ร่วมทำบุญบูชา มงคลสหัสธาตุรังสรรค์กรรมสิทธิ์หมื่นเขตแดนประทานพร(หมื่นฟ้ารวมหนึ่ง) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แรงเงียบๆ

    ประสบการณ์พระฤาษีทุรวาสะก็เข้ามาอีกแล้ว เมื่อวานพูดเกี่ยวกับเรื่องแก้คำสาปไว้ แต่ที่เล่ามาเรื่องนี้ไม่รู้ใช่รึเปล่า


    มีพี่ที่บูชาเหรียญพระฤาษีทุรวาสหลังเงินปากผีเล่าประสบการณ์เข้ามา เค้าว่าได้สัมผัสองค์ท่านแล้วรู้สึกองค์พระอุ่นๆมีพลังงานแปลกๆ พอตกกลางคืนก็ฝันเห็นฤาษีหนังเหี่ยวหนวดเคราขาวรุงรังเหมือนเหรียญหล่อเลย พี่เค้าว่าท่านพูดกับตัวเขาแต่เขาฟังไม่รู้เรื่องไม่รู้ว่าภาษาอะไร

    ก็เลยพูดกับท่านไปในฝันว่าฟังไม่เข้าใจ ขอให้พูดภาษาไทยได้มั๊ย ทีนี้พี่เขาว่าท่านก็พูดภาษาไทยด้วย พี่เค้าเล่าว่าองค์พระฤาษีท่านพูดว่า "ที่ผ่านมาดวงชะตาเจ้าโดนอุดเอาไว้หมดเลย ปิดชนิดที่ว่าไม่มีให้ไหลหรือหลุดออกมาได้ โดนอุดเอาไว้แล้วชีวิตนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่เคยสะดวกปลอดโปร่งแม้แต่ครั้งเดียว แต่หลังจากนี้กูจะค่อยๆปลดเครื่องพันธนาการทั้งหลายออกให้ นับจากนี้ไปมึงจะดีขึ้น"

    พี่เค้าว่าฝันนี้นึกถึงแล้วยังขนลุกน้ำตายังนองหน้า ที่ท่านพูดมานั้นจริงทั้งหมด และแม้แต่บูชาองค์ท่านมาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมีบุญให้เทพฤาษีที่ยิ่งใหญ่ชื่อก้องโลกอย่างพระทุรวาสมาปลดแอกมรสุมชีวิตให้ตัวเองแบบนี้ สองวันหลังจากฝันมีแต่งานเข้าเงินเข้าจนคนอื่นแปลกใจ

    ซึ่งเรื่องที่ท่านจะช่วยโดยบอกว่าจะค่อยๆปลด พี่เค้าว่าขอแค่ปลดจะค่อยๆหรือทั้งหมดแค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว เพราะผมรู้ตัวว่าอดีตผมเยอะ บาปกรรมผมมาก จะมีครูองค์ไหนที่เข้ามายุ่งรึมาช่วยเราตั้งแต่ไหว้พระสวดมนต์มาพี่เค้าว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยมี เพราะกรรมมันเป็นเรื่องหนักและใครก็ไม่อยากยุ่งคุณกรคิดว่าจริงมั๊ย

    * เราก็ว่าจริงตามเค้าว่า แต่ไม่รู้จะนับไปในกรณีที่พ่ออาจารย์บอกว่าท่านจะแก้ไขคำสาปแต่หนหลังให้ได้มั๊ย เพราะฟังๆดูเหมือนพี่เค้าจะเชื่อว่าเป็นที่เรื่องกรรม เป็นการค่อยๆปลดวาระกรรมมากกว่า แต่ก็ถือว่าแรงครูย่อมชักนำให้ศิษย์ได้ดีนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งศิษย์มีครูก็เหมือนงูมีพิษนั่นเอง


    28908412_2162737430679333_1779429512_n.jpg 28907265_2162737444012665_828212946_n.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    เกี่ยวกับเรื่องของแจกนั้น เนื่องจากมีจำนวนน้อยเพราะเป็นธาตุกายสิทธิ์ ประกอบกับท่านเคยให้บูชาไปแล้วเวลามีคนขอสมิงพระกาฬซึ่งได้หมดไปนานแล้วเข้ามา ท่านก็จะให้บูชาเสือตัวครูแทน ซึ่งนั่นก็คือพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)

    แต่เนื่องจากมีคนบูชาและบอกต่อๆกันจนเหลือจำนวนน้อย ดังนั้นจะแจกอย่างไรรึจะแถมไปกับอะไร อันนี้ให้ติดตามกันเอานะ .... ตรงนี้ก็ติดตามกันเอาไว้และพรุ่งนี้จะยกเรื่องพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)มาพูดคุยอีกที
    ;)
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้มาติดตามเรื่องพูดคุยกันดีๆนะ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)

    เสือกายสิทธิ์ธาตุที่พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกมายาวนาน ทั้งลงจารสูตรยันต์เอื้อนเอ่ยโองการจารึกสูตรพยัคฆ์นารายณ์ ทั้งหัวใจเสือสามจำพวก เหลือร้ายด้วยนะตวาดหิมพานต์กำกับไว้ที่ปากสมิงดุจว่าอำนาจเสือสะกดได้ทั้งเมือง ปราบได้ทั้งป่า เพียงแค่เสียงตวาดคำรามก็ทำให้สัตว์ทั้งหลายสูญสติไปเสียสิ้น ทั้งว่าสูตรทำวิชาเสือขย้ำเหยื่อเรียกอาการไว้ที่ฝ่าเท้าแลกรงเล็บ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมิงนารายณ์นี้เป็นเสือนารายณ์อวตาร กรงเล็บและคมเขี้ยวนั้นคมกล้าด้วยอานุภาพของสุทัศนจักร เป็นเสือครูปราบปรามได้แม้แต่เทวดาและอสูรทุกภพภูมิ ในสายเสือแล้ว เสือเทพพยัคฆ์นี้นับเป็นของสูง เป็นเสือที่ทำวิชาอ้างเอ่ยถึงปางอวตารแห่งองค์พระนารายณ์

    ท่านได้สร้างไว้ในรูปแบบเสือหลวงพ่อปาน ด้วยถือว่าเดินตามรอยครูบูรพาจารย์ซ้ำยังเชิญองค์หลวงพ่อปานท่านทำวิชาเสือประสิทธิ์ให้อีกวาระหนึ่ง กล่าวได้ว่าเมื่อพ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกพยัคฆ์ตัวครูนั้น กายสังขารท่านดูเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งดูท้วมใหญ่ผิวหนังแดงแฝงความน่าเกรงขามดุดันดุจคนโบราณ เมื่อท่านทำวิชาเสือนี้เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่านว่าที่กายสังขารเปลี่ยนนั้นเพราะครูท่านแฝง หลวงพ่อปานท่านทำวิชาสมิงให้ รูปลักษณ์ภายนอกก็เลยเปลี่ยนไป ท่านเสกในป่าจนป่าลั่นได้ยินเสียงเสือคำราม ทั้งสาปเสือเดินวนเวียนกอปรกับเสือขย้ำทุกตนนั้นกระจายตกจากถาดที่วางไว้ไปติดตามเนื้อที่ใช้พลีกรรมถวาย เมื่อเก็บกลับคืนมาก็ได้ไม่ครบทุกองค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกเสร็จเสือหายเข้าป่าไปเป็นจิตวิญญาณเสือพระเวทย์คุ้มครองป่าก็มาก ดังนั้นเสือรุ่นนี้จึงเป็นเสือเป็นเจ้าป่าอย่างแท้จริง

    ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังทำวิชาเสือขย้ำ เป็นวิชาเอกสายเสือของท่านที่ได้ชื่อว่าหากทำเสือขย้ำแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะกลืนกินสามารถหลุดรอดไปจากปากได้ "ดุจปากของเรานับแต่นี้จะกลืนอะไรก็ไม่หลุด หากไม่คายออกมาเองแล้วย่อมได้กิน ไม่มีสิ่งใดพ้นปากเราได้เลย" ท่านว่าวิชานี้ย่อมมีดีในตัวของมัน เพราะคนเรามีหลายอย่างผ่านหน้าผ่านตาเหมือนจะได้แต่ก็ไม่ได้ ไปอยู่กับคนอื่น วาสนาผ่านตัวเองไปก็มีเรียกได้ว่าจะกินเหยื่อแต่ก็ไม่มีปัญญากิน แม้หามาได้ก็เหนื่อยเปล่า คนอื่นแย่งผลงานความดีความชอบไปแต่ฝ่ายเดียวก็มี ลงทุนลงแรงอะไรก็กลายเป็นทำให้เขาไม่เข้าตัวเอง แต่วิชาเสือขย้ำนี้เป็นการแสดงออกด้วยสีหนาท อำนาจราชศักดิ์กดขี่และขบกัดอย่างรุนแรงไม่ให้สิ่งใดก็ตามที่หมายใจจะกลืนกินหลุดรอดพ้นไปได้

    ที่ผ่านมามีคนถามหาสมิงพระกาฬซึ่งหมดไปนานแล้ว ก็ได้แต่แนะนำเสือขย้ำให้เพราะเป็นเสือครู เสือวิชา ซ้ำยังเป็นเอกของวิชาสายเสือของพ่ออาจารย์ที่ท่านสร้างและเชิญบารมีหลวงพ่อปานทำให้ นับว่าใช้แทนของเก่าได้เลย ซึ่งคนที่บูชาไปก็ล้วนแต่เล่าประสบการณ์กันมาไม่ขาดเกี่ยวกับประสบการณ์ตกเหยื่อ ขย้ำเหยื่อ เขาว่ามันสะใจมากเพราะขย้ำได้ทุกประเภท ทุกสถานการณ์ทั้งหากิน ทั้งขย้ำเหยื่อ ขย้ำสาว

    เดือนนี้ก็มีขอให้จัดกิจกรรมมา แต่ว่าก็ยังไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่นเกมเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะแจกก็เอาของดีๆไปเลย แต่ก็นั่นอีกเสือขย้ำนั้นเหลือเพียงสี่องค์(ใช้ว่าองค์เพราะเป็นเสือเทพ) ไม่พอให้เล่นรึแจกใครให้เสียอารมณ์แน่นอน ก็เลยจะแจกไปกับตะกรุดที่จะเปิดให้บูชาเพราะเป็นตะกรุดที่ใช้วิชาเสือทำพอดี ทั้งล่าทั้งขย้ำ

    * เมื่อจะนำมาแจกก็ไม่ใช่ว่าจะแจกได้ทุกคนเพราะเสือไม่พอกับตะกรุด ดังนั้นจะพิจารณาให้เป็นคนๆไป ใครที่ต้องการเมื่อบูชาตะกรุดและแจ้งขอรับเสือขย้ำพร้อมกันไปด้วยหากมีเหตุผลดีๆว่าจะเอาไปทำอะไรก็จะแถมคู่กันไป สำหรับตะกรุดที่จะออกให้บูชานั้นคือตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราช รายการนี้ก็ไม่ธรรมดาเพราะภายในนั้นบรรจุด้วยหนังหน้าผากเสือแท้ๆที่พ่ออาจารย์ท่านสะกดไว้ เฉพาะหนังหน้าผากเสือก็หายากและราคาแพงมากแล้ว

    image.jpg
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ตอบ PM ครบนะครับวันนี้ พรุ่งนี้ห้ามพลาด
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ใครชอบเสือวันนี้ห้ามพลาดนะ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราช+รูปหล่อพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)

    จะกล่าวถึงวิชาลงตะกรุดพญาเสือนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าตัววิชานั้นมีหลายชนิดและหลายประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็ให้คุณแตกต่างกันไปตามสายวิชาและการสืบทอด จะเห็นได้ว่าแม้พ่ออาจารย์ท่านจะมีวิชาเสืออยู่หลายตัวแต่ท่านก็ไม่ค่อยออกเครื่องรางเสือเท่าไหร่ ท่านมักพูดหยอกมากกว่าว่าเสือของฉันมันมีตัวมีตน เป็นราชาพยัคฆ์ ทำเล่นๆแค่ให้คนใช้ขอไปทีไม่ได้

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงลงวิชาตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราชขึ้นมา ตะกรุดนี้เป็นตะกรุดวิชาเสือตัวสำคัญของพ่ออาจารย์ท่าน เพราะเป็นตัวล่าเหยื่อ ออกตระเวนหาเหยื่อทุกท้องที่ ท่านว่าอันเสือล่าเหยื่อนี้ทำยากกว่าเสือทุกชนิดเพราะต้องเสกลงอาการอธิษฐานให้ตื่นตัว พร้อมล่าตลอดเวลา

    โดยปกติคนที่บูชาตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามักได้ประสบพบพรรณคุณ องค์คุณวิเศษต่างๆจากตะกรุด ดังนี้ จะส่งเสริมสิริมงคล ให้เจริญด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ โชคลาภหลั่งไหลทำมาค้าขึ้นดี เป็นมหาอำนาจแคล้วคลาด ปลอดภัย แก้ดวงตก เสริมดวงโชคชะตาให้รุ่งโรจน์ แม้ได้บูชาจะมีอำนาจมากนัก เปี่ยมด้วยตบะเดชะ เป็นมหาปราบกำราบสิ่งชั่วร้ายได้สิ้น สิ่งลึกลับต่างๆทั้งภูติผีแลคุณไสยสิบสองชาติภาษาย่อมไม่สามารถทำอะไรได้เลย เป็นทั้งเมตตามหาเสน่ห์มีอำนาจในการสะกดใจคน กันรังควาน ปัดเสนียด การกลั่นแกล้งทุกประการ...

