เรื่องเด่น วิธีการเสริมสร้างอำนาจจิตโดยใช้พลัง "ผู้อื่น"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rachotp, 25 มีนาคม 2021.

  1. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    A.PNG

    ทำไมแค่อนุโมทนาบุญ กลับเป็นพลังหนุนที่ยิ่งใหญ่เพราะอะไร?

    วิธีการเสริมสร้างอำนาจจิตโดยใช้พลัง "ผู้อื่น"

    มนุษย์สามารถสร้างอำนาจจิตของตน โดยพลังของ "ผู้อื่น" ได้ 3 วิธีคือ

    ในทุกวัน ทุกเวลานาที รังสีจิตทั้งหลายในบรรยากาศจะมีทั้งรังสีหยาบ ละเอียด ดี ชั่ว

    วิธีที่จะเลือกดูดซับรังสีจิตที่ดี และประณีตให้เข้ามาในตนทำได้ 3 ประการ คือ

    1. เข้าใกล้ผู้มีพลังจิตที่ประเสริฐ ทันทีที่เราเข้าใกล้ผู้มีพลังจิต "อันประเสริฐ" ด้วยความชื่นชม ยินดี อนุโมทนา อานุภาพจิตของท่านจะเหนี่ยวนำเราให้ปรับสภาวะเข้าสู่ "ความประเสริฐดั่งท่าน" ด้วยเสมือนเหล็กธรรมดา ที่เข้าไปอยู่ในรัศมีสนามแม่เหล็ก ย่อมถูกเหนี่ยวนำให้เป็นแม่เหล็กอ่อนๆ ได้ด้วยกระนั้น ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าบรมครูจึงตรัสว่า "การพบเห็นสมณะ… เป็นมงคลแห่งชีวิตประการหนี่ง" ในขณะเดียวกันถ้าจิตยังไม่ยิ่งใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับคนที่มีอำนาจจิตทรามด้วย ดังคำสอนเรื่องมงคลแห่งชีวิตประการแรกที่ว่า ชีวิตจะได้ดีนั้น สิ่งแรกเลยที่จะต้องทำให้ได้ คือ อย่าส้องเสพสมาคมกับคนชั่ว คนพาล จงเสวนาสมาคมกับบัณฑิต เมื่อทำได้ดังนี้ ความดีอื่นๆ ในชีวิตก็จะตามมาอีกมากมาย


    C.PNG

    2. ในทุกขณะจะมีคนทำความดีอยู่เสมอ พึงระลึกถึงบุคคลเหล่านั้น แล้วอนุโมทนาสาธุ การอนุโมทนากับภาวะที่ดีใดๆ จะทำให้ท่านยกระดับจิตของตนให้ใกล้เคียง กับภาวะนั้นด้วย และหากเขาเหล่านั้นอุทิศส่วนกุศลให้เป็นการทั่วไป ซึ่งมีอยู่ตลอดเวลา เมื่อท่านอนุโมทนา ท่านก็จะได้ดูดซับพลังแห่งคุณความดีเข้าไว้ในตนทันที เป็นการทำบุญทางลัดอย่างหนึ่ง บุคคลที่ทำความดีมหาศาลที่เราพึง ระลึก เสมอๆ คือ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นต้น


    B.PNG

    3. จัดเวลาฝึกตน ให้สอดคล้องกับท่านผู้มีอำนาจจิต หรือชนส่วนใหญ่จากการวิจัยพบว่าเมื่อคนหลายคนมาฝึกจิตร่วมกัน ในทิศทางการฝึกเดียวกัน อานุภาพจิต โดยรวมในบรรยากาศจะมีพลังมาก อย่างน้อยเท่ากับกำลังสองของจำนวนคน เช่น ฝึกจิตร่วมกัน 9 คน พลังรวม ของรังสี จิตในบรรยากาศจะ เท่ากับ 9 x 9 = 81 คน เป็นต้น


