วิธีตรวจดูว่าคุณเคยมีตาทิพย์(ทิพจักขุญาณ)ในอดีตมาแล้วหรือเปล่า.?

เป็นที่น่าสงสัยว่าคนเราทุกคนเคยมีตาทิพย์หรือที่เรียกกันว่าทิพจักขุญาณมาในอดีตกันแทบทุกคนหรือเปล่า สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกหัดวิชาพิเศษอะไรมาในปัจจุบันนี้เลย เราจะสามารถตรวจสอบตนเองได้อย่างไรว่าเราก็มีพวกวิชาพิเศษหรือสัมผัสพิเศษอะไรพวกนี้แฝงอยู่ในตัวด้วยหรือว่าเราจะเป็นประเภทที่ไม่มีของดีอะไรติดตัวมาเสียเลย อยากรู้จังจะได้ลองทดสอบกะเขาดูบ้าง..ทำไงหนอ

 

เป็นเรื่องของภพภูมิ อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจหลอก นอกจากเจอด้วยตัวเอง

 

มองผ่านเหนือระหว่างคิ้ว
ขึ้นไปบนอากาศในมุมสูงตรงๆ
ไม่ว่าเวลาไหน ที่ใด เมื่อไร
ก็ตาม.. ณ เวลานี้
และมองแบบลืมตาปกติ..
ย้ำว่าลืมตาปกติ
และไม่ใช่แบบเหมือนว่าเห็นในใจ
และความรู้สึกว่าเห็นนะครับ..

ให้ดูว่า มวลอากาศที่เรามอง...
สามารถเกิดเป็นอุคหนิมิต ก่อตัวเป็นรูปร่าง
หรือเป็นภาพที่สามารถเรียกได้ว่าอะไร
และเป็นภาพแบบฉากเดียว
เช่น วงกลมเป็นวงกลมเดียว..
บ้านเป็นบ้าน..เป็นต้น..
ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีได้หรือไม่...
คือการตรวจสอบว่าในอดีตเคย
น่าจะเคยได้ทิพย์จักขุมาก่อน....

ส่วนการเห็นโน้นนี่นั้นได้
ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา
ยังไม่ถือว่าเคยมี
เพราะบางทีเป็นการสร้าง
ให้เราเห็นที่มาจากภายนอก
ไม่ใช่สร้างจากตัวจิตเราเอง...

ส่วนง่ายสุด ถ้าเจอคนที่มีกำลังจิตหน่อย
แค่เค้าเอานิ้วแตะตัวเรา..
ก็จะสามารถทำให้เราพอทราบได้ว่าเราเคยมี
หรือว่าคิดไปเองว่ามีได้ ภายในเวลา
ไม่กี่วินาทีครับ..

ปล.ทดสอบดูได้
ป้องกันการหลงตัวเองได้ครับ

 

ส่วนตัวเคยเห็นอะไรแปลกๆ ลืมตาเห็น อย่างเช่นสมัยเด็กเห็นคนเหาะได้ลงมาจากท้องฟ้า เห็นคนเหาะข้ามคลอง เราไม่เคยสงสัยเพราะคิดว่าคนคงเหาะได้ พอโตมาหน่อยก็ไม่เห็นแล้ว

เคยเห็นงูใหญ่กลางเสาเรือน เดินผ่านไปผ่านมาเห็นตลอด พาพ่อแม่มาดูเขาก็ไม่เห็นแถมถูกดุอีกหาว่าหลอก เคยเห็นคนแก่เดินมาหาเอาขนมมาให้....พอโตมาก็หายไป

พออายุ 20 กว่าก็จะเห็นแบบครึ่งลับครึ่งตื่น บางครั้งตื่นๆอยู่ก็จะได้ยินเสียงคนคุยกันแต่ไม่เห็นตัว....

ส่วนนั่งสมาธิหลับตามาไม่เคยเห็นอะไรเลย ห็นแต่จิตเราที่สว่าง

มาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ

 

ตอบตามประสบการณ์ตัวเอง ถ้าเคยได้เคยมีมาก่อน มันจะปรากฎให้เราเห็น จากการฝึกจิต ถ้าขยันฝึกสติในชาติปัจจุบันสม่ำเสมอบ่อย ๆ ก้จะรุ้ บางคนเหนตอนหลับตา แต่สำหรับข้าพเจ้าเหนขณะลืมตาตอนที่ใช้ชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป และการเหนจะเกิดแบบนั้นซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง เพียงแต่เราบังคับให้เหนเองไม่ได้ เหนแบบฟลุ๊ก ๆ ทั้งนั้น แถมถ้าฝึกสติสม่ำเสมอบ่อย ๆ จิตพัฒนาไปได้บางอย่างด้วย.... ส่วนตัวคิดว่าเพราะการสะสมของกำลังสมาธิ เลยทำให้จิตมีฤทธิ์ชั่วขณะได้