    แต่พ่ออาจารย์ท่านว่า ตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราชนี้ ไม่เหมือนกับตะกรุดวิชาเสือโดยทั่วไป เพราะตะกรุดนี้เป็นวิชาเอกของเสือชั้นครู เป็นตะกรุดที่เอาไว้ล่า นอกจากคุณวิเศษเพิ่มเติมจากเสือปกติดั่งได้กล่าวไว้แล้ว ยังช่วยให้ชีวิตคนใช้เปลี่ยนแปลงไปด้วย "ปกติชีวิตคนนั้นจะนั่งรอเหยื่อ รองาน รอความสำเร็จวิ่งเข้ามาหา พ่ออาจารย์ท่านว่าคนประเภทนี้มันขยันรอ แต่โชคก็ไม่ได้ขยันเข้ามาเป็นสิ่งสวนทางกัน ตรงกันข้ามกับคนอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือขยันตัวเป็นเกลียว ทำทุกอย่างไม่หยุดนิ่งรออยู่เฉยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง คนทั้งสองนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีพฤติการณ์ต่างกัน แต่ปลายทางเท่ากันนั่นคือความล้มเหลว"

    ดังนั้นท่านจึงคิดจะนำวิชาที่ครูเฒ่าถ่ายทอดไว้ นำออกมาช่วยให้การดำเนินชีวิตของคนนั้นง่ายขึ้น ด้วยวิชานักล่าตบะพยัคฆราชนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าเสือนั้นมีหลายประเภทมีทั้งราชาของเหล่าจ่าฝูง เสือตัวจ่าฝูงและเสือลูกฝูง เสือทั้งหลายนั้นล้วนมีอำนาจและคุณลักษณะต่างกัน บางประเภทก็นอนรออาหาร บางประเภทก็ออกล่าเหยื่อ แต่เสือตัวนี้ท่านทำให้แก้วิกฤติปากท้องและการใช้ชีวิตของคนให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านจำเพาะทำเป็นเสือล่าเหยื่อนั่นเอง

    เสือล่าเหยื่อคือตัวตนของความยิ่งใหญ่ที่ไม่หยุดนิ่ง เคลือนไหวไปเรื่อยๆพร้อมกับชัยชนะและความสำเร็จที่มากขึ้น กวาดไปทั้งป่า ล่าไปทั้งโลก เสือของท่านเป็นเสือที่ไม่อยู่เฉย เพราะเขาจะเที่ยวติดตามแสวงหาจนกว่าจะได้ชัยชนะ แม้จุดหมายยิ่งใหญ่ปานใดก็โดนสะกดให้ล้มลง ให้แตกพ่ายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะนี่คือการล่าของราชาพยัคฆ์ อันที่จริงท่านว่าวิชาเสือนั้นมีหลายตัวหลายประเภท แต่เสือนักล่านี้ครูบาอาจารย์ท่านจะไม่นิยมทำกัน เพราะท่านเกรงว่าหากเอาไปใช้ตกถึงมือเสือ มือโจร มือคนเห็นแก่ได้ คนเหล่านั้นจะยิ่งกว่าเสือติดปีก ล่าไปทั่ว ล่าไม่ถอย ล่าไม่เห็นตัวและไม่มีใครทำอันตรายพวกมันได้ ดังนั้นแต่อดีตบูรพาจารย์จึงไม่ค่อยลงเสือตัวล่ากันนัก

    ในขณะเดียวกันพ่ออาจารย์ท่านว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไป หมดยุคของเสือของโจรถึงยุคที่คนใช้ชีวิตกันยากขึ้น ลำบากขึ้นแล้ว ท่านพิจารณาว่าอันพรรณคุณพิเศษของเสือตัวล่านี้เหมาะและเข้ากับยุคสมัย อันว่าคนที่ใช้แม้เสมอตัวแค่ห้อยอาราธนาด้วยนิสัยแต่ละบุคคลเกิดมามิได้เสมอกัน หากเป็นคนประเภทอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรรอแต่ความสบายวิ่งเข้ามาให้ถึงปาก อานุภาพของเสือตัวล่าก็จะล่าและทำให้สิ่งต่างๆสำเร็จได้ไวขึ้น แต่หากบุคคลนั้นมีอุปนิสัยในการแสวงหา มีจิตใจที่อยากจะยิ่งใหญ่ อยากจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปไม่ติดอยู่ในวังวนและสถานที่เดิมๆ อานุภาพของเสือตัวล่านั้นจะผสานเข้ากับอุปนิสัยและการใช้ชีวิตของผู้บูชา นี่เองที่ท่านเรียกว่าจะดีแบบเสือติดปีก เพราะทำอะไรล่าอะไรก็ได้ไปหมด

    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเรียกอาการยากกว่าเสือทั่วไป ซ้ำยังเสกให้สำเร็จยิ่งยาก ท่านทำมานานหลายปีลงวิชาเสือไว้ครบถ้วนโดยไม่บอกใคร ท่านว่าตะกรุดแบบนี้ให้ใครรู้ไม่ได้ถ้ายังไม่ถึงเวลาว่าเราได้ทำไว้ ถ้าเกิดมีคนรู้เขาก็จะแย่งกันไปหมดไม่เหลือให้คนที่จำเป็นต้องใช้จริงๆได้อาราธนา โดยตะกรุดนี้ท่านว่าใช้ได้สารพัดดุจแก้ววิเศษมีคุณรอบด้าน จะใช้ล่าอะไร อะไรที่เป็นความสำเร็จ เป็นทางที่เราอยากจะเดินไปให้ถึงย่อมใช้ได้ทั้งสิ้น ทั้งล่างาน ล่าผลงาน ล่าสาว ล่าความรัก ล่าเกียรติยศ ล่าโชค ล่าวาสนา ท่านว่าขอให้ใจอยากล่า ไม่ว่าเรื่องใดย่อมใช้ได้ทั้งสิ้น

