ปรกอุดมความสุขลป.คำพันธ์ุเหรียญพระลักษ์พระรามลพ.รักษ์เหรียญนาคี ลป.จักร เขารังไก่ลพ.โอดลพ.แป๋ว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1720353281231.jpg
    พระปิดตา หลวงพ่อดัด พุทธิสาโร วัดท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2513 ปลุกเสกพิธีหมู่ พระเกจิอาจารย์ดังเมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมปลุกเสกหลายท่าน องค์นี้พิมพ์เล็ก
    ประวัติครูบาอาจารย์
    หลวงพ่อดัด พุทธิสาโร หรือ ท่านพระครูไพโรจน์อรัญญคุณ วัดท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ท่านเกิดวันที่ 30 ธันวาคม 2463 ที่บ้านหนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท ครอบท่านมีด้วยกัน 7 คน ท่านเป็นคนโต ท่านบวชที่วัดสระดู่ ต.หนองแซ อ.หันคา จ.ชัยนาท
    ท่านคือพระเกจิเก่งอีกท่านหนึ่งของเมืองชัยนาท มีวิชาลงอักขระเลขยันต์ เขียนและลบผง ลงมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลได้ขลังนัก อีกทั้งยังมีวิชาสามารถเรียกฝนให้ตกได้ ตำราที่ท่านได้เรียน ส่วนมากจะมาจากหลวงปู่เฒ่า ซึ่งตกทอดมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นั่นเอง..
    หลวงพ่อดัด ท่านเป็นสหธรรมิกกับ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม , หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ , วัตถุมงคลในยุคแรกๆของหลวงพ่อดัด ส่วนมากจะนิมนต์พระเกจิที่เป็นสหธรรมิกของท่าน มาร่วมปลุกเสกด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนวิชาคาถาอาคมไปในตัว ท่านได้รับการยกย่องว่ามีพลังจิตแข็งกล้ามาก
    หลวงพ่อดัดท่านเป็นพระเคร่งครัดในพระธรรมวินัย นิสัยสันโดษ ไม่ค่อยออกไปไหนไกลจากวัดสักเท่าไหร่ และไม่ค่อยพูด ท่านเป็นพระวาจาสิทธิ์ ลองได้ทักใครไปในเรื่องอะไร ต้องเป็นไปดังคำที่หลวงพ่อท่านทักทายทำนายไว้แน่นอน ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์และชาวบ้านชาวเมืองชัยนาทเป็นอย่างมาก
    ในวันที่ท่านจะสิ้นลมหายใจท่านถามศิษย์ว่าวันนี้ฝนตกหรือยัง ศิษย์บอกว่าฝนตั้งเค้ามาแล้ว.. ท่านบอกว่าวันนี่ท่านต้องจากไปแล้ว แล้วท่านก็นอนจำวัด ก่อนนอนท่านให้พระภิกษุในวัด สวดมนต์บูชาพระ พอตอนบ่ายฝนตกอย่างหนักจนถึงเย็น พอฝนหายท่านก็สิ้นลมหายใจท่ามกลางศิษย์ที่ดูแล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2527
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาหลวงพ่อดัดวัดท่าโบสถ์ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240707_190453.jpg IMG_20240707_190515.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720355424327.jpg
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม องค์นี้ แม้แต่พระอภิญญาอย่าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ยังยกย่องและยอมรับว่าหลวงพ่อจวนท่านนี้เก่งจริงๆๆพลังจิตกล้าแกร่งเหลือเกิน
    หลวงพ่อจวน เป็นพระองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ลูกศิษย์ไปกราบ และทำบุญด้วย เนื่องจากหลวงพ่อ ไปเจอหลวงพ่อจวนที่พระจุฬามณี โดยหลวงพ่อจวนไปทั้งกายเนื้อ
    มีอยู่เที่ยวหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า " เฮ้ย ! พวกแกลองสืบดูซิ มีหลวงตาองค์หนึ่งขาว ๆ ท้วม ๆ ล่ะนะ ชื่อ จวน อยู่สิงห์บุรี ลองดูสิว่ามีพระชื่อนี้อยู่สิงห์บุรีวัดไหน ช่วยบอกให้ด้วยหาไม่ยากหรอก ท่านดังด้วย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม"
    ถาม : หลวงพ่อหาทำไมครับ
    ท่านบอกว่า : "วันก่อนขึ้นไปพระจุฬามณีเห็นหลวงตาจวนเดินตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆ อยู่ เขาเก่งว่ะ เขาไปทั้งตัวเลย ไม่ได้ใช้มโนมยิทธิถอดจิตไปนะนั่น เล่นไปทั้งตัวเลยล่ะ"
    ถาม : ยังอยู่ไหมครับ ?
    ตอบ : เรียบร้อยไปแล้ว ถ้าอยู่ไม่กล้าเล่ากลัวท่านเหยียบเอา (หัวเราะ) วัดหนองสุ่ม ขาว ๆ ยิ้มทั้งวันน่ะ น่ารักมาก....
    "สมัยที่หลวงพ่อจวนยังอยู่ จะไม่ให้ทำหนังสือวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ของ ๆ ฉันถ้าจะดังเดี๋ยวดังเอง"
    หลวงพ่อจวนได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๖ สิริอายุได้ ๗๙ ปี พรรษา ๕๕
    หมายเหตุ: "พระจุฬามณี"
    หมายถึง เจดีย์พระจุฬามณี"บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีปราสาทเนรมิต กับมี พระเจดีย์จุฬามณี อันเป็นที่ประดิษฐานพระเมาลีของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จออกมหาภิเนกษกรมณ์ และเมื่อพระพุทธองค์นิพพานแล้วก็ได้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ขวาด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อหลวงพ่อจวนวัดหนองสุ่ม ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240707_192911.jpg IMG_20240707_192932.jpg IMG_20240707_192950.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2024
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระสมเด็จปรกโพธิ์ฐานพระแม่ธรณี ชนะมารวัดอรุณราชวราราม พิธีใหญ่
    บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240707_194338.jpg IMG_20240707_194410.jpg IMG_20240707_202748.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720364558014.jpg

    ประวัติ หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
    หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
    เดิม
    ชื่อตั๋ง เต้่าสุวรรณ เกิดวันพุธที่11 ธันวาคม พ.ศ.2455 ปีชวด ที่บ้านโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคุณพ่ออยู่ คุณแม่ใย เต้าสุวรรณ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา7คน
    1 นายพรหม เต้าสุวรรณ
    2น.ส.ลำยวง เต้าสุวรรณ
    3นางชิด อารมย์สุข
    4นายบุญช่วย เต้าสุวรรณ
    5นายตั๋ง เต้าสุวรรณ
    6น.ส.ติ้ง เต้าสุวรรณ
    7นายเชื้อ เต้าสุวรรณ(ถึงแก่กรรมทั้งหมด)
    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ20ปีได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12พฤาภาคม 2475 มีพระอธิการโป๋ เจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการก๋งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอาจารย์โกยเป็นอนุสาวนาจารย์(พระตั๋งได้รับฉายาปิยคุโณ)
    หลวงพ่อตั๋ง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ พูดน้อยแต่แฝงด้วยความปราณี เป็นศิษย์ร่วมครูอาจารย์กับหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน สระบุรีและหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา มีความขลังทางพุทธาคมคาถาเป็นอมตะ สร้างวัตถุมงคลเพื่อการสร้างพระศาสนาไม่หลายรุ่นนัก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง หลวงพ่อตั๋ง นับเป็นพระเถราจารย์บริสุทธิ์ด้วยศิลและมีกฤษฏาอภินิหารอีกรูปหนึ่งแห่งลุ่มน้ำป่าสักตอนใต้ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เอนได้ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นพระปริยัติกับหลวงพ่อก๋ง แต่ไม่ได้เข้าสอบธรรมสนามหลวง ท่านได้หันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและเวทมนต์คาถาโดยมีอาจารย์พ่อก๋งเป็นผู้ประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ มาถึงตอนนี้ขออ้างอิงสิ่งที่น่าเชื่อถือได้สักนิด ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก๋ง ว่ามีมากน้อยเพียงไร หลวงพ่อตั๋งเล่าว่า หลวงพ่อก๋งบรรลุฌานกสิณแก่กล้า สามารถลงไปในน้ำจับปลาเป็นๆขึันมาได้ และยังเดินบนผิวน้ำได้อีกด้วย โดยเฉพาะความขลังในการเสกเป่าน้ำ พระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อตั๋งได้รับการถ่ายทอดวิทยาตุณต่างๆ จากหลวงพ่อก๋งอย่างไม่ปิดบังอำพรางโดยเฉพาะทางสมถกรรมฐานท่านกรุณาแนะนำหลักปฏิบัติจนมีความเชี่ยวชาญ ในการเจริญภาวนา มีสมาธิจิตกล้าแข็งและว่องไว สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ให้เกิดอานุภาพนานาประการทั้งปวง เมตตามหานิยม มหาอำนาจและคงกระพันชาตรี คุณวิเศษที่กล่าวมานี้ คือผลการเจริญกรรมฐาน จนจิตเป็นสมาธิชั้นสูง ซึ่งหลวงพ่อก๋งเป็นผู้บอกพระกรรมฐาน และชี้แนะหลักปฏิบัติแต่เริ่มแรก ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ช่วงนั้นวัดโพธิ์เอนว่างเจ้าอาวาสคณะสงฆ์จึแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนสืบต่อมาจนถึง พ.ศ.2538 หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนแล้ว หลวงพ่อได้ปฎิสังขรณ์และก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างเต็มสติกำลัง ตามความสามารรถ ท่านทุ่มเทกำลังกายกำลังความคิดและมีอุตสาหะวิริยะอย่างยอดเยี่ยม
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อุบัติขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 ผู้ประสบการณ์ไม่ประสงค์ออกนาม ปัจจุบันท่านอยู่ในเพศบรรชิต กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 มีอยู่วันหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืนลูกซองระยะประมาณ5วาเศษเรียกว่าระยะเผาขน ลูกปืนถูกบริเวณหน้าอกและลำคอ ความแรงของลูกปืนทำให้หงายหลังลงไปนอนแผ่หลา ด้วยอานุภาพของ........เหรียญรุ่นแรก.......ปีพ.ศ.2522........คุ้มครองแค่ผิวหนังไหม้เกรียมเป็นจุดลูกปืนเท่านั้น ท่านบอกว่าเหรียญรุ่นนี้มีคุณวิเศษในทางอยู่คงกระพัน อย่างยอดเยี่ยม ถ้าวันนั้นเหรียญหลวงพ่อตั๋งไม่คุ้มครอง ร่างคงพรุนเป็นแน่ ท่านใดที่ได้บูชาไปจากรายการช็อคโลก เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ ประวัติและเกียรติคุณของหลวงพ่อตั๋ง ที่ลำดับความมาตั้งแต่ต้นจนถึงบทสุดท้ายนี้ หวังว่าคงสร้างศรัทธาต่อท่านผู้อ่านตามสมควรโดยเฉพาะวัตถุมงคลของหลวงพ่อ เคยก่ออภินิหารทุกรุ่น แต่ไม่มีผู้ใดนำความศักดิ์สิทธิ์มาเผยแพร่ให้เลื่องลือชื่อเสียง ท่านจึงเป็นเสมือนเพชรน้ำหนึ่งที่ซ่อนแสงอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด
    #วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีประสบการณ์ทุกรุ่น
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนและรูปถ่ายหลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอน ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240707_215340.jpg IMG_20240707_215356.jpg IMG_20240707_215413.jpg IMG_20240707_215431.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720431631572.jpg


