วรวิทย์เผยธรรมะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นแนะสวดมนต์-นั่งสมาธิ-ชีวิตจะเจริญ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 23 มิถุนายน 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    วรวิทย์เผย'ธรรมะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น'แนะสวดมนต์-นั่งสมาธิ-ชีวิตจะเจริญ

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>วรวิทย์ เผย ธรรมะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น...แนะสวดมนต์ นั่งสมาธิ ชีวิตจะเจริญ</TD></TR><TR><TD background=http://test.hunsa.com/images/variety/dash_line.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="33%" height=5>
    [​IMG]

    ช่วงนี้หากใครติดตามชมละคร แรมพิศวาส ทางช่อง 3 ก็จะได้เห็นนักแสดงหนุ่ม หน้าใส "คุณวิทย์-วรวิทย์ แก้วเพชร"ที่เคยมีชีวิตรุ่งเรืองได้เป็นถึงพระเอกหนัง แต่แค่ชั่วเวลาไม่นานนักชีวิตของเขาก็ตกต่ำลง พร้อมกับมีข่าวลือสารพัดรุมเร้า ซแต่สิ่งที่ทำให้ "คุณวิทย์" กลับมายืนหยัดในวงการบันเทิงได้อีกครั้ง ก็ด้วยการน้อมใจเข้าไปศึกษาพระธรรม คำสั่งสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จวบจนวันนี้ ชีวิตส่วนตัว การงาน และความรักของเขาดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะทางด้านจิตใจที่เข้มแข็ง และพร้อมจะเป็นหลักให้กับผู้ที่อ่อนแอ ด้วยการแนะนำแง่คิดดีๆ ที่เจ้าตัวประสบมาเองให้พวกเราได้อ่านกัน
    มีเหตุการณ์อะไรในชีวิตที่ทำให้พี่วิทย์ หันมาจริงจังกับการศึกษาธรรมะ
    เริ่มต้นเลย ถ้าสังเกตกันดีๆ พี่เล่นหนังขุนศึก มีชื่อเสียง แต่โดนข่าวเยอะมาก บอกตรงๆเลย แบบไม่เอาย พี่ตกเลยนะ เพราะข่าว ชีวิตก็ขึ้นๆ ลงๆ พี่นั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก คือ นิสัยพี่ไม่ยุ่งกับใครนะ ไม่ได้หยิ่ง อะไรก็ได้ แต่ไม่รู้อะไรคนชอบยุ่งกับพี่จัง
    แต่ก็ช่างมันเหอะ พี่ไม่ได้ท้อถอย แต่เสียใจว่า ทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมายุ่งกับเรา แล้วพี่ก็ไปซื้อหนังสือธรรมะ มาอ่านก่อนอ่านแล้วทำให้ชีวิต ทัศนคติ และมุมมองของเราเปลี่ยนไป มุมมองในการมองปัญหาเราเปลี่ยนไปเยอะ การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดีมาก แล้วก็เริ่มสวดมนต์ จนวันนึง กิ๊ก-มยุริญ เค้าก็ชวนพี่ไปนั่งสมาธิ
    เป็นวัดที่โหดมาก พี่ไป 7 วัน วัดนี้จะห้ามพูด ทุกอย่างต้องสโลว์หมด เพราะให้อยู่กับตัวเอง พอกลับมาบ้านเราก็ยังปฏิบัติต่อ ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิไป
    สมัยก่อนเวลานักข่าวสัมภาษณ์ พี่จะพูดตรงๆ เวลามีปัญหากับใครพี่พูดเลย เรียกง่ายๆว่า ใครด่าพี่ พี่สวนเลยนะ พี่คิดว่าถ้าพี่ผิด พี่ยอมรับผิดนะ แต่ถ้าพี่ไม่ผิด เอาพี่ไปตัดคอก็ยอม แต่ตอนนี้ ใครจะด่าอะไรเราก็ด่าไป ถือว่า เราทำบุญให้เขาละกัน (โกรธไหม)ไม่หรอก โกรธแล้วก็ไม่ได้อะไร ถ้าไม่พอใจมากก็เดินหนี
