ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่ออาถรรพ์พระร่วงรุ่งโรจน์แสวงพ่ายสร้างบารมี(จับเสือมือเปล่า จ้าวพยัคฆ์นอนกิน)

    "แสวงพ่ายก็คือไร้พ่าย คำๆนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าหากนำมาใช้ย่อมจะมีความหมายลึกซึ้งนัก ดุจว่าหาความพ่ายแพ้ไม่เจอ หาผู้ที่จะชนะมีชัยเหนือตัวเองไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือไร้พ่ายแข่งยังไงก็แพ้ไม่เป็น แม้กระทั่งต้องเที่ยวเสาะแสวงหาไปทั่วไอ้ตัวคำว่าพ่ายแพ้ก็ยังไม่มีปรากฏ"
    รู้กันดีว่าใช้พระร่วงที่ไหนก็ไม่เหมือนพระร่วงของพ่ออาจารย์ เพราะท่านจงใจทำแบบเสกเรียงเหรียญเป็นการเชิญองค์พระร่วงเจ้ามาสถิต หรือที่ภาษาครูที่รู้ลึกเขาจะเรียกว่าแบ่งภาคญาณพระร่วงเจ้าให้มาสถิตประจำที่เครื่องมงคลของท่าน การที่จะเชิญบารมีพระร่วงได้หรือไม่นั้นอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับญาณบารมีของผู้เสกหรือผู้เชิญเป็นสำคัญด้วย

    พระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์พูดอะไรต้องเป็นเช่นนั้นไม่มีคติอื่นใดแทรกแซง พ่ออาจารย์ท่านว่าทั้งนี้เป็นด้วยเพราะแรงกุศลจากอานิสงส์ที่ชาติก่อนพระองค์ท่านได้เอาผลมะชางทำน้ำอัฐบานหรือน้ำปานะถวายองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าโกนาคม กล่าวคือเมื่อพระองค์ทรงเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ได้ชื่อว่าเป็นยอดกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่มาก อันพ่อขุนพระร่วงนี้แน่นอนว่าหากพูดถึงชื่อท่านขึ้นมาแล้วหลายคนถึงไม่รู้จักแต่ก็รู้ว่าชื่อนี้หมายถึงยอดกษัตริย์สุโขทัย เป็นชื่อบุคคลผู้เป็นวีรบุรุษอันมีบุญญาภินิหารสูงและมีฤทธิเดชซึ่งทรงอานุภาพเลิศล้ำเป็นที่ยำเกรงแก่นานาประเทศใกล้เคียงและคงเลื่องลือระบือพระเกียรติไปทั่วทิศานุทิศ แม้กาลผ่านมานับร้อยปี หรือพันปีต่อไป ก็ยังปรากฏนามนี้ให้เป็นที่จดจำได้ว่าพระร่วงเป็นอดีตบูรพกษัตริย์ผู้ที่พลเมืองนิยมนับถือมาก ด้วยความสำเร็จของพระองค์ท่านไม่ว่าจะทำอะไร จะมีบัญชาสั่งอะไร ก็ได้ชื่อว่าเป็นไปตามบัญชาทุกประการ

    ด้วยความเชื่อในบุญญาภินิหาร คนแต่โบราณย่อมนับถือสืบทอดกันมาว่าองค์สมเด็จพระร่วงเจ้านั้นท่านมีฤทธิ์มากแม้จะให้ชีวิตแก่พืชพันธุ์ก็ยังทำได้ ทั้งปราบความทุกข์เข็ญ สร้างความเจริญ ผาสุก รุ่งโรจน์ ให้กับผสกนิกรเรียกได้ว่าเป็นกษัตริย์ที่เป็นดั่งพ่อของลูก เป็นพ่อที่พึ่งพิงได้ทุกครา ไม่ใช่ว่าต้องยกใส่หัวไว้ดั่งเทวดาเช่นนั้น

    "ถ้ามึงไม่ทิ้งกู กูจะทิ้งมึงได้อย่างไร มีอะไรก็ขอให้มึงนึกถึงกูเถิดแล้วกูจะไปช่วยมึงเอง" ด้วยคำสั้นๆที่เป็นเสมือนสัญญาใจระหว่างกันและกันนี้ของพ่ออาจารย์และองค์พ่อขุนท่าน พ่ออาจารย์ท่านจึงปรารถนาที่จะสร้างพระเครื่องเสียซักรุ่นเพื่อเอาไว้เป็นอนุสรณ์ถึงพระองค์และให้พระองค์ได้ช่วยเหลือคนที่มีเคราะห์ภัยทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระร่วงครั้งนี้ด้วยความตั้งใจหลักของท่านเลยก็คือทำเพื่อบูชาคุณของบูรพกษัตริย์ในราชวงศ์สุโขทัยหรือที่เรียกว่าวงศ์พระร่วงเจ้าทั้งหมด ท่านว่าด้วยคำว่า"ร่วง"นั้นท่านบอกเราว่ามาจากคำว่า"รุ่ง" ฉันจึงถือเป็นลักษณะมงคลนามที่คนเอาไปใช้และมีจิตใจนอบนบเคารพบูชาทุกคนจะต้องรุ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    ท่านเน้นย้ำกับฉันมาว่าให้บอกลูกๆทุกคนนะว่าพ่อตั้งใจให้ตัวเขาได้มีโอกาสสร้างบารมีดังนี้พ่อจึงช่วยคนที่เสียโอกาสทั้งหลายไป ย้ำว่าต้องมีคำว่าสร้างบารมี เพื่อเป็นการสร้างบารมีมาบูชาครู สร้างบารมีให้ชีวิตตัวเองสำเร็จ เท่ากับว่ารุ่นนี้ใครได้ใช้ก็จะเจอแต่เรื่องก้าวหน้า พัฒนาขึ้นเสมอไป ไม่ตกต่ำ เพราะบารมียิ่งทำยิ่งเพิ่ม ยิ่งทำยิ่งมี ยิ่งให้ยิ่งได้ เขาจะมีกุศลแรงส่งให้เรื่องที่ปรารถนาสำเร็จ ใครมีเหรียญนี้ไม่ว่าเรื่องราวอะไรก็ขอให้ตั้งจิตให้มั่นคงในพระรัตนตรัยและสมเด็จพระร่วงเจ้าก็พอ พ่ออาจารย์ท่านว่าพ่อขุนท่านปรารถนาจะมาช่วยลูกๆให้เดินไปบนหนทางแห่งการสร้างบารมี ให้ทุกอย่างที่ไม่ผิดในธรรมนองคลองธรรมสำเร็จสมหวังดังจุดมุ่งหมายทุกอย่างทุกประการ ทั้งจะน้อมนำทั้งพระเดชและพระคุณปกป้องเกล้าเกศา คุ้มครองตัวตน ของเราทุกกาลเวลา

    พ่ออาจารย์ท่านใช้มวลสารศักดิ์สิทธิ์และธาตุกายสิทธิ์มาเข้ากับยันต์และวิชาอาถรรพ์ต่างๆที่พ่อขุนท่านสั่งให้ทำให้ใส่ลงไป แม้วิชาบางอย่างนั้นท่านว่าเราก็ไม่เคยรู้จักแต่ท่านก็ยังสอนให้เพราะบอกว่าจำเป็นต้องใช้และขาดไม่ได้เมื่อจะหล่อรูปแทนตัวท่าน โดยพ่ออาจารย์ท่านได้หล่อออกมาให้มีลักษณะไปทางพระร่วงรางปืนอันเป็นที่สุดแห่งความปรารถนาที่คนจะมีไว้ในครอบครอง ด้วยพุทธลักษณะที่งามสง่า ผึ่งผาย ทรงอำนาจดูองอาจห้าวหาญ ทั้งยังถือคติว่าองค์ “พระร่วงเจ้า” พิมพ์ยืนพิมพ์นี้ท่านกันไฟกันฟ้าต้านเคราะห์กรรมได้ ท่านเรืองโรจน์ทรงฤทธิ์พิชิตภัย ปราบได้ทุกทิศ เป็นที่สุดของความเด็ดขาดและเป็นสุดยอดมหาอำนาจ มหาบารมี

    เหรียญนี้มีอานุภาพสูงด้วยพ่อขุนท่านตั้งอยากช่วยให้ชีวิตลูกอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขึ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าถึงเหรียญจะใหญ่ไปหน่อยแต่ให้พกอาราธนาไว้เถิดไม่ว่าจะไล่เคราะห์ ไล่ผี ขับเสนียดจัญไร อัปมงคล สิ่งไม่ดี ขับทุกสิ่งเหล่านี้ออกไปจากชีวิตล้วนไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งพ่อขุนท่านอำนวยพรให้ลูกเจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ มีสติปัญญา มีไหวพริบปฏิภาณ ฉลาดหลักแหลม มีความผาสุกก้าวหน้าในทุกทิศทาง สำเร็จได้ทุก ไม่ว่าจะขายของก็ขายดี ขายบ้านขายที่ดินติดอะไรที่ว่าใหญ่ๆหินๆท่านว่าเดี๋ยวก็ง่าย ทั้งผีเข้าเจ้าสิงถึงมือพ่อขุนท่านบัดเดี๋ยวเดียวก็วิ่งกันกระเจิงกระจาย อีกคนเจ็บไข้ไม่สบาย ดวงตกมีเคราะห์กรรม ชะตายังไม่ฟื้นยังไม่ได้บรรเทาก็ผ่านพ้นวิกฤตได้สะดวกรวดเร็ว

    ซ้ำยังเด่นดีทางมหาอำนาจ วาสนา ตบะเดชะ ท่านอุปมาว่าขุนหลวงหรือพ่อขุนเป็นเจ้าโลกเจ้าชีวิตมีอำนาจดุจพญาราชสีห์ คำรามก้องป่า ปราบสะกดไพรีพินาศราพณาสูร ขอให้มีความทุกข์ยากจริงๆเถิด ยิ่งมีความทุกข์เดือดร้อนมากเท่าไหร่ยิ่งดี ท่านให้อาราธนาองค์พระทำน้ำมนต์อาบ ทุกข์ภัยต่างๆจืดจาง ซีดหายไปทันที พ่อขุนท่านเป็นจอมกษัตริย์มีบารมีมากแม้ไม่ต้องออกหากินก็มีแต่คนหามาป้อนให้ถึงปาก แสดงว่ามีโภคพลาหารมาก อยู่เฉยก็มีคนหาทรัพย์มาให้ไหลมาเทมาไม่ขาดสาย หากินสบาย หากินง่ายดายเรียกว่ามีคุณให้คนใช้หากินคล่อง เงินทองก็คล่องมือไหลเข้ามาได้ง่าย เหรียญนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เอาไประงับดับทุกข์ ดับภัย ดับเคราะห์กรรม ระงับเหตุร้าย ระงับอันตราย ระงับเรื่องไม่ดีเถิด ทั้งยังใช้กันภัย กันความเดือดร้อนที่ประชิดตัวได้ทุกอย่าง ด้วยท่านลงมหาอำนาจทางสะกดทัพเอาไว้ครบสูตรเพื่อตั้งใจให้คนใช้ระงับดับพิษดับภัยกันอุปสรรคปัญหาอันตรายใดๆไม่ให้เข้ามาใกล้ ท่านว่าพ่อขุนท่านทำให้ลูกเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่สดใสทุกภัยไม่มี ปัญหาต่างๆจะหมดไป ระงับดับเรื่องร้อนๆ เรื่องร้ายๆ เรื่องไม่ดี จะปราบคู่แข่งขันก็ได้ ระงับเหตุได้ แม้ขึ้นโรงขึ้นศาล มีเรื่อง มีปัญหา มีคดีความกับใครก็จับเขาสะกดไว้ทั้งหมด

