มิติซ้อนมิติ โดย ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์

ผม เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเรื่องลึกลับและลี้ลับ เมื่อสามสิบปีก่อน ผมสะสมหนังสือประเภทมนุษย์ต่างดาว ไสยศาสตร์ และ เรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ เอาไว้มากมายเป็นร้อย ๆ เล่ม มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หนังสือบางเล่ม ก็เขียนอย่างดีมีหลักฐานน่าเชื่อถือมาก แต่บางเล่มก็เขียนแบบเดาสุ่ม ตอนนั้นผมนำเรื่องเหล่านั้นมาเขียนเผยแพร่ไปหลายตอน แต่เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าเนื้อหาที่เขียนไม่ได้ให้ความรู้อะไรแก่ผู้ อ่าน อีกทั้งเรื่องที่เขียนนั้นผมก็ไม่ได้ประสบมาด้วยตัวเอง อย่างเช่นเรื่อง UFO ผมก็ไม่เคยเห็น แม้จะพยายามเลือกที่นั่งในเครื่องบินให้ใกล้หน้าต่าง แล้วคอยมองดูท้องฟ้าเสมอ ๆ ก็ไม่เคยพบเห็นจานบินสักลำ ในที่สุดผมก็เลิกเขียน แต่ยังอ่านอยู่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมไปพบหนังสือเรื่อง มิติซ้อนมิติ ของคุณวารุณี สวัสดิภักดิ์ เข้า จึงซื้อมาอ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำมาแนะนำให้อ่านกัน
คุณวารุณีเป็นชาวพุทธ์ซึ่งเดิมไม่ค่อยจะสนใจทำบุญทำทานมากนักจนกระทั่งวัน หนึ่งเกิดปัญหาหูดับฟังอะไรไม่ได้ยิน สามีของคุณวารุณีจึงพาเธอไปเข้าวัดและหัดนั่งสมาธิกับท่านพ่อซึ่งเป็นพระ ภิกษุที่มีศีลาจาวัตรงดงาม เมื่อหัดนั่งสมาธิได้แล้วคุณวารุณีก็ได้ประจักษ์ว่าตนเองสามารถติดต่อและ เห็นอีกภพภูมิหนึ่งได้ สามารถรู้ปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งเกิดความสังหรณ์ใจล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นได้ นั่นรวมไปถึงกรณีที่คุณวารุณีเห็นว่าท่านพ่อจะมรณภาพหลังจากสร้างพระอุโบสถ เสร็จ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น

ข้อเขียนของคุณวารุณีในเล่มนี้ผู้อ่านหลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ผมเองกลับเห็นว่าเป็นความกล้าหาญของคุณวารุณีที่นำเรื่องเหล่านี้มาบอก เล่าให้เรารับทราบกัน ผมเองเชื่อในเรื่องการตายแล้วเกิด (รวมทั้งตายแล้วสูญ) เชื่อในเรื่องภพภูมิต่าง ๆ และเชื่อว่าคนที่มีความสามารถในการมองทะลุภพภูมิอย่างคุณวารุณีนั้นมีอยู่ จริง เพียงแต่การบอกให้คนอื่นทราบนั้นอาจจะถูกคนที่ไม่เชื่อหัวเราะเยาะเอาได้

ความ เชื่อในเรื่องเหล่านี้มีมาคู่กับคนไทยนานหลายร้อยปีมาแล้ว แต่ความเชื่อนั้นจะต้องเชื่อให้ถูกต้องตามหลักการของพุทธศาสนา ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อเรื่องกรรม ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่า กรรมมีส่วนกำหนดให้เรามาเกิดและดำรงอยู่ในสภาพปัจจุบันก็จริงอยู่ อย่างไรก็ตามการกระทำของเราตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นกรรมเหมือนกัน และ การกระทำนั้นก็มีส่วนกำหนดให้เราเป็นสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยไม่ใช่ กรรมในอดีตชาติอย่างเดียว ดังนั้นเราจะต้องคิดดี พูดดี ทำดี เพื่อให้เกิดเป็นการกระทำที่ดี ซึ่งก็จะทำให้เป็นกรรมใหม่ที่จะส่งผลต่อ ๆ ไปในทางที่ดีแก่ตัวเรา