    หลังปฏิบัติธรรม ที่เห็นผลที่สุดคือ เรื่องงาน เรื่องชีวิต หน้ามือเป็นหลังมือ พลิกไปเลยแบบเห็นชัดๆ
    มีส่วนช่วยในเรื่องอาชีพการงานด้วย
    อาชีพดาราเป็นอาชีพที่ใช้ดวง บางคนเล่นดี หน้าตาดี แต่ไม่ดัง พี่ว่าใช้ดวงนะ รุ่นน้องบางคนโทรมาถามว่า อยากเป็นดาราทำไง พี่ก็แนะนำว่า ทำบุญเยอะๆ พี่เชื่อเรื่องนี้ แต่ไม่ได้งมงาย เมื่อก่อนเรานิสัยเสียชอบลองของ เสียเงินเยอะมาก โดนหลอกมาก็เยอะ พี่จะบอกว่า ทุกคนที่อ่านได้ทางลัดแล้ว พี่ลองมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรดีเท่าการปฏิบัติเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พระพุทธองค์สอนไว้แบบนี้ ไม่ใช่ว่า เราไม่ทำไปนั่งรดน้ำมนต์ แล้ว นั่งขอแล้ว จะได้ ไม่ได้หรอก พี่ทำแล้วเห็นผลมาแล้ว
    เคยโดนหลอก ทำไมตอนนั้นถึงได้โดนหลอก
    ตอนนั้นเสียใจ มีเรื่องไม่ดีเข้ามาเยอะ พอเราไปซื้อหนังสือธรรมะมาอ่านก็มีได้มุมมอง แง่คิดในการดำเนินชีวิตหลายอย่าง พอได้มาบวช ชีวิตเปลี่ยน เราก็เต็มร้อยสิ เมื่อก่อน พี่ชอบด้านไสยศาสตร์ ด้วย ใครว่าตรงไหนดี เราก็อยากลอง อยากรู้ว่า จริงไหม ก็เผื่อฟลุ้กไงว่าชีวิตจะดี แต่พี่พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีอะไรเท่าการปฏิบัติเอง พี่ไม่ได้เชื่อคนง่ายนะ เราต้องเชื่ออย่างมีสติ
    อยากให้ทุกคนลองทำ ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้ แล้วจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนมาถูกแล้ว
    มีเรื่องอกหักมาเกี่ยวไหม ถึงทำให้เราหันไปพึ่งธรรมะ
    ไม่เกี่ยวเลย เรื่องเด็กๆ ไม่มีผลกับพี่นะ ถ้าถามพี่ อยากแนะนำว่า อกหักแล้วอย่าประชดตัวเอง พี่ขอเหอะ คิดดีๆ นะครับ คนที่น้อง ควรจะรักน่ะ คือพ่อแม่ แฟนน่ะ ช่างหัว...มันเหอะ พี่ก็เคยอกหัก แต่อกหัก พี่ไม่กินเหล้า หันมาดูแลตัวเองเข้าฟิตเนส ตัดผมให้ดี ทำตัวใหม่สิ ไปทำตัวให้มันหัวเราะทำไมว่า พอมันทิ้งเราไปก็อยู่ไม่ได้
    ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เขาสนใจเรื่องธรรมะ จะโดนทักว่า อกหัก
    ไม่นะ อืม...พี่ไม่รู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงเขายังไง แต่ตัวพี่ไม่นะ สำหรับพี่คือเรื่องเล็ก เรื่องชีวิต เรื่องพ่อแม่เรื่องใหญ่กว่า
    ก่อนหน้า ที่มาศึกษาธรรมะ พี่เป็นคนยังไง
    พูดไม่อายเลย พี่ไม่เข้าวัด(หัวเราะ) พี่นับถือศาสนาพุทธนะ แต่ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้จริงจัง ตอนนั้นเราเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เป็นดารา ชีวิตไม่มีอะไรไง เราก็คิดว่า ใช้ดวงบ้าง แต่ไม่ได้มากมาย พี่เป็นนักขายรถ ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ และความขยัน เลยไม่ได้อะไรมากมาย แต่ไม่ได้ลบหลู่นะ ที่พี่เคยบอกไปว่า ชอบไสยศาสตร์ไง แต่ไม่ได้งมงาย ชอบลอง ชอบรู้ ...จริงไหมไรแบบเนี้ย