    พระสมเด็จทรงรัศมีและขุนแผนพรายเดี่ยวเนื้อดินเผาหลวงพ่อชำนาญสมัยอยู่วัดบางกุฎีทองยุคเก่า
    สมเด็จทรงรัศมี แช่น้ำมนต์ ขนาดกว้าง 3 ซ.ม. สูง 4.6 ซ.ม. ตอกโค๊ต ป.ท.ว.(ปทุมวรกิจ)ที่ด้านล่างองค์พระ พุทธคุณเช่นเดียวกับสมเด็จแหวกม่านครับ(เสริมดวง,หน้าที่การงาน,แหวกอุปสรรค,เคราะห์โศก) สร้างปี 2554 และนำไปแช่น้ำมนต์ ให้ออกบูชาในปี 2556 พระรุ่นก่อนๆที่แช่น้ำมนต์ราคาไปพันถึงหลายๆพันแล้วครับ รุ่นนี้ถือเป็นของดีที่ราคายังเบามากครับ
    ###ข้อมูลจากนสพ.ข่าวสด###
    เมื่อปี 2554 หลวงพ่อชำนาญ พระเกจิชื่อดังวัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี ได้นำพิมพ์สมเด็จแหวกม่าน รุ่นแรกที่แกะพิมพ์เองไปให้โรงงานแกะพิมพ์ใหม่ให้สวยกว่าเดิม เป็นองค์สมเด็จใหญ่ขึ้นรัศมีคมชัด ด้านหลังนำรูปเหมือนหลวงพ่อเป็นแบบ ตั้งชื่อไม่ให้ซ้ำพระสมเด็จแหวกม่านรุ่นแรกว่า "สมเด็จรัศมี" หมายถึง "ฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า" มี 6 ประการคือ
    1.สีเขียว เรียกนีละกสิณ (เขียวเข้มเหลือบม่วง เหมือนดอกอัญชัน)
    2.สีเหลือง เรียกปีตะกสิณ (เหลืองเหมือนสีของดอกหรดาลทอง)
    3.สีขาว เรียกโอทากะกสิณ ขาวเหมือนแผ่นเงินแท้
    4.สีแดง เรียกโลหิตตะกสิณ แดงเปลวเพลิง
    5.สีหงสบาท เรียกมัญเชฏฐะ สีหงสบาทมีสีคล้ายดอกเซ่ง หรือดอกหงอนไก่
    6.สีเลื่อมพรายปภัสสร สีเหลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก
    เมื่อพุทธรัศมี หรือฉัพพรรณรังสี ปรากฏขึ้น เหตุการณ์ร้ายแรงต่างจะต้องหายไป อันตรายต่างๆ หมดไป อัปมงคลก็ต้องจางหายไปด้วยเช่นกัน
    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2546 หลวงพ่อชำนาญ ได้แกะพิมพ์พระสมเด็จแหวกม่านด้วยตัวของท่านเอง บนหินมีดโกน สร้างเป็นพระสมเด็จแหวกม่านออกมาให้บูชา พระสมเด็จแหวกม่านรุ่นนั่นสร้างไว้ 3 เนื้อคือ เนื้อดินปฐวีธาตุ สีดำ เนื้อผงจุฬามณี สีน้ำตาล เนื้อผงค้ำชะตา เนื้อสีเทาอ่อน ในแต่ละเนื้อได้ฝังตะกรุด 5 ดอก 2 ดอก 1 ดอก และแบบไม่ฝังตะกรุดก็มี พระแหวกสมเด็จม่าน ทั้งหมดที่สร้างขึ้นได้หมดลงจากวัดไปอย่างรวดเร็ว ต่อมากลับมีสนนราคาค่านิยมสูงขึ้นมาก ชนิดฝังตะกรุดทองคำ ที่สร้างจำนวนน้อย ปัจจุบันราคาสูงมาก
    ลูกศิษย์ใหม่ๆ ที่เข้ามากราบฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน ได้ยินลูกศิษย์รุ่นเก่ากล่าวถึงประสบการณ์พระสมเด็จแหวกม่าน ต่างก็แสวงหามาใช้ติดตัวกัน ยิ่งตอนนี้ชาวต่างประเทศ หลายประเทศ หันมาสนใจวัตถุมงคลของหลวงพ่อชำนาญจึงมีทั้งชาวไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย โดยเฉพาะชาวจีน เดินมากราบขอพรพระพรหมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดบางกุฎีทอง มากมายทุกวัน
    ทำให้พระสมเด็จแหวกม่านได้รับความนิยมและสนใจเป็นเงาตามตัว สิ่งที่ปรากฏแก่ศูนย์พระทั่วไปคือมี "ใบสั่ง" พระสมเด็จแหวกม่านเยอะมากแต่หาของไม่ได้ ถึงหาได้ก็มีราคาสูงมาก
    จึงเป็นที่มาของการจัดสร้าง "พระสมเด็จทรงรัศมี" ขึ้น ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปประทับบนฐาน 3 ชั้น ในส่วนของชั้นที่ 2 เป็นแบบฐานสิงห์ ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว เปล่งรัศมีประกายไปทั่วทั้งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อชำนาญนั่งอยู่ในครอบแก้ว ด้านล่างเขียนว่า "พระครูปทุมวรกิจ พ.ศ.๒๕๕๔" องค์พระลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า หากนำองค์พระไปส่องกล้องจะเห็นมวลสารภายในองค์พระไม่น้อยทีเดียว
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ๒ องค์ ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240708_163828.jpg IMG_20240708_163849.jpg IMG_20240708_163746.jpg IMG_20240708_163802.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2024
  6. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,996
    ค่าพลัง:
    +6,594
    -ขอจองรายการสด.รัศมีและพระขุนแผนฯ ลพ.ชำนาญ ครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720430632765.jpg
    หลวงปู่สั่งไว้ว่า“ถ้าจะนึกถึงกูให้จุดธูป ๕ ดอกถ้าจะบนให้จุดธูป ๙ ดอก แค่มึงนึกถึงกู เรียก “ปู่” ก็จะสำเร็จ รูปของกู ของๆกูไม่ต้องเสกไม่ต้องทำก็สำเร็จแล้ว”
    #คาถาบูชาหลวงปู่เมฆ
    ว่า นะโม 3จบ
    อิติ สุคะโต อะระหัง เมโฆ สัจจาสะโภ นามะเต ประสิทธิเม
    เอหิ อะโห นะโมพุทธายะ พุทธะสังมิ นะชาลีติ อุอากะสะ มิเตพาหุหะติ อะหังวันทามิ สัพพะทา สัพพะลาภัง ประสิทธิเม
    ***ประวัติ***
    ท่านมีนามเดิมว่า เมฆ สิทธิราชา เกิดเมื่อ วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2449 ซึ่งตรงกับในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 พื้นแพเป็นชาวกรุงเทพ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี เป็นบุตรของ นายคล้อย และ นางบุญ สิทธิราชา เมื่อ อายุครบ 15 ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ.2464 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือ วัดตะพาน ซึ่งอยู่ ถนนราชปรารถ ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยมีหลวงพ่อนิตย์เจ้าอาวาสในสมัยนั้น เป็นพระอุปัชชาย์ และ ได้อุปสมบทต่อเป็นพระภิกษุ ที่วัดตะพาน เรื่อยมา
    ท่านได้ศึกษาสมถวิปัสสนากัมมัฎฐาน ตลอดจนพุทธาคม ต่าง ๆ รวมไปถึงการศึกษาตำรายาแผนโบราณ จากหลวงพ่อนิตย์ วัดตะพาน และ ยังได้ศึกษาเกี่ยวกับตำรายาต่างๆ จากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ซึ่งหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้เชิญ หลวงปู่เมฆ ไปร่วมปลุกเสก วัตถุมงคล บ่อยครั้ง
    ล่วงเลยมา กระทั่ง อายุ 25 ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ.2474 ซึ่งอุปสมบท ครบ 10 พรรษา ท่านจึงได้สึกออกมา และ มีครอบครัว แต่ท่านก็ยังไม่ได้ละทิ้งวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ได้ศึกษาเพิ่มเติมทั้งทางด้านพุทธาคมต่างๆ และ ศึกษาเกี่ยวกับยาแผนโบราณเพิ่มเติม โดยออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งใน และ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งท่านได้สนใจในวิชา การทำสีผึ้ง และ วิชาการทำปลัดขิกเป็นพิเศษ ซึ่งโดยในการทำวัตถุมงคลของท่านแต่ละครั้ง จะอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือเป็นครูบาอาจารย์ด้วยทุกครั้ง ได้แก่ พ่อท่านขลิก และ หลวงพ่อเหลือ แห่งวัดสาวชะโงก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อลี วัดอโศการาม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า สมเด็จโต วัดระฆัง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อนิตย์ วัดตะพาน สมเด็จในกรมหลวงชุมพร จึงสำเร็จ
    หลวงปู่เมฆ ท่านคอยรักษาช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณไสย หรือ การรักษาโรคต่างๆจากตำรายาแผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนมา แถวบริเวณซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไทย เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร (อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในนาม /หมอเมฆ/ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึง ฝั่งพระโขนง
    เมื่อหลวงปู่เมฆ อายุได้ 63 ปี ซึ่งตรงกับวันที่10 มกราคม พ.ศ.2513 หลวงปู่เมฆ ได้ทำการอุปสมบท เป็นพระภิกษุ อีกครั้ง ที่วัด นังคัลจันตรี หรือ วัดคลอง 7 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี พระครูพิทักษ์ธัญสาร(หลวงพ่อตุ๋ย)วัดนังคัลจันตรี เป็นพรุะอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชิด วัดแจ้งลำหิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (คู่สวด)พระครูสุวรรณพัฒนกิจ (หลวงพ่อทอง สัจจวโร) วัดลำกะดาน เป็น พระอนุสาวนาจารย์(คู่สวด) โดยมี ขุนพุ่ม ค้ำประกันในการบวชให้ แล้วมาจำพรรษาที่วัดลำกะดาน โดยได้รับฉายาว่า สัจจาสโภ
    หลวงปู่เมฆ สัจจาสโภ ท่าน ได้ถึงแก่มรณะภาพ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2534 เวลา 06.45 น.รวมศิริอายุ ได้ 85 ปี ปัจจุบัน สังขารหลวงปู่เมฆบรรขุอยู่ในโลงแก้ว ที่วัดลำกะดาน จนถึงปัจจุบัน
    ในอดีต หลวงปู่เมฆ วัดลำกะดาน ได้สร้างปลัดขิก โดยสร้างจากไม้เขยตาย ซึ่งมีสรรพคุณ ในตัว คือ รักษาพิษงู อาการอื่น ๆ เช่น อาการปวดท้องประจำเดือน และ รักษาพิษแมลงกัดต่อย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาโดยผสมผสานระหว่างพืชสมุนไพร กับ เครื่องรางของขลัง ของหลวงปู่เมฆ ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก ซึ่งจะทำให้รักษาได้ทันท่วงที เพราะมีปลัดขิกหลวงปู่เมฆ ติดตัวไปตลอดเวลา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญปลุกเสกไตรมาสรุ่น ๓ หลวงปู่เมฆวัดลำกระดานและรูปถ่าย ๒ องค์ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240708_154143.jpg IMG_20240708_154207.jpg IMG_20240708_154232.jpg IMG_20240708_154255.jpg a33468f6-3449-402c-957b-3d20f913b912.jpg get_auc1_img (17).jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2024 at 03:21
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1720448606647.jpg