ยกตัวอย่างเช่น บางคนเกิดมาสมองดีมีความจำดีเรียนอะไรก็รู้ตามได้รวดเร็ว นั่นอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งของกรรมในอดีตชาติ แต่ถ้ามาในชาตินี้ไม่ได้พยายามขวนขวายเรียน ไม่ได้ตั้งใจเรียน ก็จะไม่สามารถทำคะแนนได้ดีจนกระทั่งเป็นดุษฎีบัณฑิตได้ อีกนัยหนึ่งก็คือ กรรมในอดีตอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนเป็นด็อกเตอร์ได้ ต้องอาศัยการศึกษาอย่างจริงจังและคร่ำเคร่งด้วย แต่ก็อีกนั่นแหละ แม้จะมีกรรมในอดีตชาติที่ส่งเสริมผลักดันให้ได้เรียน แม้จะศึกษาอย่างคร่ำเคร่งมากมายซึ่งเป็นกรรมที่เกื้อหนุนส่งเสริมมากมาย แต่ก็อาจจะไม่สามารถได้ปริญญาเอกได้ เพราะมีกรรมอื่นในอดีตมาขัดขวาง และบางคนอาจจะมีอุปฆาตกรรมจากอดีตมาตัดรอนพรากชีวิตไปโดยไม่ทันจะจบด้วยซ้ำ

ย้อนกลับมาที่หนังสือเรื่องมิติซ้อนมิติอีกครั้ง หนังสือนี้ความจริงมีสองส่วน ส่วนที่คุณวารุณีเขียนเองส่วนหนึ่ง และ ส่วนที่ทางสำนักพิมพ์ได้ขอให้ผู้ที่คุณวารุณีเคยช่วยเหลือได้ส่งเป็นเรื่อง เข้ามาร่วมตีพิมพ์ด้วย ผมจะไม่วิจารณ์เนื้อหาที่คุณวารุณีและผู้อื่นเขียนในที่นี่ แต่อยากจะเชิญชวนให้ลองหาซื้อมาอ่านกันเองก็แล้วกัน


ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์
จากเวบIT Idea for Spiritization by Dr.Kanchit Malaivongs

ราชบัณฑิต
ที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน)
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซีอินโฟเทค จำกัด
กรรมการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ
กรรมการบริหารสำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
กรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ
กรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
กรรมการสภามหาวิทยาลัยศรีปทุม
กรรมการสภาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหม่
กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ
ประธานอนุกรรมการตัดเลือกนักเรียนไทยไปแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิก
ตำแหน่งในอดีต

เฟสบุ๊คอาจารย์วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook

 

คุณถาม เราตอบ

ถาม พอดีเห็นจากเวบพลังจิตเลยแอดเข้ามาเผื่อว่าจะได้แนะนำผมในการปฏิบัติธรรมะครับ

ตอบ มโนจิตคือความนึกคิดดีหรือชัวมื<wbr>ดหรือสว่าง ย่อมเกิดขึ้นที่จิตเป็นอันดับแร<wbr>กเพราะสุขทุกข์ย่อมเกิดที่จิตดั<wbr>บที่จิต ตามด้วยคำพูดและการกระทำ คนเริ่มนั่งสมาธิถ้าไม่มีเหตุที<wbr>่ทำให้เกิดทุกข์เมื่อนังสมาธิ ความสงบย่อมเกิดสมาธิจิตรวมเร็ว<wbr>กว่าคนที่มีเรื่องทุกข์กังวลใจ คนมีเรื่องเช่นนี้พอนั่งสมาธิจิ<wbr>ตจะฟุ้งซ่านได้ง่าย แต่ถ้าหากข่มจิตให้หยุดได้ก็ชนะ คนส่วนมากคิดว่าต้องนังหลับตานั<wbr>้นแหละคือการทำสมาธิเป็นการเข้า<wbr>ใจผิด การที่เราเฝ้ามองจิตไม่ให้มิจฉา<wbr>ทิฐิในรูปแบบต่างๆ เข้ามาครอบครองบงการจิตให้เป็นไ<wbr>ปในทางที่ไม่ดีแล้วคิดตามมันไปเ<wbr>รารู้เท่าทันละมันเสียโดยเร็วเร<wbr>าก็ชนะ ฝึกบ่อยๆก็จะทำให้จิตผ่องใส นี่หละ่คือการทำสมาธิตลอดเวลา ง่ายกว่า มีเวลามากกว่า ไม่ว่ากิเสสจะเข้ามาทางอายตนะทั<wbr>้งห้า เรารู้เท่าทัน ฝึกบ่อยๆ หัดพินิจพิจารณาไตร่ตรอง จิตตั้งมั่น ปัญญาย่อมเกิดต่อไป เมื่อทำได้คล่อง ปัญญาจะทำหน้าที่เองโดยอัตโนมัต<wbr>ิใครๆก็ฝึกได้
การนั่งสมาธิสงบนิ่งนานบางครั้ง<wbr>ก็ติดอยู่ในความสงบนั่นคือสมาธิ<wbr>หัวตอ ได้แต่ความสงบอย่างเดียว วิปัสสนาไม่เกิด ก็ไม่มีกำลังปัญญาตัดอาสวะ แค่นี้แหละ
ภาวะต่อไปเป็นเรื่องที่เราจะรู้<wbr>ด้วยตนเอง เขาเรียกว่าปัจจตัง สาธุ ขอให้เจริญในธรรม