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกเหรียญนี้นิมิตดีมาก เพราะพ่อขุนท่านแบมือชูให้ดูและผลิกฝ่ามือกลับจากหลังเป็นหน้า ดุจท่านตั้งใจสื่อให้รู้ว่าจะทำให้เพื่อช่วยคน เพื่อให้เค้าพลิกชีวิต จากมืดเป็นสว่างมีคติเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่มีวันผันแปรเป็นสิ่งอื่น ทั้งปัดเรื่องร้ายทำลายเคราะห์ ไม่ว่าจะมีความทุกข์ เรื่องเดือดร้อนอะไรมาก็ตามให้เอาองค์พระทำน้ำมนต์อาบทุกข์ภัยต่างๆจางหายไปทันที ท่านว่าหายไวปานหมอกควัน ถ้าจะถามว่าองค์พระนี้มีอานุภาพแค่ไหนก็ขอบอกไว้ก่อนว่าสูงมากใครที่จับพลังได้ให้ลองดูว่าเคยมีใครสร้างพระร่วงเจ้าได้ขนาดนี้ไหม

    องค์พระร่วงเจ้านี้ท่านเสกกำกับวิชาไว้ครบ ที่สำคัญมากจะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนอกจากเรื่องพลิกชีวิตแล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือท่านปิดโอกาสให้ศัตรูทำอันตรายเราไม่ได้ อันนี้คือปิดช่องเภทภัย การกระทำ การรังแกเราทั้งหลายทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ห้อยไปเถิดภายใน 3 เดือนจะต้องดีขึ้นทุกคนไปขอแค่ต้องทำมาหากินและเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยและบารมีพระร่วงเจ้าเท่านั้น

    ตะกรุดสำคัญ
    ด้านหลังท่านลงวิชาทำตะกรุดจับเสือมือเปล่าที่เป็นวิชาสายพราหมณ์พาราณสีโบราณซ้ำยังกำกับไว้ให้อานุภาพเด่นชัดขึ้นไปอีกด้วยวิชาเสือนอนกิน ซึ่งตะกรุดวิชานี้มีคุณวิเศษอย่างน่าอัศจรรย์อุปมาดั่งการใช้แรงงานและต้นทุนที่เราสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกว่าได้เต็มร้อยแบบที่ไม่ต้องอาศัยต้นทุนหรืออาจใช้ทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าพวกที่คาดหวังความสำเร็จสูงจากต้นทุนที่ต่ำหรือคนที่ไม่มีทุนแต่อยากไปต่อ และไปได้จนสุดนั่นเอง นอกจากทุนจะไม่ต้องใช้แล้ว แรงก็ยังไม่ต้องลงด้วย ดั่งคนที่วันๆไม่ต้องทำอะไรแต่ทำไมกลับโชคดีจัง ทำไมถึงรวยเอาๆ ต่างกับคนที่ทุ่มกำลัง ความคิด สติปัญญาแทบตาย แต่ทำไมงานมันถึงไปได้ไม่สุด ทำไมมันไม่สำเร็จ ทำไมวาสนาคนถึงต่างกันขนาดนี้ คนที่ทำงานแบบชุบมือเปิบโกยเอาๆโดยใช้แค่โชคไม่ใช้ทุน ไม่ลงแรง คนเช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าคนประเภทจับเสือมือเปล่า ซึ่งท่านก็ตั้งใจทำตะกรุดลงวิชาโบราณเพื่อเปลี่ยนคนที่ล้าหลังที่ปากกัดตีนถีบ คนที่ได้ทรัพย์ ได้ผลประโยชน์ไม่เท่ากับแรงที่ลงหรือทุนที่ใช้ไปให้เป็นคนประเภทจับเสือมือเปล่าได้ ทั้งกลับโชคเปลี่ยนวาสนาคนให้ถึงพร้อมด้วยความโชคดีเช่นนั้น เป็นที่สุดแห่งความมั่งคั่ง ความมั่งมี ความสำเร็จและอิสรภาพทางชีวิตและจิตวิญญาณดังนี้

    ทั้งท่านยังถือคติที่เสืออันเป็นเจ้าป่าแม้ไม่ออกล่าก็มีมาให้กินถึงปาก แสดงว่ามีวาสนามาก แค่หิว แค่อยาก แค่มีอารมณ์ ทุกอย่างก็ไหลมาเทมาให้กินได้อย่างง่ายดาย หากินสบาย หากินง่าย หากินคล่อง สะดวกเหมือนมีคนเปิดทางให้ โภคทรัพย์พลาหารวิ่งเข้าหาเงินทองไหลเข้ามาง่ายไม่รู้จักหยุดหย่อน ทั้งแก้เรื่องเลวร้ายที่เกิดจากดวงตกให้ชงัดนัก ด้วยผลหลายประการนี้ล้วนดีทั้งสิ้น และยังเป็นทั้งมหาอำนาจและอิทธิฤทธิ์มากครบทุกทางแล้วแต่จะบอกกล่าวอธิษฐานใช้

    ท่านว่าวิชาชาติเสือกับเชื้อพ่อขุนเจ้านั้นย่อมมีดีเสมอกัน ด้วยพ่อขุนท่านเป็นมหาจักรพรรดิมีขุมทรัพย์อยู่มาก ดังนั้นเหรียญนี้จึงมีคุณดั่งดวงแก้วสารพัดนึกอันล้ำค่า ทั้งยังสร้างเพื่อเชื่อมบุญสำหรับผู้มีบุญวาสนาเท่านั้นที่พึงจะได้ครอบครอง ด้วยพระทุกองค์ ของทุกชิ้น วิชาทุกอย่างล้วนเลือกเจ้าของไว้อยู่แล้ว ถึงเวลาเขาจะมารับไปเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าบุคคลใดได้พบได้เห็น ก็ได้ชื่อว่ามีบุญยิ่งแล้ว อย่าได้กลัวตกทุกข์ได้ยากไปเลย ได้พบแล้วให้บูชาให้จงดี ก็จักเต็มไปด้วยข้าวของสมบัติเป็นอันมากมายเกินคณานับ จักได้เป็นคหบดี เป็นเศรษฐี แม้นว่าจักปรารถนาสิ่งอันใดก็จักสัมฤทธิ์ผล มีบุญวาสนาดีเกื้อหนุนให้ชีวิตวัฒนาสถาพรสืบไป

    สมเด็จพระร่วงเจ้านี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกของท่านอย่างแฝงความหมายไว้ว่าพระรุ่งโรจน์ ด้วยหมายใจว่ลูกที่มีพ่อคอยดูแลย่อมต้องมีชะตาชีวิตที่ดี ที่รุ่ง ไม่มีวันล่วงวันดับ ซ้ำยังนับว่ามีวาสนาจะได้สร้างบุญ สร้างบารมีสืบต่อไปเป็นที่มาแห่งทรัพย์และความรุ่งเรืองไม่รู้สิ้น สมกับคำที่พระศาสดาตรัสไว้ว่า ผู้ไม่มีบุญถึงเขาจะเป็นผู้มีศิลปะหรือไม่มีศิลปะก็ตามย่อมขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็นอันมาก ส่วนผู้มีบุญย่อมใช้สอยทรัพย์เหล่านั้นและโภคะเป็นอันมากย่อมล่วงเลยสัตว์เหล่าอื่นทั้งสิ้นไปเสีย ลาภสักการะทั้งหลายจะเกิดขึ้นในที่ทั้งปวงแก่ผู้มีบุญอันได้กระทำไว้แล้ว ใช่แต่เท่านั้นแม้รัตนะทั้งหลายก็จะเกิดขึ้นแม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิด...

    คาถาบูชา
    โปรดก่อนพระร่วงเจ้า ทุกข์ร้อนเหลือเกินแล้วพระพุทธเจ้าขา...(ความทุกข์เรื่องเดือดร้อนที่อยากระบาย)....นะโมพุทธายะ สัพพะสิเนหา จะปูชิโต สัพพะโกรธาวินาสสันตุอะเสสะโต เมตตากรุณายัง ทะยะวิสา โสปิยามะนา โปเม สัพพะโลกัสสมิง โพธิ มะหิสะกะ อิถิพุนะ อิถิสัตโต อิถีวาโย เอหิมะมะ นะกาโร โหติ สัมภะโว

    วิชาจับเสือมือเปล่านี้ถือเป็นวิชาเฉพาะที่ท่านหวงแหนว่าไม่คู่ควรกับมนุษย์ที่มีสันดานเกียจคร้านแต่จะออกมาให้บูชาช่วยเหลือคนให้ผ่านวิกฤติเหล่านี้ไปได้ ท่านบอกว่าให้ถือเสียว่าเราเอาออกมาเพื่อสร้างคน สร้างบารมี และต้องเน้นคำว่าเพื่อสร้างบารมีเท่านั้นทั้งกับองค์พระร่วงเจ้าและกับเขา เพราะคนที่เขาจะได้ใช้ย่อมต้องมีความผูกพันธ์เป็นลูกหลาน เคยเกื้อกูลกันมา ในเชื้อสายสมเด็จพระร่วงเจ้ากันทุกคน

    * พระรุ่งโรจน์นี้มีให้บูชาทั้งหมด 5 องค์ รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น สำหรับผู้จองกรุณาแจ้งชื่อนามสกุลไวด้วยเพื่อพ่ออาจารย์ท่านจะได้ประสิทธิ์ประสาทให้ รายได้ร่วมสมทบทุนหล่อพระใหญ่ไว้ในวัดทางภาคใต้สืืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่ออาถรรพ์พระร่วงรุ่งโรจน์แสวงพ่ายสร้างบารมี(จับเสือมือเปล่า จ้าวพยัคฆ์นอนกิน) บูชา 4,000 บาท

    44043289-721482974898936-5755880789438889984-n.jpg 44074918-146605259627652-7745174023058751488-n.jpg
    44107678-309771849816154-3914266398519459840-n.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้ทยอยไล่ตอบคำถามที่ส่งมาทิ้งไว้ครบนะครับ ใครถามอะไรไว้ก็เปิดอ่านเอานะ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นวรัตน์ EV 7737 0428 2 TH

