ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันมาฆบูชา

    อรุณสวัสดิ์นะครับ สำหรับวันมาฆบูชา ก็เพิ่งจะไหว้พระเสร็จไป วันนี้เราก็จะมาพูดถึงเรื่องวันมาฆบูชาซักเล็กน้อย ว่ามีกิจกรรมใดที่ชาวพุทธสมควรปฏิบัติกันในวันนี้บ้าง ถ้าใครว่างหรือมีเวลาก็อยากให้ไปทำบุญกันนะครับ การทำบุญตามกาล เป็นมงคลที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชอบแล้ว;)

    "มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน 3 มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน 3 วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในวันพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

    โดยวันมาฆบูชานี้เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ

    1. พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 รูปนั้นได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย

    2. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง

    3.พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6

    4. และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์สี่ประการ


    โอวาทปาฏิโมกข์

    โอวาทปาฏิโมกข์ - หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ 3 คาถากึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ 1,250 รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุ วนาราม ในวันเพ็ญเดือน 3 ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา (ถรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ตลอดมา เป็นเวลา 20 พรรษา ก่อนที่จะโปรดให้สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้แทนต่อมา)

    การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถพร้อมกับพระภิกษุสงฆ์ โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม 3 จบ จากนั้นกล่าวคำถวายดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดินเวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัดเตรียมไว้เป็นอันเสร็จพิธี


    การทำบุญตามกาลเป็นบุญที่ให้อานิสงค์มากดังนี้
    ผู้ที่ให้ทานตามกาล เช่น
    - ให้ผลไม้ที่ออกใหม่ตามฤดูกาล
    - เมื่อถึงวันสำคัญหรือพิธีสำคัญทางศาสนา เช่น กฐิน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา ฯลฯ
    เมื่อเขามีการทำบุญทำทานก็ควรไปร่วมด้วย
    - คนที่เดินทางกำลังมีความต้องการ เราก็รีบให้ความช่วยเหลือไป
    - หรือคนไข้ผู้ที่เจ็บป่วย เมื่อเรารู้เราก็ควรจะรีบให้ทานเขา เพื่อที่จะได้หายจากอาการเจ็บไข้โดยเร็ว

    ผู้ที่ให้ทานตามกาลเช่นนี้ จะมีผลบุญติดตัวไป ดังนี้
    - ไม่ว่าจะเกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ตาม จะเป็นผู้ที่มีทรัพย์สมบัติมากติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป
    - ได้รับความสำเร็จสมความประสงค์ในเวลาที่ต้องการได้โดยง่าย
    - หรือพูดได้ว่า สมบัติมาไม่ขาดมือแม้อาจจะไม่ใช่คนรวย
    - แต่หากอยากได้สิ่งใดก็จะได้ดังใจ นี่คืออานิสงส์ของการทำทานตามกาล


    1293466942.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พี่คนนี้ส่ง PM มาเล่า ก็เลยก้อปของพี่ที่เล่ามาให้อ่านกัน

    โดยส่วนตัวแล้วได้เริ่มบูชาเครื่องมงคลพ่อาจารย์พลมาได้ประมาณปีนึง
    ได้บูชาสิ่งที่อยากได้ที่เข้ากับจริตนิสัยของตนเองมาเรื่อยๆตามสภาพการเงินจะอำนวย
    ประสบการณ์นั้นถือว่าดีมากครับ ชีวิตเรียบง่ายไม่ค่อยเจออุปสรรค
    เรื่องโชคลาภก็เริ่มดีขึ้นบ้าง ก่อนหน้านี้จะถูกหวยปีนึงประมาณงวดสองงวด ต้นปีกับปลายปี
    พอใช้เครื่องมงคลพ่ออาจารย์พร้อมกับสวดมนต์ภาวนาคาถาต่างๆ รวมทั้งคาถาเงินล้านด้วย
    (เรื่องสวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรมนี่ทำมาตลอดมากกว่าสิบปีแล้วครับ)
    ทำให้ช่วงนี้ถูกหวยบ่อยขึ้นครับ ปีที่แล้วจัดไปห้างวด ปีนี้จัดไปแล้วหนึ่งงวดที่ผ่านมา
    พอได้เป็นทุนรอนในการสร้างบารมีและเป็นกำลังใจในการปฏิบติว่าทำแล้วมีผลจริงทั้งทางโลกทางธรรม
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เพิ่งกลับจากทำบุญและเวียนเทียน วันนี้ใครไปทำบุญก็มาอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ ก่อนนอนอย่าลืมแผ่เมตตาด้วย;)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็มาติดตามกันนะครับ ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM ไว้ได้เลยเดี๋ยวรับเรื่องให้;)
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    กรรมฐาน 40 กอง

    วันนี้ก็มาเรียนรู้เรื่องกรรมฐานทั้ง 40 วิธีดูนะครับ ว่าเราปฏิบัติแบบไหน หรือจะเลือกปฏิบัติอันไหนกันดีที่มันตรงกับจริตของเรา ซึ่งการฝึกเหล่านี้ก็เลือกฝึกสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็พอ

    กรรมฐาน 40 วิธี แบ่งออกเป็น 7 หมวด ดังนี้

    หมวดกสิน 10 เป็นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง
    1. ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน
    2. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
    3. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
    4. วาโยกสิน เพ่งลม
    5. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
    6. ปีตกสิน เพ่งสีเหลือง
    7. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
    8. โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว
    9. อาโลกกสิณ เพ่งแสงสว่าง
    10. อากาศกสิณ เพ่งอากาศ


    หมวดอสุภกรรมฐาน 10 เป็นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยงดงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก น่าเกลียด

    11. อุทธุมาตกอสุภ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายบวมขึ้น พองไปด้วยลม ขึ้นอืด
    12. วินีลกอสุภ วีนีลกะ แปลว่า สีเขียว เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว คละปนระคนกัน คือ มีสีแดงในที่มีเนื้อมาก มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก มีสีเขียวในที่มีผ้าคลุมไว้ ฉะนั้นตามร่างกายของผู้ตาย จึงมีสีเขียวมาก
    13. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    14. วิฉิททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลางกาย
    15. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกยื้อแย่งกัดกิน
    16. วิกขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย มีมือ แขน ขา ศีรษะ กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
    17. หตวิกขิตตกอสุภ คือ ซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    18. โลหิตกอสุภ คือ ซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
    19. ปุฬุวกอสุภ คือ ซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    20. อัฏฐิกอสุภ คือ ซากศพที่มีแต่กระดูก


    อนุสสติกรรมฐาน 10 อนุสสติ แปลว่า ตามระลึกถึง เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่จริต จะได้ผลเป็นสมาธิมีอารมณ์ ตั้งมั่นได้รวดเร็ว

    21. พุทธานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
    22. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
    23. สังฆานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
    24. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
    25. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็นอารมณ์
    26. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์
    27. มรณานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
    28. กายคตานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
    29. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
    30. อุปสมานุสสติกรรมฐาน ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็นอารมณ์

    หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา
    31. อาหาเรปฏิกูลสัญญา เพ่งอาหารให้เห็นเป็นของน่าเกลียด บริโภคเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่บริโภคเพื่อสนองกิเลส

    หมวดจตุธาตุวัฏฐาน
    32. จตุธาตุววัฏฐาน 4 พิจารณาร่างกายประกอบด้วยธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ

    หมวดพรหมวิหาร 4 พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็นที่อยู่ของพรหม พรหมแปลว่าประเสริฐ
    พรหมวิหาร 4 จึงแปลว่า คุณธรรม 4 ประการ ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็นผู้ประเสริฐ ได้แก่

    33. เมตตา คุมอารมณ์ไว้ตลอดวัน ให้มีความรัก อันเนื่องด้วยความปรารถนาดี ไม่มีอารมณ์เนื่องด้วยกามารมณ์ เมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์
    34. กรุณา ความสงสารปรานี มีประสงค์จะสงเคราะห์แก่ทั้งคนและสัตว์
    35. มุทิตา มีจิตชื่นบาน พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่มีจิตริษยาเจือปน
    36. อุเบกขา มีอารมณ์เป็นกลางวางเฉย


    หมวดอรูปฌาณ 4 เป็นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ 4 ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ 4 เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    37. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์ จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่เล็กได้ ทรงจิตรักษาอากาศไว้ กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    38. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด ต้องการจิตเท่านั้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    39. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย อากาศไม่มี วิญญาณก็ไม่มี ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็นเหตุของภยันตราย ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์
    40. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมือนไม่มี ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จะหนาว ร้อนก็รู้แต่ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย ปล่อยตามเรื่อง เปลื้องความสนใจใด ๆ ออกจนสิ้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg





     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เดี๋ยวติดตามเรื่องพูดคุยกันนะ;)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันนี้เดี๋ยวมาพูดคุยกันต่อนะ ติดตามๆรอบสายนิดๆ:)
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อภินิหารอันพิศดารของหลวงพ่อปาน

    ก็พอดีอ่านเจออภินิหารในองค์หลวงพ่อปานที่เคารพ ก็เลยขออนุญาติก้อปมาให้อ่านกันนะครับ อ่านให้จบแล้วตัวคาถานำไปภาวนาก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกัน


    เมืองหลวงของไทยสมัยหนึ่งซึ่งมีอายุยืนนานสี่ร้อยสิบเจ็ดปี มีพระมหากษัตริย์ ๓๓ พระองค์ พระบรมรูป พระปฐมกษัตริย์อันถูกยกย่องว่า เป็นพระเชษฐมิตร ได้ประดิษฐานอยู่กลางเมืองสมกับความปรารถนา และความภาคภูมิใจของชาวกรุงศรีอยุธยากราบไหว้เพื่อบูชาแล้วยังเป็นการสร้างอาถรรพ์ป้องกันอริราช ที่จะมาบุกตีกรุงศรีอยุทธยา

    อยุธยาธานินทร์ไม่สิ้นคนดี คนมีวิชาชั้นบรมครูมาเกิดเป็นผู้ปราบอริราชทุกยุคทุกสมัยเป็นเมืองที่สมบูรณ์ด้วยทหารที่แกล้วกล้า สมบูรณ์ด้วยพระคาถาและเครื่องรางของขลัง มีพระอาจารย์มาเกิดช่วยเหลือทหารชาวไทยอยู่ทุกยุคทุกสมัย

    สมัยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ มีพระอาจารย์ที่ขมังพระเวทย์จัดสร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายกับคนทุกชั้น ตำบลบ้านแพน วัดบางนมโค มีหลวงพ่อปานเป็นพระอาจารย์ที่มีอภินิหาริย์บุคคลใดที่เป็นสานุศิษย์ท่านมีวิชาขมังทางลงกระหม่อมถ้าสักลงกระหม่อมให้ใคร ถ้าผู้นั้นมีลูกคนหัวปี กระหม่อมที่หลวงพ่อปานสักให้จะติดไปถึงลูก ข้อนี้ชาวอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี และจังหวัดอื่นๆ ที่รู้อิทธิฤทธิ์และอภินิหารต่างก็มาสมัครเป็นลูกศิษย์ สมัยโน้นเป็นสมัยที่ทหารออกรบครั้งสงครามอินโดจีนตลอดติดต่อกันมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตามบรรดาหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงน้า หลวงต่างๆ พากันสร้างเครื่องรางของขลัง สร้างโดยผ่านพิธีพุทธาพิเษก เพื่อแจกจ่ายให้ทหารไปรบต่อสู้อริราชต่างชาติต่างภาษา

    ผู้เขียนประสบการณ์มาสมัยโน้น สมัยนี้ มีพวกอีกรุ่นหนึ่งเขียนถึงหลวงพ่อต่าง ๆ และแต่ละองค์มีอภินิหารไม่เหมือนกันหลวงพ่อปานก็เป็นหลวงพ่อที่โด่งดังในทางวิชาสักกระหม่อมให้ เป็นที่เเปลกและมหัศจรรย์ผิดกับหลวงพ่ออื่น เป็นเรื่องที่น่ารับรู้น่ารับฟัง รู้ไว้ใช่ว่า พระคาถาที่มีอักขระบนกระหม่อมที่หลวงพ่อปานลงให้เรียกว่า

    พระคาถาหัวใจอริยสัจสี่เป็นพระคาถาที่มีอภินิหาริย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี ติดต่อไปจนถึงลูก พระสูตรมีดังนี้

    ติสะระณังโลกะเสฏฐัง ติลักขะณังณาณะสังยุตตง
    อุเปกขาญาณะสัมภะวัง นิพพานังปะระมังสุขังฯ

    ให้ท่านจดเอาไว้ลงอักขระในแผ่นตะกั่วหรือแผ่นทองแดง ม้วนเป็นตะกรุดเก็บบูชาเอาไว้ท่านไปไหนก็ระลึกถึงหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ท่านจะได้รับการคุ้มครองป้องกันศาสตราวุธปืนและมีดมีคมทุกชนิดไม่อาจที่จะทำอันตรายท่านได้

    เครื่องลางของขลังที่จุติเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยมิใช่เพียงแต่ว่าจะพึ่งเกิด เกิดมาเป็นพันๆปีแล้ว หลักฐานของประวัติศาสตร์ของไทยมาตั้งแต่ครั้งแม่ทัพไทย จนมาถึงพลทหาร เวลาเข้ารบทัพจับศึกจะออกรบกับฝ่ายศัตรูทุกคนจะต้องแต่งตัวผัดหน้าสวมเสื้อสวมกางเกงสพายดาบสพายธนูและอาวุธคู่มือทุกชนิด ทุกครั้งที่จะออกรบจะต้องบริกรรมมพระคาถาแล้วเเต่จะเป็นอะไรที่นับถือ พร้อมเเล้วก็จะออกรบกับศัตรู โดยประดาหน้ารบแบบตลุมบอน พวกใครพวกมันยากที่ฝ่ายศัตรูจะทำลายชีวิตได้