 

ทุกท่าน สุดยอดมากเลยครับ

 

ถ้าอย่างนั้นเวลาที่หลังเราเลิกปฏิบัติสมาธิ เราเห็นคลื่นพลังงานที่พื้นวิ่งเป็นลูกคลื่นคล้ายคลื่นสนามแม่เหล็ก และเห็นพลังงานวงกลมสีดำ วงเดียว พลังงานวงกลมสีขาววิ่งในอากาศ และเวลากำหนดสตินิ่งๆเพ่งจ้องมองภาพถ่ายรูปหน้าคนแล้วภายในนาทีเดียวรูปหน้าที่ภาพถ่ายสลับหน้ากันอย่างรวดเร็วมากเป็นหลายสิบหน้าที่ไม่เหมือนเดิม แต่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันเพียงแต่ว่ารูปหน้าเปลี่ยนแปลงได้แค่นัันเองในภาพถ่ายใบเดียวกัน นีัเข้าข่ายด้วยหร่อเปล่าค่ะ แต่ทำไมชาตินี้ถึงแป้กค่ะ ทำไม่ได้ งงจังเลย

 

เท่าที่เคยคุยกับคนที่เขาเห็นจริงๆเขาก็บอกว่าลืมตาเห็นนะ...ตัวอย่างพระอาจารย์เราเองท่านเข้าไปในป่า ท่านเห็นพญานาคก็มาให้เห็นตัวเป็นๆค่ะ

ท่านนั่งปุจฉา-วิสัชนากับญาติโยมที่เป็นคนต่างชาติประมาณตี 3 จู่ๆก็มีเหตุการณ์น้ำแตกกระจายกระเซ็นมาถึงท่านท่านยังบอกว่า เอ..ใครมาเล่นสกีโบ๊ตตอนตี 3 หว่า....ปรากฏว่าเป็นพญานาคว่ายน้ำในแม่น้ำแควน้อยน้ำแตกกระจายเปียกปอนกันหลายคนเลย ก็เห็นกันอยู่หลายคน

ท่านเคยเล่าว่าเห็นพญาครุฑ เราก็ถามท่านว่าหน้าตาเป็นยังไง...ท่านก็พูดขำๆว่าก็เหมือนในตราเอกสารราชการนั่นแหล่ะ...ท่านก็ไม่ได้เล่าอะไรมากกว่านั้น...

ส่วนตัวก็เคยเจอญาติธรรมเป็นผู้หญิงอายุน้อยมาปฏิบัติธรรม ลางานมาประมาณอาทิตย์นึง...ไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อน มาครั้งนี้ด้วยความศรัทธาปฏิปทาของหลวงปู่มั่นก็ได้คุยกัน...ระหว่างที่น้องเขานั่งสมาธิเสร็จแล้วเดินจงกลม เขาก็เห็นหลวงปู่มั่นมาปรากฏกายให้เห็นแบบตาเนื้อ น้องเขาปลื้มปิติมาก...

ส่วนเราเห็นน้องเขาเดินจงกลม เท้าลอยไม่ติดพื้น...ก็เห็นกันคนละอย่างค่ะ

เท่าที่คุยมาก็ลืมตาเห็นค่ะ...ส่วนนั่งหลับตาเห็นไม่มีประสบการณ์ค่ะ

 

ขอเล่าประสบการณ์ตัวเองนะครับ
นั่งดื่มเบียร์อยู่ดีๆ ภาพก็เปลี่ยนไปมีผู้ชายใส่ชุดขาวมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ตกใจหลับตาสักพักพอลืมตาภาพก็หายไป แล้วอยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปมีชุดขาวมานั่งข้างๆเหมือนเดิม...แบบนี้จะเรียกว่ามีหรือเคยมีตาทิพย์เปล่าครับ.