    เหรียญราชามงคล หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง รุ่นแรก เนื้อทองแดงผิวไฟ พระเครื่องดีที่ถูกลืมจริงๆ และหลายคนอาจพบเห็น มองข้ามไป เป็น เหรียญในพระเกจิอาจารย์ที่มีปาฏิหาริย์มากท่านหนึ่ง และ เรื่องราวของท่านโด่งดังมาช่วงหนึ่งจากนั้นเมื่อขาดการประชาสัมพันธ์ ก็ หลงลืมกันไป พระเกจิอาจารย์ท่านนี้คือ ท่านพระครูวรกิจจาภิรามหรือ หลวงพ่อสนธิ์ อธิมุตฺโต วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง ท่านเป็นพระเกจิที่ทรงวิทยาคมขลังอีกรูปหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ปาฏิหารย์ของท่านมีมากตั้งแต่สมัยยังดำรงสังขารแล้ว ปาฏิหาริย์ของท่านเป็นที่รู้จักกันเมื่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่๘ มีนาคม ๒๕๓๗ ได้รายงานข่าวศพหลวงพ่อสนธ์ อธิมุตโต หรือพระครูวรกิจจาภิรม พระเกจิอาจารย์แห่งจังหวัดอ่างทองเผาไฟแล้วไม่ไหม้ แม้ศพหลวงพ่อรูปนี้จะมรณภาพมานานแล้ว ก็ไม่ย่อยสลายเหมือนกับศพคนธรรมดาทั่วไป สังขารท่านแม้จะมรณภาพไปเกือบยี่สิบปีแต่เล็บเกศาของท่านก็ยังงอกยาวได้เองนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และที่สำคัญแม้จะเป็นการจัดพระราชทานเพลิงศพ โหมไฟใส่ฟืนเผาอย่างไร ศพก็ไม่ไหม้ เมื่อถึงเวลากำหนดเปลวไฟอันลุกโชนไม่สามารถทำอันตรายเผาพลาญเนื้อหนังร่างสรีระสังขารของท่านได้ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และถกเถียงกันถึงเหตุอัศจรรย์ครั้งนี้ นับจาก ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ทางวัดก็ได้เก็บสรีระของท่าน ไว้ ทำให้ประชาชนและชาวบ้านต่างทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จนเรื่องของท่านได้ขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของประเทศไทย ในยุคนั้น.......
    ส่วนประวัติของท่านมีผู้ทราบน้อยมาก ซึ่งก่อนจะกล่าวถึงประวัติ ก็ขอแนะนำความเป็นมาของวัดไทรย์นิโครธาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตามประวัติวัดกล่าวว่าสร้างขึ้นนับเป็นวัดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดใน อ.ไชโย อายุประมาณ 600 ปี ชื่อวัดไทรย์นิโครธารามนั้นมีประวัติความเป็นมา เนื่องจากหน้าวัดมีต้นไทรย์ศักดิ์สิทธิ์ต้นใหญ่ และต้นโพธิ์คู่กัน ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงต้นโพธิ์ นอกจากนี้ในวัดยังมีต้นยางอายุ 100 กว่าปีถึง 8 ต้น เวลามีศพไม่ว่าจะตายจากที่ไหน จะลอยมาโผลที่หนัาต้นไทรย์ต้นนี้ และก่อนจะถึงต้นไทรย์ตรงช่วงหัวเขื่อนจะมีวังน้ำวนเป็นเวิ้งขนาดใหญ่ จึงได้ชื่อว่า บ้านบางน้ำวน วันหนึ่งมีพระพุทธรูปลอยน้ำมาติดอยู่ที่รากต้นไทรย์ ชาวบ้านจะช่วยกันยกขึ้นมาก็ไม่สามารถยกได้ ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น สุดท้ายต้องให้พระนำสายสิญจน์มาทำพิธี และอันเชิญขึ้นมา จนชาวบ้านตั้งให้เป็นหลวงพ่อไทรย์ลอย ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถจนปัจจุบัน แต่ไม่มีใครทราบว่าฝังอยู่ในพระประทานองค์ไหนในโบสถ์และยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ เพราะชาวบ้านได้เอาปูนโปะปั้นไว้ และพระที่ปั้นไว้เป็นพระแฝดเหมือนกันหมดทุกองค์ ทุกครั้งที่เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานในพระอุโบสถท่านเล่าว่าท่านสัมผัสได้ถึงความศักสิทธิ์บางสิ่งจากแสงที่มาจากพระพุทธรูปในโบสถ์ นอกจากนี้วัดไทรย์นิโครธารามยังมีหอระฆังเก่าซึ่งอายุกว่า 500 ปี ซึ่งปัจจุบันทางกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณซ่อมแซม และได้พบพระสมเด็จรุ่นเก่า ๆ บนยอดหอระฆัง แต่ปัจจุบันได้หายไปตามกาลเวลา และยังมีต้นโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ร่วมกับวัดมาร่วม 600 ปี อยู่ข้างพระโบสถ์ และหลวงพ่อท่านเล่าว่าเวลาไปนั่งสมาธิจะได้ยินเสียงระนาดบรรเลง หรือบางทีก็เห็นเด็กวิ่งเล่น ส่วนเจ้าอาวาสที่ชาวบ้านรู้จักกันดีคือหลวงพ่อสนธิ์เป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นบูรพาจารย์ทางด้านวิชาราชามงคลพลิกชะตาอันเลื่องลือ มีวัตถุมงคลมากมาย ปัจจุบันท่านได้ละสังขารแล้ว วัดไทรย์นิโครธารามนั้นขาดการบูรณมาร่วม 30 ปี แต่ปัจจุบันได้เริ่มการบูรณปฏิสังขรณ์ และไม่มีการบันทึกว่าเจ้าอาวาสวัดไทรย์นิโครธารามมีมาตั้งแต่ยุคสมัยใด เพราะไม่มีการบันทึกลงทำเนียบเจ้าอาวาส หลังจากสอบถามชาวบ้านคนเก่าคนแก่ทราบเพียงแค่มี หลวงพ่อโห้ หลวงพ่อเต่า หลวงพ่อเหลือม หลวงพ่อสนธิ์ แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครทราบเพราะคนที่รู้ได้จากไปหมดแล้ว ถ้าใครมีความทุกกายทุกใจ ไม่สบายกายไม่สบายใจ ให้เข้าไปกราบขอโชคขอพร หลวงพ่อในพระอุโบสถ แล้วจะสำเร็จผลสมดั่งปราถนา
    วิชาราชามงคล คือวิชาที่พลิกชะตา พลิกฐานะ ที่ตกต่ำให้เจริญขึ้น...
    ประวัติท่านหลวงพ่อสนธิ์ นี้ขอกล่าวพอสังเขป ดังนี้ ท่านเกิดเมื่อ๑๙กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ เป็นบุตรของพ่อเขียนและแม่ ปั่น นามสกุลเดิม ผลปราชญ์ เมื่ออายุครบบวชก็ได้อุปสมบทที่วัดชัยสิทธาราม(วัดโกรกกราก)เมื่อ๑๗สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๓ ท่านหลวงพ่อสนธิ์เล่าเรียนสรรพวิชาจากท่านพระครูวินิจสุตคุณ หรือที่ชาวบ้านรู้จักว่า “หลวงพ่อโห้” เจ้าอาวาสวัดไทรย์ฯในขณะนั้นมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม๑๕ปี หลวงพ่อโห้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีอาคมเข้มขลังอย่างมากอีกรูปหนึ่ง ท่านหลวงพ่อสนธิ์มาเป็นเจ้าอาวสวัดไทรย์เมื่อพ.ศ๒๕๑๔ และท่านมรณภาพเมื่อ ๒๙เมษายน ๒๕๓๖หลังจากนั้นสองปีคือพ.ศ.๒๕๓๘ ทางวัดจัดงานพระราชทานเพลิงศพท่านและเกิดปาฏิหาริอย์ ศพไม่ไหม้เป็นที่ร่ำลืออย่างมากในยุคนั้น ท่านหลวงพ่อสนธิ์ท่านนี้นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ท่านสำคัญที่เหล่าพระคณาจารย์ยุคปัจจุบันหลายท่านเป็นลูกศิษย์ ท่านสืบวิชาสำคัญ ๆไว้มาก โดยเฉพาะกับท่าน อาจารย์ ฉลอง เมืองแก้ว อดีตภิกษุผู้ทรงอภิญญาจิต สามารถเสกข้าวสารเป็นกุ้ง และทำพิธีขอข้าวทิพย์จากเทวดาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ปรากฏ ใน นสพ.บางกอกไทม์ เมื่อกว่า๔๐ปีมาแล้วท่านอาจารย์ฉลองฯ นี้มีวิชาสำคัญๆมากพอตัว ที่เล่าลือว่ามีอานุภาพทางส่งทางค้ำคูน สุดยอด ซึ่งท่านทำวิชานี้ลงใส่ตะกรุดแล้วไปทิ้งในป่าใช้ ใช้อาคมเรียกให้มาได้ครบทุกดอก วิชาราชามงคลนี้ร่ำลือมาก จนมีเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันนำมาแอบอ้างว่าสำเร็จวิชานี้หลายท่านทั้งๆที่ไม่รู้ว่าวิชานี้ จริงๆเป็นเช่นไร ซึ่งเท่าที่ทราบ ว่าผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้ อย่างจริงแท้ท่านหนึ่งคือ อาจารย์สุทธิ์ บ้านน้ำเกลี้ยง ฯ วิชาราชามงคลนั้นเป็นวิทยาคมที่ใช้กำลังจิตสูง มากผู้ฝึกฝน หาสมาธิไม่ดีพอ จะอายุสั้นถือเป็นวิชากินจิตคือเสียพลังปราณอย่างมาก ต้องเสกของหนักให้ลอยน้ำ เสกของเบาให้จมน้ำ อธิบายให้เห็นภาพก็คือเสกขี้ผึ้งที่ปกติลอยน้ำ ให้จมน้ำ และเสกลูกแก้ว ที่จมน้ำให้ลอยขึ้น จึงจะนับว่ามีกำลังจิตถึงซึ่งท่านหลวงพ่อสนธิ์ ฝึกถึงขั้นสุดท้ายเสกลูกแก้วลอยเต็มโอ่งน้ำ แต่ยังไม่ไม่สามารถทำ ให้ลูกแก้วลอยได้ถาวรแบบทำให้ลมอมเทียนจมน้ำแบบถาวรก็นับว่าทรงอานุภาพมากแล้ว ซึ่งวิชาการฝึกจิตแบบนี้ก็มีในสายวัดมะขามเฒ่า ซึ่งท่านมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ก็เคยเล่าว่ามีการฝึกจิตบังคับให้ลูกอมเทียน จมน้ำอยู่ในระหว่างการฝึกด้วย เลขยันต์วิชาราชามงคลคือการขับพระเคราะห์ เข้าเป็นดวงประสูติตรัสรู้สัมมาสัมพุทธเจ้า ในแบบวิทยาคมตามคติโหราศาสตร์ที่ว่า สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสริฐกว่าใครในโลก มีดวงพระชะตา มีเคราะห์เป็นมหาอุตม์ ที่หมายถึงยอดเยี่ยมถึง๘ดวง วิชาราชามงคลนี้เมื่อขับเทพพระเคราะห์ เข้าเป็นดวงพระพุทธเจ้า แล้วก็ขับดวงเข้าพระนิพพานซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ว่าสำเร็จอักขระเพียงตัวเดียวในวิชานี้(อักขระตัวเดียวจริงๆแบบเส้นผมบังตา) แต่ในรูปเลขยันต์เวลาทำวัตถุมงคลจะลงเป็นดวงพระพุทธเจ้าแบบหลังเหรียญท่านหลวงพ่อสนธ์ที่นำมาลงในฉบับนี้นั่นเอง ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องวิชาราชามงคลนี้เปิดเผย ในอุณมิลิต เป็นแห่งแรก
    สำหรับเหรียญราชามงคลรุ่นนี้ สร้างเป็นรูปท่าน ก่อนมรณภาพปลุกเสกอย่างดี และประจุยันต์ตามวิชาราชามงคลไว้ แบบปกปิดชนิดไม่บอกไม่รู้เป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพสูงจากพระแกจิอาจารย์ที่สำเร็จวิชาจริงและคร่ำเคร่งฝึกกันทั้งชีวิต ถือว่า ท่านหลวงพ่อสนธ์นี้ ก็หนึ่งไม่สองรองใครเรื่องพลังจิตเช่นกันเหรียญราชามงคลนี้ เด่นทางมงคลค้ำคูนสูงมาก ผู้มีมนสิการด้วยดีจะเกิดสิริมงคลอย่างอนันต์ เป็นเหรียญเก่าเก็บกว่า ๓๐ ปี ราคายังไม่สูงมาก นับเป็น ของดีที่น่าเก็บจริงๆ “เมื่อเป็นซะอย่างเงี๊ยะ” จึงนำมาบันทึกไว้ เพื่อให้รีบหารีบเก็บหรือเจอที่ไหน ก็อย่าให้ผ่านไป วัตถุมงคลของท่านมีประสปการณ์มากมาย แบบชนิดแบบปากต่อปาน จนทำให้คนในพื้นที่และคนในพื้นที่ใกล้เคียงเสาะหากันมากขึ้นในขณะนี้ เริ่มหายากกันทุกวันแล้วจะบอกให้
    เปิดบันทึกตำนาน ตอน หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม อ.ไชโย จ.อ่างทอง
    เปิดบันทึกตำนานพระเกจิอาจารย์เลืองนามอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเกิดความฮือฮามากเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2537 หนังสือพิมพ์รายวันลงข่าวเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระเกจิอาจารย์เลืองนามของจังหวัด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญลพ.สนธ์ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240708_193937.jpg IMG_20240708_211440.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2024
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    get_auc1_img (18).jpeg