วารุณี สวัสดิภักดิ์


คน ในเฟสมาคุยธรรมแล้วเข้าใจ วานช่วยบอกเพื่อนใหม่ที ภวันตุเตหรืออาจารย์วารุณี เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมภาวนา มีคนคิดว่าเราเป็นหมอดู ฟังแล้วหดหู่ใจจริงหนอ พูดธรรมมะปากจะฉีกไปถึงคอ คนบ้าหมอดูไม่เอาจะผูกดวง ถ้าชอบจริงเชิญมาจะจัดให้ ธรรมส่องใจไม่ต้องพูดถึง เจออาจารยืเสาวนีย์แล้วจะตะลึง ไม่แม่นไม่เจ๋งไม่ต้องจ่ายสบายด<wbr>ี.

 

จิตสัมผัสของอ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์ ดูได้จาก http://palungjit.org/threads/จิตสัมผัสของอ-เสาวนีย์-สวัสดิ์ภักดิ์.346334/

 

การที่เกิดมาแล้วได้พบพระพุทธศาสนา เป็นบุญอันประเสริฐ ข้า้พเ้จ้า้ได้มีโอกาสเล่าเรียน และประสบความก้า้วหน้าในชีวิตการงาน สมาชิกในครอบครัวไม่ประสบกับปัญหาใหญ่ใดๆ เคยคิดว่า่ ตัวเรานั้นมีความสุข ซึ่งอันที่จริงแล้ว เป็นความสุขทางโลกล้วนๆ ข้า้พเจ้า้ ประสบกับวิกฤตชีวิตครั้งใหญ่เมื่อปลายปี พ.ศ.2550 เนื่องจากมีอาการตับวายกระทันหันจากไวรัสตับอักเสบ ซึ่งซ่อนตัวเป็นพาหะอยู่ หลังจากการผ่า่ตัดเปลี่ยนตับ ก็มีอาการดีขึ้นจนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติสามารถดำรงตำแหน่ง ประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทยเป็นวิสัญญีแพทย์ใ์ห้ยาระ งับความรู้สึกแก่ผู้ป่วย สอนนิสิตแพทย์ และเป็นนักวิจัย ข้าพเจ้ายังมีความโชคดีอีกประการหนึ่งคือ มีกัลยาณมิตรหลายคน หนึ่งในนั้นคุณหมอโก้ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์รุ่นน้อง เป็นกัลยาณมิตรทางธรรม
ราวเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 คุณหมอโก้เ้คยพูดถึง คุณวารุณี สวัสดิภักด์ิ หรือที่คุณหมอโก้เรียกว่า “คุณอา” มองเห็นว่าที่เมืองๆ หนึ่งในประเทศญี่ปุ่นจะมีคลื่นยักษ์ ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2554 ต่อมาคุณหมอโก้ไ้ด้ไ้ปพบกับคุณอาอีก มีการพูดถึงข้า้พเจ้า้ โดยบังเอิญ คุณอาของคุณหมอโก้ได้พูดถึงข้า้พเจ้า้ โดยยังไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักกับข้าพเจ้ามาก่อนว่า
“อาจารย์หมอ เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่ในตัวมีตับของคนอื่นอยู่แล้วทำไมจึงมีภูมิต้านทานต่ำเล่า?”
คุณหมอโก้ตอบว่า “อาจารย์เป็นผู้ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานมิให้ต่อต้านตับที่ได้รับการปลูกถ่ายนั้น”