    พี่พรเทพ EV 7737 0429 6 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 7737 0430 5 TH

    พี่วิชัย EV 7737 0431 9 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 7737 0432 2 TH

    * ใครที่โอนไว้แล้วไม่มีรายชื่อรบกวนแจ้งด้วยนะครับ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ไสยศาสตร์

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พูดคุยยามเช้ากันวันนี้ก็จะต่อจากเรื่องคำถามเมื่อวาน ที่มีคนถามว่าพ่ออาจารย์ท่านรับทำพิธีคุณไสยมั๊ย อันนี้เราก็ตกใจเพราะอ่านแรกๆก็เหมือนปรึกษาทั่วไปแต่เจตนาเขาตั้งใจทำเอาตาย เราเลยปฏิเสธไปและบอกว่าท่านไม่เคยรับทำเพราะส่วนมากเครื่องมงคลทั้งหลายก็ล้วนแต่เป็นของที่เกี่ยวข้องกับอำนาจแรงกรรมหรือแรงครูบันดาลให้เป็นไปตามเห็นสมควรเช่นนั้นไม่ถึงขั้นไปกระทำใครด้วยไสยศาสตร์ฝ่ายต่ำ

    วันนี้ก็เลยขอยกบทความเรื่องไสยศาสตร์มาให้อ่านคร่าวๆ

    ไสยาสน์ แปลว่า นอน ในที่นี้คือ มีลักษณะขวาง หรือขนานไปกับพื้นต่างจากลักษณะที่ไม่ขวาง ตั้งตรงไม่ติดพื้น

    ศาสตร์ คือ แขนงคือความรู้ ที่มีประโยชน์ก็มี ไม่มีประโยชน์ก็มี ศาสตร์ที่รู้แล้วให้คุณ บางศาสตร์รู้แล้วให้โทษ มีสาระ ไม่มีสาระ เมื่อได้มีการบัญญัติขึ้น และนำมาใช้เรียกกันแบบเฉพาะเจาะจง ก็เรียกว่าศาสตร์ หรือความรู้นั่นเองค่ะเมื่อนำเอาคำว่า ไสยาสน์ กับ คำว่า ไสยศาสตร์ รวมคำเข้าด้วยกัน ก็เป็นคำว่า ไสยศาสตร์ แปลว่า ศาตร์ของคนหลับ ศาสตร์ที่ขวางความสุข ความเจริญ ขวางสวรรค์ ขวางมรรคผลนิพพานนั่นเอง

    กล่าวถึง ความทุกข์ นั้น ก็เปรียบเสมือนไฟ หากว่าคนถือไฟไม่ระวัง ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนลมพัดหอบเอาเปลวไฟนั้นหวนคืนหันกลับเข้าหาตัวเองก็มีถมไปจริงไหมคะพอเอานำไฟไปวาง สร้างปัญหาให้คนอื่น บุคคลอื่นก็ต้องโกรธแค้น ชิงชัง อาฆาตพยาบาทผูกโกรธ ก็ต้องหาวิธี นำไฟ นำความพินาศ ไปสู่อริศัตรูเหมือนๆกัน

    ดังนั้นคนที่ ทำคุณไสย์ ก็คือคนที่ผูกเวร ก่อเวร ไม่ระงับเวร ผลที่ตามมาก็เหมือนคนที่โดนอริศัตรู ผูกใจเจ็บเปรียบเสมือนภูเขาไฟรอเวลาปะทุระเบิดขึ้นทำลายล้างให้วอดวายในพริบตา หรือรอโอกาสแก้แค้นนั่นเอง

    โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่โดนกระทำคุณไสยใส่ตัวจะไม่รู้ว่าตัวเองโดนของ ที่เป็นแบบนี้เพราะคำที่ว่า ไสยศาสตร์ มีความหมายว่าขวางนั่นเอง ซึ่งคำว่าขวางในที่นี้ก็คือ ขวางทางเจริญในโลกนี้ และในภพโลกหน้า อีกทั้งยังขวางสวรรค์ ขวางการไปสู่นิพพานโดยไม่รู้ตัว คนที่โดนอาถรรพ์คุณไสย เดรัจฉานวิชาจะถูกกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำ ไม่รู้สึกตัวไม่อาจแยกแยะชั่ว-ดีได้ พฤติกรรมเปลี่ยนไปมุ่งทำอกุศลกรรมทั้งทางกายวาจาใจไปตลอดแม้กระทั่งทำสิ่งทุจริต คือมีการเบียดเบียนชีวิต ลักทรัพย์สิน ประพฤติผิดในกาม พูดจาโกหก ติดสุราของมึนเมาให้โทษผิดกฏหมายทุกชนิด เกียจคร้านการทำงาน ไม่เคารพพ่อแม่ ผู้มีอุปการะคุณ ไม่ให้ความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ ถูกว่าก็เคืองโกรธ ถูกตักเตือนก็แค้น แตกคอจากจากกลุ่มมิตร เอาใจออกห่างญาติพี่น้อง นอนไม่ค่อยหลับ ฝันร้ายประจำ มีแต่เรื่องกังวลใจ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวแขนขานิ้วมือนิ้วเท้าปวดศรีษะ ปวดคอ หลัง เอว หวาดระแวง ซึมเศร้าโมโหร้าย พูดจาหยาบคายด้วยโทสะ ทำมาค้าขายยากลำบาก รายรับน้อยกว่ารายจ่าย เป็นหนี้เป็นสิน หน้ามืดตาลาย เจ็บป่วยออดแอดสามวันดีสี่วันไข้

    แบบนี้อย่าว่าแต่ถูกอาถรรพณ์คุณไสย์ ขวางสวรรค์และนิพพานเลย เราจะเห็นได้ว่าแม้แต่ ความสุขในปัจจุบันก็ถูกขัดขวาง ให้ไม่มีความเจริญไปด้วยนี่ก็เพราะไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นขาดตกบกพร่องอะไร อีกทั้งขาดกัลยาณมิตร ขาดครูบาอาจารย์ชี้นำสั่งสอน จึงทำให้ยิ่งขาดศีลธรรมประจำตน ขาดความดีงามประจำใจไปโดยปริยาย

    ด้วยเหตุที่เคยไปทำเขาไว้ จึงถูกคนมุ่งจ้องกระทำใส่ หรือไม่ก็มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะโดนกระทำ นี่แหละที่เรียกว่า”กงเกวียนกำเกวียน”ให้นำผู้ถูกกระทำคุณไสยใส่ตัวไปขอขมาต่อพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกลับตัวกลับใจขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรขออโหสิกรรมต่อพ่อและแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ตลอดไปจนถึงศัตรูคู่อาฆาตในทุกชาติภพ ขอหยุดกรรมวิบาก ไม่ก่อเวร ก่อกรรม ถ้าจำต้องชดใช้ ก็ให้อาศัยความอดทน ความพากเพียร ไม่ต้องโทษใคร ไม่ว่าใคร เมื่อถึงเวลา ศีลจะรักษา ธรรมจะคุ้มครองให้รอดปลอดภัย ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เพราะมีธรรมแห่งพระพุทธองค์ประดับตัว มีศีลประดับใจไปไหนมาไหนให้พึงระลึกถึงคุณแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นนิตย์ ภยันตรายต่างๆ ก็เข้าไม่ถึงตัวด้วยพระพุทธานุภาพนั้นมีอานุภาพคุ้มโทษคุ้มภัยต่อโลกและชีวิตแห่งสรรพสัตว์ ทุกรูปทุกนาม ผู้เชื่อและยึดมั่นต่อพระองค์อย่างแท้จริง ด้วยสติปัญญาอันชัดแจ้งเมื่อนั้นแม้ทั้งโลกนี้และโลกหน้าก็จะรอดพ้นภัยพิบัติทั้งมวลและล่วงพ้นมือมารได้


    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วิชัย EV 7738 7562 2 TH

    พี่นฤชา EV 7738 7563 6 TH

    พี่ศิระ EV 7738 7564 0 TH
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีฝากถามมาว่าพ่ออาจารย์ท่านไม่เคยทำอะไรที่เป็นแนวมหาปราบแบบตรงๆโหดๆบ้างเลยหรอ อันที่จริงวิชาทางมาหาปราบนี้ถ้าคนใช้เป็นถือว่าใช้ได้หลายทางทีเดียว ก็เดี๋ยวเอาไว้ติดตามพูดคุยกันนะ พอถามถึงวิชามหาปราบต้องบอกก่อนเลยว่าตัวนี้แม้แต่ตัวพ่ออาจารย์ท่านยังมีประสบการณ์กับตัวเองด้วย ;)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็ติดตามพูดคุยกันดีๆนะ รับรองว่าลุ้นระทึกแน่นอน
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วิชามหาปราบ

    เกี่ยวกับวิชามหาปราบนี้ ดังที่กล่าวไปแล้วว่ามีอานุภาพมากและพ่ออาจารย์ท่านยังย้ำว่าหากคนใช้เขาปราดเปรื่องก็ยังเล่นใช้ได้หลายทาง ซึ่งสุดยอดของวิชาทางสายมหาปราบนั้นแต่ก่อนพ่ออาจารย์ท่านจะเมตตาทำเป็นตะกรุดให้คนพกและแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นคนใช้ที่มีความจำเป็นและขอให้ท่านทำมาเป็นการเฉพาะกิจเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง

    ต่อมาท่านเห็นว่าตะกรุดมหาปราบของท่านนั้นใช้งานยาก เพราะดอกค่อนข้างโตมีตั้งแต่เก้านิ้วและสิบสองนิ้ว ยิ่งดอกเขื่องน้ำหนักก็ยิ่งมากบางดอกตกครึ่งกิโลกรัมเลยก็มี ท่านเห็นว่าคนใช้จะพกยากและลำบากเกินไปหลังๆท่านจึงไม่ค่อยจะได้ลงเอาไว้เลย

    แต่นั่นก็ยังใช่ว่าจะสิ้นหวังซักทีเดียว...เพราะท่านได้นำตะกรุดมหาปราบและวิชาสายปราบโลก ปราบแผ่นดินทั้งสี่ทวีปของท่านมาหลอมรวมกับธาตุกายสิทธิ์และชนวนสำคัญเพื่อเท....อันเป็นที่สุดของเหรียญวิชาทางสายมหาปราบไว้ ซึ่งแน่นอนว่าสายวิชามหาปราบนั้นมีหลายชนิด แต่เราจะคุ้นเคยและรู้จักกันดี ในตำรับยันต์มหาปราบของสมเด็จพระพรรณรัตน์แห่งวัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นพระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวร ด้วยท่านเคยทำตะกรุดมหาปราบให้สมเด็จพระนเรศวรไปปราบพระเจ้าหงสาวดีจนมีชัยชนะนั่นเอง

