พระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 2 เมษายน 2010.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    [​IMG]





    .............สวัสดีครับ..ทุกท่านที่เคารพ....ผม modpong ขอ เสนอเรื่องราว บางประการ...ของพระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก จังหวัดสมุทรปราการ ท่านไม่ได้เด่นดังอะไร นักเลงพระทั่วไปก็รู้จักท่านน้อย ยกเว้นแถบปากน้ำก็พอรู้จักท่านบ้าง เพียงแต่ท่านได้สร้างพระเครื่อง เหรียญ และ
    พระกริ่ง แล้ว มี หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ที่ใครๆรู้จัก มาเป็น ประธานปลุกเสก... มีหลวงพ่อบุตร วัดใหญ่บางปลากด ที่มีชื่อเสียง..รองจาก หลวงปู่เผือก ร่วม ปลุกเสก และ ยังมี หลวงพ่อเผย วัดบางหญ้าแพรก ที่สร้างพระกริ่งที่ เจ้าคุณศรีฯ วัดสุทัศน์ มาช่วยสร้างให้ และตัวของท่านเอง..ที่ร่วมปลุกเสกด้วย...แล้วก็ไม่กี่ปีมานี่ พวกแฟนพันธุ์แท้ หลวงปู่เผือก เริ่มหา พระของวัดกิ่งแก้วที่หลวงปู่ปลุกเสกเองแทบไม่ได้...ราคาแพง...ขุดสระ..ไม่ต้องพูด สวยๆ ๖ หลักไปแล้ว พระผงอินโดจีนท่าน ก็ จะเหยียบ หลัก หมื่น ในไม่กี่ปีข้างหน้า...กริ่งชินราช อัลปาก้า สวยๆ..ก็ สี่..ห้า..หมื่น.....พูดง่ายๆก็คือ...จับแทบไม่ได้สำหรับคนสตางค์น้อย...เลยเริ่มหาพระที่หลวงปู่ปลุกเสกที่วัดอื่น....ก็มาพบว่า..ท่านมาเป็นประธานฯที่นี่ พระวัดบางด้วนก็เลยเริ่ม โกอินเตอร์.........
    ..............ที่นี่ก็เริ่ม search ได้ บ้างเล็กน้อย ตามWEBที่ให้เช่า..พระ....ประวัติก็เริ่มมา..แรกๆก็ระบุ เลย..ร้อย ทั้ง ร้อย..พระหลวงปู่เผือก..ออกวัดบางด้วน...ซึ่งก็ถูกเพราะท่านเป็นประธานฯ..แถมผงที่ทำเกือบทั้งหมดท่านขนใส่รถ (...ไม่ใช่ใส่..กระปุก..เน้น ใส่เป็นลำเรือ)
    ..ก็
    ..เหมือนย้ายที่ทำพระ..จากวัดกิ่งแก้ว มาวัดบางด้วนนอก......................
    .................แต่ ที่ผมอยากจะเล่าว่า มีบางwebเท่านั้น ที่มี ระบุ ว่า พระครูสมุห์ทองดี ที่เป็นเจ้าอาวาส วัดบางด้วนนอก ร่วมปลุกเสกด้วย...ท่านมีความสามารถแค่ไหน ไม่มีใครทราบ และไม่สนใจจะทราบ ขอให้เป็นหลวงปู่เผือกก็พอ...เจ้าอาวาสนี่เกือบทุกweb ไม่มีรายชื่อเป็นผู้ปลุกเสกด้วยซ้ำ เหรียญรูปท่านที่มีราคาขึ้นมาพอสมควร ก็เพราะมีcreditที่หลวงปู่เผือก
    เป็นผู้ปลุกเสก ..............................