    นอกจากว่าทหารไทยผู้นั้นถึงคราวดาวประจำชีวิตตกจากท้องฟ้าก็ย่อมเป็นของธรรมดาที่ไม่มีมนุษย์หรือเทวะองค์ไหนจะมาช่วยเหลือไม่ให้ชีวิตแตกดับได้

    ประสิทธิภาพของพระคาถาของหลวงพ่อปานโด่งดังเกริกก้องทั่วโลกว่าทหารไทยเป็นทหารผี ยิงไม่ออกถูกอาวุธมีคมทุกชนิดไม่อาจทำอันตรายได้ และมาสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเกิดอาจารย์ที่เป็นฆราวาสมีทั้งหลวงปู่หลวงพ่อเกิดขึ้นโดยความเป็นห่วงประเทศชาติ เหล่าหลวงพ่อและหลวงน้าจึงสร้างเครื่องรางของขลังทั่วเเทบทุกจังหวัดในประเทศไทยเหล่าทหารหาญที่จะออกไปสู่สมรภูมิทุกคนอยู่ในจังหวัดใครจังหวัดมัน มาหาหลวงปู่หลวงพ่อขอของดี เมื่อได้ไปแล้วก็เป็นที่อุ่นใจเพราะเครื่องรางของขลังทุกชนิดมีประสิทธิภาพเป็นที่น่ามหัศจรรย์อันลึกล้ำ สมัยโน้นมีหลวงปู่เขี่ยน หลวงปู่ฝั้น หลวงพ่อจง หลวงพ่อจาด หลวงพ่อเงินแปดเเสน หลวงพ่อเงินวัดพวงมาลัย หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง หลวงพ่อทองวัดเขากบ หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ หลวงพ่อเต๋ มาประชุมเสกทรายแล้วหลวงพ่อเดินขึ้นเรือบินไปโปรยทรายทั่วพระนครหลวงให้พ้นภัยจากฝ่ายศัตรู ซึ่งจะมาทิ้งบอมอยู่เเทบไว้เว้นวัน เครื่องลางของขลังแต่ละอาจารย์สร้างไม่เหมือนกัน มีหลายอย่างดังที่ผู้เขียนเขียนถึงชีวิตที่ผู้เขียนประสบการณ์มา ที่เขียนแล้วก็มีหลายอย่าง แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าว

    ฉบับนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงพระอาจารย์ที่มีพระคาถาใช้หมึกสักลงที่กระหม่อมที่เป็นพระภิกษุสงฆ์และที่เป็นฆราวาสก็มี ที่เป็นฆราวาสนั้นได้แก่คณะเก้ายอดอาจารย์บู่เป็นหัวหน้าและคณะลักกั้ก อาจารย์บู่เป็นหัวหน้าและคณะวัดทองราชโยธา อาจารย์หนุนเป็นหัวหน้า ผู้เขียนขอพูดถึงอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีพระคาถาโดยใช้หมึกสักลงกระหม่อมที่ขึ้นชื่อลือชาโด่งดังสมัยโน้นจนมาถึงสมัยนี้ การสักนั้นคนมาสักกระหม่อมตั้งเเต่เช้าจนเย็นเข้าคิวกันสัก เย็นยังไม่หมด พรุ้งนี้มาต่อคิวกันอีกตามลำดับ

    อภินิหารของหมึกสักของหลวงพ่อปานมีความสำคัญที่ข้าพเจ้าจะหยิบยกเอามาให้ท่านผู้อ่าน รู้ว่าหลวงพ่อปานมีอภินิหารอิทธิฤทธิ์ดังได้กล่าวมาแล้ว มันก็น่าเป็นของแปลกมหัศจรรย์เพราะสักลงกระหม่อมให้พ่อ พิมพ์สักนั้นมีอักขระทุกตัวมาติดที่กระหม่อมลูก เหตุผลที่รู้ก็เพราะมีนักโทษประหารชีวิตจังหวัดอยุธยาส่งมา เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน ผู้ต้องหาสองคนนี้ต้องคดีเรื่องสมคบกันฆ่าคนตาย คนพ่อชื่อผูก ทับทิม อายุ๔๘ปี น.ช.ผัน ทับทิม ผู้ลูกอายุ ๒๒ปี มีลูกสาวคนสุดท้ายชื่อบัวเผื่อน ทับทิม ถูกฉุดคร่านั้นเป็นผู้มีอำนาจราชศักดิ์ เป็นข้าราชการอำเภอชื่อปลัดช้อย เอมะพงษ์ จ้างพวกนักเลงไปฉุด ได้ตัวมาแล้วไม่ขอขมาและพาบัวเผื่อนไปต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าส่งไปจังหวัดไหน พอถูกน.ช.ไปไถ่ถามปลัดช้อยก็ปฏิเสธไม่รู้่เรื่อง

    ยังความเคียดเเค้นมาสู่สองพ่อลูก เป็นการเหยียบเหลี่ยมนักเลง สองพ่อลูกสืบรู้แน่ว่าเป็นปลัดช้อยก็คบคิดดันสองพ่อลูก จะไปทำการเเก้เเค้น คิดจะไปลอบยิงในเวลากลางคืน แต่ปลัดช้อยก็มีสมัครพรรคพวกมาก โดยมากเป็นพวกนักเลงอันธพาลที่ปลัดช้อยเลี้ยงไว้เมื่อสองพ่อลูกติดช่องทางหาจังหวะก็พอดีทางข้าหลวงประจำจังหวัดนัดประชุมใหญ่

    ข้าราชการทุกชั้นเป็นโอกาสเหมาะที่สองพ่อลูกจะได้พบกับปลัดช้อย คืนนั้นเป็นเวลา ๒๑.00น.สองพ่อลูกก็ตรงไปหาปลัดช้อย ซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับพวกข้าราชการด้วยกันผู้พ่อไปถึงก็ใช้อาวุธปืนยิงปลัดช้อยถูกที่สำคัญพวกของปลัดช้อยมีข้าราชการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ประชุมอยู่ก็ช่วยกันใช้อาวุธปืนยิงสองพ่อลูก แต่ปืนไม่อาจจะทำอันตรายได้

    สองพ่อลูกเลยยิงพวกของปลัดช้อยตายอีกสองคนจนต่อมาเรื่องถึงตำรวจ ตำรวจสอบสวนส่งเรื่องไปให้ทนายประจำแผ่นดิน ๆ ส่งให้ศาล ศาลสอบสวนถึงคำสารภาพของ น.ช.ทั้งสอง การรับสารภาพของน.ช.ทั้งสองไม่อำนวยประโยชน์ให้ เพราะศาลให้เหตุผลว่าสองพ่อลูกสมคบกันฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ยังไม่หนำใจยังยิงครูสังเวียน อำบลกับผู้ใหญ่เกิด สิงคลา ตายอีกสองคนเป็นการประกอบคดีโดยอุกอาจกล้าหาญไม่เกรงกลัวต่อตัวบทกฏหมาย ซึ่งผู้ตายทั้ง๓ กำลังประชุมถึงเรื่องราชการ ศาลจึงพร้อมกันพิพากษาประหารชีวิต