    หากแต่เหรียญสำคัญสายวิชามหาปราบนี้พ่ออาจารย์ท่านได้ลงยันต์มหาปราบหลายสายที่ท่านได้ศึกษามาและเป็นอะไรที่เกินและมากกว่าวิชามหาปราบทั่วไป ซึ่งเหรียญนี้มีความสำคัญมากถึงขนาดที่ว่าพ่ออาจารย์ท่านได้นำยันต์พิเศษทำตะกรุดสังวาลย์ตัวสำคัญฝังลงไปด้วย(ซึ่งปกติวิชาทำสังวาลย์นานๆๆครั้งมากท่านถึงจะทำซักที) ทั้งนี้เพราะท่านตั้งใจนำมาใช้เองจึงต้องทำให้ดีที่สุดนั่นเอง

    เหรียญ...วิชามหาปราบสำคัญนี้ ท่านว่าใช้ดีนักถึงขนาดที่ท่านมีประสบการณ์กับตัวเอง ฟังท่านเล่าแล้วก็เป็นประสบการณ์ที่น่าระทึกมากจริงๆด้วย เรียกว่าเหตุการณ์ชวนตกตะลึงและขออย่าให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือผู้ใดเลย


    ...อันนี้ก็ติดตามกัน เดี๋ยวจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มหาปราบสี่ทวีป(ล้างทัพ)
    อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น หลายๆคนก็ข้อความกับไลน์มาถามให้เล่าไวๆว่ามีประสบการณ์อย่างไรเพราะเป็นประสบการณ์ตรงของท่าน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคุณวิชามหาปราบนี้ทีแรกเราตั้งใจว่าจะทำให้เขาเอาไปใช้กันง่ายๆ พวกคนที่ไม่มีอาคม ไม่มีตบะ ไม่มีสมาธิ ใครเอาไปถือครองก็ใช้ได้โดยเฉพาะคนที่โดนเบียดเบียนรังแก

    เพราะท่านว่าสมัยนี้คนเราเวรกรรมมันเยอะ บางคนเขาก็รู้ตัวแล้ว แต่บางคนจนถึงตอนนี้ยังคิดแค่เรื่องตัวกู ของกูอยู่ท่าเดียว ท่านว่าให้ลองคิดกันเล่นๆถ้าสมมติตัวของเราเองเป็นโลกใบหนึ่งล่ะ ในโลกนี้จะมีดวงจิตมีชีวิตอยู่ดวงเดียวนั้นเป็นไปได้หรือเปล่า ที่อุปมาเช่นนี้ก็เพื่อให้มองออกกันง่ายๆเนื่องจากข้างในของแต่ละคนนั้นล้วนมีความเชื่อมโยงมีความผูกพันธ์กับจิตวิญญาณอีกนับแสนนับล้านดวง ตามภพชาติที่เกิดขึ้น ที่เบียดเบียนถือดีจองเวรจองกรรมกันไว้ ไอ้จิตนับแสนนับล้านที่อยู่กับเราแต่ละคนนั่นแหละก็จัดได้ว่าเป็นความพยาบาทอาฆาตจองเวรในมุมมืด ที่เราไม่รู้ตัวบ้าง มองไม่เห็นบ้าง ไม่รู้สึกบ้าง ทีนี้พวกดวงจิตเหล่านี้เค้าก็จะคอยเบียดเบียน คอยพิฆาตเราทุกทางทั้งๆที่เรามองไม่เห็น ไม่รู้สึกตัวใดๆ พูดง่ายๆว่าบางคนตายไปก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเกิดมาใช้กรรมโดยที่มีดวงจิตมากมายเกาะเกี่ยวให้ผลเล่นงานกันอยู่เป็นลูกโซ่

    ดังนี้ท่านจึงตั้งใจทำวิชามหาปราบขั้นสูงสุดเพื่อเอาไว้ใช้เฉพาะกาล...โดยตรงกับคนที่ไม่รู้และไม่เป็นทั้งหลาย แต่กาลข้างหน้าใครเล่าจะหยั่งคิดได้ ว่าเหรียญสำคัญนี้ท่านจะได้นำมาใช้กับตัวเอง

    เรื่องนี้
    พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติตัวท่านนั้นจะเป็นคนเก็บตัว เพราะรำคาญความวุ่นวายยุ่งยากทางโลก ก็เลยไม่เคยคิดว่าจะไปก่อศัตรูหรือมีศัตรูที่ไหนกับใครเขา แต่ก็มีวันดีคืนดีอยู่เหมือนกัน หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่าปล่อยของหรือคนที่เล่นวิชาจนร้อนและต้องปล่อยออกมาทำร้ายคนอื่นนั่นแหละ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าวันนั้นมันก็แปลกจริงๆ เพราะเรานิมิตเห็นฤาษีตนหนึ่งซึ่งเขามีตบะสูงมาก ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะถามไถ่เผื่อมีบุญวาสนาสัมพันธ์กันประการหนึ่งประการใด แต่พอได้สอบถามไปกลับกลายเป็นการท้าทายตัวเรากลับมาว่าตั้งใจจะมาลองวิชาหรือพูดง่ายๆคือมาเล่นงานกันให้สิ้นชื่อไปข้างหนึ่ง ท่านว่าเขาทั้งนัดทั้งบอกว่าวันไหนเวลาไหนเหมือนตั้งใจจะให้เราเตรียมตัวให้ดีที่สุดนั่นแหละ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราก็มานึกคิดดูว่าได้ไปล่วงเกินใครเขาไว้รึเปล่า แล้วทำไมถึงตั้งใจมาทำลายกันแบบนี้ ท่านว่าพิจารณาแล้วก็คงเป็นที่กรรมเก่าและมีวาระกรรมต้องชำระต่อกัน

    ตอนนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงไปนำเหรียญ...มหาปราบนี่มาติดตัวไว้ นั่นแหละเป็นการเตรียมพร้อมสูงสุดของท่าน(เพราะว่าท่านต้องรู้แล้วว่าของนี้ดีอย่างไรด้วยอีกฝ่ายเป็นฤาษีที่ทรงตบะสูงกว่าท่าน) พอได้เวลาท่านว่าฝ่ายนั้นก็มาจริงๆ ท่านว่าเรายังติดตาอยู่เลยเพราะเมฆนี่มาคลึ้มเชียว ลมก็พัดวูบๆแรงๆขึ้นๆ กลิ่นเน่าเหม็นเหมือนกองซากศพทับถมนับร้อยปีพันปีก็โชยมาแรงขึ้นๆ ท่านจึงตั้งจิตกำหนดดูก็รู้ว่าเขาเก่งเอาเรื่องทีเดียวเพราะคนธรรมดาหรือฤาษีที่ไหนก็คงไม่มีอำนาจถึงขั้นบงการเทวดาได้ แต่นี่ทั้งเล่นส่งภูติผีมามากมาย ท่านว่าแลไปมีสารพัดชนิดล้วนแต่ดุร้ายทั้งนั้น และก็ไม่ได้ส่งมาตนสองตน ไม่ได้มาสิบมาร้อย แต่เขาปล่อยมาเป็นกองทัพ ที่หนักขึ้นไปอีกนอกจากภูติผีก็คือเทวดา ท่านว่าภูติผีเหล่านี้ทุกกองๆล้วนแต่มีเทวดาคุมทัพมาทั้งนั้น มาถึงก็ทำฤทธิ์เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและบรรยากาศให้น่าสะพรึงทันที

    ท่านว่าตอนนั้นเราก็รู้แล้วว่าตบะเราสู้เขาไม่ได้ จึงได้ขอบารมีครูบาอาจารย์และองค์พระ...ที่เหรียญหล่อมหาปราบนี่แหละ เอาเหรียญมาไหว้เหนือหัวระลึกถึงพระเดชพระคุณบารมีครูบาอาจารย์กำหนดจิตฟาดเหรียญไปทางกองทัพอสุรกายทั้งหลายเก้าทิศทางเป็นจำนวนเก้าครั้ง ท่านว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพอลืมตาขึ้นมาเหตุการณ์ทุกสิ่งก็สงบลง ไม่ปรากฏ ไม่หลงเหลือเทพและอสูรเหล่าใด ทั้งบรรยากาศยังกลับมาเป็นปกติ เมฆดำก็ไม่มี ท้องฟ้าก็สว่างไสว

    แต่นั้นเหรียญรุ่นนี้พ่ออาจารย์จึงพกติดตัวไว้ตลอด ท่านว่าครูบาอาจารย์เขามาหยอกเราเล่น เขาตั้งใจจะให้เราลองอานุภาพให้เห็นกับตาและเราก็รู้แล้ว เห็นแล้วว่าดีอย่างไร ดังนั้นท่านจึงพูดเสมอว่าเหรียญ..มหาปราบนี้อย่าว่าแต่จะใช้ปราบ ข่ม กับมนุษย์หรือคนใจต่ำเลย แม้กับเทพเทวดาหรืออสุรกายที่ยกมาเป็นกองทัพก็ยังกำจัดปราบปรามได้


    ทั้งนี้เหนือสิ่งอื่นใดเลย เหรียญนี้จะดีและมีความสำคัญลึกๆที่เหมาะสมกับยุคสมัยอย่างไร ...อันนี้เอาไว้ติดตามกันดีๆ

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าอวตารปราบโลกปราบแผ่นดินสี่ทวีป (มหาทัณฟาดมารล้มยักษ์)

    "การล้มยักษ์นั้น จริงๆเราทำขึ้นเพื่อให้เค้าใช้โค่นพวกที่มีอำนาจ มีวาสนาบารมี ทั้งเหนือกว่า แข็งแกร่งกว่า มีภูมิหลังยิ่งใหญ่และหักเอาไม่ลง"

    พ่ออาจารย์ท่านเปรียบคนประเภทที่มีความพร้อม อยู่ในจุดที่เป็นต่อ มีชื่อเสียงน่าเกรงขาม มีอำนาจทำลายเราได้...ท่านเปรียบคนเหล่านี้ไว้กับคำว่ายักษ์ อุปมาคือมีอำนาจมาก มีบารมีมาก และยิ่งเราเป็นคนสองมือตัวเล็กๆหากต้องไปสู้กับยักษ์ ก็เป็นได้เพียงไก่รองบ่อนเช่นนั้น ด้วยวาสนาเหล่านี้เป็นของจริงท่านว่าหากคนที่เขายังมีวาสนาเสวยอยู่แม้เราจะห้อยพระดีหรือกระทำด้วยวิธีทางไสยศาสตร์ใดๆก็ตามการกระทำเหล่านั้นก็จะไม่เกิดผลสำเร็จหากดวงเขาไม่อ่อนหรือร่วงลงมาก่อนทำไปก็เสียเวลาเท่านั้น ดังนั้นในยุคสมัยที่การแข่งขันเกิดขึ้นทุกวันเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านจึงคิดจะทำเครื่องมงคลสำคัญชนิดหนึ่งเอาไว้ เพื่อใช้เฉพาะตัว เฉพาะสถานการณ์พิเศษโดยเรียกติดปากของท่านว่าเหรียญล้มยักษ์