    หลวงพ่อพระครูสำรวย วัดสระแก้วประทุมทอง ระผงพิมพ์รูปเหมือนพระครูศีลสารสัมบัน รุ่นจอมพล พ.ศ. 2515 พิธีใหญ่ มีเกษา สภาพสวยงาม
    รายละเอียด พระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สัมปันโน) ทรงสี่เหลี่ยมพิมพ์เล็ก เนื้อผงดินว่าน รุ่นหน้าแก่ ปี ๒๕๑๔ ด้านหลังบรรจุเส้นเกศาหลวงพ่อ ได้ร่วมพุทธาภิเษกในพิธีมหาจักรพรรดิ์ ๒๕๑๕ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ มกราคม ๒๕๑๕
    *********************************************
    ในปี พ.ศ. 2514 พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทราบว่า ท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) เจ้าอาวาสวัดสระแก้วปทุมทอง และเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นพระเถราจารย์ที่เก็บสะสมมวลสารไว้มาก จึงได้กราบอาราธนานิมนต์ให้ท่านพระครูศีลสารสัมบันเป็นแม่งานรับผิดชอบในการ จัดสร้างพระเครื่องชนิดผง และดินผสมผงเก่า เพื่อใช้ในการพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษก วันที่ 19 – 20 มกราคม 2515 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก ตามความเห็นของเจ้าคุณพระพิษณุบุราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร
    โดยท่านพระครูศีลสารสัมบัน เริ่มต้นสะสมมวลสารและกดพิมพ์พระ เผาพระ และอบพระตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ครั้งนั้นได้มีการปิดอุโบสถวัดสระแก้วปทุมทอง เพื่อจัดพิมพ์พระรุ่นปี 2515 ทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่
    1. พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผงและดินผสมผง
    2. พระพิมพ์ รูปเหมือนพระครูศีลสารสัมบัน เนื้อผง ทุกพิมพ์
    3. พระพุทธชินราชใบเสมา เนื้อดินและเนื้อผง หลังธรรมจักร
    4. พระพุทธชินราชใบมะยม เนื้อดินและผง หลังธรรมจักร
    5. พระพิมพ์ นางพญา(ชินสีห์) หลังธรรมจักร เนื้อดิน
    การพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษก วันที่ 19 – 20 มกราคม 2515 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก พระเครื่องของท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโณ) จัดอยู่ในลำดับทำเนียบพระพุทธาภิเษก อันดับที่ 9 – 10 กล่าวคือ
    Cquote1.svg
    ... 9. พระพิมพ์นางพญา (พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ) เนื้อดินเผาผสมผงของเก่าและเนื้อผง
    10.พระพุทธชินราชใบเสมา เนื้อว่าน และเนื้อดินเผา ผสมผงเก่าและผงตะไบ เนื้อนวโลหะวังจันทน์
    (หมายเลข 9-10 สร้างโดยพระครูศีลสารสัมบัน วัดสระแก้วปทุมทอง จ.พิษณุโลก)
    **********************************************
    ตำนานพระแก้วมณีโชติ (ฉบับคัดย่อ)
    พระพุทธศาสนาผ่านไป 2500 ปี จะเกิดกลียุคมนุษย์รบราฆ่าฟันกันเอง โลกมนุษย์จะพบภัยพิบัติจากโรคระบาดที่ร้ายแรงมาคร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ให้ ล้มตายจำนวนมาก จะบังเกิดภัยทางธรรมชาติ วิปริตทั่วทั้งโลกธาตุ แต่คนที่แขวนพระแก้วมณีโชติติดตัวจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีเรื่องเล่ากันว่า
    เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระพุทธองค์ทรงจาริกประเทศเทศนาธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ ทรงเสด็จจาริกมายังถิ่นต่างๆ ทรงพยากรณ์ที่ต่างๆ และประทานพระเกศาธาตุและพระพุทธบาทอันทรงสมควร และทรงเล็งด้วยพระพุทธญาณว่าต่อไปที่แห่งนี้จะเป็นที่อุดมในธรรม ทรงพยากรณ์ความว่า
    Cquote1.svg
    ...ศาสนาตถาคตผ่านไป 2,000 ปี พระแก้วมณีโชติจะถูกทำขึ้นมาให้มนุษย์สักการบูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของคนดีมีศีลธรรม ที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ มนุษย์ที่ได้ครอบครองพระแก้วมณีโชติจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขสมบูรณ์ เจริญด้วยโภคทรัพย์ เทวดาปกปักษ์คุ้มครองรักษา เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนครบ 5,000 ปี ตามพุทธพยากรณ์...
    Cquote2.svg
    [แก้] ประวัติพระแก้วมณีโชติ พระประธานพระอุโบสถ
    สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2486
    องค์พระปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูน
    หน้าตัก 3 ศอก (59 นิ้ว) สูงจากฐาน 7 ศอก 1 นิ้ว (119 นิ้ว)
    ประดิษฐานในพระอุโบสถทรงโรง วัดสระแก้วปทุมทอง จังหวัดพิษณุโลก
    แต่เดิมองค์พระไม่มีซุ้มเรือนแก้ว และยักษ์ผู้อารักขาพระประธาน (อาฬวกยักษ์และท้าวเวสสุวรรณ) เช่นเดียวกับพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก มีเพียงองค์พระแก้วมณีโชติเท่านั้น ในภายหลังจึงต่อเติมเพิ่มซุ้มเรือนแก้วจำลองพระพุทธชินราชในปี พ.ศ. 2508 ในสมัยท่านพระครูศีลสารสัมบัน เป็นเจ้าอาวาส พระนามองค์พระไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ออกนามตั้งชื่อพระ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นท่านพระอธิการโส โสภโณ อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสระแก้วปทุมทองเป็นผู้ตั้งพระนาม และไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ปั้นองค์พระอีกเช่นกัน แต่องค์พระมีจุดเด่นตรงที่มีมณีรัตนชาติประดับตรงเปลวพระรัศมี หรือพระเกศ เคยมีผู้เล่ากันว่า ในวันเพ็ญ จะมีแสงสว่างออกมาจากพระเกศเป็นที่อัศจรรย์ บางครั้งพระผู้ดูแลพระอุโบสถนึกว่าลืมปิดไฟ แต่พอเข้าไปกลับปรากฏว่าได้ยกสะพานไฟไปแล้ว ไม่น่าที่ไฟจะติดขึ้นเอง ช่วงหลังจึงติดตามปรากฏทราบว่า เป็นแสงจากมณีรัตนชาติในพระเกศพระแก้วมณีโชติ
    [แก้] พิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษกครั้งที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    พระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน)
    ท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้วปทุมทอง และอดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก ขณะนั้นพระคุณท่านเป็นแม่งานรับผิดชอบในการจัดสร้างพระเครื่องเนื้อผงและดิน ผสมผง เพื่อใช้ในการพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษก วันที่ 19 – 20 มกราคม 2515 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก ลำดับทำเนียบพระพุทธาภิเษก ลำดับ 9 – 10 โดยมีการเริ่มต้นสะสมมวลสารและกดพิมพ์พระ เผาและอบพระตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2500 เป็นต้นมา โดยมีการปิดพระอุโบสถวัดสระแก้วปทุมทอง เพื่อพิมพ์พระรุ่นปี 2515
    โดยพระพิมพ์ลำดับที่ 9 ได้แก่
    * พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผงและดินผสมผง
    * พระพิมพ์ รูปเหมือนพระครูศีลสารสัมบัน เนื้อผง ทุกพิมพ์
    การพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษกครั้งที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วันที่ 19 – 20 มกราคม 2515 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก โดยพระเครื่องของท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโณ) จัดอยู่ในลำดับทำเนียบพระพุทธาภิเษก อันดับที่ 9 – 10 กล่าวคือ
    Cquote1.svg
    ... 9. พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อดินเผาผสมผงของเก่าและเนื้อผง
    10.พระพุทธชินราชใบเสมา เนื้อว่าน และเนื้อดินเผา ผสมผงเก่าและผงตะไบ เนื้อนวโลหะวังจันทน์
    (หมายเลข 9-10 สร้างโดยพระครูศีลสารสัมบัน วัดสระแก้วปทุมทอง จ.พิษณุโลก) ...
    Cquote2.svg
    ในการพุทธาภิเษกพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษกนี้มีขึ้น 2 วัน/ครั้ง
    ครั้งที่ 1 วันพุธ ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2515
    พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ณ ศาลาโรงพุทธาภิเษก วัดสระแก้วปทุมทอง จังหวัดพิษณุโลก ในพิธีนี้ ท่านพระครูศีลสารสัมบัน เป็นเจ้าพิธีได้กำหนดและควบคุมดำเนินการประกอบพิธี "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ครบถ้วนตามแบบฉบับของโบราณพิธีทุกประการตามวิธีการสายพระวิปัสสนาจารย์ โดยมีอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ถวายคำแนะนำ
    ประธานฝ่ายสงฆ์ พระครูศีลสารสัมบัน เจ้าอาวาสวัดสระแก้วปทุมทอง และเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและจุด เทียนชัย
    ประธานบริกรรมปลุกเสก 9 รูปตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนี้
    * พระพิษณุบุราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก
    ใบปลิว พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก พ.ศ. 2515
    * พระอาจารย์นวล วัดนิมิตรธรรมาราม พิษณุโลก
    * พระสมุห์ละมัย (พระวรญาณมุนี) วัดอรัญญิก พิษณุโลก
    * พระครูอภัยจริยาภรณ์ วัดใหม่อภัยยาราม พิษณุโลก
    * พระครูวินัยธรสุเทพ วัดแสงดาว พิษณุโลก
    * พระอาจารย์ถนอม วัดนางพญา พิษณุโลก
    * พระครูประภาสธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อแขก) วัดสุนทรประดิษฐ์ พิษณุโลก
    * พระครูศรีรัตนาภรณ์ (หลวงพ่อไซ่) วัดจูงนาง (วัดศรีรัตนาราม) พิษณุโลก
    * หลวงพ่อเปรื่อง วัดคูหาสวรรค์ พิษณุโลก
    พระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสกทั้งคืน ดังนี้
    * พระครูศีลสารสัมบัน เจ้าอาวาสวัดสระแก้วปทุมทอง และเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก
    * พระอาจารย์พิมพ์ วัดคูหาสวรรค์ พิษณุโลก
    * หลวงพ่อเปรื้อง วัดโพธิญาณ พิษณุโลก
    * พระอาจารย์ชุ่ม วัดกรมธรรม์ พิษณุโลก
    * พระอาจารย์โต วัดสมอแข พิษณุโลก
    * พระครูประพันธ์ (หลวงพ่อพัน) วัดบางสะพาน พิษณุโลก
    * พระครูวิจารย์ศุภกิจ (อาจารย์ทองม้วน) วัดวังทองวราราม พิษณุโลก
    * พระอาจารย์ธงชัย วัดวชิรธรรมราชา พิษณุโลก
    ครั้งที่ 2 วันพฤหัสบดี ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2515
    พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จังหวัดพิษณุโลก ในพิธีนี้ พระอาจารย์ผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิราชาวาส กทม. และ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งเป็นเจ้าพิธีได้กำหนด และควบคุมดำเนินการประกอบพิธี "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ครบถ้วนตามแบบฉบับของโบราณพิธีทุกประการ
    คณะกรรมการพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก
    ประธานฝ่ายสงฆ์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย
    ประธานฝ่ายฆราวาส ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    ประธานบริกรรมปลุกเสก พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    พระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสก 109 รูป ดังนี้
    รายนามเกจิในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก 19 - 20 ม.ค. 2515 วัดพระศรีรัตรมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลก
    1. หลวงพ่อทอง (พระครูวิริยะโสภิต) วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี
    2. หลวงพ่อเงิน (พระราชธรรมมาภรณ์) วัดดอนยาหอม จ.นครปฐม
    3. หลวงพ่อนาค (พระครูจันทรโสภณ) วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพฯ
    4. หลวงพ่อแดง (พระครูญาณวิลาศ) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
    5. หลวงพ่อหอม (พระครูภาวนาณุโยค) วัดซากหมากป่าเรไร จ.ระยอง
    6. หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์
    7. หลวงพ่อสด (พระครูวิจิตนชัยการ) วัดหางน้ำ จ.ชัยนาท
    8. หลวงพ่อชื่น (พระครูนนทกิจวิมล) วัดตำหนักเหนือ จ.นนทบุรี
    9. หลวงพ่อบุญ (พระครูประดิษฐ์นวการ) วัดวังมะนาว จ.ราชบุรี
    10. หลวงปู่ทองอยู่ (พระครูสุตาธิการี) วัดใหม่หนองพระองค์ จ.สมุทรสาคร
    11. หลวงพ่อกรับ (พระครูธรรมสาคร) วัดโกรกกราก จ.สมุทรสาคร
    12. หลวงพ่อเจริญ (พระครูปัญญาโชติ) วัดทองนพคุณ จ.เพชรบุรี
    13. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี
    14. หลวงพ่อชื่น วัดคุ้งท่าเลา จ.ลพบุรี
    15. พระครูสนิทวิทยการ วัดท่าโขลง จ.ลพบุรี
    16. พระครูปิยะธรรมโสภิณ (หลวงพ่อคำ) วัดบำรุงธรรม จ.สระบุรี
    17. พระครูกิตพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน) วัดราฎร์เจริญ จ.สระบุรี
    18. พระครูพุทธฉายาภิบาล วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
    19. พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (หลวงพ่อมุ่ย) วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
    20. พระวินัยรักขิตาวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
    21. พระวิบูลเมธาจารย์ วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
    22. หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    23. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง จ.นนทบุรี
    24. หลวงพ่อเผือก วัดสาลีโข จ.นนทบุรี
    25. พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯกรุงเทพฯ
    รายนามเกจิในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก 19 - 20 ม.ค. 2515 วัดพระศรีรัตรมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลก (ต่อ)
    26. พระอาจารย์วิริยัง สิรินโท (พระเทพเจติยาจารย์) วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
    27. พระเทพโสภณ (สมเด็จพระมหาธีราจารย์) (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
    28. หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม
    29. พระครูสาธุกิจวิมล (หลวงพ่อเล็ก) วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม
    30. หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี
    31. พระครูอุดมสิทธาจารย์ (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
    32. พระครูจันทสโรภาส (หลวงพ่อเที่ยง) วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
    33. พระครูโกวิทยาสมุทคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
    34. พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรีและอีก รวมเป็น108องค์
    พระผงรุ่นจอมพล ปลุกเสกพิธีจักรพรรดิ์ ปี 15
    พระเนื้อผง ผสมเกศา พระครูศีลสารสัมบัน ด้านหลัง พระยันต์เป็น นะ ประทับหลังพระวิษณุ
    ส่วน นะ ประทับหลังพระวิษณุ คือการรวมกันระหว่าง ยันต์เฑาว์พุทธะ และ ยันต์นะมหาอุด หรือ นะซ่อนหาง ซึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังพระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ และพระพิมพ์รูปเหมือนพระครูศีลสารสัมบัน ทุกองค์นั้น เป็นการนำเอาอานุภาพของยันต์ทั้งสองผสานด้วยกัน กล่าวคือ
    นะ ประทับหลังพระวิษณุ เป็นยันต์หนึ่งใน 108 ยันต์ที่ลงในผ้าประเจียด เป็นมงคลแคล้วคลาด และเป็นเมตตามหานิยม สารพัดจะใช้ได้ทุกประการ และเป็นหัวใจของยันต์พระเจ้าห้ามทุกข์ ป้องกันการถูกกระทำไสยศาสตร์ใส่มนต์ดำ และเป็นยอดยันต์ประทับหลัง ยันต์พิชัยสงคราม ต้องปลุกด้วย อิติปิโสรัตนมาลา จึงจะขลัง โบราณท่านว่ามีค่าควรเมือง สุดท้ายเป็นยอดยันต์ธงมหาอุด ปลุกเสกด้วยพระคาถาภควัม 108 จบ จึงจะทรงกฤษดาอภินิหารยิ่ง
    เหตุผลใดท่านพระครูศีลสารสัมบันจึงเลือกยันต์นี้ อาจจะเพราะพุทธคุณเหลือคณานับของยันต์ทั้งหมดหากรวมกันและกะทัดรัดพอที่จะลง หลังพระเครื่องสักองค์ ก็น่าจะเป็นยันต์ชนิดนี้ที่ดีที่สุด นี้คงเป็นเหตุผลของการเลือกยันต์ นะประทับหลังพระวิษณุ ไว้หลังองค์พระพิมพ์