    ตอนนี้ผู้เขียนเป็นนักโทษผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ควบคุมเป็นพี่เลี้ยงนักโทษประหารและมีหน้าที่ปราบปรามทรชนในคุก น.ช.ผัน น.ช.ผูก ก็เล่าถึงเรื่องอภินิหารหลวงพ่อปานได้สักกระหม่อมให้ น.ช.ผูก รอยสักไปติดที่หัว น.ช.ผัน ผู้เขียได้ขอดู มีสักเป็นรูปวงกลมมีตัวอักขระดังที่ผู้เขียนได้กล่าวมาเเล้ว
    พอดีทางฝ่ายรัฐบาลพระราชทานอภัยโทษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เจ้าฟ้าชายประสูติจึงลดโทษจากประหารชีวิตเหลือตลอดชีวิต เมื่อ พ.ศ.๒๕00 ได้รับพระราชทานอภัยโทษได้ปลดปล่อยเป็นอิสระพร้อมกับข้าพเจ้าและ น.ช.ทั้งสอง

    ได้จดที่อยู่ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสนใจในอภินิหารของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ข้าพเจ้าจึงได้ชวน บรรจบ ตู้จินดา เพื่อนข้าพเจ้าซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยเหลือในคุกด้วยกัน และได้มาหานายผันนายผูก สองพ่อลูกต้อนรับข้าพเจ้าและพามาหา หลวงพ่อครบ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน ข้าพเจ้านำเครื่องคาวหวาน เครื่องไตรจีวรมาถวาย นมัสการแทบเท้าหลวงพ่อนายผันนายผูกก็ช่วยพูดขอให้หลวงพ่อสักให้ เพราะมีความเลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อก็ถามถึงเรื่องราวต่างๆในคุกข้าพเจ้าก็เล่าให้ฟัง แล้วหลวงพ่อก็ถามวันเดือนปีเกิดของข้าพเจ้าและบรรจบเพื่อนข้าพเจ้า หลวงพ่อได้ตรวจบวกลบคูณหารบวกเลข แล้วหลวงพ่อก็เข้าไปในห้องประมาณ ๑๕นาที

    ท่านบอกสำหรับข้าพเจ้าว่า โยมนั้นมียันต์มหากาฬซึ่งเป็นยันต์ที่มีอักขระที่มีอิทธิฤทธิ์ เรียกว่าครบวิชาคงกระพันชาตรี มีทั้งกันเขาคัดและสามารถคัดวิชาทั้งหลายได้ บอกข้าพเจ้าว่าโยมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม ข้าพเจ้ากราบนมัสการรับว่าใช่ ท่านบอกว่าไม่อาจสามารถที่จะสักให้คนที่มียันต์มหากาฬได้ ส่วนบรรจบนั้นสักได้โดยไม่มียันต์อะไรเป็นเครื่องกีดขวาง เมื่อเสร็จเรียบร้อย ข้าพเจ้าก็ลาสองพ่อลูก กลับกรุงเทพฯ ส่วนบรรจบเพื่อนข้าพเจ้ากลับจังหวัดสมุทรสาคร

    ๓ปีต่อมา ข้าพเจ้ามาเยี่ยมบรรจบที่สมุทรสาครบรรจบพาข้าพเจ้าไปเที่ยวในทะเลและที่ต่างๆ ๒วัน เย็นวันนั้นบรรจบพาข้าพเจ้าไปเยี่ยมลูกและภรรยาเมื่อมาถึงไปอุ้มลูกชายซึ่งมีอายุ ๒ ขวบ และชี้ให้ดูที่หัวลูกชาย ปรากฏเป็นรูปยันต์มีอักขระดังกล่าวมาเเล้วเป็นพิมพ์เดียวกันกับที่หลวงพ่อสักให้บรรจบ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงหลวงพ่อปาน หลวงพ่อครบดุจดังหนึ่งเทวดาที่มีอิทธิฤทธิ์อภินิหารสักกระหม่อมพ่อเเล้วไปติดกระหม่อมลูก

    ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็กลับกรุงเทพ เป็นอำนาจของพระคาถาปัดตลอดเป็นเครื่องป้องกันศาสตราวุธปืนและของมีคมทุกชนิด เดี๋ยวนี้ที่วัดนี้ก็ยังมีอาจารย์คือหลวงพ่อครบ ที่เป็นสานุศิษย์ของหลวงพ่อปานครอบวิชาให้จนหมดไส้หมดพุงของหลวงพ่อปาน
    ท่านผู้อ่านสนใจที่เพียรพยายามเสาะเเสวงหาวิชาคงกระพันชาตรี ขอเชิญไปวัดบางนมโคท่านจะสมหวังผู้เขียนขอสนับสนุนดีกว่าที่จะเสาะเเสวงหาพระเครื่องลางที่ศักดิ์สิทธิ์โดยมากเป็นของเก๊ของเเท้นั้นราคาเทียบเท่ารถเก๋งคันหนึ่งยากแก่การที่จะได้มาครอบครอง ท่านจะไปซื้ออาหารหวานคาวมาถวาย

    ก่อนไปให้ท่านขึ้นเรือที่ท่าเตียน มีเรือด่วนอยู่ ๗-๙ลำ วิ่งจากกรุงเทพฯ ถึงบ้านเเพนทุกชั่วโมงไปถึงบ้านเเพนท่านถามถึงหลวงพ่อปานวัดบางนมโคอยู่ไหน ก็จะมีคนชี้ทางบอกให้ ทุกวันนี้ก็มีคนไปสักอยู่เสมอ ท่านผู้อ่านที่ไม่มีเวลาเเละโอกาส ขอให้ท่านผู้อ่านจดพระคาถาและยันต์หลวงพ่อปานที่ผู้เขียนได้กล่าวบอกมาเเล้ว จะได้รับผลประโยชน์ดังที่ท่านประสงค์ทุกประการ

    อนึ่ง ในโอกาสนี้ขออภัยท่านผู้อ่านมีนามว่า ร.ท.สมศักดิ์ อิสกุล สิบเอกมานพ คล่องเชิงปืน พลทหารหิรัญ นาคแก้ว ที่ไม่อาจส่งว่านที่ท่านขอมาให้ได้ เพราะว่านนั้นกำลังปลูก วันที่ ๘ กุมภาพันธ์เป็นวันครบ ๑ ปี จะมอบให้ท่านตามคำขอ และนอกจากท่านที่อยู่ยานเกราะยังมีบุคคลที่ข้าพเจ้าจะให้ แต่ที่ท่านเขียนจดหมายมาบอกว่านิตสารอาถรรพ์แจกให้เป็นร้อยเป็นพันกันทุกคนนั้นข้อนี้ผู้เขียนไม่อาจจะทำดังนั้นได้ จะแจกให้เเต่รายบุคคลที่มีวคามบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ (เรื่องราวนี้ตีพิมพ์เมื่อปะ2520)นะครับ