    เมื่อท่านลงและเสกตะกรุดแล้ว ท่านยังได้เมตตานำหนังหน้าผากเสือ ที่เป็นสมิงจริงๆอันท่านเคยพบและสะกดนำหนังหน้าผากตัดไว้ ถือเป็นของสำคัญและมีอานุภาพวิเศษในการสะกดข่มสรรพชีวิตทั้งหลายด้วยตบะเสืออย่างถึงที่สุด กล่าวกันว่าเสือแต่ละตัวนั้นมีอำนาจตบะไม่เท่ากัน แต่เสือที่ฝึกตนมาถึงขั้นสมิง เขาจะมีอำนาจตบะแรงกล้ากว่าเสือทั้งหมด กล่าวกันว่าด้วยตบะเสือนี้แม้จ้องตาเหยื่อเมื่อใด สัตว์ทั้งหลายก็จะขาอ่อน ถูกตรึง ถูกสะกดไว้หนีไปไหนไม่ได้ ต้องยอมถูกล่ากลายเป็นอาหารอยู่ในขณะนั้นเอง จุดหน้าผากเสือนี้เองที่พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นแหล่งพลังงานตบะชั้นยอดที่แสดงอานุภาพออกมา เป็นดุจตาที่สามของสมิงที่ผ่านการล่าและสะกดสัตว์มาแล้วทั่วป่า เป็นหนังหน้าตบะเสืออันมีคุณสูงกว่าเสือทั่วไป พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาตัดหนังหน้าผากมาม้วนเป็นตะกรุดดอกเล็กๆยัดใส่ไว้ภายในตะกรุดนักล่าอีกหนหนึ่ง ท่านว่าเอาไปใช้ ใครเป็นเหยื่อเป็นศัตรูเราจะได้สะกดมันให้อ่อนน้อม ยอมพลีกายพลีตนเป็นอาหาร เป็นทางเดินให้กับเราเสียให้หมด ท่านว่าหนังหน้าเสือสมิงแท้ๆนั้นมีน้อยเพราะเป็นของหายากและเอายาก จะสะกดเสือที่เคยสะกดวิญญาณและสัตว์ทั้งป่ามาแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นก็ให้แบ่งๆกันไปใช้เอาอานุภาพของมัน จึงต้องตัดทำเป็นตะกรุดดอกเล็กๆบรรจุไว้ภายใน

    * เมื่อจะออกให้บูชาตะกรุดนักล่านั้น ก็จะแถมพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)ให้บูชาไว้พร้อมกันทีเดียว
    พยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ)
    เสือกายสิทธิ์ธาตุที่พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกมายาวนาน ทั้งลงจารสูตรยันต์เอื้อนเอ่ยโองการจารึกสูตรพยัคฆ์นารายณ์ ทั้งหัวใจเสือสามจำพวก เหลือร้ายด้วยนะตวาดหิมพานต์กำกับไว้ที่ปากสมิงดุจว่าอำนาจเสือสะกดได้ทั้งเมือง ปราบได้ทั้งป่า เพียงแค่เสียงตวาดคำรามก็ทำให้สัตว์ทั้งหลายสูญสติไปเสียสิ้น ทั้งว่าสูตรทำวิชาเสือขย้ำเหยื่อเรียกอาการไว้ที่ฝ่าเท้าแลกรงเล็บ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมิงนารายณ์นี้เป็นเสือนารายณ์อวตาร กรงเล็บและคมเขี้ยวนั้นคมกล้าด้วยอานุภาพของสุทัศนจักร เป็นเสือครูปราบปรามได้แม้แต่เทวดาและอสูรทุกภพภูมิ ในสายเสือแล้ว เสือเทพพยัคฆ์นี้นับเป็นของสูง เป็นเสือที่ทำวิชาอ้างเอ่ยถึงปางอวตารแห่งองค์พระนารายณ์

    ท่านได้สร้างไว้ในรูปแบบเสือหลวงพ่อปาน ด้วยถือว่าเดินตามรอยครูบูรพาจารย์ซ้ำยังเชิญองค์หลวงพ่อปานท่านทำวิชาเสือประสิทธิ์ให้อีกวาระหนึ่ง กล่าวได้ว่าเมื่อพ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกพยัคฆ์ตัวครูนั้น กายสังขารท่านดูเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งดูท้วมใหญ่ผิวหนังแดงแฝงความน่าเกรงขามดุดันดุจคนโบราณ เมื่อท่านทำวิชาเสือนี้เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่านว่าที่กายสังขารเปลี่ยนนั้นเพราะครูท่านแฝง หลวงพ่อปานท่านทำวิชาสมิงให้ รูปลักษณ์ภายนอกก็เลยเปลี่ยนไป ท่านเสกในป่าจนป่าลั่นได้ยินเสียงเสือคำราม ทั้งสาปเสือเดินวนเวียนกอปรกับเสือขย้ำทุกตนนั้นกระจายตกจากถาดที่วางไว้ไปติดตามเนื้อที่ใช้พลีกรรมถวาย เมื่อเก็บกลับคืนมาก็ได้ไม่ครบทุกองค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกเสร็จเสือหายเข้าป่าไปเป็นจิตวิญญาณเสือพระเวทย์คุ้มครองป่าก็มาก ดังนั้นเสือรุ่นนี้จึงเป็นเสือเป็นเจ้าป่าอย่างแท้จริง

    ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังทำวิชาเสือขย้ำ เป็นวิชาเอกสายเสือของท่านที่ได้ชื่อว่าหากทำเสือขย้ำแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะกลืนกินสามารถหลุดรอดไปจากปากได้ "ดุจปากของเรานับแต่นี้จะกลืนอะไรก็ไม่หลุด หากไม่คายออกมาเองแล้วย่อมได้กิน ไม่มีสิ่งใดพ้นปากเราได้เลย" ท่านว่าวิชานี้ย่อมมีดีในตัวของมัน เพราะคนเรามีหลายอย่างผ่านหน้าผ่านตาเหมือนจะได้แต่ก็ไม่ได้ ไปอยู่กับคนอื่น วาสนาผ่านตัวเองไปก็มีเรียกได้ว่าจะกินเหยื่อแต่ก็ไม่มีปัญญากิน แม้หามาได้ก็เหนื่อยเปล่า คนอื่นแย่งผลงานความดีความชอบไปแต่ฝ่ายเดียวก็มี ลงทุนลงแรงอะไรก็กลายเป็นทำให้เขาไม่เข้าตัวเอง แต่วิชาเสือขย้ำนี้เป็นการแสดงออกด้วยสีหนาท อำนาจราชศักดิ์กดขี่และขบกัดอย่างรุนแรงไม่ให้สิ่งใดก็ตามที่หมายใจจะกลืนกินหลุดรอดพ้นไปได้

    ที่ผ่านมามีคนถามหาสมิงพระกาฬซึ่งหมดไปนานแล้ว ก็ได้แต่แนะนำเสือขย้ำให้เพราะเป็นเสือครู เสือวิชา ซ้ำยังเป็นเอกของวิชาสายเสือของพ่ออาจารย์ที่ท่านสร้างและเชิญบารมีหลวงพ่อปานทำให้ นับว่าใช้แทนของเก่าได้เลย ซึ่งคนที่บูชาไปก็ล้วนแต่เล่าประสบการณ์กันมาไม่ขาดเกี่ยวกับประสบการณ์ตกเหยื่อ ขย้ำเหยื่อ เขาว่ามันสะใจมากเพราะขย้ำได้ทุกประเภท ทุกสถานการณ์ทั้งหากิน ทั้งขย้ำเหยื่อ ขย้ำสาว

    เดือนนี้ก็มีขอให้จัดกิจกรรมมา แต่ว่าก็ยังไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่นเกมเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะแจกก็เอาของดีๆไปเลย แต่ก็นั่นอีกเสือขย้ำนั้นเหลือเพียงสี่องค์(ใช้ว่าองค์เพราะเป็นเสือเทพ) ไม่พอให้เล่นรึแจกใครให้เสียอารมณ์แน่นอน ก็เลยจะแจกไปกับตะกรุดที่จะเปิดให้บูชาเพราะเป็นตะกรุดที่ใช้วิชาเสือทำพอดี ทั้งล่าทั้งขย้ำ