    E.PNG

    ดังนั้นจะเป็นการฉลาดที่จะฝึกตนให้ตรงกับที่คนส่วนใหญ่ในสังคมฝึก หรือตรงกับที่ท่านผู้ทรงพลังจิตฝึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วง "1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม" และ "ตี 3 ถึง 6 โมงเช้า" ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว พลังจิตชั่วร้ายใน บรรยากาศจะมีน้อยมาก และพลังจิตอันประเสริฐจะเข้มข้นมาก เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนทั้งหลาย พักกิจกรรม! และพักผ่อนแล้ว และผู้ฝึกตนกำลังฝึกจิตกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ตอนตี 3 ถึง 6 โมงเช้า" คนส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ มีเฉพาะผู้ฝึกตน เท่านั้นที่กำลังทำกิจฝึกจิตกันอยู่ ในเวลาดังกล่าว ถ้าท่านตื่นขึ้นมาฝึกตน ท่านจะได้รับพลังจิตอันประเสริฐอย่างมากมาย


    F.PNG

    Credit: ขอขอบคุณที่มาจากหนังสือ การเสริมสร้างพลังอำนาจแห่งชีวิต ของคุณ ไชย ณ พล


    D.PNG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2021
  2. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    อุปทานหมู่

    จิต จะอ่อนแอ ต่อ ......

    การมุ่ง "ตรัสรู้เองโดยชอบ"

    12:00 นิพพาน

    กับ

    11:59 ลอยไปกับสายลม

    ต่างกันแค่ไหน พินาเอา
     
  3. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    น้อมรับไว้พิจารณาครับ _/\_ ความคิดเห็นของคุณอาเป็นประเด็นที่น่าสนใจครับ… ขอบคุณครับ _/|\_ … เหมือนว่าคุณอาไม่ค่อยเห็นด้วย กับ บทความข้างต้นดังกล่าวเท่าใดนัก… ถ้าความเห็น 2 ความเห็น มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน… อาจอนุมานได้ว่ามีความเห็นใด ความเห็นหนึ่ง ถูก” หรือ “ผิด” หรืออาจจะ “ถูก” และ “ผิด” ทั้งสองความเห็นก็เป็นได้ครับ… (^_^)

    โดยส่วนตัวผมคิดว่าความเห็นของคุณอา กับ ในบทความข้างต้นน่าสนใจ และ convincing ทั้งคู่ครับ (^_^) ... ผมมีข้อสงสัยครับว่า พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) ท่านได้เคยบอกกับลูกศิษย์ทั้งหลายไว้ว่า บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินั้นสามารถสวดได้ทุกเวลา” ถ้าใครสามารถสวดตลอดเวลาได้ยิ่งดี แต่ที่เน้นในช่วงเวลา 20:30 น. นั้น เพราะว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสามแดนโลกธาตุ คือ สวรรค์ มนุษย์ภูมิ และนรก (อบายภูมิ) และภพภูมิต่างๆ นั้นได้เปิดเชื่อมถึงกันซึ่งทำให้มีผู้สวดคาถามหาจักรพรรดิในช่วงเวลาดังกล่าวเยอะมาก ยิ่งมีผู้สวดพร้อมกันมากเท่าไรก็ยิ่งดีเพราะจะทำให้มีกำลังมาก แต่ถ้าสวดในช่วงเวลาอื่นนั้นก็อาจจะมีเฉพาะตัวเราหรือมีผู้สวดพร้อมกันน้อย กำลังที่ได้นั้นก็จะน้อยตาม เปรียบเหมือนเราทำงานบางอย่างถ้ามีคนช่วยกันทำมากงานก็จะเบาและสำเร็จเร็วเพราะช่วยกันทำ แต่ถ้ามีคนช่วยกันทำน้อยหรือมีเพียงเราคนเดียวนั้น งานก็จะเหนื่อยหน่อยและต้องใช้เวลากว่าจะสำเร็จได้


    … เดี๋ยวไว้รออ่านความคิดเห็นจากผู้รู้ และ ผู้ทรงภูมิท่านอื่นๆครับ… ผมอยากทราบความคิดเห็นของคุณอาและทุกๆท่านเพิ่มเติมในประเด็นนี้ครับ … ขอบคุณครับ _/\_
     