    ..........................แต่ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า นอกจากวัดบางพลีใหญ่กลางที่หลวงปู่เผือกเป็นประธานปลุกเสกพระ...เพราะเป็นวัดสำคัญที่มีพระพุทธรูปอย่าง..หลวงพ่อโต..ประดิษฐานอยู่...............แต่ท่านมาเป็นประธานปลุกเสกพระ และย้ายฐานการผลิตทั้งผงและผู้ผลิตตัวหลักมาที่นี่ชั่วคราวเป็น เอิกเกริก...แบบที่ท่านไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน......มันต้องมีที่มาที่ไปครับ....ที่มาที่ไปก็คือพระที่ไม่มีใครรู้จักชื่อ..ในยุคนั้น..พระหนุ่มผู้นั้น..ก็...พระทองดี..นี่แหละ
    ....พระผู้นี้มีศักด์เป็น..อา...ของผม และ เป็น พระอนุสาวนาจารย์ ตอนผมบวช เป็น อาจารย์ของผม เป็นพระที่ดีมีคุณธรรม เป็นผู้รับบาปเคราะห์จากผู้ที่ท่านช่วยเหลือ...เป็นผู้ผลิตยาคุณพระแจกฟรี..ช่วยคนมามากหลาย....และเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่เมืองกรุงเก่า
    .....................ถ้าท่านสนใจ..ก็...ติดตามไปเรื่อยๆ......สวัสดีและขอบคุณท่านที่ได้อ่านจนจบ.......................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  2. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861


    สาธุครับน้า เข้ามาตามติดข้อเขียนของน้าเสมอๆ

     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............ขอบคุณครับ..คุณONG และ..คุณTATTY...ที่ติตามกันมาถึงนี่เลย..รวมถึงท่านสมาชิกอื่นและบุคคลทั่วไป..ด้วยครับ....................
    ..............................................................................................
    ..............ผมไม่ลง..รูป...เหรียญ...หรือ...พระ...ของท่าน..ซึ่ง..ท่านอาจsearch
    ...ในGOOGLE..รูปภาพ ...ถ้าท่านสนใจ....เพราะผมไม่ได้มีเจตนามา PROMOTE
    ของท่าน อันนี้ไม่เกี่ยวกับ..การค้า..ด้วยประการทั้งปวงครับ......
    ...เพียงแต่มาเล่า...เรื่อง..พระธรรมดาองค์หนึ่ง...ที่มีชีวิตที่ไปเกี่ยวข้อง..กับเรื่อง
    ที่น่าสนใจ...และบุคคลที่น่าสนใจ.................
    .....................ผมเอ่ยไปก่อนหน้าเรื่อง..หลวงอาดี(ต่อไปนี้ผมจะเรียก พระครูสมุห์ทองดี แบบนี้ ตามที่ผมเรียกจริง)..กับ..หลวงปู่เผือก..ที่มาผูกพันกัน
    มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้า..ปี ๒๔๘๐ เสียอีก..
    ..................................................................................
    ความจริง....วัดบางด้วนนอก..เล็กๆที่อยู่ในสวน...ไม่สามารถไปทางรถยนต์ได้ในยุคนั้น (๒๔๗๐-๒๕๐๐.....ผมขอโทษในตอน..ที่แล้ว...ที่บอก..ว่าผงทำพระของหลวงปู่เผือก เต็ม..คันรถ..ไม่ใช่ครับแต่เป็น..คันเรือ.. ) ต้องต้อนรับ...หลวงปู่แทบทุกอาทิตย์...ท่านมากับเรือประจำตัวท่าน..จากบางพลี....เพื่อมาเยี่ยม
    สหายสนิท(ผมว่าที่สุดเลยมั้ง...มาบ่อยขนาดนี้...หลวงอาดีเล่าว่าตั้งแต่บวช
    ใหม่ๆก็พบ และได้ รู้จัก..หลวงปู่แล้ว ก็ที่วัดนี่แหละ....)..................
    ...............ท่านอาจารย์สิน..(ผมว่ามี..คนรู้จักท่านน้อยมากสมัยนี้)
    ...ลูกศิษย์หลวงปู่เผือกที่อยู่วัดประจำสมัยช่วงปี ประมาณก่อนปี ๒๔๗๘
    จะคุ้นเคยกับท่าน..อาจารย์สิน..ดี...เรียกว่า ทั้งสององค์นี่ถ้าใครว่างก็จะไปหา
    กัน..แต่อาจารย์สินจะไปบ่อยกว่า.....เวลาหลวงปู่มาวัดบางด้วน..ท่านก็จะมาอยู่นาน..๔-๕ ชั่วโมง...หลวงอาดีบอกว่า..ท่านก็จะนั่งคุยกันอย่างอารมณ์ดี..
    มีหัวเราะสลับการสนทนา...อาจารย์สินท่านก็จะเรียกหลวงอาดีไปช่วยหยิบโน้นหยิบนี่เสมอ...ก็เลยคุ้นกับหลวงปู่ไปเอง..................................
    ............คนที่อยู่แถว..บางด้วน..บางหมู..และวัดสวนส้ม ก็เลยส้มหล่น....
