พลังศรัทธา“หลวงปู่เณรคำ”วัดป่าขันติธรรมของ..ดร.สุนันทา ลีเลิศพันธ์

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 14 กรกฎาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ดร.สุนันทา ลีเลิศพันธ์กับ...พลังศรัทธา “หลวงปู่เณรคำ”วัดป่าขันติธรรม


    [​IMG]


    คมชัดลึก :

    เมื่อเอ่ยถึง ยาสีฟันตราดอกบัวคู่ เชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักสินค้าไทยยี่ห้อนี้ แม้ในอดีต ดร.สุนันทา ลีเลิศพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด และบริษัท โรงแรมในเครือทวินโลตัส ต้องล้มลุกคลุกคลานในธุรกิจสมุนไพรไทย แต่ในที่สุดก็สามารถสร้างแบรนด์คนไทยให้โด่งดังไปถึงต่างประเทศมานานกว่า ๔๐ ปีแล้ว


    "แม้ชีวิตเริ่มต้นเราจะไม่ได้สวยงามอย่างนักธุรกิจคนอื่นๆ แต่การต่อสู้และกำลังใจเป็นแรงสำคัญ สามารถผลักดันจนมาสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน การเป็นผู้ให้และรู้จักแบ่งปันในสิ่งที่เรามี เป็นสิ่งที่ขาดแคลนอย่างมากในสังคมไทยปัจจุบัน สำหรับสิ่งของที่นำไปบริจาคและมอบให้เป็นถุงของขวัญให้ผู้สูงอายุ นอกจากจะมีเงินให้ทุกคนจำนวนหนึ่งแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ดอกบัวคู่ ซึ่งเป็นสินค้าที่ครอบครัวร่วมกันสร้างจนขยายอาณาจักร รวมไปถึงอาหารกล่อง และน้ำดื่ม”
    นี่คือการทำทานจากคำบอกเล่าของ ดร.สุนันทา ที่ทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี แล้ว โดยหากคิดเป็นมูลค่าเงินอยู่ในหลักล้าน
    ขณะเดียวกัน ดร.สุนันทา ยังให้ธรรมะเป็นทานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทั้งนี้ทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ ของทุกเดือน จะนิมนต์ หลวงปู่พุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มาแสดงธรรมที่บ้านเป็นประจำ
    ทั้งนี้จะเปิดบ้านให้ญาติโยมคนภายนอกที่ศรัทธาหลวงปู่เข้ามาฟังธรรมได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะพนักงานของดอกบัวคู่เท่านั้น ที่เปิดกว้างเพราะว่าการให้ธรรมะเป็นทาน ดีกว่าการให้ทั้งปวง ถ้าเขานำธรรมะไปปฏิบัติในชีวิต พบความเจริญรุ่งเรือง มีดวงตาเห็นธรรม ถ้าสูงสุดก็คือเข้าถึงพระนิพพาน

    [​IMG]


    การให้เช่นนี้จึงนับว่าสูงสุด และชนะการให้ทั้งปวง หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็จะได้เพื่อนกัลยาณมิตรที่มาฟังธรรมด้วยกัน พร้อมกับจัดอาหารเลี้ยงด้วย หลังฟังธรรมเสร็จก็มีน้ำชากาแฟให้ดื่ม แต่ได้หยุดนิมนต์หลวงปู่พุทธอิสระไปช่วงหนึ่ง เพราะท่านติดกิจนิมนต์อื่นๆ
    นอกจากนี้แล้วหาก พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ แห่งวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ถูกนิมนต์มาเทศน์ในกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า ก็จะนิมนต์ท่านมาเทศน์ในช่วงเย็นที่บริษัท ทั้งนี้วิธีการสอนของหลวงปู่เณรคำ และหลวงปู่พุทธอิสระ ท่านเน้นภาษาที่เรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อน สามารถนำไปเป็นข้อคิดเตือนสติทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง หรือผู้ชาย สามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
    ทุกๆ ครั้งที่นิมนต์พระมาแสดงธรรมที่บริษัท จะมีญาติธรรมที่มาจากหลากหลายอาชีพ ทุกเพศ และทุกวัย รวมทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง มาร่วมฟังธรรมหลายร้อยคน
    ในเรื่องการดูแลพนักงานของบริษัทในเครือที่มีเกือบพันชีวิตนั้น ดร.สุนันทาบอกว่า บริษัทดอกบัวคู่ ได้ส่งเสริมให้พนักงานนั่งสมาธิทุกเช้า ถ้าใครมาก่อนแปดโมงก็มาสวดมนต์นั่งสมาธิด้วยกัน เพื่อให้มีจิตสงบ เป็นบุญกุศล เป็นอริยทรัพย์ต่อไป แล้วผลพลอยได้ก็คือการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยจะเน้นสอนให้พนักงานมีความกตัญญู รู้จักที่จะทำดี มีความซื่อสัตย์สุจริต
    ส่วนหลักในการทำงานคือ เมื่อเราปกครองลูกน้อง เราต้องให้ความยุติธรรม เมื่อเราอยู่เย็นเป็นสุขแล้ว เราก็ต้องให้เขาอยู่เย็นเป็นสุขด้วย