คุณอากล่าวว่า่ “อาจารย์หมอตอนนี้กำลัง ปวดหลังอยู่มีกระดูกยื่นมากดทับเส้น ประสาท” ซึ่งข้อมูลเป็นข้อมูลเฉพาะตัว ซึ่งผู้อื่นรวมทั้งคุณหมอโก้ก็ไม่ทราบ
ข้า้พเจา้เคยตรวจพบโดยการตรวจด้วยเครื่องสนามแม่เหล็ก นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ข้า้พเจ้า้ ทึ่งคุณอาของคุณหมอโก้ หลังจากข้าพเจ้าสวดมนต์ไหว้พระ และฝึกนั่งปฏิบัติธรรมบางครั้งก็นึกถึงคุณอา ต่อมาคุณหมอโก้ได้โทรศัพท์มาหาว่า “คุณอานึกถึงข้าพเจ้าบ่อยๆ”
ในช่วงนั้นข้าพเจ้า คิดว่าคุณอาน่าจะเป็นผู้ปฏิบัติดีจนมีความสามารถพิเศษ เพียงแต่เรานึกถึง ก็ทำให้ท่านเห็นหรือคิดถึงเราได้ ทันใดนั้นคุณหมอโก้ก็โทรศัพท์มาถามว่า
“ที่บ้านของข้าพเจ้า นอกจากพระพุทธรูปแล้ว บูชาหลวงปู่ทวด เจ้า้แม่กวนอิม เจ้าพ่อกวนอู และพระหน้าขาวๆ ใส่แว่นตาหรือไม่”
ข้าพเจ้ารีบวิ่งลงไปดูที่ห้องพระพบว่า คุณอาถามได้เหมือนกับตา
เห็น สำหรับพระหนา้ ขาวๆ ใส่แว่นตานั้น ก็คือ รูปปั้นพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลปัจจุบัน ซึ่งไม่น่าที่ใีครจะคาดเดาได้นอกจากเห็นจริงๆ มหัศจรรย์มาก
จากการได้ไปพบปะพูดคุยก็พบว่า คุณวารุณี สวัสดิภักดิ์ เป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงมาก คุณอาของคุณหมอโกท่านนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าฝึกภาวนา แม้ว่าจะเริ่มต้นในช่วงปลายชีวิต ข้าพเจ้าได้อ่านต้นฉบับหนังสือของคุณอาวารุณีเล่มนี้ดวยความสนใจและซาบซึ้ง ขออนุโมทนาสำหรับสาระ ธรรมะ และคติเตือนใจจากการอ่านหนังสือฉบับนี้ เนื้อหาเป็นสิ่งที่คุณอาหรือบุคคลอื่นร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ประสบพบเห็นหลายเหตุการณ์ มีหลักฐานเป็นพยานบุคคลแต่ยากที่จะพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ควรอ่านแล้วคิดวิเคราะห์ ดังกาลามสูตร นอกจากนี้ เนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสือ ยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในดินแดนพุทธภูมิ ซึ่งชาวพุทธสมควรหาโอกาสไปแสวงบุญในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ขอให้ท่านผู้อ่านเจริญในธรรม อนุโมทนาในบุญกุศลนี้
ร่วมกัน
ศาสตราจารย์นายแพทย์สมรัตน์ จารุลักษณานันท์
1 สิงหาคม 2554

มิติซ้อนมิติเล่ม2 ตอนยายเฒ่าเล่าให้ฟังวางแผงแล้วครับที่ซีเอ็ดบุ๊คทั่วประเทศ

 

hyper kabuto บ้านของจิต ขันธ์

 

อนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ

 

เฟสบุ๊คอาจารย์วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook

 