  4. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    images.jpg

    272176c5469e80e69ff7ed3489693b92.jpg
     
  5. nanbatakeshi

    nanbatakeshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    17,229
    ค่าพลัง:
    +20,268
    โมทนาบุญสาธุทุกบุญทุกท่านทุกรูปทุกปัจจัยทุกบุญของสมเด็จองค์ปฐม40อสงไขย กำไรแสนมหากัป++องค์พระพุทธเจ้า(ทุกพระองค์)ฆราวาสพระสงฆ์ทุกรูปองค์พระพุทธเจ้าที่นิพพานไปแล้วและที่กำลังตรัสรู้พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วทุกองค์หลวงตาม้าหลวงปู่ดู่หลวงพ่อสดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ16อสงไขยกำไรแสนมหากัปและที่พระนิพพานอีกเป็นอนันร์นับไม่ได้หลวงพ่อปานหลวงปู่แหวนพระที่นิพพานไปแล้วทุกองค์ดร.สนองวรุอุไรตั้งแต่ต้น(ชาติ)จนถึงพระนิพพานทุกบุญขอให้ผมเข้าสู่พระนิพพานชาตินี้สำเร็จพระอรหันต์ขั้นสูงสุดในชาตินี้สำเร็จพระอริยบุคคลทุกขั้นทุกระดับชั้นในชาตินี้สำเร็จปฐมฌาน-นิโรธสมาบัติอภิญญาวิชชาทุกขั้นตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นสูงสุดทุกขั้นในชาตินี้และสำเร็จตลอดไปตราบจนผมเข้าสู่พระนิพพานชาตินี้ขอคำว่าไม่มีไม่ได้ไม่สำเร็จทุกข์จนพบเจอคนพาลสันดาลหยาบริษยาจงอย่าปรากฏแก่ผมตลอดไปตราบจนผมเข้าสู่พระนิพพานชาตินี้ครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เด่วจะเล่าเสริมอะไรให้ฟังนะ

    ข้อที่ 1และข้อที่ 2 กิริทางนามธรรมเรียกว่าการเชื่อม ต้นกะแสชั่วคราวขึ้นอยู่เชื่อมกับกะแสพลังงานแบบไหน เป็นการฝึกกะแสจิตอย่างหนึ่ง ทางพุทธศาสนาเรียกว่าการระลึก นึกถึงนั่นเอง เป็นอุบายในการเข้าถึงคุณความความดีในแบบกระแสพลังงาน ถ้าทำบ่อยๆ กะแสจิตจะคุ้นเคย คล้ายๆปรับนิสัยจิต ที่ปกติชอบส่งออก เป็นส่งออกไปเชื่อมกะแสดีๆแทน
    แต่ยังเป็นการส่งออก ถามว่าดีไหม ดีในแง่
    อุบายให้กะแสจิตเข้าสู่ กะแสที่ดีแบบชั่วคราวนั่นเอง พอรู้สึกดี จากการส่งกะแสไปเชื่อม
    ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมในทางที่ดีได้
    แต่ไม่ได้กำลังจิตอะไรนะ เพราะกะแสยังส่งออกจากจิต หรือตัววิญญาณรับรู้ยังส่งออก
    ดังนั้นตัดเรื่องพลังจิต กำลังจิต ออกไปได้เลย


    ข้อ 3 การเชื่อมต้นกะแสเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างให้จิตเกิดกำลังจิตในอนาคตได้ เพียงแต่จิตจะเกิดกำลังจิตได้ ต้องมาออกกำลังกายตัวมันเองให้ได้ก่อน ทำได้ด้วยการให้ตัวจิต มันสร้างภาพขึ้นมาด้วยตัวมันเองให้ได้ก่อน(อุคหนิมิต คือระบึกได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานะ) แล้วไปเล่นกับภาพที่มันสร้างขึ้นนั้น ในกำลังระดับที่ภาพที่มันสร้างกำลังจะเกิดการกระจาย(ปฎิภาคนิมิต หรือภาพนิมิตในกำลังสมาธิระดับสูง ไม่ใช่อุปจารสมาธิที่ภาพเงียบๆนะครับ)