    * เมื่อจะนำมาแจกก็ไม่ใช่ว่าจะแจกได้ทุกคนเพราะเสือไม่พอกับตะกรุด ดังนั้นจะพิจารณาให้เป็นคนๆไป ใครที่ต้องการเมื่อบูชาตะกรุดและแจ้งขอรับเสือขย้ำพร้อมกันไปด้วยหากมีเหตุผลดีๆว่าจะเอาไปทำอะไรก็จะแถมคู่กันไป


    *พ่ออาจารย์ท่านว่าของสองสิ่งนี้หนุนส่งอานุภาพของกันและกัน ใครได้ใช้ควรพกไว้คู่กัน ทั้งล่าทั้งขย้ำ ท่านว่าพูดได้เท่านี้คือ "ล่าเพื่อมาขย้ำ" ดีอย่างไรอยู่ที่ใจคนใช้แล้วเท่านั้นที่จะรู้

    คาถาบูชา
    โอม อานันเทจะ พยัคโฆจะ พยัคคะนะ ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือ พญาพยัคโฆเชชะนา อาสิทิเสฏฐัง อาหะเยชะนา อะปัณณะอาสิทิ สัตถาอาหะ พยัคโฆจะวิริยะ อิมังคาถามะหะ อิติ ฮ่ำ ฮึ่ม ฮึ่ม

    * ตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราชนั้นพ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้เพียงหกดอกด้วยหนังหน้าสมิงมีน้อย รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ส่วนใครที่ต้องการพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ) เมื่อบูชาตะกรุดแล้วให้แจ้งขอรับเสือขย้ำพร้อมกันไปด้วย หากมีเหตุผลดีๆว่าจะเอาไปทำอะไรก็จะแถมคู่กันไป รายได้ร่วมสมทบทุนบูรณะเสนาสนะในวัดที่เสื่อมโทรมต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดนักล่าตบะพยัคฆราช+รูปหล่อพยัคฆ์ตัวครูสมิงนารายณ์(เสือขย้ำ) บูชา 4,000 บาท


    29134742_2165858360367240_1816918344_n.jpg
    29390757_2165858340367242_1256604038_o.jpg
    29391246_2165858217033921_1200721225_o.jpg





     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วันหยุดวันอาทิตย์แบบนี้ ใครจะพูดคุยเล่าประสบการณ์ หรือฝากคำถาม สอบถามสิ่งใดก็ PM กันไว้นะครับ จะได้มาไล่ตอบให้;)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วันนี้ตอบ PM ครบนะครับ พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกัน;)
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    เคล็ดบูชาพระสังกัจจายน์ให้มีโชคลาภร่ำรวย (ตำรับหลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม)

    ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการแก่ตนเองและครอบครัว ดังนี้

    1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี รูปลักษร์ท่านแสดงถึงความมีลาภพูนทวี

    2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม

    3. ความงามและความมีเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยม เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม เคล็ดการบูชา

    ในการบูชาพระสังกัจจายน์นั้นบูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ หรือดอกบัว๗ดอก มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้ 7 ดอก และควรบูชาสองเวลาคือเช้าก่อนไปทำงานและเย็นก่อนนอน เพื่อขอให้ท่านประสาทพรโชคลาภพูนทวี และมีเคล็ดอย่างนึงว่าพระสังกัจจายน์นั้นหากบูชาไว้ในบ้านให้ปิดทองที่พุงของท่านเชื่อว่าจะมีลาภไหลมาไม่ขาดสายครับ

    ในส่วนการไปไหว้พระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ที่วัด นั้นควรมี ดอกบัว๑ดอก ธูป๓ดอก และทองคำเปลวสามแผ่น แผ่นที่๑ปิดที่หน้าผากขอพรให้มีปัญญาเฉียบแหลมแบบท่าน แผ่นที่๒ปิดที่ปากท่านเพื่อขอให้เกิดเมตตามหานิยม แผ่นที่๓ปิดที่พุงเพื่อขอลาภไหลมาพูนทวี

    image.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    เจอองค์ใหญ่ๆจับถนัดมือแบบนี้ เคล็ดในการขอพรจริงๆ อย่าลืมบีบนวดถวายท่านก่อนแล้วค่อยขอพรนะครับ อันนี้เห็นผลไว สำหรับพระสังกัจจายน์แน่นอน
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่สิทธิศักดิ์ EU 4957 1715 7 TH

    พี่วีรพล EU 4957 1716 5 TH

    พี่กฤตยชญ์ EU 4957 1717 4 TH
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ตอบ PM ครบนะครับวันนี้;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    การลดกรรม 45อย่าง

    1. กรรมที่ไม่มีลูก
    กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
    ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ มูลนิธิเด็กอ่อน

    2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
    กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
    ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต

    3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
    กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
    ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพระ บริจาคเงินในกล่องซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด

    4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
    กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
    ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ

    5. สูญเสียคนใกล้ชิด
    กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
    ลดกรรม ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

    6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
    กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
    ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข

    7. มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด
    กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์ และศาสนา
    ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่ายฟรี

    8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
    กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
    ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้

    9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
    กรรมจาก ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
    ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย

    10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
    กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
    ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่างสม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้

    11.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
    กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
    ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดีปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด

    12. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
    กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
    ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี

    13. ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค
    กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
    ลดกรรม บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่สะดวก

    14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
    กรรมจาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
    ลดกรรม ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน ทำทานทั้งกับคนและสัตว์

    15. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
    กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
    ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ

    16. อาภัพคู่ ร้างคู่
    กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
    ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น

    17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
    กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
    ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

    18. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
    กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
    ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา

    19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
    กรรมจาก ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
    ลดกรรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล

    20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
    กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น!
    ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน

    21. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
    กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
    ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน

    22. มีคดีความ
    กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
    ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐานถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน

    23. ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
    กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
    ลดกรรม ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด

    24. จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห
    กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
    ลดกรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ

    25. ไม่มีชื่อเสียง
    กรรมจาก เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
    ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา

    26. ไม่มีวาสนาบารมี
    กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
    ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน

    27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
    กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
    ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

    28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
    กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
    ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต

    29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
    กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
    ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

    30. ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา
    กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
    ลดกรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

    31. ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์
    กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
    ลดกรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน

    32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
    กรรมจาก เคยริษยาผู้อื่น
    ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

    33. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
    กรรมจาก เคยทำแท้ง
    ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ

    34. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
    กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
    ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรม

    35. เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว
    กรรมจาก เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
    ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

    36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
    กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
    ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัดหรือช่วยเหลือคนป่วย

    37. เป็นมะเร็ง
    กรรมจาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์ หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
    ลดกรรม ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน

    38. ค้าขายขาดทุน ทำงานไม่ก้าวหน้า
    กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
    ลดกรรม หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

    39. ด้อยปัญญา
    กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
    ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตามมูลนิธิต่างๆ

    40. ตกงาน
    กรรมจาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
    ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา

    41. ไม่มีโชคลาภ
    กรรมจาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
    ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว

    42. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
    กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
    ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ

    43. มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน
    กรรมจาก ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
    ลดกรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3 เดือน

    44. ครอบครัวยากจน
    กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
    ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด

    45. เป็นทุกข์เพราะความรัก

    กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
    ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรัก


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ใครจะฝากคำถามก็ PM ไว้นะครับ แล้วพรุ่งนี้จะส่งของให้อีกรอบ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    มีคำถามน่าสนใจเข้ามาจะยกมาคุยกันพรุ่งนี้นะครับ ช่วงนี้ก็มีแต่คนหาตะกรุดมหาสะท้อนกันมาก หลายคนบอกว่าของสำนักอื่นวัดนั้นวัดนี้เปิดบูชาราคาสูงแตะต้องไม่ได้ รอพ่ออาจารย์ท่านจัดสร้างอีกรอบ มีถามกันมาเนืองๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีของนะครับ ต้องรอกันไปก่อน ;)
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วันนี้จัดส่งของแล้วมาติดตามพูดคุยกันนะ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ศิระ EU 7484 5046 7 TH

    พี่นฐมน EU 7484 5047 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EU 7484 5048 4 TH

    พี่ณอร EU 7484 5049 8 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EU 7484 5050 7 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    - แจ้ง

    วันนี้ผมไข้ขึ้นสูง ขอเลื่อนการพูดคุยและตอบ PM ทุกเรื่องไว้เป็นพรุ่งนี้แทนนะครับ ขออนุญาติพักผ่อนวันนึง ;)
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    การฝึกจิต

    อรุณสวัสดิ์นะครับ จากที่ออกให้บูชาเสือไปก็เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มาเล่าไวทันใจและครื้นเครงมาก เดี๋ยวจะทยอยเอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ แต่วันนี้จะพูดถึงการฝึกจิตก่อน

    การฝึกพลังจิต
    การฝึกใช้พลังจิตเล่นฤทธิมีมานานตั้งแต่อดีตนับพันปี เป็นเรื่องจริง ที่ไม่ต้องสงสัยจากอดีตนักบวชฤาษีโยคี จนถึงปัจจุบันนักจิตวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ ศึกษาเรื่องพลังจิต โดยเฉพาะ
    การนำพลังจิตมาใช้ บันทึกคัมภีร์ทางพุทธศาสนาเขียนวิธีการฝึกจิตให้มีฤทธิ นึกคิดเป็นไปตามความต้องการ เรียกว่ามโนมยิทธิ อิทธิวิธี ดังเช่นตำราจิตตานุภาพ ,ทิพยอำนาจ, วิสุทธิมรรค,ไตรปิฎก อธิบาย วิธีการฝึกจิตอย่างละเอียด เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล

    จิตเป็นกระบวนการทำงานของสมอง ที่รับรู้สิ่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย มีกระบวนการ รู้ จำ คิด รู้สึก ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าขนาดต่ำ หรืออาจกล่าวได้ว่า จิตเป็นพลังงานนั้นเอง การฝึกจิตจึงเป็นกระบวนการ ฝึกใช้สมองควบคุมกระบวนการทำงานของสมอง พลังจิต เป็นพลังสมองที่ฝึกให้เกิดผลขึ้น เช่น การฝึกเพื่อมีพลังจิตคุ้มครองตน และสิ่งที่ต้องการ(วัตถุมงคล,บุคคล), การฝึกเพื่อสำแดงฤทธิ ผลาดแผลงสยบศัตรู และให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา, การสะกดจิตควบคุมความคิดบำบัดอาการและรักษาโรค

    พลังจิตที่สำคัญที่สุดคือการฝึกเพื่อให้เกิดความฉลาดรู้แจ้งเห็นจริง(ปัญญา:ญาณทัสนะ)รอบรู้ทุกสรรพสิ่งจนถึงขั้นพ้นความทุกข์อยู่เหนือโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเป็นอมตะซึ่งจะเรียกว่าอยู่กับพระเจ้า หรือ นิพพาน สงบเย็นก็ได้

    การใช้พลังจิตในทางที่ผิดจะก่อเภทภัยแก่ตนเอง การใช้พลังทำลายล้างก่อเวรกรรมดังเช่นผู้ใช้ไสยเวทในทางที่ผิดมักประสบเคราะห์กรรม ไม่ตายดี ไสยเวทย์เป็นการใช้พลังจิตผ่านคาถาอาคมหรือเวทย์มนตร์ การท่องคาถานั้นจัดเป็นการรวบรวมพลังจิตเพื่อใช้ให้เกิดผล ที่ตนต้องการมักเป็นไปในทางไม่ดีเนื่องจากไม่ทราบเหตุผล แห่งการกระทำที่แท้จริงจึงเรียกเวทมนต์ของผู้ไม่รู้หรือผู้หลับไหล

    ส่วนพุทธมนต์เป็นคำสอนของผู้รู้ผู้ตื่น บทสวดเพื่อท่องจำ วิธีปฏิบัติและคำสอนที่ช่วยให้ผู้สวดเข้าใจวิธีปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์และสามารถถ่ายทอดยังคนรุ่นต่อไป ดังนั้นผู้ฝึกพลังจิตควรมี
    ความปกติ(ศีล)ไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นเพื่อคุ้มครองตน และทำให้การฝึกจิตได้ง่ายหรือเกิดความฉลาดรอบรู้ วิธีการเอาชนะโดยไม่ใช้กำลังและการฆ่าฟันเบียดเบียนผู้อื่น รวมทั้งเข้าสู่
    ความเป็นอมตะเหนือการเวียนว่ายตายเกิด

    #จิต(สมอง)ที่ฝึกแล้วมีพลังที่สามารถควบคุมทุกสรรพสิ่งทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ทั้งมวลสารและพลังงาน ควบคุมการเปลี่ยนแปลงพลังงานและมวลสารตามความต้องการ เป็นได้ดังใจนึกคิด(มโนมยิทธิ) และสามารถแสดงฤทธิ (อิทธิวิธี)

    ความฉลาดรอบรู้ พ้นทุกข์
    ตาทิพย์เห็นอดีต อนาคต เหตุผล
    หูทิพย์
    อ่านใจคน
    ควบคุมสะกดจิตผู้อื่น
    ควบคุมเปลี่ยนแปลงวัตถุธาตุ มวลสารและพลังงาน
    เคลื่อนย้ายวัตถุ
    เหาะเหิรเดินอากาศ เดินบนน้ำ เดินผ่านวัตถุ หายตัว
    สื่อสารทางจิต