 

ไม่แน่ใจนิยามคำว่าตาทิพย์ค่ะ คือลืมตาเห็น หรือหลับตาเห็น หรือเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

ต้องถามผู้รู้จริงๆค่ะ

 

ตอนเด็กเคยฝันว่าเหาะได้บ่อยๆ ถ้าวันไหนนอนหลับดีจะฝันดีแล้วก็เหาะได้ลอยออกจากบ้านเลยก็มีไปเจอป่าเจอสถานที่สวยๆ ไม่เคยเห็น แต่ถ้าคืนไหนโดนดุหรือพ่อแม่ทะเลาะกันคืนนั้นจะฝันร้ายผวาทั้งคืน

ชอบมองดูตะเกียงแสงตะเกียง ชอบนอนมองดูไม่รู้เป็นเพราะอะไรแล้วก็พอหลับตามันก็ติดตา ดวงไฟนี้มันจะไปตามที่เราอยากจะให้มันไปอยู่ตรงไหนก็ได้
และก็ชอบนึกถึงดวงขาวๆ กลมๆ อันนี้ก็เหมือนกันจะให้มันวิ่งไปไหนก็ได้แล้วแต่ว่าเราจะกำหนด แต่ตอนที่นึกก็ได้แต่เล่นกับดวงขาวๆ ให้มันเล็กบ้างใหญ่บ้างให้มันมีหลายๆ สีบ้าง ให้เหมือนฟองสบู่สีรุ้งบ้างแล้วก็หลับ

และถ้าคืนไหนก่อนนอนถ้านึกถึงใบมีดโกน คืนนั้นจะฝันร้ายแน่ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝันร้ายก็คือต้องฝันเห็นน้ำท่วมในฝันนั้นกลัวมากจนสะดุ้งตื่น
ไม่อยากให้มันฝันมันก็ชอบฝันแต่เรื่องน้ำท่วมวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

*มารู้ทีหลังว่า ถ้าเรามีคนให้คำแนะนำหรือสอนให้ฝึกสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐาน
สงสัยป่านนี้เราคงจะไปไกลแล้ว

 

เป็นเรื่องของกรรมกับบุญกุศลถ้าทุกอย่างถึงพร้อมของสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นได้เองโดยอัตโนมัติ
การฝึกฝนนั้นยากมากแต่ถ้าทำจริงก็ได้รับผลจริงแน่นอน ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตนเองจิตบริสุทธิ์เปิดให้เห็นทุกอย่างถ้ารู้จริงอาจจะไม่อยากเห็นในสิ่งที่รู้ก็เป็นได้ ทำอะไรจริงก็ได้รับผลอย่างนั้นจริง ขอให้ตั้งใจฝึกกันเถอะครับ

 

อยากมีตาทิพย์บ้างจังงับ

 

เห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นไม่สนุกหรอก...เห็นกรรมของคนอื่นแต่พูดไม่ได้อึดอัด สู้ไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า...เห็นแล้วเราต้องมานั่งสงบระงับใจตนเองไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของคนอื่นเป็นเรื่องที่ยากและเสียเวลา...สู้ปล่อยวางให้ใจเราว่างเปล่าไม่เห็นอะไรเลยจะดีกว่า

และที่จะประเสริฐที่สุดคือการเห็นความดีในใจตนดีที่สุดค่ะ

 

ตาทิพย์มันมีหลายแบบนี่
-แบบเห็นอดีต เห็นอนาคต (แบบนี้เหมาะสำหรับการเป็นหมอดู)
-แบบเห็นผี เห็นสิ่งลึกลับ เห็นออร่า(เหมาะสำหรับเป็หมอผี ตรวจพลังพระเครื่อง ตรวจออร่า)
-มองเห็นไกลๆ (เอาไว้สอดแนม)
-มองเห็นทะลุสิ่งของ หรือมองทะลุใต้พื้นดินได้(เอาไว้หาทรัพย์ เอาไว้เล่นไฮโล เอาไว้ดูสาวๆข้างบ้านอาบน้ำ ดูสาวๆเดินเปลือยกายมองทะลุเสื้อผ้า)

ตาทิพย์ประเภทหลังนี้น่าจะดีที่สุด และอยากมีที่สุด

 

ผมแปลกใจเรื่องเวลาของการโพสต์ ข้อความที่โพสต์วันเดียวกัน
ของคุณ พรหมนี โพสต์ก่อน แต่เป็นเวลา 10.20 (สี่ทุ่มยี่สิบ)
แต่ทำไมของผมโพสต์ทีหลัง กลับเป็น 9.40 (สามทุ่มสี่สิบ)
ทำไมเวลาของคนโพสต์ก่อนดึกกว่า แต่คนโพสต์ทีหลังกลับหัวค่ำกว่า(วันเดียวกัน)