    [​IMG]


    สำหรับพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่เณรคำนั้น ดร.สุนันทาบอกว่า แรกเริ่มเดิมทีก็คงมีแนวความคิดเหมือนญาติธรรมคนอื่นๆ ที่ว่าท่านอายุยังน้อย ทำไมจึงเรียกหลวงปู่ คิดว่าเป็นการแอบอ้างมากกว่า หลังจากอ่านประวัติของท่านจึงตั้งใจว่าจะไปกราบท่านสักครั้งหนึ่ง
    และเมื่อได้มาสัมผัส รวมทั้งได้ฟังธรรมจากท่านแล้ว แม้ท่านอายุยังน้อยแต่ธรรมของท่านไม่ธรรมดา จากนั้นเป็นต้นมาก็ติดตามฟังธรรมของท่านเรื่อยมา ขณะเดียวกันก็จะอ่านหนังสือประวัติของท่านอย่างละเอียด
    โดยเฉพาะหนังสือ "ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด” ซึ่งอ่านทั้งเล่มเป็นครั้งที่ ๒ แล้ว เพื่อศึกษาแนวทางปฏิบัติไปสู่ความหลุดพ้นของท่าน เพื่อตนเองจะได้หลุดพ้นบ้าง

    [​IMG]


    พร้อมกันนี้ ดร.สุนันทา ได้ยกบางส่วนของคำสอนของหลวงปู่เณรคำ จากหนังสือชาติหน้าไม่ขอมาเกิด เช่น
    “การทำความดี ยากกว่าทำความเลวฉันใด การเข้าถึงทางแห่งธรรม ก็ยากกว่าการหมกมุ่นอยู่ในโลก ฉันนั้น เพราะทางโลกนั้น เต็มไปด้วยวัตถุที่สัมผัสจับต้องได้ เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส เสื้อผ้าอาภรณ์สวยสดงดงาม แหล่งบันเทิงเริงรมย์มากมาย จึงย่อมเป็นที่หลงใหลของผู้คนจำนวนมาก แต่ทางธรรมนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วย ตา หู จมูก นอกจากการใช้จิตเข้าไปกำหนดรู้”

    และ “ความหลุดพ้นพูดง่าย แต่ทำยาก บางคนทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ก็หมดความอดทน ไม่เห็นความสวยงามก็เตลิดเปิดเปิง พอกลับมาทำใหม่ ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ทำไปได้สักพักก็เลิกอีก หากเป็นเช่นนี้ย่อมไม่อาจเข้าถึงความหลุดพ้นได้ บางคนเข้าใจว่า การปฏิบัติที่ได้ผลดีเลิศนั้น ต้องหมกตัวอยู่ในป่า กินอาหารมื้อเดียว แท้ที่จริงแล้ว การปฏิบัติที่ได้ผลเลิศนั้นหาอยู่ในป่าที่รกทึบไม่ แต่อยู่ในป่า ที่ชื่อว่ากายและใจต่างหาก ถ้าจาริกเข้าไปในป่าทั้งสอง ถากถางความรก คือกิเลสได้หมดสิ้น นั่นแหละจึงถือว่าการปฏิบัติผลดีเยี่ยม”

    [​IMG]


    เมื่อถามถึงธรรมที่ทำให้มั่งมีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ดร.สุนันทาบอกว่า ธรรมทุกข้อของพระพุทธเจ้าล้วนนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารธุรกิจ รวมทั้งนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องไปร่ำเรียนจากมหาวิทยาลัยใดๆ รวมทั้งไม่ต้องไปอ่านหนังสือแนวบริหารธุรกิจของใคร ที่นึกได้ ณ เวลานี้ คือ พรหมวิหาร ๔ ซึ่งหมายถึง ข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเป็นพรหม ประกอบด้วย

    ๑.เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข
    ๒.กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์
    ๓.มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ และ
    ๔.อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง


    ไตรเทพ ไกรงู

    ---------
     
  2. kwanddee

    kwanddee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +6
    ขออนุโมทนากับ ดร.สุนันทา ด้วยนะคะ

    ดิฉันก็หวังว่า จะมีโอกาส

    ไปกราบท่านสักครั้งค่ะ
     
  3. เขียด

    เขียด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +128
    เคยไปที่วัดของหลวงปู่เณรคำ แต่วันนั้นท่านไม่อยู่ อยู่แต่หลวงปู่จ่อยเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่เณรคำไปกราบท่านมา ท่านเมตตาสุด ๆ ท่านให้ใบโพธิ์เป็นของที่ระลึกกับคณะที่ไปด้วยกันทุกคน
     
  4. โอม อุดมชัย

    โอม อุดมชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +2,527
    อนุโมทนา
    ชาวพุทธ พึงมีและควรปฎิบัติในพรหมวิหาร ๔ ซึ่งหมายถึง ข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเป็นพรหม ประกอบด้วย

    ๑.เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข
    ๒.กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์
    ๓.มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ และ
    ๔.อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...