    #ขั้นตอนการฝึก
    1.ควบคุมความคิดให้สงบจากเคลื่อนไหวของร่างกายและจิตใจที่ไม่หยุดนิ่ง มีสติรู้เท่าทันต่อความคิดต่างๆที่เกิดขึ้น หยุดการคิ ด ปรุงแต่งที่ต้องใช้พลังงาน ด้วยการนั่ง นอนหรืออิริยาบถที่สะดวก
    ฝึกในสถานที่สงบเหมาะสมกับตนเอง การฝึกสมาธิ(Meditation)มีสติรู้สึกตัว รู้ว่าคิดเรื่องอะไรหรือไม่คิด

    2.ทำจิต(สมอง)ให้ปลอดโปร่งจากสิ่งดึงรั้งคืออารมณ์ต่างๆที่ไม่น่าปราถนา แก้ไขอารมณ์ที่ทำให้สูญเสียพลังไปกับการคิดต่างๆที่ไม่เกิดประโยชน์ โดยคิดในทางตรงข้าม
    - แก้ความโกรธด้วยความรัก
    - แก้ความสงสัยด้วยศรัทธาความเชื่อที่ดีและถูกต้อง
    - แก้ราคะสุภะด้วยวิราคะ อสุภะ
    - แก้ความง่วงด้วยการตื่น(เพ่งแสงสว่าง)
    - แก้ความฟุ้งซ่านด้วยความสงบ
    สรรพสิ่งมีสองด้านหากด้านใดมากไปก็แก้โดยเพิ่มด้านตรงข้าม เพื่อเข้าสู่สมดุลสภาวะปกติที่จิตสงบปรอดโปร่ง เย็นสบาย ไม่ร้อนรนด้วยสิ่งผูกรัดดังกล่าว จึงสามารถใช้จิตสร้างพลังงานที่ก่อให้เกิดฤทธิต่างๆได้โดยง่าย

    3.รวบรวมพลังจิต เมื่อทำจิตให้เกิดสมาธินิ่งสงบจากความคิดต่างๆ สร้างภาพใใจ(มโนภาพ)โดย กำหนดให้จิตคิดติดอยู่กับฐานที่กำหนด :ลมหายใจ ร่างกาย หรือวัตถุ เพ่ง วัตถุธาตุ ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ ,สีเขียวแดงเหลืองขาว ,อากาศ ,ความสว่าง

    4.สร้างพลังจิตให้แรงกล้า ด้วยการฝึกดังกล่าวจนมีสมาธิโดยไม่ต้องนั่งหลับตา มีจิตสงบนิ่งเข้มแข็งในทุกอิริยาบถของการเคลื่อนไหว ร่างกายเคลื่อนไหวแต่จิตหยุดนิ่งอยู่กับมโนภาพ (วัตถุ รูป)ที่เพ่ง เช่น เพ่งจนไม่ต้องเพ่งวัตถุอีกต่อไป ก็สามารถกำหนด ให้เห็นดิน น้ำ ลม ไฟ สีต่าง อากาศ แสงสว่าง แม้ในเวลาหลับตา หรือลืมตาทุกอิริยาบถ การเพ่งกสิณ ทำให้เล่นฤทธิต่างๆ เช่น กำหนดให้เกิดน้ำ ฝนตกมีสีแดง(ฝนโบกขรณี) เกิดจากการเพ่งน้ำและสีแดง จนมีพลังควบคุมวัตถุธาตุให้เกิดน้ำสีแดงในอากาศ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าทรงทำให้ญาติเกิดศรัทธาจากการเล่นฤทธิ

    5.การใช้พลังจิต(สำแดงฤทธิ) พลังจิต(การใช้พลังไฟฟ้าสมอง)กำหนดและควบคุมสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ต้องการ การปล่อยคลื่นกระแสไฟฟ้าจากสมองผ่านหน้าผากสุ่ภายนอกเพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ เช่น

    - เกิดความฉลาดรู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง ฝึกคิดอย่างมีเหตุผล แก้ไขปัญหาคือความไม่รู้ด้วยการแสวงหาความรู้จริง เมื่อฝึกคิดมากขึ้น จะเกิดความชำนาญในการใช้ความคิดแก้ปัญหาเกิดความรอบรู้

    - ควบคุมความคิด สะกดจิต การฝึกเริ่มจากมีสติระลึกรู้เรื่องที่คิด การเปลี่ยนแปลงของการคิดของตนเอง ฝึกสะกดจิตตนเองหรือควบคุมความคิดตนเองให้ได้ เช่นฝึกการคิดในเรื่องที่ต้องการ การเปลี่ยนความคิด การหยุดคิด ฝึกสะกดจิตตนเองให้หลับและตื่น ในเวลาที่กำหนด เมื่อฝึกจนชำนาญจะมีสติดีและความคิดที่ดีขึ้น รวมทั้งพลังที่จะควบคุมความคิดตนเอง เมื่อสะกดจิตตนเองได้ จึงฝึกสะกดจิตผู้อื่น หัดอ่านใจและสะกดจิตควบคุมความคิดผู้อื่น ให้กระทำหรือคิดในสิ่งที่เราต้องการ การฝึกอ่านใจและสะกดจิต นำไปสู่การสื่อสารทางจิตซึ่งไม่ต้องใช้ภาษาพูดสื่อสารโดยตรงสู่สมอง

    - อ่านจิตรู้ใจคน การฝึกเริ่มจากการหัดอ่านใจตนเอง ดูใจตนเอง หรือรู้ว่าตนคิดเรื่องใด เมื่อมีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นเช่น รัก เศร้า เสียใจ โกรธ ดีใจ เป็นต้น และหัดอ่านภาษากายเมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ต่างๆเมื่อฝึกอ่านใจดูใจตนเองเป็นชำนาญแล้ว จึงเริ่มฝึกอ่านใจดูใจผู้อื่น ทดลองทายใจผู้อื่นว่าคิดอะไร จะพูดหรือทำอะไรและทำสิ่งนั้นจริงดังที่เราทายใจหรืออ่านใจหรือไม่ เมื่อฝึกบ่อยๆจะเกิดความชำนาญและมีพลังจิตที่สูงขึ้น

    - ควบคุมมวลสาร,พลังงาน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้เกิด ดิน น้ำ ลม ไฟ สี แสงสว่าง อากาศ จากพลังจิตซึ่งเป็นพลังของคลื่นไฟฟ้าในสมองเหนี่ยวนำการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กและพลังงานระดับอะตอมจนเกิดการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของธาตุต่างๆก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงที่เป็นลุกโซ่ต่อเนื่องจนเกิดการแปรเปลี่ยนของสิ่งแวดล้อมและวัตถุธาตุ การจะควบคุมได้ต้องเข้าใจความจริงการแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่งอย่างมีเหตุและผล เมื่อมีพลังงาน ไฟเกิดขึ้นจะเกิดการเคลื่อนของลม เมื่อมีลมเกิดขึ้นจะเกิดการเคลื่อนของน้ำ เมื่อน้ำเคลื่อนจะเกิดการเคลื่อนไหวของดิน (โลกนี้แผ่นดินลอยอยู่บนของเหลว) พลังความร้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมวลสารอากาศ น้ำ ดินต่อเนื่องกัน นอกจากนี้การใช้พลังจิตก่อให้เกิดการเปลี่ยนสภาพของสสารต่างๆโดยตรง เมื่อพลังจิตมากเพียงพอ ฝึกสร้างภาพในใจ(มโนภาพ)ถึงสิ่งที่ต้องการ สร้างมโนภาพให้เด่นชัดและต่อเนื่องจากภายในใจสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อควบคุมสรรพสิ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนเกิดขึ้นจริงจากมโนภาพนั้น