    สำหรับตอนนี้ขอมอบ◎พระคาถาหัวใจอริยสัจสี่◎
    เป็นพระคาถาที่มีอภินิหาริย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี ติดต่อไปจนถึงลูก พระสูตรมีดังนี้

    ติสะระณังโลกะเสฏฐัง ติลักขะณังณาณะสังยุตตัง
    อุเปกขาญาณะสัมภะวัง นิพพานังปะระมังสุขังฯ

    ให้ท่านจดเอาไว้ลงอักขระในแผ่นตะกั่วหรือแผ่นทองแดง ม้วนเป็นตะกรุดเก็บบูชาเอาไว้ท่านไปไหนก็ระลึกถึงหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ท่านจะได้รับการคุ้มครองป้องกันศาสตราวุธปืนและมีดมีคมทุกชนิดไม่อาจที่จะทำอันตรายท่านได้

    2016_02_12_08_26_27.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2017
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    มีพี่ท่านนึงไลน์แจ้งมาไว้ว่าในคาถาหัวใจอริยสัจนั้น ที่ก้อปมาลงมันมีบางคำผิดอยู่ ตอนนี้ผมก็แก้ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ;)
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยรอบเย็น

    ก็มาต่อเรื่องของหลวงพ่อปานกันต่อนะครับ ซึ่งครูบาอาจารย์หลายๆท่านต่างก็มีหน้าที่ในตัวของท่านเอง อย่างเรื่องนี้ก็เช่นกัน ไม่ใช่หลวงพ่อปานท่านจะไม่สามารถแนะนำหลวงพ่อฤาษีได้ ทุกอย่างก็ล้วนมีเหตุผลอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น


    หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปเรียนธรรมกายกับหลวงพ่อสด
    หลวงพ่อสดท่านยืนยันเอาจริงเอาจังเรื่องนิพพานไม่สูญ ต่อมาท่านก็สงเคราะห์ ท่านแนะนำวิธีการของท่าน ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว

    เมื่อหลวงปู่ปานให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปเรียนธรรมกาย
    อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น

    ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว

    ต่อมาวันหนึ่งประมาณเวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตรสวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์ วันนั้น ท่านก็บอกว่า ฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตน

    แล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาส จะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ

    อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้ว แต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน(เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)

    ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด

    ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง

    ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับ หลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่

    ทีนี้ต่อมา หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย

    ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่าง

    ที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อสดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมาก

    รวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริง เวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มี การใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์

    แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑.เช้ามืด และประการที่ ๒.ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับมาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม

    ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอกวะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม

    ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่าน มีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้

    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่มี ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด

    ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน ก็รวมความว่ากำลังไล่เลี่ยกัน

    บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์


    Our_real_Father_in_Nibbana.jpg
     
  11. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ขอเรียนถามครับเรื่องตะกรุดชัยยะฯ....ที่ผมได้ร่วมเล่นเกมส์ด้วย
    ขอถามว่าจะโอนเงินค่าจัดส่งไปยังทันเวลาไหมครับ...

    ขอบคุณครับ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอบคุณ jaya เลยเวลามาสักพักแล้วครับ ไว้ร่วมเล่นเกมส์โอกาศหน้า
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เดี๋ยววันนี้ส่งของเสร็จแล้วมาติดตามเรื่องพูดคุยกันต่อ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่เจษฏา ER 5708 3193 6 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ER 5708 3194 0 TH

    พี่ไววิทย์ ER 5708 3195 3 TH

    พี่วิชัย ER 5708 3196 7 TH

    พี่ศุภชัย ER 5708 3198 4 TH
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุย
    ก็มีคนถามมาว่าพวกเครื่องรางที่เสกในพิธีพุทธาภิเษกซึ่งมีวัตถุมงคลหลายชนิดนั้นใช้ได้มั๊ย

    จะตอบในบริบทของผมนะ ว่าถ้าเราสบายใจก็ใช้ไป พูดแบบนี้ดีกว่าเพราะเห็นถามมาบ่อย แต่ส่วนตัวผมอาจจะใช้ได้ ขอย้ำคำว่าใช้ได้ และโปรดแยกให้ออกกับคำว่าควรใช้ไม่ใช่บอกว่าใช้ได้นั่นคือใช้ได้เลย ดีเเล้วแบบนั้น คำว่าใช้ได้ของผมคือถ้าให้เลือกก็ไม่ใช้จะดีกว่า เพราะพวกเครื่องรางอะไรที่มันเฉพาะ พิเศษ หรือต้องทำด้วยวิชา ไม่ใช่เอาว่าง่ายเข้าว่า ใครมีอะไรก็ไปจับยัดๆในพิธีพุทธาภิเษกจะขลังเหมือนกันหมด อันนี้ก็ไม่ใช่ ยิ่งบางคนชอบถอดนั่นยัดนี้บ้างเพราะคิดว่ายิ่งเสกจะยิ่งขลังอันนี้ก็แล้วแต่จริตคนเหมือนกัน แต่ถามจริงๆเถอะว่ามันจะเอาที่ไหนมาขลัง ลำพัง หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลาย มาเสกอะไร บางครั้งท่านยังไม่รู้เลย รูปวัตถุมงคลถ่ายตั้งไว้ก็ไม่ครบทุกรายการ ยิ่งบางที่จัดงานทีสร้างเป็นสิบอย่าง ผมไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นมาก ว่ามันจะเสกเข้าไปได้อย่างไร เอาว่าใช้ตามที่เราสบายใจก็แล้วกันถ้าคิดว่าใช้ได้ก็เอา

    เครื่องมงคลแต่ละอย่างตั้งแต่บูรพาจารย์สืบมาเป็นพัน เป็นร้อยปี ทุกท่านมักจะทำด้วยมือด้วยตัวของท่านเอง เพื่อความมั่นใจ สบายใจ ทำด้วยเวทย์ วิธีการ วิชา พยายามทำด้วยตัวเองให้มากที่สุดต่างจากสมัยนี้ เรียกว่าต่างแบบยกระบบเลยก็ได้ เก่งอย่างไร ทำอย่างไร สุดท้ายเก่งให้ตายแล้วทำเองรึเปล่า เสกเข้ามั๊ยหรือลอกๆเขามา