อาตมารู้จักอาจารย์วารุณีที่ประเทศอินเดีย ตอนที่ท่านไปพักที่วัดจีนเพื่อปฏิบัติธรรม วัดจีนมีพระอยู่มากอาตมาก็พักกันที่นั่น และกำลังทำปริญญาเอกต่อ ในขณะที่ข่าวของพระที่ไปพบท่านได้พากันย้ายออกจากวัดไปอยู่หอพัก แล้วพูดกันต่อๆว่า "อยู่ใกล้ท่านระวังเรื่องของตัวเองให้ดี" อาตมากับพระอีกรูปหนึ่งอยากทดสอบดูบ้าง เมื่อได้พบกับท่านครั้งแรก ... ก็ไม่เห็นท่านจะมีอะไร เป็นแค่อุบาสกคนหนึ่ง อาตมาได้ถามท่านเกี่ยวกับเรื่องของอาตมา ท่านได้แ้ต่มองนิ่งๆ แล้วขอตัวเข้า้ห้องเพื่อนั่งสมาธิ ต่อมาอาตมาได้พบกับท่านโดยบังเอิญ อาตมาก็ถามท่านในเรื่องเดิมอีก คราวนี้ท่านขอสัญญากับอาตมาว่า่ หากตอบคำถามของอาตมาได้ถูก ต้อง อาตมาต้องพาท่านไปนั่งสมาธิที่ต่างๆ ตามที่ท่านอยากไปเป็นเวลาสองเดือนที่ท่านอยู่อินเดีย แล้วอาตมาก็ตกใจที่ท่านรู้เรื่องของอาตมาได้ถูกต้องทั้งหมด....แม้แต่ความ ฝันของอาตมาในวัยเด็กเพียง 5 ขวบ จึงเป็นเหตุใหอาตมาต้องพาท่านไปนั่งสมาธิจนครบวันที่ท่านเดินทางกลับก่อน
จากกันท่านได้บอกเรื่องราวของอาตมาในวันข้างหน้า และในขณะนี้เรื่องเหล่านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2552 อาตมาไดพบกับท่านโดยบังเอิญที่พุทธคยาในงานสวดพระไตรปิฎก ท่านได้เ้ล่าเรื่องสัมผัสถึงลามะน้อย (ราม พรหมจัน) ชาวเนปาล ผู้ที่นั่งสมาธิโดยไม่กินข้าวและน้ำ เป็นเวลา 6 ปีว่า ขณะที่ท่านนั่งสมาธิอยู่เกิดเวทนาอย่างรุนแรง ลามะน้อย ..ได้ผ่านจิตมาให้กำลังใจท่าน ทำให้ท่านอยากสนทนาธรรมว่า...เพราะเหตุใดลามะน้อยจึงมาให้กำลังใจ อาตมาในฐานะชาวเนปาลจึงรับอาสาว่า่ จะนำพาท่านให้ไ้ด้พบกันและจะเป็นอย่างไรต้องรอดูเรื่องนี้กันต่อไป
ท่านได้ส่งต้นฉบับ หนังสือมิติซ้อนมิติเล่มสอง มาให้อาตมาตรวจสอบเพราะมีเรื่องของอาตมาในเล่มนี้ด้วย เมื่อได้อ่านดูเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มีสาระ สนุก อ่านแล้ว ได้ความรู้เรื่องของธรรมะมากขึ้น อาจารย์วารุณีท่านไม่ถือตัวว่าเป็นผู้รู้ ท่านมีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระสงฆ์ และมีเมตตาเป็นอย่า่งมาก ท่านปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้วยังเผยแพร่ธรรมะที่ได้รู้ให้ผู้ที่สนใจด้วย ท่านพูดอยู่เสมอว่า
“ความรู้พิเศษเกิดขึ้นได้กับทุกคนถ้ามีความตั้งใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีแก่นสารที่จะยินดี และทำให้ล่าช้าในการปฏิบัติ สักแต่ว่ารู้ก็พอ ” อาตมาจึงอยากให้ท่านผู้อ่านได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้
ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองและปกปักรักษาท่านผู้
อ่านทุกท่านเทอญ
พระจัน
สิริกิตติ วิหารเนปาล
Bhikkhu Chandra Kirti
President:
Sri Kirti Bouddha Kendra
Buddhist Awareness indigenous Council, Nepal
Creation, Nepal
Human Rights & Peace Society (LALIT)
17 ตค. 2554

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ หนุกและได้ความรู้ดี

 

สาธุ อนุโมทนาบุญจ๊ะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำความรู้ดีๆมาแบ่งปัน.