    พล.อ.สำราญ แพทยกุลและคณะนายทหารที่เข้านมัสการขอพรกับท่านพระครูศีลสารสัมบัน พ.ศ. 2517
    ในปี พ.ศ.2517 พล.อ.สำราญ แพทยกุล องคมนตรี ได้มาที่วัดสระแก้วปทุมทอง เพื่อขอ พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ ไปแจกกองกำลัง อ.ส. จำนาน 100 องค์ และได้เกิดการประทะกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เขต อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก อ.ส.บุญเพ็ง เทียนแก้ว ได้ถูกปืนอาร์กายิงที่หน้าอกและแขน แต่กระสุนไม่เข้าไปภายในลำตัว มีเพียงแต่รอยไหม้ตามลำตัวเท่านั้น เมื่อถูกนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ไม่นานก็หายดี
    ครั้งนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า เสด็จเยี่ยมเหล่าทหารอาสา ณ โรงพยาบาลพุทธชินราช ทรงตรัสถาม อ.ส.บุญเพ็ง เทียนแก้ว ความว่า “มีอะไรดีถึงถูกยิงแล้วไม่เป็นไร” ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.ท.พงศ์พันธุ์ พร้อมมูล (ยศในขณะนั้น) ได้ตามเสด็จมาด้วยจึงได้เห็นพระเครื่อง แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นวัตถุมงคลชื่ออะไร และสร้างที่ใด จึงได้ติดตามสืบหาจนมาทราบภายหลังว่าเป็น พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ พิมพ์ใหญ่ เนื้อสีอิฐ

    ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) นายหนึ่ง (ไม่ขอออกนาม)นำ พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผง แก่มวลสารสมเด็จวัดระฆังฯ แช่น้ำสวดพระคาถาบูชากินแก้ไข้หายขณะอยู่ชายแดน
    จากนั้นเป็นต้นมาก็มีสานุศิษย์ทุกสารทิศมาที่วัดสระแก้วปทุมทองเพื่อขอรับพระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ จากมือของท่านพระครูศีลสารสัมบัน จนถึงกลับท่านพระครูศีลสารสัมบันล่มป่วย หนีไปพักรักษาสุขภาพที่กรุงเทพมหานคร ก็ยังมีนายทหาร ตำรวจ และประชาชนอันรวมไปถึงฝรั่งก็ตามตัวท่านพระครูศีลสารสัมบันเจอเสมอ ก็เพื่อขอวัตถุมงคลเป็นอันไม่ได้พักผ่อน จนอาพาธเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เป็นประจำ บ้างครั้งให้น้ำเกลือกันเป็นเดือนๆ กันเลยทีเดียว อานุภาพพระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ รุ่นปี 15 ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ในสมัยนั้นว่า “พระเครื่องคงกระพันธ์ชาตรี แก้วมณีโชติ ทหารโดนอาร์กายิงไม่ตาย”

    1322646-4d883 (1).jpg 1322646-2f0a6.jpg 1322646-36558.jpg get_auc3_img (24).jpeg
    พล.อ.สำราญ แพทยกุลและคณะนายทหารที่เข้านมัสการขอพรกับท่านพระครูศีลสารสัมบัน พ.ศ.2517

    ขอของคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อสำรวย รุ่นจอมพล จอมทัพ ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240708_214739.jpg IMG_20240708_214719.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    ประวัติหลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว จ. เพชรบุรี.jpg

