สงสัยอยากขอทราบเรื่องตรวจกรรมด้วยญาณ

คือได้อ่านข้อความเกี่ยวกับเรื่องผู้ตรวจกรรมด้วยญาณมีเยอะมาก ตามความรู้สึกจะใช่ท่านที่เป็นร่างทรงไหม ถ้าไม่ใช่อยากทราบว่าญาณที่มีนั้นใช่ญาณจากการปฎิบัติหรือไม่ หรือเป็นญาณเก่าที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถามเพราะสงสัยไม่ต้องการจะลบลู่หรือล่วงเกินอะไร พอดีปฎิบัติมาสิบกว่าปีแล้วยังไม่ได้สักญาณเลยก็เลยสงสัย ต้องขออภัยถ้าหากนี่เป็นการล่วงเกินท่านแต่บอกตรงตรงว่ามิได้เจตนาเพียงแต่สงสัยเมื่อสงสัยจึงอยากรู้

 

รอผู้รู้เข้ามาตอบ จะรออ่านค่ะ

 

สงสัยเราคงต้องรู้กันแค่สองคนแน่ เอาเป็นว่าใจคิดอย่างไรก็อย่างนั้นแล้วแต่ศรัทธาเนาะ แต่พี่ศรัทธาพระพุทธเจ้านะเพราะลองมาหลายทางแล้วทางที่สงบและเย็นสบายคือสายปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มารมีมาอย่าท้อชะตาเกิดไม่ได้ระบุว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างนั้นทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราจะเป็นผู้กำหนดต่างหาก

 

ก็ไม่ใช่ผู้รู้ดอกนะคะแต่บังเอิญว่าเคยไปตรวจกรรมมาบ้าง
ก็ไม่น่าใช่ร่างทรงนะคะแต่ประมาณว่าอาจได้รับการสื่อจากจิตวิญญานที่มีกรรมสัมพันธ์ให้ต้องช่วยกันช่วยคนเพื่อสร้างบารมี
ไม่มีลักษณะเป็นร่างทรงโดยตรง อย่างอ.moutainนี่ก็ได้ญานจากระบบ(เขากะลา)
คนอื่นก็คล้ายกัน อย่าสงสัยเลยว่าปฏิบัติมานานทำไมไม่เห็นได้อย่างเขาเลย
เราก็สามารถสวดภาษาแปลกๆมาได้หลายปี ก็ยังไม่เห็นได้ญานใดเลยยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้ไม่เหมือนทางโลกนะคะ อยากได้ให้ไฝ่คว้ามาพยายามเอาให้ได้
มาทางนี้ต้องวางๆไม่อยากถึงจะได้อันนี้อ.ท่านว่ามาเมื่อถึงเวลาของเราใครก็มาขวางมิได้

 

ขนาดพวกว่ามีองค์มาให้เห็นชัดเจนก็ยังไม่เห็นจะเป็นร่างทรงเลยไม่เห็นจะเก่งอะไรเลยดูใครก็ไม่ได้อาศัยมีพื้นจากการเรียนบ้างใช้โปรแกรมสำเร็จรูปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมอดู

 