 

ขอบคุณสำหรับสาระดี ๆ ทำให้รู้จักผู้ปฏิบัติที่สามารถเข้าถึงมิติเร้นลับได้

 

ถาม คนไม่มีศาสนา ไม่นับถืออะไรทั้งสิ้น นอกจากตัวเอง ตายแล้วจะไปอยู่ไหน สงสัยมานาน อาจารย์ช่วยตอบหนูที

วารุณี สวัสดิภักดิ์ ตอบ คนที่ไม่มีศาสนาเป็นที่ยึดเ<wbr>หนี่ยวก็ใช่ว่าจะพ้นอำนาจบุ<wbr>ญหรือบาป เมื่อตายไปก็จะมีกระแสบุญกร<wbr>ะแสบาปเป็นเครื่องนำทาง(มนุ<wbr>ษย์ทุกคนล้วนแต่ทำบุญและบาป<wbr>ด้วยกันทั้งนั้น)

 

ขอบคุณครับ ที่นำของดีๆ มาให้อ่าน เข้ามาอ่านกันเยอะๆ นะ

 

หัวเรื่องมิติซ้อนมิติเล่ม2

บารมีหลวงปู่เณรคำ
พลังเมตตาเทพเทวี
เทพผู้ดูแลต้นพระโพธิ์ตรัสรู้
ดวงประหลาด
สัจจะที่ไม่รักษา
อานุภาพความศรัทธาส่งผล
ทหารเปรตของพระเจ้าอโศกมหาราช
ย่ามเทวดา
คำสาปแช่ง
เจ้าพ่อตะรุเตา
รู้แล้ว…ตายแล้วไปไหน
บทส่งท้าย
มิติซ้อนมิติเล่ม2 ตอนยายเฒ่าเล่าให้ฟังวางแผงแล้วครับที่ซีเอ็ดบุ๊คทั่วประเทศ
ผู้อ่านที่สนใจสามารถติดตามเรื่องราวในหนังสือ มิติซ้อนมิติ ของ วารุณี สวัสดิภักดิ์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร. 086 – 324 – 7404 โทร. 02 – 588 - 2385

 

มหาภูตภพด้วยเปล่าครับ

 

ชอบเหมือนกันเลย ต้องติดตามอ่านซะแล้ว ขอบคุณมากนะคะ

 

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ ครับ...เรื่องนี้ผมทราบได้ดี เพราะมีประสบการณ์มาเหมือนกันครับ ขอเรียนถามสักหน่อยนะครับไม่ทราบว่าเรื่องราวเกี่ยวกับลามะน้อยที่เนปาลใช่ท่านเดียวกับที่ออกรายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" หรือเปล่าครับ ? ถ้าใช่ ผมมีความประสงค์ที่จะเรียนถามต่อว่า เนื่องจากลามะน้อยท่านนี้ นับเป็นบุคคลที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาท่านหนึ่งซึ่งจะนำแสงธรรมของพระพุทธศาสนากลับมาที่เนปาลได้ในอนาคต ในปัจจุบันมีโครงการที่จะสร้างวัดไว้นะสถานที่ที่ลามะนี้ประจำอยู่รึยังครับ หรือมีวัดอยู่แล้ว ? หรือมีสถานที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา (ถ้าเป็นวัดเลยจะดีมากครับ) การสอบถามนี้มีเจตนาเพื่อให้พระพุทธศาสนากว้างไกล โดยเฉพาะในดินแดนเดิมที่เป็นถิ่นพุุทธประวัติ การสร้างวัดไว้ในสถานที่ที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่นับว่าเป็นสิ่งจำเป็น ถ้ามีโครงการเรื่องนี้อยู่แล้ว หรือกำลังจะมีก็ขออนุโมทนาสาธุเพิ่มเติมคับ...