    ......หลวงปู่เผือกช่วงนั้นท่านก็มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว....เวลาท่านมาก็จะมีชาวบ้านที่ชอบทางนี้..มาหาท่านด้วย...ก็มาขอ..ของ.หลวงปู่นี่แหละ ..ฉะนั้นชาวบ้านแถวนี้..ก็จะมี..สมเด็จรุ่นขุดสระ..ตระกรุด..ลูกอม..ของหลวงปู่เผือก
    กัน..น้องๆที่วัดกิ่งแก้วเลย...หลวงอาดีบอกอย่างนั้น...หลวงอาดีเล่าว่าหลวงปู่เผือกเวลาที่มาที่วัดบางด้วน..ท่านอารมณ์ดี..ก็จะพก..ของ..มาแจกเต็มยา่มเลย..(ฉะนั้น..ถ้าท่านผู้อ่านที่เป็นลูกหลานพื้นเพดั้งเดิม..ของ ๓ สถานที่ๆบอกไปแล้ว และได้รับของหลวงปู่เผือกมาจากรุ่นปู่รุ่นทวด...ก็อย่าแปลกใจเลยครับ..).....แต่..ท่านอาจารย์สินเองนี่แปลกมาก..หลวงอาดีเล่าว่า...ท่านไม่ย่อยเลย..(ไม่งั้นคงไม่เป็นเพื่อนหลวงปู่เผือก)....ความจริงท่านเก่งอาคมน่าดู....
    ...แต่ท่านไม่เคยทำ..ของ..แจก..คนที่นี่เลย..............ท่านทำของไปแจกคนที่..วัดกิ่งแก้ว..แทน...หลวงอาดีเล่าว่าท่านเคยคุยกับคนเรือ..ของ
    หลวงปู่...ซึ่งแกยังบอกว่า..มีของอาจารย์สิน..ที่ท่านให้ไว้กับตัวหลายอย่าง
    ...ยังบอกด้วยว่า..ของท่านเยี่ยม..........
    ..............ประหลาดมั้ยครับท่านผู้อ่าน...และไม่ต้องสงสัยเลย..ว่า..อาจารย์สินท่าน...ไม่มีลูกศิษย์...หลวงอาดีเล่าว่าประสพกับอาคมขลังของท่านอาจารย์สิน
    ครั้งหนึ่งคือ....ท่านอาจารย์นี่..เป็น คนตัวเล็ก...แต่..อารมณ์ดุเดือดมาก (แต่เพื่อนท่าน รูปร่างใหญ่ และค่อนข้างสูง แถม..ผิวขาวมาก..(คงเป็นที่มาของชื่อท่าน) และอารมณ์ดี ...เป็นเพื่อนกันได้ยังงัย...งง..)..วันหนึ่ง..มีคนเมาเข้า
    มาในวัด..แล้วก็เปิดฉาก..ด่า..ด่า..พระ..เสียงดัง..ท่านอาจารย์สินได้ยินเสียงเข้า...ก็..ถลัน..ออกมาจาก..กุฏิ..พระลูกวัดก็รู้กันดีว่า..มีเรื่องแน่..หลวงอาดีตอนนั้นยังหนุ่มมาก กับ พระรุ่นน้องอีกองค์ วิ่งเข้าไปจับแขนท่านไว้ หลวงอาดีเล่าว่าท่านแรงมากรั้งไว้ได้แป๊บเดียว...ท่านอาจารย์สิน..หายตัว..ไปจากการจับของพระทั้งสอง(หลวงอาดีบอกว่า..จับแขนอยู่ดีๆ..ก็กลายเป็นจับลม
    ท่าน..ยังงง..เหมือนกับ..พระอีกองค์)..ช่วงนั้นก็พอดี..มองจากศาลาวัดลงไปข้างล่าง...ที่ไอ้ขี้เมายืนอยู่ที่ตีนกระไดศาลา(ประมาณ..๑๐.กว่าเมตรได้) ท่านไปอยู่ที่หน้าไอ้ขี้เมา ท่านต่อยเปรี้ยงเดียว...ไอ้ขี้เมาที่ตัวใหญ่กว่าท่านเยอะ
    ก็สลบเหมือด...กองอยู่ตรงนั้นเลย.....
    ...................................................................................................
    .....................................โอ้..วันนี้เขียนมาเยอะ...ไว้เล่า่ต่อตอนหน้านะครับ
    ..แล้วจะมีอะไรดีมาเล่าให้ฟังต่อ....ขอบคุณทุกท่านที่สนใจ..สวัสดีครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............ขอบคุณ...ท่านที่สนใจและติดตามอ่าน..นะครับ.....................