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจทำคุณวิชามหาปราบเต็มวิชาโดยตั้งใจว่าจะทำให้เขาเอาไปใช้กันง่ายๆ ท่านตั้งใจจะทำให้พวกคนที่ไม่มีอาคม ไม่มีตบะ ไม่มีสมาธิให้เขาใช้ได้ เรียกว่าใครเอาไปถือครองก็ใช้ได้โดยเฉพาะพวกคนที่คิดการณ์ใหญ่ คนที่โดนเบียดเบียนรังแก เป็นไก่รองบ่อน วาสนาน้อย เหล่านั้น ซึ่งเหรียญรุ่นนี้ท่านว่าหากคนใช้เขาปราดเปรื่องก็ยังเล่นใช้ได้หลายทาง พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำวิชาทำตะกรุดมหาปราบทุกตำรับของท่านมาเข้ากับที่สุดของวิชาสายมหาปราบคือวิชาสายปราบโลกและปราบแผ่นดินทั้งสี่ทวีป อันเป็นอะไรที่เกินและมากกว่าวิชามหาปราบทั่วไป โดยหลอมรวมกับธาตุกายสิทธิ์และชนวนสำคัญเพื่อเทเหรียญล้มยักษ์นี้

    เหรียญสำคัญนี้พ่ออาจารย์ท่านทำตามตำรับกลับดวง พลิกดวง ฟื้นวาสนา เปลี่ยนแปลงชะตาลิขิต โดยอุปมาเหมือนกับว่า ตัวเราเป็นเพียงมนุษย์สองมือ ไร้กองหนุน ตกต่ำ ไร้วาสนา ก็ยังสามารถล้มยักษ์ ฆ่ายักษ์ที่มีอำนาจรุ่งเรืองในวาสนาบารมีดุจเจ้าโลกอย่างถึงที่สุดได้ เรียกว่าทำให้เอาไว้ใช้เฉพาะกาล ใช้เพื่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ใช้เพื่อทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไร้หนทาง ไร้กำลังและสิ้นความคาดหวังให้เกิดขึ้นได้เปรียบเปรpตัวเราเป็นมดตัวเล็กๆก็สามารถฆ่าช้างได้เช่นนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านได้กำหนดรูปแบบทำพิมพ์เป็นองค์พระอวตาร ท่านว่าต้องใช้พิมพ์นี้เท่านั้นเพราะองค์พระอวตารนั้นเป็นการแบ่งภาคของพระเป็นเจ้าลงมาปราบยุค ล้างอธรรม เป็นหน้าที่ตายตัวที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับมวลมนุษย์ ด้วยกำลังพระอวตารอันเป็นผู้เป็นใหญ่ เป็นแม่ทัพสยบศึก มีอานุภาพทางมหาอำนาจ มหาปราบ มหาระงับ ...พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้เหรียญนี้ไปตกอยู่กับใคร เขาก็จะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปโดยเร็วพลัน ดั่งพระรามปราบโลก ล้างยุคเข็ญ ชนะพญายักษ์ที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลก เป็นศัตรูที่เหนือกว่ามนุษย์และเทวดาอย่างทศกัณฐ์ได้ฉันใด ท่านบอกว่าแม้ตัวคนที่เอาไปใช้ก็ต้องชนะอุปสรรคขวากหนามทุกอย่างได้ฉันนั้น

    เหรียญสำคัญนี้ท่านว่าครูท่านปกาศิตไว้ ให้ใช้ทางดับทุกข์ ดับภัย ดับเคราะห์กรรม ระงับเหตุร้าย ระงับอันตราย ระงับเรื่องไม่ดีทั้งหลาย ทั้งยังใช้กันภัย กันความเดือดร้อนได้ทุกอย่าง ปราบเขาได้ทั่ว สยบเขาได้ทั้งโลก ท่านว่าต่อให้เป็นมดตัวเล็กๆก็ล้มช้างได้ เป็นคนตัวเล็กๆก็ฆ่ายักษ์ได้เช่นนั้นดุจองค์พระอวตารฟาดมารล้มยักษ์ได้ฉันใดเหรียญนี้นี้จึงดีครบสูตร ย่อมระงับดับพิษ ดับภัย ดับอุปสรรคปัญหาอันตรายใดๆไม่ให้เข้ามาใกล้ชีวิตได้เช่นนั้น ท่านว่าเอาติดตัวไว้เถิดชีวิตจะสดใสทุกข์ภัยไม่มี ขอเพียงอย่างเดียวคือให้พกติดตัวจริงๆท่านจะแก้กันปัญหา แรงกรรมจะเสื่อมถอย คราเคราะห์จะหมดไป ระงับดับเรื่องร้อน เรื่องร้าย เรื่องไม่ดี ทั้งใช้ปราบคู่แข่งขันในทุกๆด้านไม่ว่าจะเรื่องรัก เรื่องงาน เรื่องส่วนตัวสารพัดเรื่องท่านว่าปราบเขาได้หมดทุกท่วงทำนองแห่งชีวิตเพราะครูท่านปกาศิตไว้ให้ใช้ปราบและปราบเท่านั้น ดังนั้นเหรียญนี้จึงเป็นยอดแห่งการปราบปรามและสะกดข่มทุกสรรพชีวิต ท่านว่าหนนี้เน้นไปที่พวกมีบารมีมาก มีบุญเยอะ มีวาสนาสูง ปกติเจอคนพวกนี้เราจะทำอะไรไม่ได้เลย แม้ห้อยพระชั้นครูอย่างไรก็เงียบ แต่ท่านว่าครานี้เหรียญนี้ทำมาเพื่อแก้กลเหตุเหล่านั้นโดยเฉพาะ ให้ปราบโลกสะกดไว้ทั้งหมด ระงับเหตุได้แม้ขึ้นโรงขึ้นศาล พ่ออาจารย์ท่านว่าขอให้พกไว้เถิดแล้วก็ใช้ชีวิตของเราไปแบบปกติรับรองว่าสยบ ได้ทั้งหมดทุกคน ทุกจำพวก และแม้แต่วิชาที่เขาจะใช้หรือบูชาติดตัว ทั้งมายาศาสตร์แลเวทย์มนต์กลใดย่อมไม่มีผลแก่เราทั้งสิ้น มีฤทธิ์เก่งกาจปราบไตรจักรหมายถึงปราบอันตรายของสามโลก ทรงอานุภาพทางป้องกันอันตรายทั้งบนบกในน้ำและอากาศ มีมหาอำนาจข่มศัตรูทุกกรณีเป็นเดชเดชะชนะไพรีได้ทั้งปวง

    นอกจากเหรียญนี้จะปราบและสะกดข่มเรื่องราวและปัญหาที่เข้ามาถึงตัวเราเป็นประจำสารพัดเรื่องทุกเช้าค่ำเเล้ว เมื่อต้องเผชิญเคราะห์ภัย ทุกข์เข็ญ เวรร้าย รู้สึกว่าดวงไม่ดี โชคชะตาราศีเศร้าหมองไม่ผ่องใส เน้นว่าเรื่องหนักๆ พวกมีกรรมมาก มีเรื่องทุกข์มากควรจะกระทำ ท่านให้อัญเชิญเหรียญออกมาทำน้ำมนต์ไว้ลูบหน้าลูบตาเพื่อล้างเคราะห์ภัยเหล่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใดทุกกิจ ทุกการกระทำที่ผู้อาราธนาตราบใดที่ยังห้อยเหรียญพระอวตารนี้อยู่ ท่านว่าทุกความปรารถนานั้นจะต้อง “สัมฤทธิ์ผล” พ่ออาจารย์ท่านว่าใครที่มีติดคอให้หมั่นท่องคาถาอาราธนาเถิด ชีวิตจะห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและเคราะห์หามยามร้ายได้ทั้งปวง ยิ่งหมั่นสวดบริกรรมด้วยก็ยิ่งดี เพียงเท่านี้เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดี เคราะห์หนักก็จักเบาบาง เคราะห์ดีก็จะยิ่งดีทวีขึ้นแบบฉับพลันทันใด

    ด้วยเน้นเทวานุภาพในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย ปราบศัตรูหมู่มาร ปราบสิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดี กันคุณไสย เป็นที่สุดของชัยชนะสยบผู้มากด้วยตบะบารมีทั้งหลายแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงวิชาทางมหาโภคทรัพย์เสริมไว้ด้วยเพื่อเน้นขับเคลื่อนพลังให้คนใช้มีชัยชนะทางทำมาหากิน ชนะคน ชนะตน ชนะชีวิต ทั้งใช้ทางโภคทรัพย์ เรียกทรัพย์ได้ตามต้องการ ท่านว่าเหรียญนี้มีคุณมากดุจฝอยท่วมหลังช้างให้พิจารณากันให้ดีสุดแล้วแต่จะนำไปใช้ได้ทุกทางนั่นทีเดียว ท่านว่าจะใช้ทำน้ำมนต์เวลามีคดีความให้ชนะความกลับมาก็ยังได้ จะพกพาเป็นมหาอำนาจ เป็นนะจังงัง เป็นมหากำบังย่อมใช้ได้ทั้งสิ้นออกได้ทุกทาง เช่นนั้นเหรียญนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นของวิเศษ อยู่กับผู้ใดนอกจากเปลี่ยนชีวิตให้เจริญในลาภยศมิขาดแล้ว ยังมีความศักดิ์สิทธิ์สามารถนำพาให้ผู้อาราธนาฟันฝ่าอุปสรรคเคราะห์กรรมที่ไหลเข้ามารบกวนได้ ย่อมคุ้มกันสรรพเสนียดจัญไรสารพัดแม้แต่คุณไสยนานาประการ หากนำติดตัวไปทิศทางใดข้าศึกศัตรูก็จะพ่ายแพ้ไปสิ้น มิอาจทำอันตรายแก่เราได้เลยซ้ำยังเป็นที่รักใคร่แก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลายทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่รักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงขั้นฟ้าหนุน ดินหนุนเช่นนั้น ขอเพียงให้รู้จักทำมาหากินทรัพย์สมบัติก็จะงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นมาเองจะมีเงินทองมิขาดเลย แม้ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ตามต้องการ สัมฤทธิ์ผลทุกประการ ท่านว่านี่ว่ากันไว้แบบคร่าวๆตามอานุภาพวิชาและพระยันต์ต่างๆที่ท่านพิจารณามาว่าดีที่สุดแล้วจึงนำมาหล่อหลอมเท่านั้น