 

ลามะน้อยคนเดียวกันครับ ท่านจันเป้นญาติกับลามะน้อย ส่วนเรื่องอื่นผมไม่ทราบแน่ชัดครับ

 

• Kittikung Burana แล้วถ้าอดีตชาติไม่ได้ทำมาท<wbr>างวิปัสสนาล่ะค๊ะ จะไม่ช้าไปหรือถ้าจะมาเริ่ม<wbr>เรียนรู้วิปัสสนาใหม่ ตลอดมาทำสมถค่ะ มันหินทับหญ้าจริงๆ
• วารุณี สวัสดิภักดิ์ เรื่องการปฏิบัติธรรมก้เป็น<wbr>เช่นนี้แหละ เป็นเรื่องสภาวะจิตของแต่ละ<wbr>คน ความศรัทธา ความเพียร เป็นสิ่งสำคัญ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
• Kittikung Burana จะผิดมั้ยค๊ะ ถ้าจะปฏิบัติทั้งสองทาง ทั้งสมาธิ และวิปัสสนา
• วารุณี สวัสดิภักดิ์ ไม่ผิด เพราะจุดหมายของสมาธิก้เพื่<wbr>อวิปัสสนา ถ้านั่งสมาธิอย่างเดียวก็ได<wbr>้แค่ความสงบ ปัญญาไม่เกิด ก้ไม่ส่ามารถเข้านิพพานได้
• Kittikung Burana การรู้ รู้ว่าคิดน๊ะ เมื่อกี้โกรธไปแล้วน๊ะ เป็นการรู้ทันความคิดว่าเรา<wbr>แวปออกไปคิด แต่ทีติดคือการเข้าไปดูความ<wbr>คิดนี่สิค๊ะ มันเลยหลงยาววววว ใช้วิธีเพ่งลมหายใจแบบจงใจต<wbr>ามดูลมว่ากระทบจุดไหน จะช่วยให้จิตไมหลงไปในความค<wbr>ิดแบบยาวๆ ได้มั้ยค่ะ
• วารุณี สวัสดิภักดิ์ เมื่อสติจับความนึกคิดได้แล<wbr>้วความนึกคิดก้คือจิต เมื่อสติเพ่งจิตยังมีอารมณื<wbr>ภายนอกเข้ามากระทบอารมณ์ในภ<wbr>าวะนี้เมื่อรู้แล้วก็ให้ละ<wbr>โดยเร็ว แบบที่เรียกว่า รู้แล้วละ ทำอยู่อย่างนั้น เมื่อภาวะนี้เต็มที่ ภาวะใหม่ก็จะเข้ามา ทำเองรู้เองเห็นเอง

 

“มิติซ้อนมิติ” เป็นมิติที่ผู้คนชอบกล่าวถึง แต่ไม่สามารถหยิบยกออกมาให้ดูกันได้ มีแต่คำกล่าวอ้า้งอิงเท่านั้นยายเฒ่าก็เ็คยอ้า้งอิงเช่นเดียวกับบุคคลอื่นใน มิติซ้อนมิติเล่มแรก โดยบอกไว้ว่า่ มิติซ้อนมิติเป็นที่อยู่ของเหล่าอทิสมานกาย โอปปาติกะ (เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย) ที่มีกายละเอียด ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้าหากพวกเขาเหล่านั้น
ไม่อยากให้เรามองเห็นใน “มิติซ้อนมิติ เล่มที่สอง ตอนยายเฒ่าเล่าให้ฟัง” มีอยู่ว่าวันหนึ่ง
ยายเฒ่าได้มีโอกาสสัมผัส มองเห็นโอปปาติกะที่มายืนอยู่นอกระเบียงบนศาลา จึงได้เอ่ยปากเชิญให้เข้ามาฟังการสนทนาธรรม บุคคลที่อยู่ในที่นั้นจึงถามว่า“คุณแม่พูดกับใคร”
ผู้เขียนได้บอกกับเขาว่า “มีผู้มายืนฟังการสนทนาธรรมอยู่ที่ระเบียง”
เมื่อเขามองออกไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่า เขาเลยเอากล้องที่ติดตัวมาตลอดเวลา ถ่ายรูปจากด้านในผ่านกระจกออกไปตรงจุดที่ยายเฒ่าบอกก็ติดภาพโอปปาติกะดังที่ เห็น
หรือว่า่ โลกใกล้ถึงกาลวิบัติ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่มนุษย์จะเข้า้ไปในมิติของเหล่าโอปปาติกะ ที่ซ้อนอยู่กับโลกของมนุษย์ไ์ด้ด้วยกายหยาบ แล้วยังสามารถมองเห็นโอปปาติกะได้ด้วยตาเนื้อ

วารุณี สวัสดิภักดิ์