้นกับเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พอเราเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ใจของเราเริ่มสงบมากขึ้น เหมือนใบเรือที่กางรับลมแล้วหุบลงไม่ไหวไปตามลม ทำให้เราได้คิดทบทวนว่าใจของเรามันเป็นยังไง รู้สาเหตุว่าทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนั้น และเราจะจัดการกับความรู้สึกนั้นยังไงได้บ้าง

    คิดยังไงครับ กับเรื่องที่เดี๋ยวนี้ คนทั่วไปไม่ค่อยเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ เรื่องกฎแห่งกรรม?

    เรื่องนรก สวรรค์ เรื่องกฎแห่งกรรม มันต้องเจอกับตัวเอง ซึ่งบางสิ่งมันก็พิสูจน์ได้ เหมือนกับที่เราทำงาน เราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง แล้วเราใส่ความตั้งใจลงไปกับสิ่งนั้น มันก็ต้องสำเร็จ และถ้าเราทำสิ่งที่ดี ๆ ไว้พอไปถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ดีๆ นั่น มันก็นำมาซึ่งความดีได้เหมือนกัน เหมือนเราทำงานเก็บสะสมเงิน เงินมันอยู่กับเรา มันจะไปอยู่กับใครได้ เพราะเราเป็นคนทำเอง และถ้าเราทำความไม่ดีไว้ เราก็ต้องได้ผลไม่ดีแบบที่เราทำไว้นั่นเอง

    ขอให้พูดถึงคุณครูที่ประทับใจ


    คุณครูที่ประทับใจนี่ก็คงจะเป็นโยมแม่ เพราะท่านจะสอนเรื่องพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เรายังเป็นเด็กๆ แต่ถ้าจะพูดถึงคุณครูที่เป็นคุณครูจริงๆ ก็ไม่อยากให้สอนเด็กๆ แต่ในบทเรียนเท่านั้น แต่อยากให้สอนในเรื่องการพัฒนาจิตใจของเขาด้วย ส่วนถ้าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา ก็ไม่อยากให้สอนแค่ในเรื่องของปริยัติ อยากให้สอนการปฏิบัติด้วย เช่น การฝึกสติ สมาธิ เป็นต้น และถ้าฝึกให้เด็กๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็จะดีมากเลย


    คุณวีระศักดิ์-คุณเกตน์นิภา ตันจรารักษ์ (คุณแม่ของพระบีม...)
    [​IMG]

    คิดอย่างไรกับการที่ลูกชายบวชทดแทนคุณครับ?

    จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่เราปลูกฝังกันมานานแล้วนะคะ ที่บ้านไม่ได้คิดว่าการบวชของลูกเป็นการตอบแทนคุณอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ที่ลูกๆ จะต้องทำ การบวชก็ต้องบวชเพื่อตัวเอง เพราะถ้าเธอไม่บวชแล้ว ก็เหมือนกับว่าเกิดมาเป็นโมฆะบุรุษ หรือคนที่ไม่ได้ฝึกฝน อบรม ปรับปรุงตนเองเลย แต่ที่ได้บวชในชาตินี้ก็มีผลมาถึงแม่ด้วย “แม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง คือ อิ่มใจว่าลูกเราได้ทำในสิ่งที่ควรแล้ว”

    คิดว่าลูกจะได้รับประโยชน์จากการบวชนี้อย่างไร?
    แต่ก่อนเราเกิดความรู้สึกกลัว กลัวอนาคตข้างหน้าว่า พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า จะมี เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และเราจะเป็นยังไง รู้สึกว่าอยู่ด้วยความไม่มั่นคง แต่เมื่อเราได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ มันก็เป็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พึ่งให้กับเราได้ ก็คือ เมื่อเรามีปัญหาอะไร เราก็จะรู้ว่าเรื่องนี้ควรแก้ไขยังไง ทำให้เรารู้สึกมีความมั่นใจ มั่นคง เชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตของเรา ปราศจากความกลัว

    เพราะเห็นประโยชน์ตรงนี้ ก็อยากให้ลูกได้เรียนรู้เช่นกัน เพื่อที่จะอยู่ในสังคมโดยปราศจากความกลัว มีธรรมะเป็นที่พึ่ง ให้รู้จักที่จะสร้างปัญญาในการตอบปัญหา ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

    มีวิธีการสอนลูกอย่างไรให้เขามีหลัก เป็นที่พึ่งกับตัวเองได้?

    เริ่มแรกเราเองต้องมีหลักก่อน อย่างแม่เอง ก็คือ การศึกษาธรรมะ ประพฤติ ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ รักษาศีล และพอมาดูจริงๆแล้ว ลูกก็ไม่ได้อยู่กับแม่ หรือผู้ใหญ่ที่คอยช่วยเหลือเขาได้ตลอดเวลา เค้าจะอยู่กับเพื่อนมากที่สุด ซึ่งวุฒิภาวะก็เท่ากัน ยังไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องที่ถูก ที่ควรได้สักเท่าไรนัก ก็เหมือนกับเค้าอยู่กับความคิดของตัวเค้าเอง ซึ่งบางทีไม่รู้จะพึ่งใครเมื่อมีปัญหา และทางที่ดีที่สุด คือ ถามตัวเอง และตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งเราก็ต้องให้หลักกับเด็กไป คือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราต้อง

    ๑) ไม่ทำตัวเองต้องเดือดเนื้อร้อนใน
    ๒) ไม่ทำให้คนอื่นต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
    ๓) ไม่เป็นการ ผิดกฏระเบียบ จารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณี ของสังคม ที่เราอยู่ขณะนั้น
    ๔) ต้องไม่เป็นการผิดคุณธรรม ศีลธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะศีล ๕

    เราเองจะสอนทุกครั้งที่มีโอกาส จะพูดในเรื่องที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน เด็กเองก็จะเข้าใจ ตรองเองได้ตามที่เราสอน สมองเขาก็จะพัฒนา และจะตัดสินใจ ทำอะไรได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าบางครั้งจะผิดบ้างแต่ก็จะไม่ร้ายแรงอะไรมาก




    เรื่อง ปากกาน้ำเงิน, ภาพ เฉลิมพล สัมฤทธิ์

    วารสารอักษรสีขาว ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๘



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE id=table10 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sahawat999

    sahawat999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +37
    อิอิ ขอบคุณค้าบพี่แป้ง ขอชมพี่แป้งหน่อยน้าค้าบ อิอิ ผมประทับใจพี่แป้งมาก เลย พี่แป้งนำความรู้ต่างๆมาแบ่งปัน ละก้อเพลง ค้าบ อิอิ ขอบคุณพี่แป้งมากๆเลยนะครับบ อีกเหตุผลนึงที่ประทับใจเพราะว่าพี่แป้งเป็น คนแรกกในเว็บนี้ ที่อนุโมทนา สาธุ ให้ผม ขอบคุณจากใจจริง ค้าบ
     
  3. sahawat999

    sahawat999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +37
    ขอบคุณค้าบ พี่แป้ง พักผ่อนเยอะๆนะค้าบ เด่วจาม่ายสบาย อิอิ
     
  4. hexidecimal

    hexidecimal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +1,637
    ต้องศึกษาไว้มั่งซะแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...