    ..............ตอนที่แล้ว.ผมได้กล่าวที่มาที่ไปบางส่วน.........ของความสัมพันธ์ของ
    หลวงปู่เผือก....กับ...หลวงอาดี...นี่แหละครับเป็นจุดเริ่มต้นของความผูกพัน...จนไปถึง..เมื่อปี ๒๔๗๙...หลวงปู่เผือก...ก็ได้อนุเคราะห์..เป็นการเป็นงานครั้งแรก
    ...เป็นที่มาของการปลุกเสกเดี่ยว..วัตถุมงคล..ในนามของ..วัดบางด้วนนอกเป็นครั้งแรก...ของหลวงปู่เผือก (ไม่ใช่ปลุกเสกหมู่)....เกือบทั้งหมดเท่าที่ผมทราบ...จะเข้าใจว่า...เป็น..ปี ๒๔๙๓ ...ที่ท่านมาปลุกเสกหมู่...ทำ..พระพิมพ์สมเด็จ..พระกริ่ง..และเหรียญ..และ..เป็นครั้งเดียวที่หลวงปู่เผือกมาทำของให้........ต้องตามเรื่องต่อไป..ครับ..ท่านจะได้ทราบ...ในปี ๒๔๗๙.....หลวงปู่เผือก..ท่านตั้งใจทำ...ของให้วัดบางด้วนนอกมากขนาดไหน..........................................................................................................
    ....................ผมขอเริ่มเรื่องของหลวงอาดี..เลยแล้วกัน...ท่านเเป็นคนสมุทรปราการแต่กำเนิด...เรียกง่ายๆ..คนปากน้ำ..เป็นคนบางด้วนนี่แหละ
    ชื่อจริง...ท่านคือ..ทองดี ม่วงทอง..เป็นคนขยันขันแข็ง..ทำสวนเก่ง..แต่ท่านเป็นคนชอบ..ลอง..ของใหม่ๆ..แกก็เลยลองไปทำนาแถวบางพลีอยู่..๑ปี...แต่
    พออายุครบบวช....ก็ตามธรรมเนียมไทย...ท่านก็กลับมาบวชให้บุพพการี...
    ...ที่แห่งนี้..วัดบางด้วนนอก...อันนี้ขออธิบายให้คนรุ่นใหม่ทราบ..เล็กน้อย..
    ...คำว่า..นอก..หมายถึงใกล้เส้นทางหลัก..ไปถึง...ง่าย ..คำว่า..ใน..หมายถึง..ไกล..เส้นทางหลัก..อยู่ลึกเข้าไป..ไปถึง...ยาก.......แต่เส้นทางหลักสมัยโบราณ..เส้นทางหลักคือ..แม่น้ำ..สำหรับ..ปากน้ำ..ก็คือ..แม่น้ำเจ้าพระยา
    ...
    วัดบางด้วนนอก...อยู่ใกล้แม่น้ำ..มากกว่า..วัดบางด้วนใน...สมัยก่อนยังไม่มีถนนสุขุมวิท...การเดินทางไปวัดบางด้วนนอกสะดวก...กว่าวัดบางด้วนในมาก
    ....เหมือน อย่าง ..วัดบางนานอก...กับ..วัดบางนาใน.....พอเกิด..ถนนสุขุมวิท.....คราวนี้กลับ..ตาลปัตร...กลายเป็น..วัดบางด้วนในอยู่ไกล้..ถนน..
    ..เจริญ...แต่วัดบางด้วนนอก..อยู่ลึก..ไม่เจริญ..........นี่แหละครับ..อนิจจัง..ไม่เที่ยง.................................
    ..................ขณะนั้นตอนที่ท่านบวชใหม่ๆ..เจ้าอาวาส..ก็..คือ..ท่านอาจารย์สิน..เพื่อนสนิท..หลวงปู่เผือก..นี่แหละ ความตั้งใจเดิม..ท่านก็จะบวชตามธรรมเนียม...คือ..๑ พรรษา แล้วก็..สึก..กลับมา.ทำสวนต่อ..แต่ท่าน..เป็นคน
    เอาจริงเอาจัง..โดยนิสัย..เมื่อบวชท่านก็ตั้งใจเรียน..และ..ปฏิบัติ....