    และที่พิเศษที่สุดในเหรียญหล่อชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นำยันต์พิเศษทำตะกรุดสังวาลย์ตัวสำคัญฝังลงไปด้วย(ซึ่งปกติวิชาทำสังวาลย์นานๆครั้งมากๆท่านถึงจะทำซักที) ท่านเรียกวิชาทำสังวาลย์นี้ว่าสังวาลย์มหาวิเศษ เพราะมีคุณหลายทางเป็นมหาวิเศษสมชื่อนั่นเอง ท่านว่าวิชาทำตะกรุดสังวาลย์ชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากถึงขนาดว่าแม้ประสงค์จะใช้ทางใด จะทำอะไร จะให้เป็นอย่างไรก็จงปรารถนาอธิษฐานเอาตามใจเถิด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของชุดสังวาลย์นี้ก็คือใช้อาราธนาทำน้ำมนต์ได้หลายทาง พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่ามีความสำคัญและตรงกับคุณของเหรียญนี้ท่านจึงนำมาฝังไว้ให้คู่กัน ท่านว่าหากนำมาใช้ทำน้ำมนต์แล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นของชั้นยอด เป็นที่สุดในสายทำน้ำมนต์เลยเพราะใช้ได้ทุกด้าน ทำก็ง่ายเพียงแค่อธิษฐานเท่านั้น ทั้งกันถ้อยถอดความ ใช้ได้ทั้งทำน้ำมนต์เป็นเกราะป้องกันภัยทั้งปวง ทั้งลูบหน้าสระหัว แล้วอาบซ้ำ เคราะห์จะลด ความจะหาย ภัยร้ายจะหมด แม้ต้องธรณีสารก็หาย แม้โรคภัยไข้เจ็บก็หาย น้ำมนต์ที่ได้จากอานุภาพของสังวาลย์มหาวิเศษนั้นท่านว่ามันสารพัดจะใช้จริงๆนะ จะเอาไปแช่น้ำต้มกินก็ได้ จะเอาไปแช่น้ำที่ใช้ต้มยาก็ได้เป็นการเพิ่มสรรพคุณให้กับว่านยาสูงนัก หรือจะนำมาแช่น้ำรดว่านรดต้นไม้ก็ได้ท่านว่านอกจากจะเจริญงอกงามแล้วว่านเหล่านั้นจะยิ่งมีพลังและสรรพคุณครบถ้วนตรงตามตำราดีนักทีเดียว ท่านว่ามันใช้ทำน้ำมนต์ได้ทุกทางเลยเพียงแต่อธิษฐานขอบารมีครูบาอาจารย์ว่าจะทำน้ำมนต์ด้านใดย่อมใช้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะค้าขาย ขอลาภ ปราบความลำบากยากจน...ใช้ได้ทั้งสิ้นแม้ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมความปรารถนาทุกประการ

    เมื่อนำมาฝังเข้ากันแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าของสองสิ่งนี้ย่อมเกื้อหนุนกัน คนใช้ คนถือ จงปรารถนาเอาตามใจเถิด ของสิ่งนี้จะเป็นสื่อเป็นพลังนำมาซึ่งความสำเร็จ นำมาซึ่งชัยชนะ ทั้งระงับเหตุร้าย ระงับอันตรายต่างๆ ระงับดับทุกข์ ดับร้อน บันดาลให้เกิดความสุขความร่มเย็น พัดพาสิ่งไม่ดีออกไปได้ เหรียญนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเน้นหนักไปทางทำอิทธิฤทธิ์ หากคนใช้มีสมาธิจิตที่แน่วแน่จริงๆ ท่านว่าแค่ถือไว้หากเจออันตรายหรืออยู่ในเหตุการณ์อื่นๆก็สามารถทำให้หายตัวได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าลงไว้ครบทั้งกันไฟไหม้ กันฟ้าผ่า กันห่าฝน กันทุกข์ ดับเคราะห์ได้สารพัด

    พ่ออาจารย์ท่านรับรู้ได้ว่ายุคสมัยนี้คนที่ดีก็จะดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนที่ร้ายก็จะเกิดทุกข์ภัย ลำบากยากจน ท่านว่าต่อให้ขยันอย่างไรก็มีแต่หน้าจะดำคล้ำหมองลงไม่สามารถยืนหรือตั้งตัวได้ เพราะไม่มีอะไรจะไปสู้เขาได้ เช่นนั้นท่านจึงพิจารณาให้นำเหรียญสำคัญนี้ออกให้บูชาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ให้เจ้านายรัก-ลูกน้องหนุน แก้ทุกข์ภัยจากดวงตก ดวงไม่ดี เคราะห์ภัยเวรกรรมให้บรรเทาลงโดยพลัน

    ท่านว่าตอนเสกนั้นท่านทำพิธีปลุกเสกใหญ่ต้องขึ้นครูด้วย หัวหมู บายศรี ค่าครู หมากพลู บุหรี่เปิดทั้งสิบหกชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดิน สิบสี่ชั้นบาดาล เชิญครูทุกทิศทุกทางมาช่วยเสก ต่อไปคนใช้ชีวิตเขาจะได้เปิดทั้งหมดไม่มีสิ่งใดมาปิดกั้นเอาไว้ได้...หากจะบนบานศาลกล่าวองค์พระอวตารท่านพ่ออาจารย์ท่านว่าให้บนง่ายๆ โดยบนด้วยดอกดาวเรืองเก้าดอก(ชีวิตจะได้รุ่งเรืองเหมือนชื่อ) และเหรียญสำคัญนี้ท่านว่าเวลาเอาติดตัวไว้***เมื่อเรามีภัยเขาจะจะขยับสั่นเตือนเป็นการบอกกล่าวเราล่วงหน้า พ่ออาจารย์ท่านว่าหากวันไหนเหรียญสั่นก็ให้รู้ไว้ว่าวันนั้นจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่งกับชีวิตเราแน่นอน ให้แก้กันล่วงหน้าด้วยการอธิษฐานเอาเหรียญทำน้ำมนต์ดื่มกินลูบหน้าลูบตา ถ้าจะให้ดีก็อาบไปเลย แล้วค่อยออกไปทำงานไปใช้ชีวิตตามปกติ หากทำได้ดังนี้จากภัยก็จะเปลี่ยนเป็นโชค เป็นความสุข ความสำเร็จเช่นนั้น

    ชีวิตคนนั้นก็เสมือนดอกบัว พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เลือกเอาเองว่าจะอยู่ในโคลนในตมหรือเลือกที่จะเป็นบัวซึ่งโผล่พ้นโคลนตมขึ้นมาแล้ว เพราะเหรียญนี้ที่ครูท่านให้ทำไว้ก็ด้วยเหตุที่ว่าจะได้เป็นวาสนาบารมีให้กับบุคคลที่ไร้วาสนา แม้มีกาลทุกข์กาลร้อน หรือมีเหตุอาเพทใดกับชีวิตก็ให้ตั้งจิตบอกครูท่านเถิด ให้จำไว้ว่าเธอจะไม่มีวันตกอับตกต่ำกว่าใคร คำว่าอดอยากยากจนหม่นหมองสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ให้อธิษฐานเอาให้ดีจะได้ผลยิ่งกว่าถือแก้วมณีโชติ แก้วสารพัดนึกเหล่านั้นเสียอีก จำเอาไว้ให้ดีว่าเหรียญนี้ปราบได้ทั้งหมด เราพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แต่เอาว่าปราบได้ทั้งสิ่งที่ตาเธอมองเห็นแล้วก็มองไม่เห็นก็แล้วกัน

    คาถาบูชา
    ฆเฏสิ ฆเฏสิ กิงการณา อหังปิตัง ชานามิ ชานามิ นะโมพุทธายะ อิติปาระมิตาติงสา โนวะปะตานุภาเวนะ มาระเสนา อะติกกันตา มาระนิทรา ทัสสะปาระมิตา ทะมาระนิทรา ปาระชังฆานิทรา ทัสสะปาระมิตา โลหะกันตา นามะเตนะโม มาตาปิตุพุทธะคุณัง สัพพะสัตรูวิธังเสนตุ อะเสสะโต เอวังทัสสะวัณโณ ปฏิฐิตัง จักรวาฬะ สัพพะสัตตานุภาเวนะ มาราโมระอะติกกันตา ทัสสะพรหมมานุภาเวนะ สัพพะสัตรูวินาสสันติ

    พ่ออาจารย์ท่านว่า****เหรียญนี้เป็นมหาทัณฑ์ที่ใช้ลงโทษหมู่มารทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก ติดแต่ว่าครูเขาไม่ให้พูดเพราะกลัวจะเอาไปรังแกกัน ให้เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความโชคดีและวาสนาของคนใช้ก็พอไม่ต้องให้เขารู้อะไรลึกๆมากไปกว่านี้ ท่านว่าก็คิดเอาเองคำตอบมันเห็นๆกันอยู่แล้ว ชีวิตใครมีมารก่อกวนเยอะก็รู้ตัวกันดี รู้อยู่แก่ใจ อะไรคือมหาทัณฑ์ อะไรคือฟาดมาร กำราบเทพจ้ามิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย พูดได้เท่านี้ก็น่าจะเข้าใจ พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันลงนารายณ์อวตารทั้ง 108 ปางแบบพิศดารกำกับไว้ครบหมดแล้ว เชื่อได้ว่าแรงครูจะบันดาลให้สิ่งที่ปราถนาในใจเจ้าสำเร็จประสงค์ น้อมนำให้เกิดผลดีทั้งร้อยพันประการแก่ตัวเธอทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าจำไว้นะว่าคำว่าปราบของเรา มันมีความหมายมากกว่าการเอาไปรบทัพจับศึกที่ไหนเป็นไหนๆ ท่านว่าเหรียญนี้คนที่เขาเคยใช้ เค้ามาเล่าให้ฟังว่าเอาไปทดลองเล่นทางเสน่ห์ก็เห็นผลมาแล้ว ไอ้คนที่ว่าใจแข็ง ผู้หญิงที่เชิดใส่ ที่ไม่มองไม่คุยด้วยเป้นปกติ ลองเอาเหรียญพระอวตารนี้เขียนชื่อนามสกุลเอาเหรียญทับรูปทับนามมันไป เพียงเท่านั้นเขาว่าอยู่ดีๆกลับโทรมาหาเค้าเองคุยทีเป็นชั่วโมงผูกสัมพันธ์สานต่อกันอย่างกับไม่ใช่คนๆเดียวกัน ดังนั้นเหรียญนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าใช้ได้ทุกด้าน หากมีปาก พูดเป็น ขอเป็นแล้วย่อมใช้ไ้ดทั้งหมด

    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าอวตารปราบโลกปราบแผ่นดินสี่ทวีป (มหาทัณฟาดมารล้มยักษ์) บูชา 2,500 บาท