    ถ้าทำได้ จิตถึงเกิดความสามารถในการเขื่อมกะแส และที่สำคัญคือ มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงกะแสนั้น( กะแสคือ อนุภาคของสะสารที่เป็นสื่อนำแรง มีเอกลักษณ์ เพิ่ม ลด ไม่ว่าจากการดึงหรือดูด จากตัวจิต ทำให้กะแสเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนอัตลักษณ์ได้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ปกติของสื่อนำแรง)

    คำว่าพลังรวม มันก็คือ การเพิ่มความหนาแน่น
    ของสื่อนำแรง มันเรื่องพื้นฐานปกติ

    และเวลาฝึก โดยมากผู้ที่จะฝึกได้ มักมีครูบาร์
    คอยยหนุน มีภพภูมิ คอยตามให้กำลังใจ
    หรือไม่มีถ้าอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆเด่วมีมาเอง
    ดังนั้น จึงต้องถือสัจจะ ว่าฝึกกี่โมง บวก ลบ ได้ ครึ่งชั่วโมง เพราะมากกว่านี้ ท่านเหล่านั้นจะไม่อยู่แล้ว(กะแสท่านจรไปที่อื่น) และต้องรักษาเวลา จนกระทั่งฝึกกรรมฐานนั้นๆ จนสำเร็จในระดับใช้งานได้จริงก่อน

    ดังนั้น ถ้าถือสัจจะจะทำเวลาไหน ย่อมมีภพภูมิมาให้กำลังใจมากเป็นธรรมดา

    ดังนั้นตัดเรื่องเวลาโน้นนั่นนี่ ออกไปซะ
    และทำความเข้าใจคำว่า กำลังจิต และพลังจิตในทางนามธรรมใหม่ด้วย


    ถามว่า ทำไม ต้อง ๒๐.๓๐ ฟังหูไว้หูนะ

    นึกภาพ และเขียนวงกลมไว้วงหนึงนะ วงกลมนี้มีกลุ่มเอกลักลักษณะ พลังงานสามคลื่นความถี่ หมุนวน สัมพันธ์กับวงกลมนี้ ความถี่ต่ำ หมุนบริเวณด้านซ้ายวงกลม ความถี่กลางหมุนบริเวณตรงกลางวงกลม ความถี่สูงหมุนบริเวณด้านขวาวงกลม เมื่อเวลาหมุนไป ทั้งสามความถี่มันจะหมุนไปตามอัตลักษณ์แห่งคลื่นความถี่แห่งตน
    เพียงแต่ ณ เวลา ๒๐.๓๐ เป็นช่วงที่ มันโคจรมาเกือบตรงกันนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เหมือนดาวเคราะห์หมุนหรือโคจร ตรงกัน และตรงกับดวงอาทิตย์นั่นแระ

    พวกนี้เป็นเรื่องระบบแรงปกติ ในกาแลคซี่นี้

    ถ้าเข้าใจพื้นฐานระบบแรง เรื่องระบบแรงอื่นๆ
    เราจะเข้าใจได้เอง เพราะมันเหมือนกัน

    จบ เรื่องเล่า

    ปล การส่งออกไม่ใช่วิถีพุทธ
    แต่สามารถนำมาใช้งานที่มีประโยชน์ได้อยู่
    แต่ใช้แล้วต้องทิ้ง ไม่งั้นจะกลายเป็นวิบาก
    ที่สร้างให้มีตัวตนและต้องไปทำโน้นนี่นั้น
    ตามวิบากที่ปรุงร่วมกับขันธ์ ๕ นามธรรมโดยที่ไม่รู้ตัวได้อย่างคาดไม่ถึง เครเนาะ















     

แชร์หน้านี้

Loading...