    มโนภาพของแสงสว่างในใจทำให้เกิดแสงสว่างในความมืดมองเห็นในที่มืด มโนภาพของลมทำให้วัตถุเคลื่อนไหวเช่นกิ่งไม้, ธงไหวทำให้เกิดลมพัด เคลื่อนย้ายวัตุถุและคน เกิดการเหาะ ลอยไปในอากาศ, มโนภาพของไฟที่ทำให้เกิดเปลวไฟเกิดเพลิงไหม้,มโนภาพของน้ำที่ทำให้เกิดน้ำหรือฝนตก มโนภาพของดินที่ทำให้น้ำหรืออากาศแข็งตัวเป็นแผ่นดิน เดินบนน้ำหรืออากาศได้, มโนภาพของอากาศช่องว่างที่ทำให้วัตถุทึบกลายเป็นช่องว่างเดินทะลุผ่านกำแพง ,
    มโนภาพของร่างกาย ทำให้การแปลงกายเปลี่ยนรูปร่างให้เป็นไปตามใจนึก การฝึกเริ่มจากง่ายไปหายาก จากการเพ่งภาพ ขณะลืมตาจนเกิดภาพในใจเด่นชัดและต่อมาฝึกให้เห็นภาพนั้น เมื่อหลับตาฝึกจนชำนาญสามารถเห็นภาพได้ทุกเวลาที่ต้องการ ในทุกอิริยาบถ เมื่อพลังจิตเข้มแข็งสร้างมโนภาพเปลี่ยนโลก ให้เป็นไปตามมโนภาพที่กำหนด เกิดดิน น้ำ ลม ไฟ สี แสง ตามต้องการ จึงฝึกการเปลี่ยนธาตุหรือทำให้เป็นไปตามมโนภาพ ที่ต้องการ มโนภาพนั้นย่อมปกครองโลก

    - ตาทิพย์ มองเห็นอดีต หรืออนาคต การฝึกระลึกอดีตในปัจจุบันนึกย้อนกลับไปเป็นวัน สัปดาห์ เดือน ปี เพื่อระลึกเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆในอดีตซึ่งเป็นการฝึกการฟื้นความทรงจำ เมื่อมีกำลังมากขึ้นจะย้อนระลึกถึงชาติก่อนได้ การฝึกให้เห็นอนาคตเริ่มจากปัจจุบัน มองไปถึงสิ่งที่กำหนดจะทำและทำให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตที่กำหนดไว้จากวัน เดือน ปี ชาติต่อๆไป บางท่านเรียกการนั่งทางในเป็นการทำสมาธิสงบถึงระดับที่พอเหมาะและเห็นภาพในใจไม่ใช่ใช้ตาเนื้อเห็น

    - หูทิพย์รู้และเข้าใจทุกภาษาแม้แต่ภาษาสัตว์หรือได้ยินเสียงระยะไกล ฝึกหัดจิตให้เข้าใจภาษากาย ที่แสดงอารมณ์และการสื่อสารต่างๆของคนและสัตว์ ฝึกให้ละเอียดจนคล้ายการอ่านใจ หัดฟังเสียงค่อยระยะใกล้ถึงระยะไกล ฝึกให้หูไวต่อเสียง และได้ยินเสียงจากระยะไกลออกไป(Telepathy)

    #การจะยึดตำรานั้นไม่ดีเท่ากับการฝึกจริงดังที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิสูจน์ด้วยตนเอง

    #ผู้มีความฉลาดจะสามารถฝึกสำเร็จ ค้นพบ ความมหัศจรรย์ทางจิตตามแนวศาสนาที่มีมาก่อนวิทยาศาสตร์และอยู่เหนือข้อจำกัด ของวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์สิ่งที่มีอยู่จริงแต่จับต้องไม่ได้ ท้าทายความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่จะทำเรื่องดังกล่าว ให้เกิดขึ้นได้เช่นเดียวนักบวชในอดีต พลังจิตมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน แต่จะรู้จักควบคุมและนำออกมาใช้หรือไม่

    #การฝึกจิตทำให้เข้าใจธรรมชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติควบคุมและเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติได้ดั่งใจนึก

    #พลังจิตใช้เพื่อป้องกันตน ปรับสภาพให้อยู่สบาย ฝึกกำลังจิตให้เข้มแข็งเช่นเดียวกับการออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังจิตหรือออกกำลังสมอง และควรเข้าใจว่าผู้มีพลังจิตยังคงต้อง
    ประสบโลกธรรมเกิดแก่เจ็บตาย ฤทธิที่ดีและง่ายที่สุดที่ควรฝึกเป็นการฝึกให้เกิดความฉลาดรู้วิธีทางพ้นทุกข์

    6.ฝึกจิต(สมอง)พิจารณาความจริงทางธรรมชาติเกิดปัญญาความฉลาด พิจารณาวัตถุธาตุทั้ง4,กาย รูปนาม(วัตถุ,พลังงาน),ไตรลักษณ์(อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา)สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ
    โลกหมุนทุกวันทุกสิ่งไม่หยุดนิ่งเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา, เกิดความรู้เพื่อละสังโยชน์ตัดเครื่องผูกมัดจิตไว้ในโลก (ละความคิดต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวทางโลก) เข้าสู่นิพพาน
    นิพพานอยู่ที่จิต (พลังจิตเป็็นพลังงานเช่นเดียวกับพลังงานที่มีในธรรมชาติ) นิพพานอยู่ทุกที่เมื่อใดจิตไม่อยากอยู่กับโลกก็จะเข้าสู่นิพพาน (พลังงานที่ไม่เปลี่ยนสภาพอีกต่อไป)

    การพัฒนาพลังจิตเพื่อเกิดประโยชน์เป็นสิ่งที่ต้องฝึกอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ กระบวนการคิดและปฏิบัติดังกล่าว ตั้งอยู่บนความจริงของเหตุและผลที่สามารถพิสูจน์ด้วยตนเอง หลักการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันก็เป็นเช่นเดียวกับพุทธศาสตร์ ที่มีวิธีการอธิบายสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุผล จากเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนทำให้เข้าใจได้อย่างง่ายและนำไปใช้ได้จริง

    image.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...