    พระผงรูปเหมือนพิมพ์หลังเตารีด หลวงพ่ออบ อินทวิริโย อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว ต.ไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี เป็นพระผงรูปเหมือนเนื้อว่านยาที่สร้างขึ้นในปี ๒๕๑๖ และ แจกในปี ๒๕๑๗ โดยใช้เนื้อเดียวกับพระปิดตาเนื้อผงว่านยาที่สร้างขึ้นในวาระเดียวกัน จากข้อมูลในหนังสือ ๘๐ ยอดพระปิดตายุคหลังกึ่งพุทธกาล ของชายนำ ภาววิมล ระบุว่า พระผงรูปเหมือนเนื้อว่านยา สร้างขึ้นพร้อมกับพระปิดตาเนื้อผงว่านยา พระปรกใบมะขาม เหรียญหลวงพ่ออบ อินทวิริโย รุ่นสอง เพื่อเป็นที่ระลึกในงานสมโภชกำแพงแก้ว ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ พระชุดนี้ หลวงพ่ออบ อินทวิริโย อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวในวันเสาร์ห้าปี พ.ศ. ๒๕๑๖ (๗ เมษายน ๒๕๑๖) และทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาส ปี ๒๕๑๖
    ขออนุญาติ ลงประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อให้ผู้ที่ยังไม่รู้ได้รับทราบครับ
    หลวงพ่ออบ อินทวิริโย เป็นชาวบ้านหนองช้างปลัก ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เกิดปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ พุทธศักราช ๒๔๕๒ นามบิดา ผึ่ง กลีบจงกล นามมารดา เพี้ยน กลีบจงกล มีพี่น้องร่วมกัน ๖ คน หลวงพ่ออบเป็นคนหัวปี
    หลวงพ่ออบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุโบสถวัดถ้ำแก้ว มีพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อทิม วัดโคก หลวงพ่อเช้า วัดเวียงคอย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่ออยู่ วัดถ้ำแก้วเป็นพระนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงพ่ออบก็จำพรรษาอยู่วัดถ้ำแก้ว ศึกษาวิปัสสนาธุระ และพุทธคมกับหลวงพ่ออยู่ ด้วยความพากเพียรเป็นเวลาถึง ๕ พรรษา จากนั้นจึงเดินออกธุดงค์อยู่ทุกปี ร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ต่าง ๆ คือ อาจารย์วัดลาดบัวขาว จังหวัดปราจีนบุรี หลวงปู่นาค วัดหัวหิน อาจารย์อยู่ อาจารย์หยอย เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว และ ปู่แสง (โยมพระอาจารย์หยอย) ซึ่งเป็นฆราวาสถือศีลกินเพล ซึ่งเรืองวิทยาคมและมีชื่อเสียงดังมากในจังหวีดเพชรบุรีสมัยนั้น
    วัตถุมงคลที่ท่านทำนั้น มี ตระกรุด ผ้ายันต์ และ เหรียญที่ท่านได้ปลุกเสก มี ๓ รุ่น ทุกรุ่นผ่านประสบการณ์ความคงกระพันมากมายๆ นับไม่ถ้วน
    หลวง พ่ออบ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เมืองเพชรบุรีที่มีวิทยาคมเก่งกล้าด้านคงกระพันชาตรี จากประวัติคำบอกเล่ามีว่า ครั้งหนึ่งมีคนบ้าถือมีดพร้าตรงเข้ามาทำร้าย ใช้มีดฟัน หลวงพ่ออบท่านถึงในวัด เสียงดัง บึกๆ แต่ไม่ระคายผิวท่านเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสอดคล้องกับที่หลวงพ่อแดงเคยบอกผู้ที่ไปกราบท่านว่า"ถ้าจะเอาเหนียว ต้องไปหาท่านอบ วัดถ้ำแก้ว" หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว พระเถระที่ประพฤติปฏิบัติ ดี ตามพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก
    แต่เนื่องจากการมรณภาพของท่าน ที่มี ผู้รู้มั่งไม่รู้มั่งนำไปพูดจาไม่ดี ทำให้หลวงพ่ออบ ท่านเงียบหายไปกับสายลม นั่นคือท่านมรณภาพด้วยการที่ซุงบนรถบรรทุก หล่นลงมาทับร่างของท่านจนถึงแก่มรณะภาพ ทั้งนี้เนื่องมาจากโซ่ที่ใช้รัดซุงดังกล่าวขาด แต่ ที่น่าแปลกคือ ก่อนเกิดเหตุนั้น ท่านได้บอกกับคนอื่นที่ต้องไปช่วยงานท่านในการตีตราซุงเหล่านั้นให้หลบออกไป จากบริเวณดังกล่าวให้หมด รวมทั้งภายหลังที่เกิดเหตุแล้ว เมื่อไปพบร่างท่าน ปรากฏว่า ร่างกายท่านแทบไม่มีเลือดออกเลย มีเพียงเลือดเล็กน้อย ที่บริเวณปากท่านเท่านั้น นี่เองที่ทำให้พวก คิดไม่ดี ปากไม่ดี นำไปพูดว่า ขนาดท่านยังมรณภาพแบบนี้เลย แล้วพระท่านจะดีได้อย่างไร รวมทั้งผู้ที่ใช้ก็อาจจะตายไม่ดีเช่นนี้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นคำพูดที่ผิดอย่างมาก เป็นคำพูดของคนที่เต็มไปอวิชชาแท้ๆ
    อย่าลืมว่า ในอดีตยุคพุทธกาลนั้น พระสาวกที่ทรงด้วยอิทธิฤทธิ์ เช่น พระโมคคัลานะ ก็มรณภาพด้วยการถูกตีจากกลุ่มโจร ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่นิพพาน และจากกรณีที่เครื่องบินตก แล้วมีพระเถราจารย์ มรณภาพ อาทิเช่น พระอาจารย์วัน , พระอาจารย์จวน เป็นต้นนั้น เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ท่านเป็นผู้บรรลุธรรมชั้นสูงทั้งนั้น นั่นคือ อัฐิของท่านเหล่านี้ ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุไปจนหมด ดังนั้น จึงไม่อยากให้มองข้ามของดีๆไป
    หลวงพ่อ แดง วัดเขาบันไดอิฐ พระเกจิอาจารย์ผู้ลือนามแห่ง จ.เพชรบุรี ท่านได้กล่าวไว้ว่า "หากฉันตายให้ไปหาหลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว เขาสามารถแทนฉันได้ " นี่เป็นคำกล่าวยืนยันจากหลวงพ่อแดงท่านได้กล่าวไว้
    ขอให้ท่านพิจารณาครับ ไม่อยากให้พลาดของดี เช่นนี้
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    องค์นี้ มีเส้นเกษาบริเวณหัวเข่าหลวงพ่อ คราบไขว่านขึ้นขัดเจนสร้างน้อยทันหลววพ่อเสกในโบสถมหาอุตย์ วัตถุมงคลหลวงพ่อแดง ตอนนี้ ราคาสูงมากของหลวงพ่ออบยังเบา
    1361741-1214b (1).jpg 1375153-182de.jpg
    พระผงรูปเหมือนเตารีดหลวงพ่ออบวัดถ้ำแก้วให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240709_004103.jpg IMG_20240709_004126.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1719532354296.jpg
    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)
    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513
    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่แป๋ว วัดดาวเรือง
    ยุคสมัยนี้จะหาพระดี พระที่ทำของขลังอย่างพระครูแป๋วเป็นไม่มี
    1.ในสาย หลวงพ่อศรีวัดพระปรางค์ ที่เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ ท่านสืบวิชาผ่านทางหลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ วิชาตำรับโบราณ
    2.ในสาย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    3.ในสาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อเชน วัดสิงห์
    4.ในสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา มนต์จินดามณี หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    5.ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว ยันต์ค่ายกล หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    6.ในสายหลวงพ่อเดิม วัดหนอิงโพธิ์ สารพัดวิชา หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    คนเมืองสิงห์รู้ดีว่า พระของพระครูแป๋ววัดดาวเรือง มีปาฏิหาริย์แค่ไหน “หลวงพ่อแป๋ว ออกเหรียญ รุ่นแรก ตั้งแต่ ปี ๒๕๒๖ เดี๋ยวนี้ ครึ่งหมื่น” “หลวงพ่อแป๋ว ทำตะกรุด คงกะพัน แคล้วคลาดชั้น ๑ ของเมืองสิงห์” “หลวงพ่อแป๋ว ทำผ้าขอด ๙ ขอด กันได้แม้กระทั้ง เทวดา เกเร ผีใจร้าย” “หลวงพ่อแป๋ว ทำแหวนพิรอด หัวตะกร้อ กันเขี้ยวงา งูอ้าปากไม่ขึ้น หมากัดไม่เข้า ตะขาบกัดไม่บวม ปลิงแกะลื่น” “หลวงพ่อแป๋ว ทำผ้ายันต์ กันไฟ ตอนไฟไม่โบสถ์ มีคนเห็นยันต์เป็นเส้นสีแดง คลุมวัด แต่กฎของกรรม ฝืนไม่ได้ เทวดา มาช่วยสร้างโบสถ์ เสร็จไม่ถึง 2 ปี” ประวัติ หลวงพ่อแป๋ว พระครูปัญญาวิมล เป็น เจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๗๗ ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน) และ พระมหาจำลอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    FB_IMG_1720471729700.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรือง
    ให้บูชา
    320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ (ปิดรายการ)
    IMG_20240709_034504.jpg IMG_20240709_034533.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2024 at 08:06
  12. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,996
    ค่าพลัง:
    +6,594
    ขอจองครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1720473429958.jpg
    หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่จัดอยู่ในชั้นแนวหน้าของพระคณาจารย์เรืองวิทยาคมทั้งหลาย ของดีแต่ละชนิดที่ท่านสร้างขึ้นแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ปรากฏคุณวิเศษนานาประการ จนเป็นที่นิยมแสวงหาของนักสะสมพระเครื่องทั่วๆ ไป ท่านยังเป็นพระเถระที่สาธุชนโดยทั่วไปเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจริยาวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคม และเคร่งครัดในการวิปัสสนากรรมฐานที่สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง แม้ในช่วงนั้นท่านมีอายุครบ 100 ปี แต่ก็ยังแข็งแรงสมบูรณ์เดินเหินได้คล่องแคล่วไม่แพ้คนหนุ่มสาวเลย นับว่าท่านเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามากอีกองค์หนึ่ง
    สำหรับหลวงปู่เม้า พลวิริโย ท่านถือการธุดงควัตรเป็นนิจสิน ท่านได้เดินออกธุดงค์ไปจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่แถบภาคอีสานเป็นเวลานานหลายสิบปี ในขณะธุดงค์นั้นท่านยังได้ศึกษาอาคมจากอาจารย์ต่างๆ มากมายหลายรูป อาทิ พระอาจารย์นิล และ พระอาจารย์เพรียน พระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ เป็นต้น โดยเฉพาะพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระรูปนี้ก็เป็นอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะ พระเถระผู้ซึ่งมีลูกศิษย์โด่งดังมากมาย หลังจากที่หลวงปู่เม้าเดินธุดงควัตรอยู่เป็นเวลานานปี ก็ได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดใหม่เรไรทอง หลังจากนั้นท่านก็ได้สร้างพระอุโบสถและเสนาสนะสงฆ์ในวัดต่างๆ มากมายหลายวัดจนไปถึงการพัฒนาวัดสี่เหลี่ยม ต.หนองสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เม้าใช้สำหรับจำพรรษาอยู่ด้วย จากความที่ท่านเป็นพระผู้ที่มีความเมตตาต่อลูกศิษย์ลูกหาทุกคน โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจนท่านก็ให้ความเสมอภาคเท่ากันหมด ลูกศิษย์ต่างๆ ของท่านทั่วทุกสารทิศในประเทศไทย จึงได้ร่วมจิตร่วมใจกันจัดองค์ผ้าป่าและกฐินนำติดตามไปทอดยังวัดต่างๆ ที่หลวงปู่เม้ากำลังพัฒนาอยู่ทุกแห่ง เพื่อเป็นการสนองพระคุณที่ท่านมีต่อลูกศิษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ญาติโยมที่เดินทางไกลไปนมัสการท่าน หลวงปู่เม้าก็ให้เข้าพบโดยมีได้รังเกียจกีดกันใดๆ แม้แต่น้อย โดยที่ท่านมีเมตตาต่อญาติโยมที่ต้องเดินทางมาไกล ท่านก็จะช่วยปัดเป่าความเดือดร้อนให้เขาเหล่านั้นได้สมความหวังที่ตั้งใจไว้ หลวงปู่เม้าจะรดน้ำพระพุทธมนต์ให้อยู่เย็นเป็นสุข และยังมอบเครื่องรางของขลังให้ไว้บูชา โดยไม่คิดราคาแม้แต่บาทเดียว เพื่อสนองความศรัทธาทุกคนที่มีต่อหลวงปู่เม้า เมื่อทำการรดน้ำพระพุทธมนต์เสร็จแล้วท่านจะอบรมสั่งสอนธรรมะ เพื่อเตือนใจ เตือนสติ และนำไปปฏิบัติ นั่นทำให้ประชาชนที่เคารพรักและศิษย์ทั้งหลายทุกคนตื้นตันใจ วันที่ 4 มิ.ย. 2517 เป็นวันดีอีกวันของการทำบุญฉลองครบ 100 ปี บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายพร้อมสาธุชนได้พร้อมใจจัดงานสมโภชขึ้น และจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่เม้าขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อหารายได้นำมาบูรณปฏิสังขรณ์ สร้างพระอุโบสถ และด้วยบุญญาธิการที่เปี่ยมล้นในคืนที่ท่านจะปลุกเสกเหรียญได้เกิดเหตุการณ์จันทรุปราคาขึ้น ในโบราณกาลถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่สุดในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่างๆ และพอท่านนั่งปรกปลุกเสกเหรียญดังกล่าว เกิดเหตุการณ์ฝนตกลงมาอย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางพระสงฆ์สามเณรและสาธุชนจำนวนมาก ซึ่งเป็นฝนที่ไม่ได้ตั้งเค้ามาก่อน อีกทั้งยังเป็นช่วงหน้าแล้งมาก และเมื่อหลวงปู่ เม้าปลุกเสกเหรียญแล้ว พื้นที่ใน อ.นางรอง ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก เพียงพอกับการต่ออายุพืชผลเกษตร สวนทางกับพื้นที่เขตอำเภอใกล้เคียงและจังหวัดอื่นในภาคอีสานกับแล้งขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ศิษยานุศิษย์ของท่านทั้งหลายได้ตื่นตากับเหตุการณ์นั้น ส่งผลให้เหรียญท่านได้รับความนิยมอย่างสูงและหมดลงอย่างรวดเร็ว และไม่เพียงพอต่อลูกศิษย์หลวงปู่เม้าที่มีอยู่ในประเทศไทย
    ......ของดีที่ท่านอธิฐานจิตปลุกเสกอย่างเข้มขลัง
    เหรียญพระลีลาตัวหนอน หรือ เหรียญพระประทานพร
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับครับ
    IMG_20240709_042149.jpg IMG_20240709_042214.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720515459599.jpg