ตอบ เรื่องยง เรื่องยาน อะไร นี่ มันอธิบายยากน้า ถ้าไม่รุ้จริงอ่า แต่เอาเถอะตอบให้เอาบุญ การหยั่งรุ้ ด้วย ฌาน (ชาน) ไม่ใช่ญาน ที่มักพิมพ์กันผิด ๆ การหยั่งรุ้กรรม มันมีมานานแล้ว แต่ มันมีอยู่ 3แบบ 1 อุปทายจิต คือคิดไปเองว่ามี ฌานวิเศษ ทายนุ้นทายนี่ โดยอาศัยครูพักลักจำ หรือทำตามแฟชั่นที่โครตฮิตด ระบาดอยู่ตอนนี้ ถาม ?แล้วมันรุ้ได้จริงๆไหมตอบ รุ้ได้ ถ้าผ่านฌาน 2มาแล้ว คือมารทางดวงตาจะหลอกคนผู้นั้น ให้ยึดติดว่า มีตา ทิพย์ ถ้ายึด จะติดอยู่ที่ ฌาน2ไปจนตาย แปลง่าย มารมันหลอกนักปฏิบัติ อ่า 2 รู้จากกำลังของกรรมฐานทีแก่ ขึ้นจริง คือเห็นภาพ จริงแต่เป็นจริงป่าวไม่รู้ แต่ส่วนใหญ่ มักมีคนนำมาใข้ทางดูดวง ครับ 3 เกิดจาก องค์กรรมฐานที่มาบอกเจ้าของสังขารโดยตรง เพี่อให้แก้ไขตัวเอง ไม่ให้ทำบาปเหมือนแต่ปางก่อน เพราะถ้าเปิ้ลบาป จะหลุดยากนั่นเอง พอเรารุ้แล้วก็อยาก จะบอกคนอื่น ดังนั้น จึงแพร่หลาย ครับ แต่ตัวที่หลอกคืออยาก อยากให้คนหลุดพ้นครับ ส่วนคนทีทำแล้วไม่เก็บตัง เพราะเขาต้องการ สร้างบารมี ให้ตัวเอง ครับ เพราะจำทำให้เขาหลุดพ้นจาก การ พันทนาการ ของกรรม และสั่งสมบารมีไว้ใช้ฃาติหน้า ส่วนคนทีเก็บตัง เพราะเขาทำเป็นอาชีพครับ เพราะความเป็นจริงต้องใช้ตังครับ ข้าวต้องกิน รถต้องเติมแก็ส บ้านต้องผ่อน ครับ มันจึงเป็นของแถมของกรรมฐาน ครับ อย่าคิดมาก แล้วถามว่ารู้เองได้มั้ย รุ้ได้ครับแต่อย่าทำเลย ถ้าหลงฤทธิ์ ขึ้นมาจะหลงทาง เหมิอนดังวัด เขาสมโพช ที่สอนกรรมฐาน เพื่อให้ เจ้ากรรมนายเวรอาศัยร่างผ่าน ครับ ผิด ครับอันนี้ไม่แนะนำ เพราะถ้าใจยึดป้าปปปปปปปป จะไม่สามารถเป้นตัวเองได้ครับ แล้วการที่คุรปฏิบัติมา 10ปี ไม่ได้ญาน (ฌาน) ถ้าไม่ได้ญาน (คือปัญญา ) นั้น ถือว่าไม่ก้าวหน้า คือปํญญา ที่จะ หาทางหลุดพ้น หรือตัว กุศลจิต ไม่ทำงาน คือห้าม เราไม่ให้ทำบาป แปลว่า ไม่ไปไหน แต่ถ้า ไม่เกิด ฌาน (ชาน ) มีฤทธิ์ ต่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณมาถูกทางแล้วเพราะจุดสุดยอดคือไม่มีอะไรเป้น คนปกติ ไม่มีฤทธิ์ เดชครับ การฝึกกรรมฐาน ฝึกเพื่อปล่อยวางครับ ไม่ใข่ฝึกเพื่อ เอา " เอานู้นเอานี " ไม่ได้ครับ ต้องฝึกเพีอ่ให้ไม่มี คือไม่ความอยาก เกิดความเบื่อในการจะมาเกิดรอบสองครับ ส่วน การเข่าทรง ไม่เกียว ทรง คือการเอามโนจิต คิดว่าเป้นท่านได ก็จะมีอานุภาพ เสมือนเทพท่านนั้น ส่วนใหญ่ จะเป็นเทวดา ปประจำกายมาบอกมากว่าครับ แล้วบังเอิญนับถือ เทพอยู่พอดี เลยคิดว่า เทพนั้นๆ ครับ เพราะการทีเทพจะมาสร้างบารมี ท่าน เลิอกคนครับ พอครบวาระท่านก็ไป บางคนท่านไปแล้วแต่ยังคิดว่าอยู่ ทรงจนตายก็ไม่รวย ครบ ทรุดลง ดังนั้นไม่ควารยึดครับ เรียบร้อยแล้วนะครับตอบให้ แล้ว สุดแท้แต่เวรกรรม ทำดี ได้ดี ครับ พระพูทธเจ้าไม่สรรเสริญ ผู้มีฤทธิ์ ครับท่านบอก เด็กๆใครก็สามารถทำได้ เพราะมันเป็นผลพลอยได้ จากกรรมฐาน ครับ แต่สิ่งที่ท่านสรรเสริญ อยู่ปาฏิหารย์ เดียวคือ สอนให้คนเป็นดี ให้ได้ ท่านว่า "ปฐมเทศนา ปาฏิหารย์ ครับ " มีค่ามากกว่าปาฏิหารย์ทั้งปวงครับ ดังนั้น ถ้าท่านสอนคนทำดี พุทธเจ้าสรรเสริญท่าน ถ้าท่านทำดีด้วย พุทธเจ้าชื่นชม ครับ เป้นบัณฑิต หนี่ง นาที มีค่ากว่าเป๋น มารชั่วชีวิตครับ โชคดีครับ อ.ก๋ง พรหมบุตร