    .....บอกให้ท่านทราบ..ว่า..วัดบางด้วนนอกนี้เป็น..วัดเล็ก ...มีพระ..อยู่..ไม่เกิน..๕-๖..รูปเวลา..นอกพรรษา...ในพรรษาก็ไม่เกิน ๑๐..ท่านก็ตั้งใจและปฏิบัติ..เป็นพระที่ดีตลอดพรรษา..ทั้ง..พ่อ..แม่..ก็ภูมิใจ..แต่พอครบพรรษา
    ท่านก็เลยไม่ได้..สึก..เพราะ ทั้งญาติโยมทั้งหลาย..ขอ..เพราะเมื่อ..ออกพรรษาแล้ว...ที่วัด..พระที่เหลืออยู่นอกพรรษา...ไม่ค่อยได้เรื่อง และอีกอย่้าง
    เวลา..อาจารย์สินไปวัดกิ่งแก้ว บางทีท่านก็ไปค้างที่โ่น่น...พระลูกวัดที่เหลือ
    ก็ไม่อยู่บ้าง..ยิ่งพระน้อยอยู่แล้ว..ยิ่งไปกันใหญ่..พูดง่ายๆก็ไม่มีพระที่เป็นการเป็นงาน..รักษาการแทน....ท่านอาจารย์สินก็เห็นดีเห็นงามด้วย....
    .............เอาละครับ...วันนี้พอก่อน....มาตามต่อตอนหน้า...ซึ่งท่านจะต้องรับ
    ภาระใหญ่..เป็นงานแรก...ขอบคุณ..ครับ..ทุกท่าน..สวัสดี..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......ขอบคุณทุกท่าน..ที่ได้อ่าน..และ..ติดตาม..ไม่ว่าจะด้วยการ..บังเอิญ..หรือ
    เจตนาก็ตาม....ผมขอต่อ..เลยครับ.....
    ............หลังจากพรรษาแรก..เข้า..พรรษาสอง...เหตุการณ์ส่วนใหญ่ก็คือ...
    ทำหน้าที่..แทน..อาจารย์สิน..เวลาที่ท่านไปวัดกิ่งแก้ว....พอหลวงปู่เผือกมาวัด
    ก็จัดน้ำชา..คอยหยิบโน่น.หยิบนี่ให้..เหมือนเดิม....นานวันเข้า..ก็..สนิทกับทานไปเอง....ตอนนั้น..หลวงอาดีท่านไม่ได้สนใจ..กับ..เวทมนต์คาถา..เพียงแต่สนใจ
    อ่าน..บาลี...ทำนองนี้ .....และท่าน..คงแปลกใจที่..ไม่ได้ขอของดี...หรือ..รับจาก..หลวงปู่เผือกบ้าง........นั่นมันธรรมเนียมของพระสมัยนี้ครับ...ขนาดเป็นพระ...ก็ยังมีความอยาก...พยายามไปหา...หลวงพ่อเก่งๆ..ขอโน่น..
    ขอนี้..ก็ไม่ทราบเหมือนกัน......สมัยก่อนมีแต่...ไปหลวงพ่อเก่งๆ....เพื่อไป
    เรียนวิชา...กลับมาวัดจะได้เอาวิชามาช่วยเหลือ..ชาวบ้าน..ที่หุงข้าว..
    มาใส่บาตรให้พระ..ฉัน.....
    ....ผมจะบอกให้สมัยก่อน...พระที่จะได้...ของๆหลวงพ่อนั้นๆก็
    มีตอนเดียว...คือไปลา..สึก...กับ..หลวงพ่อที่บวชให้..หรือ..คู่สวด....
    ....ผมมันคนโบราณ....เวลาเห็น...แบบนี้แล้ว..หงุดหงิด..........
    .....................ฉะนั้น...ไม่ว่า..พระองค์ไหนในวัดบางด้วนนอก..ก็ไม่มีใคร
    ...ได้ของท่าน...และไม่มีใครขอด้วย...มันผิดธรรมเนียม......
    ...............เวลาที่..อาจารย์สิน...อยู่วัด..ท่านก็จะไม่สนใจใคร...เหมือนไม่อยากอยู่...ยังไงไม่ทราบ...ไม่มีพระองค์ไหนได้เรียน..วิชาจากท่าน...และท่าน
    ก็ไม่คิดจะสอนใคร....อันนี้ไม่ใช่ผมนินทาพระนะครับ...ความจริงมันเกิดจากความแปลกใจของผมตอนที่ผม....ถามประวัติของหลวงอาดี...ความจริงท่านก็คงไม่อยากเล่า...แต่ผมคะยั้นคะยอขอให้เล่าที่มาที่ไป....เพราะรู้สึกว่าแปลก
    ......แต่หลวงอาท่านเล่าว่า....บางทีมีศิษย์มาจากที่ไกลๆท่านจะต้อนรับขับสู้เป็นพิเศษ.....แต่ถ้าเป็นคน...บางด้วน...บางหมู...วัดสวนส้ม...ท่านจะเฉยๆ
    ..........................................................................................