    เรื่องนี้ถ้าคุยจะคุยยาวมากเลย เพราะว่าพุทธพาณิชย์ทุกวันนี้ เอาตรงๆมันต้องเริ่มตั้งแต่คนทำ คือของมันจะขลังก็ขลังตั้งแต่คนสร้าง ถ้าคนทำ คนสร้าง ทำเป็น รู้จริง ทำแล้วเอามาให้เสก ความขลังมันก็มีอยู่บ้างถึงจะไม่เต็มร้อยเท่าทำกับมือโดยคนสร้างคนเสกก็ตาม แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เช่นนั้น เพราะว่ามันเป็นใบสั่งเป็นระบบจอง เอาเงินจากที่จองไปทำของตามที่นายทุนออกแบบ ไม่ได้ผ่านมือหรือทำกับมือคนเสก และเหนือกว่านั้นคือไม่ได้ทำตามวิชาที่คนเสกท่านนั้นๆถนัดหรือทำได้ แต่ทำในรูปแบบที่คิดว่าจะขายออกและหาเงินได้ ทำตามใบสั่ง ทำตามกระแสนิยม ทำแล้วก็ใช้ปัจจัยหารวมพระเกจิมาเสกส่งๆไป หรือบางครั้งที่คนนิยมมากหน่อยก็มีเสริมมีปลอมออกมา ตลอดจนไม่เสกเลยก็ยังมี สังคมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องของสื่อและการโฆษณาไป

    ขอตอบไว้ในบริบทของผมคร่าวๆเพียงเท่านี้ให้คิดตามกันว่าจริงหรือเปล่าก็แล้วกัน ถ้าจะให้พิมพ์ยาวหรือลงลึกกว่านี้ รับรองว่ามีคนเกลียดผมเยอะขึ้นเรื่อยๆแน่นอน
    ;)
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เห็นมีคนถามว่าช่วงวาเลนไทน์นี้พ่ออาจารย์ท่านจะเสกของเสน่ห์อะไรมั๊ย กับมีของเสน่ห์ที่เป็นเครื่องเพศรึเปล่า ก็ติดตามไว้แล้วกัน อันนี้ครูเบื้องบนเค้าไม่ให้เกริ่นหรือพูดมาก ท่านว่าแบบนั้น รอทีเดียวเลย
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็มาติดตามกันต่อ เดี๋ยวจะมาลงสาระความรู้ให้
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันนี้ใครจะฝากคำถามอะไร PM ไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวรอบเย็นผมเข้ามาตอบให้
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ติดตาม

    พรุ่งนี้จะลงรายละเอียดตะกรุดมหาโยนีคลั่งรัก(ฟ้าสั่งรวย)ให้นะครับ สำหรับคนที่ติดตามรายการที่เสกวาเลนไทน์ แอบกะซิบได้ว่าพ่ออาจารย์ท่านเสกปิดวาเลนไทน์จนป่วยเลย ท่านว่านับเฉพาะตัววิชาซึ่งเป็นของโปราณก็นับว่าแรงมากๆแล้ว ตัวนี้มีวิธีการใช้เฉพาะทางได้หลายแบบด้วย ติดตามดีๆ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,101
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาศาสตร์โยนีคลั่งรัก(ฟ้าสั่งรวย)

    พ่ออาจารย์ท่านอธิบายว่าวิชาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องทะลึ่งหรือสิ่งผิดแต่อย่างใด โยนีนี้เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง หรือเปรียบแทนแม่ผู้ให้กำเนิด แม้แต่ในคัมภีร์พระเวทย์นับแต่ยุคโบราณก็มีกล่าวถึงหลายครา ท่านว่าโยนีคือต้นกำเนิดแห่งชีวิต ทุกสิ่งถ้าปราศจากชีวิตนั่นคือสิ่งที่ตายแล้ว ไม่อาจจะเจริญหรือมีพัฒนาการใดๆได้ ซ้ำโยนี้นี้ยังเป็นตัวแทนของพลังงานแห่งมหาศักติและองค์เทวีทั้งหลายด้วย พลังงานแห่งมหาศักติและมหาเทวีนั้นคือรูปของการสร้างสรรค์ เป็นพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่หยุดนิ่งสามารถเคลื่อนไหวไปได้ทั่วหมื่นจักรวาล

    มหาศาสตร์โยนีนี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะเชื่อกันว่าหากปราศจากโยนีแล้วความเป็นบุรุษเพศก็จะไร้ค่าและหมดความหมายไป ท่านว่าวิชานี้จึงมุ่งเสริมให้ใช้ได้ทั้งชายและหญิงทีเดียว และเมื่อจะสร้างท่านพิจารณาแล้ว จึงได้ใช้ความรู้เก่าซึ่งนับว่าครูแรงที่สุดเมตตามาใช้ทำการสร้างและปลุกเสก


    พ่ออาจารย์ว่าวิชามหาศาสตร์โยนีคลั่งรักนั้น ท่านจะลงวิชาซึ่งเป็นโยนีมหาภูติเอาไว้ วิชานี้ท่านได้มาสมัยธุดงค์เป็นวิชาของเหล่าเพชรพญาธรที่จะมาจารึกไว้ตามผนังถ้ำให้พวกฤาษีได้เห็นได้เรียน ตลอดจนให้ผู้มีบุญที่คิดว่าจะรับวิชาได้ ได้เห็นได้รู้ นำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ ท่านว่าวิชาเหล่านี้ย่อมมีพลังสูงสุด ต่างจากวิชาที่เรียนหรือศึกษากันโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากครูเค้าแรง ท่านว่าเรียนได้ครั้งเดียว เมื่อไปดูอีก ทุกสิ่งย่อมอันตรธานหายไปดั่งเช่นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

    พ่ออาจารย์ท่านทำอย่างพิถีพิถัน โดยตะกรุดมหาศาสตร์โยนีคลั่งรัก(ฟ้าสั่งรวย) นั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วน จะขอกล่าวถึงก่อนเป็นส่วนๆไป ในระดับแรกเราก็จะมาพูดถึงวิชาโยนีก่อน ท่านว่าท่านทำตามวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น นำมาผสมผสานกับศาสตร์วิชาโยนีสายเขมรกลั่นกรองออกมา โดยท่านกล่าวว่ามหาโยนีนี้คือเครื่องรางที่มีอำนาจของเทพเจ้าฝ่ายมหาศักติทั้ง 108 องค์หนุนส่งไหลเวียนอยู่ จะไม่แรงได้อย่างไรก็ในเมื่อมีแม่ที่เก่งกล้าในทุกทางสารพัดอยู่ร่วมกันถึงปานนั้น เพื่อให้ได้เครื่องรางทางเสน่ห์ที่แรงที่สุด ปลุกเสกเรียกธาตุมหาโลกียะทั้งสี่ใส่อาการจนครบ ท่านว่าเครื่องมงคลนี้พระสงฆ์องค์เจ้าจับไม่ได้เลย อย่าแม้แต่คิดจะนำไปใช้ เดี๋ยวผ้าเหลืองจะร้อน วัวเขานิ่ม(สตรีเพศ)จะมาขวิดเอาไปกินเสียหมด