 

เห็นด้วยครับกับคำตอบของอาจารณ์ก๋งครับความทะยานอยากคือมารตัวร้ายในจิตเราะชนะมารตัวนี้โดยเด็ดขาดนั้นยากมากๆๆๆต้องอาศัยหลายๆอย่างต้องมีกลอุบายตามแต่จริตของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันคุณเองมาถูกทางแล้วครับใช้ ศีล สมาธิและปัญญาให้มากณานต่างๆไม่ต้องไปสนใจรู้ก็สักแต่รู้เห็นก็สักแต่เห็นถ้าต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็สักแต่เกี่ยวข้องอย่านำมาไส่ใว้ในจิตทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นมายาครับโลกนี้มีแต่ธรรมชาติ สาธุ

 

ขอบคุณ อ.ก๋งและคุณVERAJAK ค่ะจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกเพียงแต่สงสารคนที่หลงทางกลัวไปทางที่ผิดมากกว่า ถามว่าปฎิบัติมานานกว่า 10 ปี รู้แค่ไหนเห็นแค่ไหนก็ต้องบอกว่าพอประมาณ ใครทักอะไรอยากให้ทำอะไรลองมาหมดแล้วและสิ่งที่รู้แน่ชัดว่าจริงๆ แล้วที่เขาบอกนั้นไม่สำคัญหรอกถ้าจิตของเราตั้งมั่นไม่ยอมให้เป็นร่างทรงหรือทางผ่านอะไร สิ่งเหล่านั้นก็จะมาอยู่เหนือเราไม่ได้ เคยนั่งดูตัวเองว่ามีอาการสั่นนั่งดูอยู่ว่ามันจะสั่นทำไมดูอยู่พักเดียวไม่ถึง5 นาทีเลยมันก็หยุดสั่นถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วจิตเราต่างหากล่ะที่สำคัญ ปฎิบัติมาทุกสายไม่ว่าจะสายไหนไม่ขอเอ๋ยนะ ก็ไม่ถูกจริตสักที จนในที่สุดต้องมานั่งดูตัวเองเอาปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นปล่อยวางทั้งหมดไม่ท่องอะไรสักอย่างดูซิจะนิ่งได้ไหมกลับนิ่งได้ จึงเริ่มจะพอเข้าใจในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ขึ้นมาบ้างแล้วแต่จำไม่ได้ว่าท่านกล่าวไว้ว่าอย่างไรใครพอนึกออกบอกที

 