    ................เวลาผ่านมา..๕-๖ปี..ท่านอาจารย์สินก็...อาพาธ แล้วก็ มรณภาพ
    ใน..ปี..๒๔๗๙...หลวงอาดีก็เลยต้องรักษาการณ์เป็นเจ้าอาวาส..จริงๆ...
    .............ภาระสำคัญงานแรกที่ทำ...ก็คือ..การจัดงานฌาปนกิจ..ท่านอาจารย์สิน.....................
    ....ความจริง...ตอนที่ท่านอาจารย์สิน..สิ้นใจใหม่ๆ...หลวงอาดี...ก็..นึกถึงหลวง
    ปู่เผือก..เป็นท่านแรก..ก็รีบให้ชาวบ้านพายเรือ..รีบไปแจ้งให้หลวงปู่เผือกท่านทราบ....ท่านก็รีบมาวัดบางด้วนทันที..หลวงปู่เผือกท่านเป็นผู้ปลงศพเอง...
    ...แล้วท่านก็เรียก..หลวงอาดี...มาบอกว่าต้องทำยังไงบ้าง...หลวงอาดีท่ีาน
    บอกว่า...โชคดีที่ได้หลวงปู่เผือกมาช่วย...เพราะท่านบอกว่า..ทำอะไรไม่ถูก
    ...ไม่เคยทำศพพระด้วยกันมาก่อน......ผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียดขั้นตอนอะไร
    ......เพียงแต่หลวงปู่เผือกท่านเป็นผู้กำหนดวัน...ฌาปนกิจเอง....แล้วก็บอก
    หลวงอาดีว่า..วันฌาปนกิจให้ทำเหรียญที่ระลึกของอาจารย์สิน...เพื่อแจกญาติโยมที่มางาน...ท่านจะให้ลูกศิษย์พาไปเสาชิงช้าเพื่อไปร้านที่ทำเหรียญ..ท่าน
    ก็บอกให้เอารูปท่านอาจารย์สินไปด้วย............
    ...........เมื่อไปถึงร้านเอารูปไปให้..กำหนดรูปแบบซึ่งที่นั่นก็มีตัวอย่างให้ดูแล้ว
    ....พอถึงด้านหลัง....หลวงอาดี...ท่านก็เลือกรูปแบบเอง..คือใช้เป็นคาถา
    .....................แต่ที่มานี่สิแปลก..ท่านเล่าว่า...บังเอิญ..ท่านไปได้ผ้ายันต์...
    ...หรือ..ท่านไปอ่านจาก..หนังสือ...ผมก็ดันจำรายละเอียดตรงนี้ไม่ได้...
    .........เป็น...คาถา..ของ..หลวงพ่อแช่ม..วัดฉลอง ภูเก็ต...ซึ่ง..หลวงอาดี..เองก็ไม่ทันท่าน...แต่ท่านได้อ่านเรื่องราวของ..หลวงพ่อแช่ม..แล้วท่าน..นับถือเป็นการส่วนตัว...ท่านว่า...หลวงพ่อแช่ม..แม้จะเป็นพระ..
    ..แต่ก็ไม่ดูดายในความเดือดร้อนของชาวบ้าน(รายละเอียดไปหาอ่านเอาเองครับ..หาไม่ยาก)..และสามารถขจัดทุกข์ร้อนให้ชาวบ้านได้สงบสุข..เป็นพระในดวงใจของหลวงอาดีเลย..............
    ........ท่านจึงเลือกคาถาประจำตัวหลวงพ่อแช่ม มาใส่ไว้ด้านหลัง
    เหรียญแทนยันต์ ...พระอะระหัง สุคคโต ภควา นะเมตตาจิต..
    ........แม้หลังจากที่หลวงอาดีได้รำเรียนวิชามาแล้ว...ท่านก็ยังคงใช้ ..คาถา
    ....กับ..เหรียญรุ่นแรกของท่าน......................................
    .........ถ้าท่านจำได้..เหรียญหลวงพ่อแช่ม..รูปไข่..ปี ๒๔๘๖ ก็ใช้ คาถานี้
    ด้านหลัง....แต่หลังจากเหรียญของวัดบางด้วน ๗ ปี.............
    ..............เอาละครับพอแค่นี้ก่อน..............แล้วติดตามต่อตอนหน้า......
    ....................ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม..ครับ.....สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  6. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    โห....เกริ่นแบบนี้ต้องติดตามต่อไป ระลึกถึงเสมอครับน้า _/|\_
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............ขอบคุณอย่างสูงครับ..คุณONG....ที่ชมมา.....และขอบคุณทุกที่สนใจติตามอ่านกัน...ตอนนี้..บังเอิญ..พบ..เหรียญ ท่านอาจารย์สิน.....ในweb...