    ด้านอานุภาพนั้น ตะกรุดมหาศาสตร์โยนีคลั่งรักนี้ใช้ได้หลายอย่าง พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้ให้เจริญทางโลกก็ได้ จะเล่นทางเสน่ห์เมตตาก็ย่อมได้ เพราะท่านเสกเน้นด้านเสน่ห์ รัญจวนจิตอย่างแรงให้ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย พกพาอาราธนาไว้จะทำให้คนอื่นมองเห็นเราดูดีขึ้นเพราะพลังแห่งมหาศักติคือพลังที่อ่อนโยนจะช่วยให้เราดูหนุ่มขึ้นหรือสาวขึ้นกว่าปกติ หรือแม้จะใช้อธิษฐานให้ดลใจคนที่เราหมายปองก็ย่อมได้ ท่านว่าคำว่าคนที่หมายปองนั้นไม่จำเป็นต้องรักใคร่ชอบพอ
    ถึงจะอาภัพคู่ รูปไม่สวย ไม่หล่อไม่น่าพึงใจก็เปลี่ยนเป็นเจริญใจได้ จะใช้ในการงานการเข้าหาคน อธิษฐานให้แม่โยนีดลจิตดลใจเขาก็ได้ มีอำนาจพลังลึกลับในการจูงจิต จูงใจ ผูกจิต ผูกใจคน กระตุ้นให้เค้าอยากรู้จักเรา สนใจเรา ใกล้ชิดเรา ท่านว่าใช้ไปเรื่อยๆจะรู้เอง ท่านเรียกว่าแรงสั่งได้ สะกดให้ลุ่มหลงก็ได้ ออกได้ทุกทางตามแต่ใจจะปรารถนา

    นอกจากนี้มหาศาสตร์โยนียังมีคุณด้านอื่นๆเสริมอยู่ในตัวเองอีกด้วย ท่านว่ากันคุณกันของ การกระทำทางไสยศาสตร์ทั้งหมดไม่ต้องห่วง รับรองว่าไม่ได้กิน ซ้ำเมื่อใดที่พกตะกรุดนี้อยู่ผีสางทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏตัวมาหลอกหลอน หรือแม้แต่จะคิดทำร้ายรังแกเราได้เลย ที่สำคัญกว่านั้นท่านว่าโยนีนี้ท่านตั้งใจทำมาก เพราะมันเป็นวิชาพิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหน คือมีพลังอำนาจในการดูดทำลายเรื่องอัปมงคลต่างๆ แม้พกไว้กับตัวใครที่ว่าป่วยหน้าดำ มีเรื่องไม่ดี ต้องอุบาทว์ ชีวิตซวย มีสิ่งผิดปกติในร่างกายทุกสิ่งนั่นแหละท่านว่าจะถูกดูดทำลายให้เสื่อมถอยกำลังไปหมด เป็นดาวข่มอวมงคลทั้งหลายอย่างแท้จริง เพื่อแก้ทางไม่ให้เรามีสิ่งใดมาปิดกั้นขัดขวาง จะได้รับพลังได้โดยง่าย ปรารถนาสิ่งใดจะใช้ทำอะไรล้วนสำเร็จทุกประการ


    นอกจากนี้ยังใช้ทางโชคลาภได้ จะค้าขายก็ดีหรือแสวงหาโชคลาภก็ดีท่านว่าใช้ได้หมด เสกให้เกื้อหนุนดวงชะตา ใครที่คิดว่าชีวิตอดอยาก เงินทองฝืดตัว ทำมาหากินติดขัด นี่แหละท่านว่าของแก้ทาง รับรองว่ามีกินไม่อด เงินทองไม่ขาดสภาพคล่อง มีดีทางโชคลาภอยู่แล้ว ทำมาหากินราบรื่นไม่ติดขัด ท่านว่าถ้าใช้เรื่องเสี่ยงโชค มีแต่ดีกับได้ทุกทาง ท่านว่าไม่อยากจะพูดเลยแต่ก็จะบอกไว้คร่าวๆ ตะกรุดนี้เวลาพกพาไปในสถานที่ต่างๆที่มีการฝังของฝังอาถรรพ์ไว้ ท่านว่าต่อให้ของที่ไหนแรงๆก็เถอะรับรองว่าสะกดหรือข่มเราไม่ได้ทั้งนั้นในมหาทิศทั้งสี่นี้ไปได้กลับได้อย่างปลอดภัยทุกที่


    นอกจากนั้น พ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงวิชาปถมังสูงสุดในสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าเสริมไว้ในแผ่นทองเหลืองด้วย ท่านว่าวิชานี้มีสามระดับหาคนเรียนสำเร็จและทำได้จริงยาก ท่านว่าหลวงปู่ศุขใช่ว่าจะดีแต่ทางเหนียว แต่ท่านทำได้ทุกทาง ด้านโชคลาภนี้ก็หาตัวจับยากเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเล่นแต่เสน่ห์อย่างเดียวก็ไม่งาม ยุคนี้สมัยนี้ต้องรวย ต้องมีกินด้วย ท่านจึงทำตะกรุดที่เรียกว่าฟ้าสั่งรวยตำรับหลวงปู่ศุขม้วนทับไว้คู่กัน


    ท่านว่าวิชานี้เป็นศาสตร์วิชาโบราณ เป็นอีกหนึ่งคุณวิชาที่มีดีครบหมด เมตตาก็มี แต่ทว่าที่เด่นและแรงแซงหน้าทางอื่นก็คือโชคลาภ ท่านว่าตะกรุดฟ้าสั่งรวยนี้เน้นทางหาเงินหาทอง ให้ผู้ใช้เจริญในเงินทองทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ ให้รุ่งเรืองเป็นมหาจำเริญขั้นสูงสุด ท่านว่าตะกรุดฟ้าสั่งรวยนี้สมัยก่อนหลวงปู่ศุขท่านจะทำให้พวกเศรษฐี คนธรรมดาไม่มีหวังจะได้เห็น เพราะว่าเค้าจะแข่งความร่ำรวยกัน ใครมีตะกรุดนี้เงินทองเหมือนอยู่ใกล้มือ ทำอะไรก็ทางสะดวกไม่ไกลเกินเอื้อม เป็นเคล็ดลับที่เศรษฐีสมัยก่อนไม่นิยมบอกหรือพูดต่อกัน เรียกว่าใช้จนตายไปกับตัว


    วิชาฟ้าสั่งรวยนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าแรงนัก จะไม่แรงได้อย่างไร
    ท่านว่าชีวิตคนนั้นประกอบด้วยตัณหาทั้งสาม คือความอยากในอารมณ์รักใคร่หนึ่ง ความอยากในอารมณ์อยากมีอยากเป็นหนึ่ง ความอยากในอารมณ์ที่ไม่อยากมีไม่อยากจะเป็นหนึ่ง ท่านว่าตะกรุดฟ้าสั่งรวยคือวิชาที่เสริมตัณหาทั้งสามนี้ให้บริบูรณ์ พูดให้ครบคือได้ในสิ่งที่คิด ห่างไกลในสิ่งที่ไม่พึงใจ ก็แล้วมันจะไม่ดีได้ยังไง ก็ในเมื่อมันตอบสนองความคิดจิตวิญญาณตัณหาคนใช้ถึงปานนั้น