ตอบ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bun_yanee<!-- google_ad_section_end --> ครับ ป่าวววววววววว คุณไม่ได้ หลงแต่คุณข้ามขั้นครับ เพราะการเรียนรุ้ของคุณเริ่มจากการอ่านทำให้จิต การรุ้ไปรอปํญญาครับ ดังกนั้น ต้องรี สตาท์ คับ
คือกลับไป พิจรณาร่างกายครับ เมื่อไม่มีกาย กิเลสก็ไม่มีทีอาศัยครับ ตัวสั่นเพราะจิต เกิดวิตก วิจารณ์ครับไม่เกี่ยว ลองมา พิจณา กาย เล็บ ผม ขน หนังเหงื่อ คับ แล้วคิดว่า ตัวเอง เมือ่ ถึงจุดหนี่งก็กลายเป็นฝุ่น แล้วรวมจากฝุ่นกลับมาเป้นร่างกายครับ ทำอย่างนี้ ฃักเดีอนครับ จะได้ ปํญญาและการปล่อยวาง ไปหาอ่านดูในบทเก่าๆของกะผม ตั้งแต่ บท่ที 1ถึง9 ก็น่าจะดีขึ้นครับ คำสอนของพระพุทธองค์มีมากครับ แต่ เราๆท่าน อย่างง่ายๆคือ ไตรลักษณ์ คับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป แค่นี้ ครับ แล้ว<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bun_yanee<!-- google_ad_section_end -->จะไม่หลงไม่ต้องเหนื่อยหน่ายครับ เพราะถ้าเบื่อหน่ายจะหลุดพ้นครับ แต่ถ้าเหนี่อ่ยห่น่าย แปลว่า ยังคงอยุ่กับทุกข์ครับ ค่อยๆไปครับ เดี๋ยวดีเอง มีรัยถามได้ครับ

 

สงสัยจะจริงค่ะอ่านเจอหนังสือของหลวงพ่ออยู่รูปนึงท่านก็ให้ทำแบบที่คุณsinsair tavada บอกเลยก็พยายามดูอยู่นะคะคอยจะลืมอยู่เรื่อยขอบคุณคำแนะนำค่ะ มีเรื่องอยากจะรบกวนถามอ.ก๋ง หน่อยนะคะคือตอนช่วงปฏิบัติแรกๆ ไม่รู้ว่าใช้คำพูดถูกหรือเปล่าคือไปเข้ากรรมฐานกับหลวงพ่อรูปนึงอยู่สำนักสงฆ์อะไรก็ลืมชื่อไปแล้วรู้แต่ว่าเลยไปจากวัดหลักสี่เขาลึกพอควร ตอนนั้นหลวงพ่อท่านให้นั่งกำหนดจิตกลางหว่างคิ้วและให้ท่องสัมมาอะระหัง ช่วงแรกที่ปฎิบัติใหม่ๆ ก็ดีนะคะแต่มีอยู่วันนึงนั่งสมาธิอยู่ก็กำหนดอย่างเคยแหละค่ะพอนั่งสักพักกำหนดจิตหว่างคิ้วอยู่ๆก็ดำมืดไปหมดและมีความรู้สึกว่ามันลึกลงไปทุกทีทุกทีใจตอนนั้นกลัวค่ะและกลัวว่าลึกลงไปมากกว่านี้จะกลับไม่ไดเพราะนั่งอยู่คนเดียวในห้องอ้อลืมมีลูกสาวนอนอยู่ข้างๆด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็สลัดความรู้สึกนั้นออกและออกจากสมาธิเลย