    ก็ขออนุญาต..และ..กราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้..เพื่อนำมาประกอบเรื่อง...
    ...เสียดายครับที่ได้มีการขูดข้อความ...ด้านหน้าไป...ส่วนที่หายไปคือ......
    ...ในงานฌาปนกิจ...นี่ถ้ารู้ว่าใครปลุกเสก...คง..ไม่ต้องขูด....น่าเสียดายครับ
    ....เหรียญ..อยู่ในสภาพดีมาก..ของพ่อผมสึก..เกือบเหี้ยน.....
    ...................................................................................................
    ................หลวงอาดีบอกว่า...สั่งทำไม่มากแต่จำไม่ได้ว่ากี่เหรียญ..(สาเหตุเพราะ...๑ ละแวกแถววัด..ชาวบ้านไม่ค่อยถูกกับท่าน ผมเข้าใจว่าสาเหตุที่ความผูกพันไม่ดี...คงมาจาก ..ท่านเป็นคนที่อื่น..มารับตำแหน่งเจ้าอาวาส...ใหม่แล้ว
    เกิดมีเรื่องไม่กินเส้น..กับชาวบ้านแถม..ท่านเป็น..ประเภท..พระบู๊..อยู่แล้ว..ก็เลยไปกันใหญ่......ชาวบ้านอาจมาร่วมงานศพไม่มาก
    ........๒..ผมก็ไม่แน่ใจ..ว่า..วัดจะมีเงิน...เพราะไหนจะต้องจัดงาน..ทำเมรุ..
    ...วัดเอง ก็..เล็ก..ไม่ค่อยมีคนมาทำบุญมากนัก...ผมคาดว่า...ค่าทำเหรียญ
    อาจได้ปัจจัยร่วมมาจาก...หลวงปู่เผือก..ด้วย
    ..............สรุปที่แน่ๆ...ไม่เกิน..๑๐๐๐..เหรียญ....ผมคาดว่า..น่าจะสัก..๕๐๐
    เหรียญเท่านั้น....ทองแดง..อย่างเดียว
    ............................................................................
    ..................หลังจากไปรับเหรียญ...ก็เอาไปที่วัดกิ่งแก้ว..เลย...เพราะหลวงปู่เผือกสั่งไว้...หลวงปู่เผือกก็ทำสิ่งสำคัญเพื่ือเป็น...อนุสรณ์ให้เพื่อนเป็น
    ครั้งสุดท้าย..โดยการปลุกเสกเ้ดี่ยว...เหรียญที่รฤกในงานฌาปนกิจ
    ของ อาจารย์สิน..ในปี ๒๔๗๙ นั้น...ที่แน่ๆท่านเก็บไว้ปลุกเสกเป็น
    อาทิตย์...ผมคิดว่าความเข้มข้นคงไม่แพ้...เหรียญของท่านเอง...
    ไม่ใช่ผมมาโฆษณา.........ผมว่า..เพื่อนสนิทกัน..เวลาทำให้เพื่อนสนิท
    ด้วยกัน...มันต้อง..เต็มๆ..แน่นอน.......
    ............
    ..................หลังจากเรียบร้อยแล้วท่านก็ให้ลูกศิษย์เอา..เหรียญที่ปลุกเสกแล้วมาส่ง....เมื่อถึงวันฌาปนกิจ...หลวงปู่เผือกท่านก็มาเป็นประธานฯ..ที่วัดบางด้วนนอก..ในงานฯมีพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าอาวาสวัดใกล้เคียงกันหลายองค์
    .....ที่อยู่ห่างหน่อยก็มี.....พระองค์หนึ่งที่..ท่านก็มีชื่อเสียงระดับ..TOP 10...
    ..ในปัจจุบันของปากน้ำ..คือ..หลวงพ่อบุตร วัดใหญ่บางปลากด...
    ..........ขณะนั้นท่านก็มีชื่อเสียง..ว่า ๑ ไม่มี ๒ รองใครเหมือนกัน...เพียงแต่
    ไม่..อินเตอร์เท่า..หลวงปู่เผือก....หลวงพ่อบุตร...ท่านเป็นญาติห่างๆ กับหลวงอาดี....ก็มาบอกกับหลวงอาดีหลังงาน...ว่า...อีกสักอาทิตย์...ให้ไปหาท่านที่
    วัดใหญ่บางปลากดหน่อย....หลวงอาดีท่านก็รับไว้.....