    วิชานี้ท่านว่านอกจากจะเป็นสิ่งที่ถูกปกปิดแล้วยังเป็นวิชาที่แปลกพอๆกับศาสตร์มหาโยนีเลยทีเดียว ท่านจึงตัดสินใจนำมารวมกัน เพราะตะกรุดฟ้าสั่งรวยนั้น ก็เหมือนกับชื่อคืออยู่ดีๆฟ้าก็สั่งให้คนๆนี้รวย มันเป็นพลังวิชาแบบปาฏิหาริย์ ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ศุขแล้วท่านก็ไม่ได้ทำให้ใครมาก เพราะผู้รับก็เหมือนภาชนะที่จะรองรับปาฏิหาริย์ฟ้า เป็นชีวิตที่จะต้องเกิดปาฏิหาริย์ ถ้าเดิมชีวิตเค้าไม่ดีก็เรียกว่าจะพลิกกลับจากหน้าเป็นหลังมือทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเจริญขึ้นเป็นลำดับ ต่อชาติ ต่อภพไป เช่นว่าคนยากจนจะเป็นเศรษฐี เศรษฐีจะเป็มหาคหบดี มหาคหบดีจะเป็นขุนนางเจ้าพระยามหาอำมาตย์ เจ้าพระยามหาอำมาตย์จะเป็นกษัตริย์ กษัตริย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ท่านว่านี่คือวงจรชีวิตที่ต้องเกิด ถ้าชาตินี้จบลงที่ตรงไหน ก็ไปเริ่มใหม่ที่ชาติหน้าไม่มีถอยกลับจนกว่าจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์นั่นเอง


    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ใช้ง่ายๆ นั่นคือหากเราอยากบูชาคุณของอิตถีเทพนารีด้านใน ก็ให้หาสำรับขนมหวาน พวกเครื่องทองยิ่งดี คือทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุนต่างๆ มาไหว้บูชาครู


    ลำดับต่อไปเมื่อจะใช้ ท่านว่าตะกรุดนี้ใช้ได้สุดที่จะอธิษฐานกันเลย หากพกแล้วยังรู้สึกว่าไม่แรงสมใจ อยากจะเร่งอีกหน่อย อยากให้แรงกว่านี้อีกนิด ท่านว่าเมื่อเลี่ยมให้เจาะรูที่ปลอกตะกรุดไว้ ถ้าจะเอาด้านเสน่ห์ก็ให้เซ่นด้วยเหล้าขาว โดยเอาเหล้าขาวหยอดลงไปในรูที่เจาะ หรือว่าถ้าวันไหนต้องการทางด้านโชคลาภเงินทองแบบเร่งด่วน ก็ให้ประพรมด้วยน้ำหอมฉีดใส่รูนั้นเช่นกัน


    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์บอกว่ายิ่งใช้ยิ่งมีแต่จะดีจะแรงขึ้น ไม่ต้องการการดูแลรักษาแต่อย่างใด ยิ่งไหว้ด้วยเครื่องทองต่างๆก็ยิ่งครูแรง ยิ่งใช้เซ่นเหล้าเซ่นน้ำหอมก็ยิ่งแรงเสริมไปอีก พกไว้ในที่ต่ำได้ท่านว่าถ้าร่นไว้ระดับเดียวกับจุดเพศเราตรงนี้ไม่ได้ลามกหรืออนาจารแต่อย่างใด ท่านว่าจะยิ่งแรง ยิ่งดูดขับสิ่งไม่ดีทั้งหลายได้มากขึ้น เรียกว่าแก้ไขจากภายในก็ไม่ผิด ท่านว่าถ้าใครเห็นว่าพกแล้วเสน่ห์แรงไปจะปวดหัวควบคุมไม่ไหว ก็ให้ร่นตะกรุดออกมาภายนอก คือใส่ในระดับการคาดตะกรุดปกติเพียงเท่านี้ก็จะทุเลาลงถ้าร่นตะหรุดมาภายนอกก็จะเหมาะกับการหาโชคลาภเน้นๆแทน ท่านว่าปรับใช้ตามแต่สถานการณ์นั่นเลย


    คาถาบูชา
    โอม อุอุ อะอะ มหาภูตา ปริภูเต ภูติ เวสันติ มะมะมามา โยนิโส ธะฮีนะ สวาหับ


    พ่ออาจารย์ท่านทำการเสกปิดในวันวาเลนไทน์ ที่เรียกว่าเป็นวันและเวลาที่มีพลังงานแห่งความปรารถนา ความรักของมนุษย์ที่รุนแรงเป็นพิเศษ ประกอบกับเป็นตะกรุดที่คุณวิชานั้นแรงมากแต่เดิมอยู่แล้ว ท่านว่าเสกจนตัวท่านนั้นรู้สึกได้เลยว่าวิชานี้ทำแล้วเหนื่อยจริงๆเรียกว่าถึงกับไข้ขึ้นทีเดียว ท่านว่าวิชาแบบนี้ต่อไปท่านจะไม่ทำอีก เพราะเป็นวิชาที่ฝืนวัฏฏะสงสารมากเกินไป ก็แค่อยากเห็นคนใช้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขความสบายมากขึ้น ท่านจึงตั้งใจว่าจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่านี่คือหนึ่งในตำนาน หลังจากนี้จะมีเสียงเรียกร้องให้สร้างอีกมากเพราะคนที่เค้าใช้ ได้เห็น ได้รู้ กับเนื้อกับตัวก็จะอยากมีอยากได้เอาไว้ให้คนที่เค้ารัก ให้คนในครอบครัวใช้บ้าง ท่านว่าหลังจากนี้จะไม่มีอีกซักครึ่งรุ่น เพราะมันทำยากยิ่งเสกก็ยากขึ้นไปอีก ท่านว่าทำครั้งเดียวจบ เพราะครูเบื้องบนคงไม่พอใจแน่หากเราจะทำของแบบนี้ขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง มันหนักเกินไป ของเช่นนี้ปกติมนุษย์แล้วไม่มีที่จะได้ใช้ได้เห็น แม้สมัยหลวงปุ่ศุขก็ยังต้องเลือกคนรับคนให้เช่นกัน ดังนั้นท่านจึงอธิษฐานฝากครูพระ ครูเทพทั้งหลาย ให้ดลใจผู้ที่มีวาสนากับเครื่องมงคลให้รีบรู้และรีบมารับไป


    * ท่านประกอบพิธีจัดสร้างไว้ทั้งหมด 8 ดอก รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น สำหรับผู้จองให้แจ้งชื่อ นามสกุลมาด้วย ท่านจะทำพิธีเป่ามนต์มหากำเนิดผ่านรูตะกรุด และจะสระสรงตะกรุดด้วยน้ำปรุงอีกคำรบหนึ่งเป็นการเบิกฤกษ์ให้ก่อนนำไปใช้กัน รายได้ทั้งหมดท่านจะมอบให้สถานพญาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์และเตียงพักผู้ป่วยต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาศาสตร์โยนีคลั่งรัก(ฟ้าสั่งรวย) บูชา 4,000 บาท


    1357988146.jpg 701465050.jpg 118756197.jpg SAM_5251.jpg
    SAM_5250.jpg SAM_5249.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2017

แชร์หน้านี้

Loading...