    ทุกวันนี้ การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยไหม
    ไม่ได้เปลี่ยนมาก แต่มีสวดมนต์ก่อนนอน นั่งสมาธิ แผ่เมตตา แต่ด้านความคิดพอปฏิบัติธรรมปู๊บ มีสติยั้งมากขึ้น อย่างจะเม้าท์คนก็ไม่ละ ไปกองถ่าย ดารารวมกันก็ไม่มีไรมาก เม้าท์คน เราก็จะคิดว่า ไม่เอาละ เดี๋ยวถ้าเราโดนบ้างล่ะ(หัวเราะ) พี่เชื่ออย่างนึงนะว่า ใครทำกรรมอะไร ก็จะได้กรรมนั้นกลับไป ก็ตัดปัญหา พี่ก็อยู่ของพี่ดีกว่า ทำให้เรามีสติยั้งในการทำผิดมากขึ้น
    พี่ยัง เที่ยวกลางคืน กินเหล้าไหม
    พี่ก็ยังเป็นคนนะ ไปบ้าง กับเพื่อน เดือนนึงเที่ยวสองวัน สองครั้ง เหล้ากินบ้าง ไม่ได้ห้ามคนอื่นนะ ต้องกินแบบมีสติ กับเพื่อนนั่งคุยกัน พอถึงลิมิท พี่ก็หยุด พี่กินเหล้าผสมโค้ก หลังๆ ก็เป็นโค้กเปล่าหมด เพื่อนก็ไม่รู้ ก็เอ้า...ชนแก้วกันไป(หัวเราะ) (ไปเพราะเพื่อน)ใช่ๆ พี่ก็มีสังคม ต้องไปเจอเพื่อนบ้าง (น้อยลงจากเมื่อก่อนไหม)น้อยลงไหมเหรอ พี่เป็นคนไม่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว ชอบเล่นกีฬา ดูแลตัวเอง แต่การเที่ยวพี่มองว่า ทำให้เราอดนอน เจอควันบุหรี่ นานๆ ทีได้ บ่อยๆ ไม่ไหว รุ่นอายุเท่าพี่นี่คือเที่ยวมาหมดแล้ว เริ่มเบื่อแล้วล่ะ
    ถ้าเลิกเหล้าได้ก็ดี
    พี่ไม่ได้ติดนะ พี่นั่งกับเพื่อน เขาเทให้ก็กิน ไม่เกิน 5 แก้วหรอก จนเพื่อนทัก พี่ออกไปหาเพื่อน อย่าใช้คำว่าเลิกเหล้าเลย พี่กิน แต่ไม่ติด มีลิมิท ถ้าวันนึงพี่เป็นพ่อคน พี่ก็ไม่ห้ามลูก แต่ให้รู้จักมีลิมิทในการกิน กินอย่างมีสติ เป็นคนนะ ไม่ใช่ควาย ให้รู้ว่า แค่ไหนพอ กลับบ้านถูก ไม่ใช่เมาเละเทะ น่าเกลียด
    เวลาไปเที่ยวที่จะต้องตามมาคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิง ยิ่งเราเป็นดารา ก็ต้องมีบ้าง
    ถูก... มี แต่ว่า เมื่อก่อนพี่ทำไม่ดีกับผุ้หญิงไว้เยอะ พอพี่มาถือศีล5 มีข้อ กาเม ใช่ไหม ทุกวันนี้ พี่ไม่อยากจะผิดศีลข้อนี้ ตอนนี้ละครกำลังดัง มีคนมาคุยตลอดล่ะ เราก็หวัดดีครับ ทักเราก็ขอบคุณ คุยด้วย เราเป็นนักแสดง คนเฟรนด์ลี่มา เราก็เฟรนด์ลี่กลับ
    ไม่มีขอเบอร์โทร หรือเข้าหาเราแบบจีบเหรอ
    มี เยอะด้วย แต่เราไม่เอาซะอย่าง เข้าใจไหม เราก็ขอโทษบอกว่า ต้องกลับบ้าน ก็บอกเขาไปว่าค่อยคุยกันนะ (ไม่สวยล่ะสิ)สวย แต่คนเราขึ้นอยู่กับตัวเรานะ พี่ไม่ซะอย่าง (เค้าก็เต็มใจไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครหลอกใคร)พี่อยากได้นะ นิสัยผู้ชาย แต่วินาทีนั้นพี่ไม่อยากผิดศีลไง บอกแล้วเมื่อก่อนศีลข้อที่พี่ผิดมากที่สุดคือ ข้อ กาเม แต่พี่ปฏิญาณตนว่าต้องทำให้ได้ โอเค เหล้ากิน แต่ไม่ได้คิดจริงจัง ข้อสามยากนะ แต่ทำมาตั้งนานแล้ว (ตัดใจนานไหม)โอ๊ย! คนอ่อย ก็เยอะ เอานม มาถูหลังเลยนะ แต่ก็อย่าไปมอง เราต้องมีสติสิ