และเมื่อนั่งวันอื่นๆ ก็ไม่เป็นอย่างนั้นอีกไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเคยเล่าให้หลวงพ่อที่ไปบวชพราหมณ์กับท่านฟัง (ไม่ใช่องค์เดิมนะคะพอดีมีเหตุนิดหน่อยเลยไม่ได้กลับไปหาหลวงพ่อองค์เดิมเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อค่ะ) ท่านก็ไม่พูดอะไรแต่ดูสีหน้าท่านไม่ค่อยดีก็เลยไม่รู้อะไร
ส่วนเหตุการณ์ต่อจากการนั่งสมาธิก็ยังไม่เลิกนั่งนะคะยังคงนั่งอยู่แต่ความรู้สึกที่มันเกาะใจในครั้งนั้นคงยังอยู่ทำให้เวลานั่งจะนั่งไม่นานก็จะออกจากการนั่งสมาธิ และก็ไม่ทราบว่าหากเกิดอะไรขึ้นให้นึกถึงครูบาอาจารย์ท่านเข้าไว้ท่านจะมาช่วยดึงเรากลับเอง(ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า) และท่านจะให้ท่องสัมมาอะระหังอยู่ทุกขณะ แต่ความที่เราไม่รู้ท่องแม้กระทั่งขับรถ ตอนอยู่ในคำท่องนี้บอกตรงๆว่าใจเบาสบายนะคะไม่คิดอะไร และท่องไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าขับรถใจอยู่กับการท่องจนลืมสติไม่ได้ดูว่าถนนมีรถหรือคนเดินหรือเปล่าตาเห็นนะคะแต่ใจเฉยสมองไม่สั่งงานพอเป็นแบบนั้นเขาก็รู้แล้วไม่ดีแน่ถ้าคืนทำอยู่อย่างนี้คงเกิดอุบัติเหตุแน่ และก็ได้ไปเล่าอาการที่เป็นให้กับพี่ชายที่เขาปฏิบัติอยู่ฟังเขาก็สั่งให้เลิกนั่งสมาธิและภาวนาสักระยะนึงถามเขาว่าทำไมเขาก็ตอบว่าเดี๋ยวเขาจะมาเอาเราไปเร็ว ก็เลยหยุด
เริ่มมานั่งสมาธิใหม่เมื่อใจเริ่มไม่กลัวแต่ก็นั่งได้ไม่นานเท่าที่ควร ลองวิเคราะห์ให้ทราบหน่อยได้ไหมค่ะว่าเป็นเพราะอะไรและจะทำอย่างไรดี ลองนั่งดูลมหายใจก็นั่งไม่ได้ติดแต่จะสูดลมหายใจเข้าออกมากกว่าก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ก็เลยนั่งเฉยเฉยปล่อยวางและใช้วิธีสวดอิติปิโสในใจแทนใจก็จะอยู่ในบทสวดค่ะถามว่านิ่งไหมก็พอประมาณเพราะทำให้เราไม่วอกแว่กไปไหน อ.ก๋งช่วยอธิบายอาการที่เป็นหน่อยนะคะและคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี

 

อ้อลืมถามว่าจะให้ไปอ่านบทความของ อ.ก๋ง ที่บอร์ดไหนคะไม่ทราบจริงๆ

 

ตอบ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bun_yanee<!-- google_ad_section_end --> ครับ อ่านแล้วก้ขำ ขอขำก่อน555555555 เออ เอาเป็นข้อๆนะครับ 1 ภาวนาแล้วเกิดหลุมดำทีหว่างคิ้ว ตอบ เป้นเรื่องปกติ เพราะที่หว่างคิ้ว มีตาทีสามอยุ่ ครั้บ ดังนี้น มั้นจึงรับรุ้ ภาพเร็วกว่าที่อื่นครับ แต่ มันจะรู้สึก ปวด เพราะจิตเพ่งมากไป ดังนั้น ควรเปลี่ยน จริตครับ คราวนี้ ลอง อนิจจัง ที่หว่างคิ้ว ทุกขัง ที่ อก (อันนี้ สำคัญเพราะจะทำให้ได้บุญเยอะ แล้วพลังกรรมฐานเพิ่มคับ ทีสะดือ อนัตตา ครับ อารมณ์และจริต มันจะเปลี่ยน อาจถูกโฉลกกะเราครับ 2 กลัวไปไม่กลับ อันนี้ผิดครับ มันกลับทุกคน ที่กลัวเค้าเรียกวิตก วิจารณ์ครับ ถ้า หากมันจะไม่กลับก็ปล่อยมันไป เถอะ เพระการตายในขนณะทีนี่งกรรม๋ฐาน ท่านว่านิพพานเลย ดังนั้น ปล่อยมันครับ 3เรื่องเอาลูกมาใกล้ๆ ระหว่างนั่ง ผิดครับ เอาภาระทางจิตมาอยู่ข้างๆ ทำให้ไม่ก้าวหน้าครับ 4 พี่ขายบอกให้เลิกฝึก อันนีบาปปปปปปป ตกนรกเลย ห้ามพระธรรมคน ห้ามนิพพานคน มันกลับเองครับ จิตนี และความสามารถของคุรยังไม่ถึง "ถอดจิตได้"ดังนั้น ไม่ต้องคิดมากครับ ส่วนการภาวนาขณะขับรถ ผิดครับ ผมรุ้คุณนึกว่าการมี สติ ภาวนาระรึกทำให้มีสมาธิ เข้าใจใหม่ครับ สมาธิ คือการมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งนั้น สิ่งเดียว ดังนั้น ขับรถ ก็ต้องมองถนน ดิ เพ่ เรียก สมาธิของการทำงาน อยู่กับถนน ครับ เข้าใจใหม่ครับ เย็บผ่าสมาธิก็ต้องอยู่กับผีจัก ร ครับ ไม่งี้น เย็บนิ้วเน้อ......คำว่าเค้าจะมาเอาเราไปเร็ว "เค้าคือใครครับ " นั่งมา 25ปี ไม่เคยมีใคร มาเอาชักที ผียังกลัว อิๆๆๆๆๆๆ ไม่จริง เหลวไหล ครับ การสวดมนต์ ในใจ ไม่มีผลครับ เรียก ภาวนา แต่สวดต้องอออกเสียงครับ หากตายขณะสวดมนต์ ก็นิพพานครับ ด้งนั้น เริ่ม แค่พิจาณาร่างกายก่อน ครับ ให้จิต ไม่ยึดในกายก่อน แล้วค่อยเริ่ม ภาวนา ใหม่ ให้ เปลี่ยน ภานาใหม่ ว่า "เกิด แก่ เจ็บ ตาย " เป็นเรื่องธรรมดา ท่องอย่างนี้ จะถูกกับจริต แล่ะอารมณ์ แล่ะได้ ธรรมไปในตัว ครับ ทำต่อครับอย่าหยูด หยุดเมือ ไร นั้น แหละ บุญขาด พอบุญขาด กุศลไม่เกิด พอดวงตกป้าป ......ป นี่นแหละที่คุณกลัวมันจะมา ดังนัน ห้ามท้อ ห้ามยุบ ใครก็ตามที่ฝึกแล้ว ห้ามหยุด หยุดเมือไรมาร มันจะ มามากกว่าปกติ คัรบ ดังนั้น สุ้ต่อครับ ดังนั้น ทำตามนี้ครับแล้วทุกอย่างจะโอเค ครับ ลองดูครับ ถามผู้รู้ ครับ อย่าถามคนอ่านรู้ ไม่ดได้คำตอบที่ ชัด ครับ แล้วก็ ลืมเรื่องฤทธ์ เดชทั้งหมด่ เรื่อง ทรงเจ้าเข้าผี ปล่อยให้เค้าเป็นไปตามวัฏจักร ครับ เรากำลัง พาตัวเองไปหาความจริงครับ นอกนั้น เป้นมายา ชของหลอกทั้งสิ้นครับ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bun_yanee<!-- google_ad_section_end --> คิดใหม่ แค่นี้ ชีวิตเปลี่ยนครับ ..................... อ .ก๋ง

 

บทความหาได้ ทาง บอทนี้แหละ ลองคลิกหน้า ปลายอาจเจอครับ หรือถามเพี่อนๆทีเก็บไว้ ไม่เจอมาเอาที่ คาฟู 1เล้ม ฟรี ครับ ฝึกแล้วไม่หลงทางรับลองครับ

 

ฌาณ http://www.larnbuddhism.com/grammathan/meditation.html

ญาณ http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=4687

 

ขอบคุณอ.ก๋งมากค่ะจะหาบทความให้เจอนะคะ แต่ถ้าไม่เจอวานผู้รู้ช่วยโพสมาให้ด้วยค่ะขอบคุณหลายๆ จะว่าไปแถมนิดพวกอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชบางทีมันก็สนุกนะ ล้อเล่นค่ะอย่าไปยุ่งดีกว่า อ้อแล้วอีกอย่างคือบ้านอยู่ทางเหนือนะคะแล้วคาร์ฟูที่ว่าอยู่ไหนเอ่ย

 

อ.ก๋งอยู่ที่คาร์ฟู สาขาไหนครับ