    พระชัยวัฒน์เนื้อทองทิพย์หลวงปู่หลอดรุ่นแรก
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ยกย่อง พระเครื่องหลวงปู่หลอด
    หลวงปู่คำพันธ์ท่านจับพลังพระหลวงปู่หลอดและกล่าวว่า เราไม่รู้หรอกว่าดีอย่างไง สว่างครอบไปหมด คุณธรรมเรายังไม่เท่าท่าน มีพระดีพระเก่งอยู่แถวลาดพร้าว ลูกศิษย์ก็มาเจอหลวงปู่หลอด พระเก่งพระดีที่หลวงปู่คำพันธ์บอกให้มา
    เมื่อพระดีเมืองสิงห์ยกย่องคุณธรรมหลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ทั้งสายธรรมยุติและมหานิกายต่างยกย่องท่าน มีปรจิตวิชาไว ท่านเจ้าคุณนรหรืออุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม ได้รับการสอนกรรมฐานจากท่านทั้งสิ้น ท่านเป้นพระผู้รัตนกัตญญูท่านจะเทศน์ธรรมะเป็นเรื่องวิมุตติทั้งสิ้นเช่น ธรรมะคือหนังแผ่นเดี่ยว กายเดี่ยวจิตเดี่ยวเป็นต้น มีลูกศิษยืหลวงปู่บุดดาท่านหนึ่งไปถามองค์ท่านว่า หลวงปู่ พระอรหันต์ยังมีอยู่ในโลกหรือไม่ หลวงปู่บุดดาตอบกลับมาว่า ท่านพระอาจารย์หลอด ที่กรุงเทพก็ใช่ ทำให้บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่บุดดาจะมากราบหลวงปู่เสมอ เวลาหลวงปู่บุดดาเจอหลวงปู่ท่านจะกราบหรือไหว้หลวงปู่เสมอ ท่านไม่สนใจเลยว่า พรรษาท่านมากกว่า หลวงปู่ท่านก็จะกราบหลวงปู่บุดดากลับเสมอหรือกราบก่อน หลวงปู่หลอดท่านจะยกย่องหลวงปู่บุดดาตลอดทั้งในเรื่องธรรมะก็ดีเรื่องภูมิ จิตภูมิธรรม หลวงปู่หลอดจะกล่าวเสมอว่า หลวงปู่บุดดาท่านเป็นพระอรหันต์
    สื่อด้วยใจ ไม่ได้สื่อด้วยเสียง เคารพด้วยใจ เคารพในธรรม
    หลวง พ่อใหญ่กับหลวงปู่หลอด ปโมทิโต แม้ฐานขันธ์หลวงพ่อใหญ่จะไม่เอื้ออำนวนแต่ท่านก็พยายามที่จะกราบ แต่กราบไม่ได้ เพราะเป็นอัมพาต จึงนำมือทั้งสองข้างมากลุ้มมือไว้ เพื่อแสดงความเคารพ ผมน้ำตาจะไหล ครับ ตอนแรกหลวงพ่อใหญ่ไปหางาช้าง แต่อยู่ดีๆๆหลวงพ่อใหญ่กล่าวว่า จะมากราบหลวงปู่หลอด นับเป็นดำริความตั้งใจของท่าน ตอนนั้น ท่านไม่ได้กล่าวอะไรกับหลวงปู่หลอดเลย หลวงปู่หลอด ก็ไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่หลวงพ่อใหญ่กลับ ศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่หลอดถามว่า คุยอะไรกันบ้าง หลวงปู่หลอดท่านบอกว่า คุยกันเยอะอยู่ ผมก็งงว่าเอท่านคุยกันยังไงหว่า ผมเลยไปถามหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อใหญ่เมตตาให้คำตอบที่ผมต้องการที่สุดคือ เราคุยกับอะไรกันไม่มีใครรู้หรอก นี่แสดงถึงภูมิจิตภุมิธรรมของท่าน ไม่ต้องสื่อด้วยเสียง สื่อด้วยใจ สมแล้วที่หลวงพ่อใหญ่ประกาศต่อหน้าหมู่สงฆ์ว่า ท่านพระอาจารย์หลอดเป็นพระอรหันต์ นับเป็นความประทับใจของพร อย่างไม่รู้ลืม แม้ท่านทั้งสองจะจากไป เข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมเชื่อว่าท่านก็ยังอยู่ เพราะธรรมท่านทั้งสองอยู่ในใจผมตลอดไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระชัยวัฒน์เนื้อทองทิพย์รุ่นแรกหลวงปู่หลอด
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240709_122958.jpg IMG_20240709_123021.jpg IMG_20240709_123045.jpg IMG_20240709_122935.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2024 at 09:51
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เมื่อวานและ วันนี้ จัดส่ง
    1720527856443.jpg 1720527787898.jpg
    ขแบคุณครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720540163795.jpg
    ผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวด
    "ย้อนรอยเกจิดัง"
    ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566
    "หลวงปู่ผาด"อดีตเกจิดังวัดบ้านกรวด
    นักบุญแห่งอีสานใต้/สายอาคมเขมร
    "พ่อคูณ"ยกย่อง"ของท่านดี-ศิษย์นิยม"
    "ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ "หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ" หรือ "พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์" อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับสมญานามว่า "นักบุญแห่งอีสานใต้" แม้แต่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ยังให้การยกย่องว่าท่านเก่ง วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังไม่แพ้ท่าน
    ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้านดู่ ตำบลปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ วันเดือนปีเกิดจริงของหลวงปู่ผาดคือวันที่ 3 พฤษภาคม 2452 แต่วันเกิดตามใบเกิดคือวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2454 เพราะโยมบิดามารดาหลวงปู่แจ้งเกิดช้า2ปี บิดาชื่อนายเอี้ยง มารดาชื่อนางเตียบ นามสกุล"ดิบประโคน" มีพี่น้อง 4 คน ท่านเป็นคนที่ 3 ครอบครัวมีอาชีพทำนา
    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล จนจบชั้น ป.4 จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2470 ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษาก็สิกขาไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
    ต่อมาปี พ.ศ. 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านกรวด ได้ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ ขณะศึกษาธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    หันมาศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคมควบคู่กันไป ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากในตำราทั้งหมด จนมีความรู้ในวิทยาคมเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง ท่านได้ออกจาริกไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งด้านวิทยาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ ในครั้งนั้น ได้ไปศึกษวิทยาคมที่กัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี ก่อนจะจาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่นครวัด นานกว่า 8 ปี จนมีความรู้ในวิทยาคมสายเขมร
    เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิด อาศัยจำพรรษาในวัดบ้านกรวดเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา กระทั่งท่านเริ่มมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับการถวายที่ดินจากชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาบูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า ให้กลายเป็นศาสนสถาน คือ วัดตาอี, วัดบ้านปราสาท และวัดบ้านบึงเก่า
    ในกาลต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาสวัดบ้าน กรวดมรณภาพ ชาวอำเภอบ้านกรวดได้นิมนต์ให้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ แม้ตอนแรกจะปฏิเสธแต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยม ไม่ได้จึงยอมรับและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด
    วัดบ้านกรวด ถือเป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอบ้านกรวด สร้างขึ้นในยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อคูณ ถามว่า "พวกเอ็งมาจากไหนกัน" คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า "มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก"
    ทั้งนี้ หลวงปู่ผาดเคยร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลร่วมกับหลวงพ่อคูณ เช่น
    ในปี 2552 และพระเกจิอาจารย์ระดับประเทศอีกหลายท่าน ณ วัดปทุมธาราม (หนองบัว) ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
    หลวงปู่ผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
    ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง อาทิ พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ, พระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ผาด, พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาด, พญาครุฑ และอื่นๆ
    หลวงปู่ผาด เป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคลมาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้าท่านว่า มีผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่จึงอนุญาตให้จัดสร้าง วัตถุมงคลออกมาหลายรุ่นหลายรูปแบบ
    ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณเด่น เมตตามหานิยมดีเยี่ยม มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ
    ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดมีพุทธคุณเข้ม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนให้ญาติโยมเสมอว่า ".. อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท
    หลวงปู่ผาดมรณภาพลงเมื่อช่วงเวลา 11.58 น. ของวันที่ 5 มกราคม 2558 ด้วยสิริอายุที่มากถึง 105 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 พรรษา
    #ฉัตรสยาม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวด ๔ องค์ ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240709_223828.jpg IMG_20240709_224335.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2024 at 09:51
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เหรียญพระพุทธสิหิงค์ หลังลายเซ็นต์จอมพล ป.พิบูลสงคราม ปี 2494 จัดสร้างโดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อเป็นการบูชาและรำลึกถึงพระกฤตยาภินิหารของพระพุทธสิหิงค์ เชียงแสนสิงห์หนึ่งที่ประดิษฐานอยู่บนเรือหลวง"ศรีอยุธยา" ที่ได้ช่วยคุ้มครองท่านจอมพล ป.ที่ถูกควบคุมตัว จากฝ่ายกบฏแมนฮัตตัน ที่โจมตีด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด และอาวุธต่างๆ ให้แคล้วคลาดปลอดภัยและได้ชัยชนะในที่สุด ปลุกเสกโดยท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ และพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นอย่างมากมาย
    อาทิเช่น -
    ท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ ศิษย์เอกของสมเด็จสังฆราชแพ
    หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว
    หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ
    หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ
    หลวงเส่ง วัดกัลยา
    หลวงพ่อลี วัดอโศการาม
    หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
    หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    และพระสายกรรมฐาน พระอาจารย์มั่นอีกหลายรูป เป็นต้น
    เหรียญดีมีประสบการณ์คลาดแคล้วปลอดภัยจากสรรพภัย และศาตราวุธทั้งปวงได้ดีนักแล
    อีกข้อมูล
    เหรียญพระพุทธสิหิงค์ หลังลายเซ็นต์จอมพล ป.พิบูลสงคราม เนื้อทองแดง ปี2495 วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    ประวัติ
    เนื่องจากกบฏแมนฮัตตันเป็นชื่อเรียกเหตุการณ์การกบฏในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เมื่อทหารเรือกลุ่มหนึ่ง นำโดย น.ต.มนัส จารุภา รน. ทำการกบฏจี้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม ระหว่างเป็นประธานในพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนสัญชาติอเมริกัน ชื่อ แมนฮัตตัน ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยนำไปกักขังไว้ในเรือหลวงชื่อ "ศรีอยุธยา" ที่จอดรออยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา หัวหน้าคณะก่อการ คือ น.อ. อานน บุญฑริกธาดา รน. สั่งการให้ทหารเรือกลุ่มที่สนับสนุนการก่อการมุ่งหน้าและตรึงกำลังไว้ที่พระนคร และประกาศตั้ง พระยาสารสาสน์ประพันธ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทางฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม และตั้งกองบัญชาการขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล (ในขณะนั้นคือ พระที่นั่งอนันตสมาคม) จึงเกิดการต่อสู้ยิงกันอย่างหนักระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลและทหารฝ่ายก่อการ มีการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินใส่เรือหลวงศรีอยุธยาที่อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จนกระทั่งเวลาประมาณบ่าย 3 ของวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เรือก็จม จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกทหารเรือที่อยู่บนเรือนำว่ายน้ำหลบหนีออกมาได้ เรื่องจบลงที่แกนนำฝ่ายก่อการได้ลี้ภัยไปต่างประเทศ และมีผู้ต้องหาถูกจองจำในเวลาต่อมาหลายคน โดยการกบฏครั้งนี้นับว่าเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เพราะสถานที่ต่าง ๆ เสียหาย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับร้อย
    เหรียญพระพุทธสิหิงค์ รุ่นนี้ สร้างโดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อเป็นการบูชาและรำลึกถึงพระกฤตยาภินิหารของพระเชียงแสนสิงห์หนึ่งที่ประดิษฐานอยู่บนเรือหลวง"ศรีอยุธยา" ที่ได้ช่วยคุ้มครองท่านจอมพล ป.ที่ถูกควบคุมตัว จากฝ่ายกบฏแมนฮัตตัน ที่โจมตีด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด และอาวุธต่างๆ ให้แคล้วคลาดปลอดภัยและได้ชัยชนะในที่สุด
    เหรียญรุ่นนี้สร้างในปี๒๔๙๕ ได้รับการปลุกเสกโดยท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของสมเด็จสังฆราชแพผู้สร้างตำนานพระกริ่งที่มีชื่อเสียง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ด้านหลังเจ้าของเดิมนำไปให้ ครูบาอาจารย์ลงเหล็กจารอักขระยันต์
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240710_074048.jpg IMG_20240710_074135.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1.PNG