    คนเลยมองว่า พี่เป็นเกย์
    โดนมาเป็นชาติแล้ว เรื่องนี้ไม่สนหรอก ใครอยากจะมอง หรือพูดอะไรก็ตามใจ พูดแล้วมันส์ปาก ก็เอาเลย พี่ถือว่าทำบุญแต่ระวังนะ กรรมที่ทำกับผม คุณก็ได้อันนั้นแหละ พี่ไม่โต้ตอบด้วย (เหมือนแช่งเขาเลย)ไม่นะ พูดให้เขาคิด เขาจะได้ไม่ต้องทำอีก นี่พี่สอน ไม่ได้แช่งครับ คนเราถ้าไม่ชอบหน้ากันก็อยู่เฉยๆ อย่าสร้างเวรกรรมต่อกันเลย ต่างคนต่างอยู่ ง่ายที่สุดโลกจะได้สดใส
    การทำบุญ พี่เน้นอะไรเป็นพิเศษ
    ทำทานน่ะดี แต่พี่ว่า บุญที่สูงที่สุดคือ การวิปัสนากรรมฐาน นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ไม่ต้องเปลืองเงินทอง ง่ายที่สุด 5-10 นาที ต่อวันก็ได้ แต่ไปเจอขอทานพี่ก็ให้ พี่ทำอีกอย่างคือ พี่จะชอบคุยเรื่องธรรมะ เพราะการให้ธรรมเป็นทาน คือการให้ที่สูงที่สุด
    ก็เลย ถูกมองว่า เพี้ยนเลย
    อ้าว ไม่เกี่ยว งั้นกิ๊ก-มยุริญ ก็เพี้ยนด้วยสิ (พี่กิ๊ก ไม่ค่อยคุยเรื่องนี้ไง)ใช่ คนเรามุมมองไม่เหมือนกัน พี่ปฏิบัติแล้วเห็นผล ก็อยากเผื่อแผ่ให้เพื่อนๆ ให้น้อง อย่างคนตกงาน ทำใจไม่ได้ นั่งร้องไห้ เครียด ...ก็บอกให้เขาทำตัวดีๆ สู้สิ ชีวิตมีขึ้น มีลง จำไว้ว่า วันนี้อาจไม่ใช่วันของเรา แต่ระหว่างรอก็ทำดีไป สะสมบารมีไว้ ถ้าไม่มีบารมี พอโอกาสมาก็ไม่ได้อีก ถ้าไปขอๆๆ ไหว้พระอย่างเดียว แต่เราไม่สร้างเอง ชีวิตจะดีขึ้นเหรอ
    คนเรา ตายไป เอาอะไรไปไม่ได้นะครับ แต่บุญบารมี เอาไปได้ สังเกตคนที่ชั่วๆ แต่ชีวิตดันดีขึ้น รวยขึ้น ก็ที่เค้าสะสมบุญมาเยอะ เค้าทำมาแต่ชาติก่อน แต่ถ้าเค้าหมด ก็ซวยได้เหมือนกันแหละ
    เคยไหม แนะนำเรื่องนี้แล้วคนไม่เชื่อ แถมขำใส่อีก
    อ๋อ...เคย ไม่รู้สึกอะไรเลย พี่เปลี่ยนไปแล้วไง พี่เข้าใจนะ อย่างพี่รู้จักนักแสดงคนนึง ตกงาน ร้องห่มร้องไห้ พี่ก็แนะนำให้เขาปฏิบัติธรรม ชีวิตจะได้เจริญๆ เห็นเอาแต่กินเหล้า เที่ยวทุกคืน จะไปดีได้ยังไง เราก็สอนไป เขาก็นั่งหันหน้าไปมา เราก็ดูรู้ว่า คงไม่ฟัง พี่ก็เออๆ แค่นี้ ไปแล้วนะ ก็จบ คนเราอยู่ที่ช่วงเวลานะ อาจจะยังไม่ถึงเวลา เพราะกรรมบังอยู่ แต่อันนี้เรื่องบุญวาสนาของแต่ละคน ที่จะรับได้เร็วไหม
    คาดหวังการทำบุญไหม
    ไม่ต้องคาดหวังหรอก (หวังผลไหม)พี่ว่าทุกคนหวังนะ อยากให้ชีวิตเจริญ มีงานเยอะๆ มีเงินก็ทำบุญต่อ ไม่มีงาน แล้วจะกินอะไร(หัวเราะ) ก็อยากได้บุญ
    แนะนำคนที่พึ่งเริ่มยังไง
    วันพระ 4 วัน ก็ถือศีลห้า กินเจ ก่อนนอนก็สวดมนต์ ชินบัญชร ก็ได้ แต่พี่สวดพระไตรปิฏก พี่ใช้เวลา 20-30 นาที บางคนท้อ แต่ถ้าสวดบ่อยๆ จะชินปาก พี่ท่องแป๊บเดียวเอง ในเวลา 30 นาที ที่พี่สวด มีบทอื่นอีกเยอะนะ
    โดยส่วนตัว พี่ถือศีลห้า ไม่ก็ศีลแปด แต่พี่แนะนำว่าถ้าพึ่งเริ่ม ก็ให้ศีล5 ไปก่อน เดือนนึงทำสัก 4 วัน ก็ได้ ทุกวันพระ แค่นั้นเองไม่ตายหรอก กินเจด้วย แต่จิตใจเราต้องดีด้วยนะ ต้องคิดดีทำดี ไม่งั้นก็ไร้ค่า ทำไปแล้วเรื่องงานคนดีๆ ก็เข้าหาเรา เรื่องไม่ดีก็ไปเอง