    44224957-350910738804251-2000340997606735872-n.jpg 44130489-250698908950404-6845217334747987968-n.jpg
    44290368-283163419204871-599501636938760192-n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2021
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีคนเล่ามาน่าตื่นเต้นดี ว่าเหรียญมหาปราบรุ่นนี้เขาลองเพ่งรูปและสอบถามกับครูบาอาจารย์ของเขาในสายมโนมยิทธิ ปรากฏว่าเหรียญนี้มีอานุภาพค่อนข้างจะโดดเด่นเกินไปในหลายๆด้าน เค้าบอกว่าใช้ได้มากกว่าที่คุณๆคิดและคาดถึงไม่รู้พ่ออาจารย์ทำออกมาได้ยังไง... อันนี้ก็แล้วแต่จะดูจะสื่อกัน แต่บอกไว้ก่อนว่าอีกไม่นาน ผมเชื่อว่าเหรียญชุดนี้จะต้องมีประสบการณ์กระหึ่มแน่นอน เพราะดูจากที่พ่ออาจารย์ท่านยกย่องและนำมาใช้เองบ่อยๆแล้ว มันดูไม่ธรรมดาจริงๆ;)
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้มีทำบุญรอบเช้า เดี๋ยวจะส่งของให้ก่อนแล้วมาติดตามพูดคุยกันตอนสายๆนะครับ :)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่งems
    พี่ฐิตกาญจน์ EV 7738 7935 0 TH

    พี่สุรวุฒิ EV 7738 7936 3 TH

    พี่วุฒิชัย EV 7738 7937 7 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EV 7738 7938 5 TH
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ติดบุญ-บาปพัวพัน (พระสูตรของท่านเว่ยหลาง)
    ***อ่านให้เป็นอุทาหรณ์

    ความหลงได้ทำให้มนุษย์เข้าใจผิดคิดว่าการสร้างบุญเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิด แท้ที่จริงกลับเป็นการถากถางทางการเวียนเกิด-ตายแบบไม่สิ้นสุดนั่นเอง....

    วันหนึ่งเมื่อข้าหลวงอุ๋ยได้ถวายภัตตาหารเจแด่พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงแล้ว ข้าหลวงอุ๋ยได้กราบเรียนถามพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงว่า "หลักธรรมต่างๆ ที่พระคุณเจ้าแสดงไปแล้วนั้นเป็นหลักธรรมเดียวกันกับที่พระโพธิธรรมได้วางหลักธรรมสำคัญนี้ไว้มิใช่หรือ"
    พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงตอบ "ถูกแล้ว"
    ข้าหลวงอุ๋ย "แต่กระผมได้สดับมาว่า เมื่อพระโพธิธรรมได้พบปะและสนทนากันเป็นครั้งแรกกับฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ พระองค์จึงถามพระโพธิธรรมว่าพระองค์จักได้รับกุศลอะไรบ้างจากการที่พระองค์ได้ก่อสร้างพระวิหาร การอนุญาตให้คนบวช การโปรยทาน การถวายภัตตาหารเจแด่พระภิกษุสงฆ์ ในครั้งนั้นพระสังฆปริณายกโพธิธรรมถวายพระพรว่า การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นทางนำมาซึ่งกุศลแต่อย่างใดเลย บรรดาข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนพระโพธิธรรมจึงตอบดังนั้น"
    พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงตอบว่า "ถูกแล้วการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นทางนำมาซึ่งกุศลแต่อย่างใดเลย ขออย่าได้มีความสงสัยในคำตอบนี้ของพระโพธิธรรมเลย พระเจ้าเหลียงอู่ตี้เองต่างหากที่มีความเข้าใจผิดและพระองค์ไม่ได้ททรงทราบถึงคำสอนอันถูกต้องตามแบบแผนการกระทำ เช่น การสร้างวิหาร การอนุญาตให้คนบวช การโปรยทาน การถวายภัตตาหารเจ จะนำมาให้ได้ก็แต่เพียงความปิติอิ่มใจต่างๆเท่านั้นจึงไม่ถือว่าเป็นกุศล กุศลมีได้ก็แต่ในธรรมซึ่งไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับการทำเพื่อความปิติอิ่มใจเลย"

    คำกล่าวของพระธรรมมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้ยืนยันให้เห็นความจริงว่าคำกล่าวของพระโพธิธรรมเมื่อครั้งกระนั้นถูกต้องเพียงแต่มิได้อธิบายหรือมีโอกาสชี้แจงแสดงเหตุผลให้พระเจ้าเหลียงอู่ตี้สดับได้ เพราะเพียงได้ยินคำกล่าวว่าไม่เป็นบุญกุศลโทสะจริตก็ครอบงำพระหฤทัยจึงขับไล่พระโพธิธรรมออกไปจากพระราชวัง

    ดังนั้นถ้าพิจารณาประวัติความเป็นมาของพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ย่อมประจักษ์ถึงสัจธรรมแห่งการทำบุญว่ามิใช่หนทางแห่งการพ้นไปจากการเวียนว่ายเกิด-ตายเลย แต่กลับกลายเป็นการเวียนเกิดมารับผลบุญของตนเองไม่มีที่สิ้นสุด....

    ...สมัยหนึ่งมีวัดแห่งหนึ่งซึ่งแบ่งออกเป็นสองคณะและต่างก็แข่งขันกันในอันที่จะตื่นขึ้นมาสวดมนต์ก่อนนั้น พระคณะเหนือตื่นก่อนและสวดมนต์ได้ทันเวลา แต่พระคณะใต้ตื่นสายไม่ทันการณ์ เณรองงค์หนึ่งแห่งคณะใต้มีความสงสัยจึงมาแอบดูว่าเป็นเพราะเหตุใดพระคณะนี้จึงตื่นได้ทันเวลาเสมอ จึงเห็นไส้เดือนตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาจากใต้ดินส่งเสียงร้องปลุกพระคณะเหนือ เณรจึงไปต้มน้ำร้อนมาราดฆ่าไส้เดือนตัวนั้นเสีย

    แต่เป็นเพราะจิตญาณของไส้เดือนเต็มไปด้วยบุญจึงได้ไปถือกำเนิดเป็นชายตัดฟืนและความใจบุญยังคงติดอยู่ในกมลสันดาน ชอบซ่อมแซมสาธารณะสมบัติไม่ว่าจะเป็นสะพานที่ชำรุดหรือศาลาพักร้อนก็ซ่อมแซมให้พ้นจากสภาพทรุดโทรมและชนทั่วไปสามารถใช้การได้เสมอ วันหนึ่งชายตัดฟืนเดินเข้าไปในป่าตามปกติ พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งตากแดดตากฝนอยู่เพราะเพิงได้พังทลายลงไปเสียแล้ว ชายตัดฟืนจึงบูรณะให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยและไปเก็บดอกไม้มากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปเสมอมา แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชายตัดฟืนแปลกใจเป็นยิ่งนัก เพราะผลไม้หรือดอกไม้นั้นหายไปเสมอ วันหนึ่งหลังจากนำผลไม้มาถวายพระพุทธรูปแล้วก็แอบดู จึงเห็นลิงตัวหนึ่งมาขโมยผลไม้แลละดอกไม้ไป ชายตัดฟืนเกิดโทสะ ไล่จับลิงแต่ลิงก็วิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ชายตัดฟืนจึงขนหินมาปิดปากถ้ำขังลิงไว้เจ็ดวันก็ถึงแก่ความตาย

    ลิงซึ่งเคยเป็นเณรที่ฆ่าไส้เดือน พอตายจากลิงแล้วจึงไปเกิดเป็นโหวจิ่งแม่ทัพแคว้นเว่ย ส่วนชายตัดฟืนเมื่อสิ้นอายุขัยได้ไปถือกำเนิดเป็นพระเจ้าเหลียงอู่ตี้เพราะผลบุญของการสร้างสาธารณะสมบัติเป็นแรงส่งให้ได้เสวยผลบุญของตน และจิตที่เต็มอิ่มไปด้วยบุญในชาติที่เป็นพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ซึ่งใจบุญสนับสนุนให้มีการสร้างวัดมากมาย โดยเฉพาะพระองค์เองได้สร้างวัดไว้อย่างประมาณมิได้เรียกว่าเดินทางไปห้าสิบลี้ก็สร้างวัดเล็กๆขึ้นวัดหนึ่ง ครั้นถึงร้อยลี้ก็สร้างวัดใหญ่ๆทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

    การสร้างบุญจึงเป็นเสมือนหนึ่งการสะสมเงินตราเอาไว้เป็นธนาคารของตนเอง โดยที่สามารถเบิกจ่ายมาใช้สอยให้ชีวิตมีความสุข ดังนั้นคนใจบุญจึงต้องเวียนว่ายไปเกิดเพื่อรับผลบุญของตนเอง เมื่อติดอยู่ในบุญแต่เพียงอย่างเดียว ในจิตจึงมีอกุศลตามมาเสมอเพราะบาปเวรกรรมมิได้กำจัดไป เพราะฉะนั้นจึงต้องเผชิญต่อบาปที่ตนเองก่อเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ พระเจ้าเหลียงอู่ตี้จึงถูกโหวจิ่งแม่ทัพของเมืองเว่ยปิดล้อมพระราชวัง จนอดอาหารตายเช่นเดียวกับสมัยที่เป็นชายตัดฟืนแล้วขังลิงเอาไว้ในถ้ำนั่นเอง การสร้างบุญจึงทำให้จิตใจอิ่มเอิบ แต่มิได้มีกุศลอันเป็นเครื่องตัดกิเลสทั้งปวงในจิต สร้างบุญมากเท่าไหร่แต่อารมณ์ทั้งปวงมิได้ถูกกำจัด ฉะนั้นคนใจบุญจึงยังพัวพันกับบาปไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตจึงยังคงเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับบาปและบุญตลอดไปนั่นเอง


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2018
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีถามๆแซวๆว่าเมื่อไหร่จะลงรายการพระผงที่เกริ่นๆไว้ อันนี้ก็รอหน่อยเพราะช่วงนี้ธุระเยอะจริงๆ ก่อนลงจะไๆด้ถือโอกาสพูดคุยกันเรื่อยๆด้วยเพราะพระผงรอบนี้เกี่ยวกับองค์ต้นธาตุ ต้นธรรม รอกันหน่อยครับ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้เดี๋ยวคุยกันต่อเรื่องพระผงรอบนี้เกี่ยวกับองค์ต้นธาตุ ต้นธรรม เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับเทพน้อยด้วยชุดนี้พิเศษจริงๆ เอาใจคนที่รอขอพระเนื้อผงราคาเบาๆ ;)
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ต้นโพธิ์กับกระจกเงา