    เหรียญเจ้าแม่กวนอิมรุ่นเซ็งลี่ฮ้อปี ๒๕๓๖ หลวงพ่อเกษมเขมโก สุสานไตรรัตน์ ลำปาง
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    U18939886369354234725181942.jpg
    IMG_20240710_074157.jpg IMG_20240710_074231.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2024 at 12:42
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    dv.jpg



    1720499333873.jpg 1720499324951.jpg 1720499321882.jpg
    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลังยันต์จักรพรรดิ์หลวงพ่ออิฐวัดจุฬามณี ๒๕๔๑
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240710_125332.jpg IMG_20240710_125354.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2024 at 14:24
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,454
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1720609476949.jpg

    พระครูวิบูลวิหารกิจ
    หลวงพ่อจ่าย ธมฺมปญฺโญ
    นโม ตสฺภตวโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทธสฺส ๓หน
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
    อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
    ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
    สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆติ
    อายสฺสมโต มหาเถรสฺส ธมฺมปญฺญสฺส ชีวปวตฺตึ
    วณฺณยิสสามีติ
    หลวงพ่อจ่ายเกิดที่บ้านเจ้าปลุก ต.เจ้าปลุก อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อประหยัด มารดาชื่อเล็ก นามสกุลฉายสุวรรณ หลวงพ่อเกิดเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีระกา สัปตศก
    มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกันรวม ๖ คนคือ
    ๑.นายหยด
    ๒.พระครูวิบูลวิหารกิจ(หลวงพ่อจ่าย)
    ๓.นางสำฤทธิ์
    ๔.นางโต๊ะ
    ๕.พระภิษุทองย้อย
    ๖.นายเขียว ฉายสุวรรณ
    หลวงพ่อพระครูวิบูลวิหารกิจ เมื่อเป็นเด็กเรียนหนังสือที่วัดเจ้าปลุกกับท่านอาจารย์ศรีพออ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุครบอุปสมบท ก็ได้อุปสมบทที่วัดเจ้าปลุก มีพระครูพุทธวอหารโสภณวัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เถิ่ง วัดน้ำเต้า เป็นพระกรรมวาจา พระอาจารย์ศรี วัดเจ้าปลุกเป็นอนึสาวนาจารย์ บวชอยู่ที่วัดเจ้าปลุก ๕ พรรษา ครบนิสัยยมุตตกพอดี
    ครั้นเมื่อวัดรุ้ง ต.บ้านรี อ.เมือง จ.อ่างทอง ว่างสมภารลง ชาวบ้านตำบลบ้านรีจึงชวนกันไปอาราธนาให้ท่านมาเป็นสมภารวัดรุ้ง ท่านมาอยู่วัดรุ้งได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านเป็นผู้เคร่งครัดต่อกิจวัตรของสมณเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และสวดมนต์ไม่เคยขาดเลย เว้นแต่ป่วยหรือติดกิจนิมนต์ที่ไปค้างคืนเท่านั้น แต่ถ้าหากท่านไปกิจนิมนต์ที่ไม่ได้ค้างแรม เมื่อกลับมาถึงวัด จะเป็นเวลาเย็นหรือค่ำก็ตามที ท่านจะรีบสงน่ำเสร็จแล้วจะตีระฆังเล็กที่หน้ากุฏิอันเป็นสันญานทำวัตรเย็น ท่านจะครองผ้าจีวรพาดผ้าสังฆาฏิตรงไปที่หอสวดมนต์นำพระลูกวัดทำวัตรและสวดมนต์ บางทีจะมีพระลูกวัดออกไปทำวัตรสวดมนต์เพียง๑องค์บ้าง๒องค์บ้าง ท่านก็ไม่เคยนึกว่าวันนี่พระน้อยไม่สวดมนต์พระมากถึงจะสวด ท่านต้องสวดทุกๆวัน การสวดของท่านเริ่มต้นแต่ผูกอวิชา ไปจนถึงมหาสมัยยสูตรจบแล้วก็กลับขึ้นต้นสวดผูกอวิชาไปอีก ท่านชอบสวดมนต์มาก ไม่ใช่แต่จะสวดภายในพรรษาเท่านั้น แม่ออกพรรษาแล้วท่านก็สวดมนต์ทุกวัน จนชาวบ้านแถวนั้นพูดว่าพระวัดรุ้งขยันสวดมนต์ไม่ขี้เกียจ อันนี้เป็นปฎิปทาของท่านส่วนหนึ่งซึ่งยังประชาชนต์ชาวบ้านให้เลื่อมใสในตัวท่าน ท่านปฏิบัตแบบนี้เรื่อยมา เสมอต้นเสมอปลาย จนกระทั่งท่านชราภาพ ถูกพยาธิเข้ารบกวนจึงจำต้องหยุดไปเองในที่สุด แม้อุโบสถสังฆกรรท่าน ก็เอาใจใส่ลงไปฟังพระปฏอโมกข์ทุกวันพระอุโบสถเป็นประจำ ทำกิจทางพระวินัยไม่บกพร่อง มิใชาแต่เท่านั้น ทางสมาธิจิตรท่านก็ได้ฝึกหัดอบรมเป็นประจำจนชำนาญ จนเป็นมูลฐานให้กิดความศักดิ์สิทธิ์ทางอาคมจนแพร่หลาย

    ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์แจกในงาน พระราชทานเพลิงศพ พระครูวิบูลวิหารกิจ(หลวงพ่อจ่าย) อดีตเจ้าอาวาศวัดรุ้ง อดีตเจ้าคณะตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
    พระราชทานเพลิงวันที่ ๒๒ กุมพาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๓
    ถ้าความผิดพลาดบกพร่องอันใดจะพึงบังเกิดมีขึ้นได้ในการเขียนครั้งนี้ ข้าพเจ้ายินดีรับความผิดพลาด ถ้าบุญกุศลประโยชสุขอันใด อันจะบังเกิดพึงมีได้ในการแต่งเขียนครั้งนี้ แก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าขอมอบส่วนกุศลอันนี้ให้แก่บุรมาจารย์ทั้งหลายอันมีหลวงพ่อจ่ายเป็นต้น ตลอดจนประชาชนและอุบัติเทพ ผู้เป็นบัณฑิตย์ทั่วทุกท่านเทอญ..


    เหรียญมหาอุตม์ เมืองอ่างทอง หลวงพ่อจ่าย วัดรุ้ง เหรียญทองแดงรูปไข่ ปี 2519 หลวงพ่อจ่ายท่านเก่งเงียบครับพื้นที่รู้กันดีท่านได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีปลุกเสกพิธิใหญ่ๆ หลวงพ่อจ่ายท่านเป็นที่ยอมรับของคนท้องที่ เนื่องด้วยความศักดิ์สิทธิ์ คงกระพัน มหาอุตม์แห่งเมืองอ่างทอง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อจ่ายวัดรุ้ง ปี๒๕๑๙ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240710_174542.jpg IMG_20240710_174609.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...