    ถ้าอยากลองว่าชีวิตจะเปลี่ยนไหม ให้ลองสวดพระไตรปิฏกสัก 7 วัน แล้วดูผล
    ตอนที่สวดมนต์ต้องจิตใจสงบด้วยไหม
    พี่ก็ไม่สงบนะ จิตเราวอกแว่ก พี่ก็เป็นคนเหมือนคนอื่น แต่ทำดีกว่าไม่ทำ ถ้าไม่หัดเมื่อไรจะได้ทำ จิตวอกแว่ก ก็ดึงกลับมา บางคนนั่งสมาธิ บ่นว่าทำไม่ได้ แล้วจะได้ทำเมื่อไร ถ้ามัวแต่อ้าง 5-10 นาทีก็ได้ พระพุทธเจ้าเริ่มใหม่ๆ ก็วอกแว่ก เหมือนกัน คนเก่งๆ ก็เป็นเหมือนกันหมด ใช้ความเพียรไง
    ต้องรู้ความหมายบทสวดไหม
    เมื่อก่อนพี่อยากรู้ความหมายนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากรู้แล้ว ปวดหัว คิดอย่างเดียวว่า เรานับถือศาสนาพุทธ นับถือพระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไร เราก็ทำตาม ท่านคงทำมาหมดแล้วล่ะ ใช่ไหม...รู้ว่า เราเป็นคนดี ชีวิตจะเจริญ ก็จบ
    ศีลข้อ 3 ตอนที่คิดว่าจะไม่ละเมิดให้ได้ มีอุปสรรคไหม
    มีอยู่แล้ว ก็มีบททดสอบ มีมาร (ยกตัวอย่างได้ไหม)ก็ที่เที่ยว ที่อื่นก็มี แต่ที่ยกตัวอย่างที่นี่ เพราะเป็นที่ๆ ผู้ชายเอาผู้หญิงกลับไปนอนได้ ง่ายที่สุด เพราะหนึ่งเป็นเวลากลางคืน สองเค้าก็เมาๆ เหมือนกัน ก็ไม่น่าเกลียด ถ้ากลางวันไปเดินสยาม ไปชวนนอนด้วย ก็โดนตบสิ(หัวเราะ) แต่เราต้องมีสติในการยั้ง เราก็มีกิเลส แต่เดินหนี มีบททดสอบเรื่อยๆ แต่เราไม่ๆๆๆๆ ซะอย่าง
    ทุกวันนี้เจ้าชู้อยู่ไหม
    พี่ยอมรับนะว่า พี่ยังมีกิเลส พี่ถือแค่ศีลห้า ศีลแปด พี่ก็มีอิจฉา ริษยา มีความอยาก มีความต้องการทางเพศ แต่เรามีสติยั้งคิดแล้ว พี่เคยอิจฉานะว่า ทำไมบางคนมีงานมากกว่าเรา แต่เราก็ให้มันจบแค่นั้น
    พี่อยากจะมีครอบครัวอยู่ไหม
    อยากนะ อยากมีมากๆ พี่ก็ยังมีกิเลสอยู่ หลังๆ พี่คบใครก็จริงจังหมดนะ แต่มีเหตุให้เลิกไป เรื่องเจ้าชู้ไม่มีแล้วครับ
    พี่มองว่า ผู้ชายสนใจธรรมะน้อยกว่า ผู้หญิงไหม
    ถูกนะ พี่ก็เห็นคนที่ไปบวช ผู้หญิงเยอะกว่า แต่พี่ตอบไม่ได้นะ ไม่รู้เหมือนกัน
    มีคนกลุ้มใจเรื่องความรักมาปรึกษาบ่อยไหม
    เป็นศิราณี บ่อยจะตาย ก็แนะอกหัก อย่าไปกินเหล้าให้เขาดูถูกว่า เลิกกับเราแล้วไปไม่รอด ทำตัวให้ดี
    เคยรู้สึกผิดไหม ที่เคยไปหักอกผู้หญิง ทำให้เขาเสียใจ
    (ทำหน้าคิด)อดีตพี่ทำมาแล้ว เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ตัดไปเหอะ เราก็เคยโดนเขาหักอกเหมือนกัน ฉะนั้น คิดแล้วก็ไม่ได้อะไร ทำอนาคต กับปัจจุบันให้ดีก็แล้วกัน
    มีคนมองว่า พี่สร้างภาพ