    ความรู้แจ้ง "ธรรมญาณ" แห่งตนไม่อาจใช้ภาษาคนอธิบายให้เข้าใจได้ชัดเจน เพราะสื่อภาษามีขอบเขตจำกัดเท่าที่มนุษย์ได้กำหนดไว้เท่านั้น แต่ภาวะแห่ง "ธรรมญาณ" อยู่นอกเหนือขอบเขตการกำหนดของมนุษย์ เพราะเป็นภาวะที่ปราศจากรูปลักษณ์ทั้งปวง ภาษาจึงเป็นเพียงรอยทางให้ผู้ใฝ่ใจศึกษาได้เดินตาม ส่วนรสชาติเป็นเรื่องที่แต่ละคนสัมผัสรับรู้ได้เอง

    แม้ใช้ภาษาอธิบายจนหมดสิ้นก็ไม่มีใครสามารถรับรสชาตินั้นได้เลย จึงเปรียบเหมือนน้ำ คนไหนดื่มคนนั้นรับรู้รสชาติได้ด้วยตนเอง ท่านเสินซิ่วหัวหน้าศิษย์จึงใช้การศึกษาสะท้อนให้เห็นเป็นเพียงความรู้แต่มิได้ไหลออกมาจาก "ธรรมญาณ" เพราะฉะนั้นจึงจับจ้องว้าวุ่นใจในการเขียนโศลกถวายต่อพระอาจารย์หงเหยิ่น ด้วยไม่แน่ใจในความรู้ของตนเอง เมื่อเขียนโศลกเสร็จแล้วไม่มั่นใจจึงไม่กล้านำไปถวาย พระอาจารย์ได้แต่เดินกลับไปกลับมาเสียเวลาไป 4 วันเดินเสีย 13 เที่ยว ในที่สุดก็ตัดสินใจเขียนเอาไว้บนฝาผนังช่องทางเดินทางทิศใต้ซึ่งพระอาจารย์เดินผ่านไปมาจะได้หยั่งทราบถึงปัญญาญาณที่ตนเองได้บรรลุ ข้อความแห่งโศลกนั้นมีว่า "กายคือต้นโพธิ์ จิตคือกระจกเงาใส หมั่นเช็ดอยู่ทุกโมงยาม จึงไม่มีฝุ่นละอองลงจับ"

    เมื่อเขียนเสร็จแล้ว เสินซิ่วก็หามีความสุขแต่ประการใดไม่ มีแต่ความปริวิตกด้วยหวั่นเกรงว่าได้สะท้อนความไม่รู้แจ้งให้ปรากฎออกไป แต่พระอาจารย์หงเหยิ่นรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เสินซิ่วยังไม่ได้รับรสชาติแห่งธรรมญาณของตน จึงกล่าวแก่ หลูเจิน จิตกรเอกแห่งราชสำนักซึ่งเขียนภาพต่างๆ จากลังกาวตารสูตรและชาติวงศ์ของพระสังฆปริณายกทั้ง 5 องค์ว่า "เสียใจที่รบกวนท่าน บัดนี้ผนังเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเขียนภาพเพราะสูตรนี้ได้กล่าวไว้ว่า สรรพสิ่งอันมีรูป หรือปรากฎกริยาอาการล้วนเป็นอนิจจังและมายา จึงควรปล่อยโศลกนี้ไว้บนฝาผนังเพื่อให้มหาชนได้ท่องบ่น และถ้าปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อความที่สอนไว้ เขาก็จะพ้นทุกข์ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ อานิสงส์ของผู้ปฏิบัติตามได้รับนั้นมีมากนัก"

    ความหมายแห่งคำพูดของพระอาจารย์หงเหยิ่นพิจารณาโศลกบทนี้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า สภาวะที่ปรากฎ "ความมี" ย่อมจะ "ไม่มี" ในที่สุด ต้นโพธิ์ย่อมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา หรือแม้แต่จิตก็เกิดดับไม่แน่นอน การหมั่นเช็ดกระจกจึงเปรียบเสมือนการทำความดีและขจัดอาสวะกิเลส ดังนั้นทั้งกายและจิต จึงเป็นสภาวะแห่งอนิจจัง ย่อมไม่ใช่ภาวะแห่ง "ธรรมญาณ" อันแท้จริง ในเที่ยงคืนนั้นเอง พระสังฆปริณายกหงเหยิ่น จึงเรียกเสินซิ่วเข้าไปรับทราบถึงผลแห่งการเขียนโศลกนั้นว่า "โศลกนี้แสดงว่าเจ้ามิได้รู้แจ้งใน "ธรรมญาณ" เจ้ามาถึงประตูแห่งการบรรลุธรรมแล้ว แต่มิได้ก้าวข้ามธรณีประตู การแสวงหาหนทางแห่งการตรัสรู้อันสูงสุดด้วยความเข้าใจที่แสดงออกมานั้น ยากที่จะสำเร็จได้"

    ความหมายอันแท้จริงคือ การติดในรูปลักษณ์ พระอาจารย์หงเหยิ่นได้อธิบายด้วยว่า "การบรรลุ อนุตตรสัมโพธิ์ได้ ต้องรู้แจ้งด้วยใจเองใน "ธรรมญาณ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสร้างขึ้นได้ทำลายก็ไม่ได้ ชั่วขณะจิตเดียวผู้นั้นเห็นธรรมญาณก็เป็นอิสระจากการถูกขังตลอดกาล พ้นจากความหลง และไม่ว่าสภาวะรอบตัวเป็นเช่นไร ใจของตนเองก็อยู่ในสภาพของ "ธรรมญาณ" สถานะเช่นนี้แหละคือตัวสัจธรรมแท้ เป็นการเห็น "ธรรมญาณ" อันเป็นการตรัสรู้นั่นเอง" เสินซิ่วได้ฟังแล้ว จึงถึงแก่อาการงงงวยนอนนั่งไม่เป็นสุข การที่ภาวะจิตยังตกอยู่ในรูปและนามย่อมหวั่นไหว เพราะยังยึดอยู่ในความดีและความชั่ว หรือ "มี" กับ "ไม่มี"

    จึงเห็นได้ทั่วไปในหมู่ของพุทธศาสนิกชนติดอยู่กับการสร้างบุญจึงกลายเป็นเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งกันได้เสมอ สร้างบุญต้องได้หน้าตามีชื่อเสียงทำให้เกิดความฟูใจ รื่นเริงใจเมื่อเปลี่ยนแปลงไปตามกฎของอนิจจัง ความทุกข์จึงปรากฎขึ้นแทนที่ เพราะไม่มีและไม่ได้บุญตามที่ปรารถนา ส่วนท่านฮุ่ยเหนิง เมื่อได้ยินโศลกนี้ก็iรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพียงโศลกที่ยังติดข้องอยู่ในรูปลักษณ์ แม้ว่าตำข้าวอยู่ในครัวถึง 8 เดือน โดยไม่ได้รับคำอธิบายใดๆจากพระอาจารย์หงเหยิ่นเลย จึงขอให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งพาไปยังช่องกำแพงนั้นและพบกับเสมียนแห่งตำบลเจียงโจวชื่อว่าจางยื่อย่ง ให้ช่วยอ่านโศลกให้ฟัง

    เพราะท่านฮุ่ยเหนิงไม่รู้จักหนังสือ เมื่อเสมียนผู้นี้ได้ฟังว่าท่านฮุ่ยเหนิงมีโศลกเหมือนกันก็อุทานในเชิงดูถูกภูมิปัญญาว่า "ประหลาดแท้ ท่านก็มาแต่งโศลกกับเขาด้วย" คำตอบของท่านฮุ่ยเหนิงเป็นสัจธรรมจนถึงบัดนี้ว่า "ถ้าเป็นผู้แสวงหาบรรลุธรรม อย่าดูถูกคนที่เริ่มต้น คนที่จัดว่าเป็นคนชั้นต่ำก็อาจมีปฏิภาณสูงได้ ส่วนคนชั้นสูงก็ปรากฎว่าขาดสติปัญญาอยู่บ่อยๆ ถ้าท่านดูถูกคนจึงจัดว่าทำบาปหนัก" เราจึงไม่อาจแบ่งคนหรือตัดสินใครๆ ได้ที่รูปลักษณ์ซึ่งแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ "ธรรมญาณ" ซึ่งมีศักยภาพเหมือนกันทุกคนและเท่าเทียมกัน


    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ปกรณ์เกียรติ EV 7738 0162 0 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EV 7738 0163 3 TH

    พี่พรเทพ EV 7738 0164 7 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    - พูดคุยเล็กน้อย

    เรื่องพระผงเกี่ยวกับองค์ต้นธาตุ ต้นธรรมรอบนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ให้เราพิมพ์โปรยหรือบอกอะไรเยอะมาก หนนี้ก็เลยไม่ได้พิมพ์อะไรให้อ่านกันเยอะๆ ทั้งๆที่เป็นพระแบบจี๊ดสุดๆ แค่ชื่อก็จี๊ดแล้วไหนจะมวลสารสารพัดของรุ่นนี้ซึ่งล้วนแต่เป็นของเฉพาะกิจล้วนๆ เอาเฉพาะของฝังหลังก็ยังเคยมีประสบการณ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านไม่ให้เล่าก็ต้องรอลุ้นแล้วจองทีเดียวเลย

    * แต่จะเกริ่นไว้เล็กน้อยว่าพระรุ่นนี้นอกจากขนาดองค์พระจะห้อยคอกำลังสวยแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังทำตามมติครูบาอาจารย์ทั้งพิมพ์ทรงและมวลสาร ที่สำคัญยังให้บูชาราคาถูกกว่ารุ่นปกติ เพื่อให้หลายคนที่รอพระผงมวลสารจัดเต็มได้ใช้กัน กระจายกันไปทั่วได้ใช้กันจริงๆ


    *** ทีเด็ดรุ่นนี้นอกจากผง นอกจากพิมพ์พระซึ่งมีความพิเศษ นอกจากพุทธคุณเฉพาะทาง ของที่ถือว่าเด็ดแบบเน้นๆเลยก็อยู่ด้านหลัง เพราะรุ่นนี้ซ่อนความเผ็ดไว้ด้วยนางอัปสราทาริกาหรือทาริกาเทวี ตำหรับขอมโบราณพันปี ....คำๆนี้คือนางฟ้า สาวสวรรค์ผู้เป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของเรา ทำทุกสิ่งตามที่เราบัญชา ไม่ใช่ผี ไม่ใช่พราย แต่เป็นข้าทาสบริวาร เป็นทาสในเรือนเบี้ยที่เป็นนางพญา นางฟ้า นางสวรรค์ บอกคร่าวๆได้แค่นี้แหละ รอข้อมูลแบบจัดเต็มไปพร้อมๆกัน เอาว่าพิเศษจริงๆ

    :) รุ่นนี้ไม่พูดเยอะท่านว่าแบบนั้น

    IMG-6749.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็จะมาติดตามพูดคุยกันต่อนะ เนื่องจากเป็นวันปิยมหาราชหลายๆคนก็ออกไปทำบุญกัน สำหรับคนที่โอนไว้แล้วจะส่งของให้พรุ่งนี้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...