    เอาเหอะ ในเว็บก็มีด่าว่าพี่สร้างภาพ พี่ไม่สนใจหรอก ตามสบายเลย ถ้ามันส์ก็เอาเลย ของแบบนี้อยู่ที่ตัวเอง จะไปฟังคนอื่นทำไม (ทำให้น้อยใจไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วไหม)ไม่หรอก พี่ก็ยืนยันจะพูดต่อไป(หัวเราะ) พี่ก็สอน ถ้าเขาทำแล้วก็ดีกับตัวเขาเอง พี่ไม่ได้อะไรเลยนะ อย่างน้องที่ตกงาน ถ้าเขาได้ทำงาน พี่ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งจากเขานะ ใครจะมองยังไงก็ช่าง พี่มีเจตนาดี
    มุมมองชีวิตตอนนี้ กับคนที่ผ่านเข้ามา
    ไม่ได้มองอะไรมาก ขอทำบุญอย่างเดียว ขอมีงานทำ มีชีวิตที่ดี เพื่อช่วยเหลือคนอื่นได้ (คนที่เข้ามาที่ไม่หวังดี)เฉยๆ คิดง่ายๆว่า เขาทำอะไรก็ได้อย่างนั้น (โกรธไหม)มีอารมณ์นะ แต่พี่มีสติยั้งแล้ว โกรธแล้วก็ไม่ได้อะไร โกรธทำไม ไม่ต้องโกรธ ก็จบ
    อยากให้แนะนำหนังสือสำหรับคนที่สนใจ
    พี่ว่า ดีทุกเล่ม หาอ่านที่เราเข้าใจ แต่พี่แนะนำ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ของคุณดังตฤณ จะอ่านเข้าใจง่าย เข็มทิศชีวิต ก็ดีครับ
    หนุ่มวิทย์ ทิ้งท้ายด้วยการกล่าวขอบคุณแฟนละครที่ติดตามผลงาน และชื่นชอบงานแสดง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ถึงจะไม่ได้เป็นพระเอกเหมือนก่อน แต่ทุกบทที่ได้ ก็ตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด

    * ศีล ๕
    ๑. เว้นจากทำลายชีวิต
    ๒. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
    ๓. เว้นจากประพฤติผิดในกาม (ไม่ล่วงละเมิด ฉุดคร่า หลอกลวง ลูกเมีย ของผู้อื่น หรือบุตรธิดา ที่ยังอยู่ในความปกครองของผู้เป็นพ่อแม่ และญาติ)
    ๔. เว้นจากพูดเท็จ คำหยาบ ส่อเสียด
    ๕. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

    **ศีล ๘
    ๑. เว้นจากทำลายชีวิต
    ๒. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
    ๓. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี (ห้ามมี sex)
    ๔. เว้นจากพูดเท็จ คำหยาบ ส่อเสียด
    ๕. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
    ๖. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป (หลังเที่ยงวัน ไม่กินอาหารคาวหวาน ยกเว้นน้ำปานะ และน้ำเปล่า)๗. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
    ๘. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย

    ข้อมูล


    ศีล๕ และศีล๘ จากเว็บไซต์ http://www.larnbuddhism.com

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=5> </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=5>Link หน้านี้ : http://variety.hunsa.com/index.php?page=view&id=996</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ----------------------------
    Ref.
    http://variety.hunsa.com/index.php?page=view&id=997
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img1.jpg
      img1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.6 KB
      เปิดดู:
      180

แชร์หน้านี้

Loading...