    .........................................................................................
    ...................เมื่อเสร็จงานเผา..ทั้งพระ..และ..คน..กลับกันเกือบหมดแล้ว
    ....หลวงปู่เผือก..ก็..เรียกหลวงอาดีไปพบ...ท่านก็บอกว่า...หลังจากนี้ที่วัด..
    ..หรือตัวหลวงอาดี..เอง....มีอะไรจะให้ท่านช่วย...หลวงปู่ท่านก็จะมาช่วย..
    ..เต็มที่...ไม่ต้องเกรงใจ.....หลวงอาดีท่านก็รับไว้เช่นกัน...........
    ............................................................................เป็นพระองค์อื่นก็
    คงรีบขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์แล้ว...แต่ไม่ใช่พระอย่างหลวงอาดี...เพราะท่าน
    มีแนวทางของท่านเอง..........................
    .............................หลังจากงานประมาณอาทิตย์...ท่านก็ไปพบ..หลวงพ่อ
    บุตร
    ...ตามสัญญา....หลวงพ่อบุตรท่านก็บอกว่า...ตอนนี้...ก็ต้องเป้นเจ้าอาวาสแล้ว...ตัวของท่าน(หลวงอาดี)เอง ก็ต้องเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน...ท่านจะต้องเรียน..วิชาไว้บ้าง...ให้ชาวบ้านจะได้นับถือ...ไม่งั้นเขาก็ไปวัดอื่นหมด
    เพราะพึ่งพาเราไม่ได้.......
    ............หลวงพ่อบุตร...ก็ให้ตำรามาปึกเบ้อเร่อ....ท่านก็บอกว่า...เอาไปดูเบื้องต้นก่อน....สนใจวิชาไหน..ก็มาเรียน..กับท่านๆจะสอนให้.............
    ....................................................................
    .................แต่หลวงอาดี..ก็บอกว่า...ผมขอบคุณหลวงพ่อที่เอ็นดูผม..ผมก็คิดเรื่องนี้มาตั้งแต่..อาจารย์สิน..ท่านสิ้นแล้ว..ท่านเจ้าคณะตำบลตอนมางานศพ..ท่านก็บอกว่าให้ผม..เป็นเจ้าอาวาส..เพราะทำหน้าที่แทน..อาจารย์สิน
    อยู่บ่อยๆ...คงไม่มีปัญหา.......แต่..ผมได้ตั้งใจแล้วก่อนหน้านี้ว่าจะไปเรียน
    วิชาที่...อยุธยา......ภายในปีนี้ครับ.....
    ........หลวงพ่อบุตร ก็ไม่ว่าอะไร เพียงแต่ท่านถามว่า...แล้วจะไปเรียน
    กับ...หลวงพ่อ...องค์ไหนละ.....................
    ................หลวงอาดีท่านก็ตอบว่า...หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ครับ
    ........หลวงพ่อบุตร..ก็..ยินดี.บอกว่า..ท่านปาน..นี่เก่ง..ชื่อเสียงโด่งดัง
    ...........หลวงพ่อบุตร...ท่านก็อวยชัยให้พร...........
    ...............วันนี้...ก็คงถึงเวลา..ต้องลาก่อน....แต่อย่างหนึ่ง..ผมว่าบางท่าน..จะแปลกใจว่า...ทำไม..เล่าได้รายละเอียดเยอะเหลือเกิน...แต่งเองรึเปล่า.....ตอนผมบวชกับท่านเมื่อเกือบ ๓๐ ปีมาแล้ว ผมบวช ครบพรรษาครับ
    (สึกแล้ว...ถึงจะเรียก..ว่า..ทิด..ที่มาจากคำว่า ..บัณฑิต..นั่นเอง)...ทุกคืน..สี่ห้าทุ่มขึ้นไป...ผมก็จะนั่งคุยกับท่านแค่ ๒องค์...ผมก็จะถามประวัติของหลวงอาดี ทุกๆคืนต่อๆกัน..วันละนิดละหน่อย...แล้วก็มาจดไว้บางส่วน...อีกอย่างท่านก็..อารมณ์ดี..เวลาคุยเรื่องเก่าๆ...ฉะนั้นคงหายแคลงใจกันนะครับ......
    .......................ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตาม....แล้้วพบกันใหม่..ตอนหน้า
    .........การเรียนวิชา.......................สวัสดี..ครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............ขอบพระคุณ..ทุกท่านที่ติดตาม..ครับ.....
    ................ผมก็ขอต่อเลย...แล้วกัน...
    .......หลวงอาดี...เล่าให้ฟังว่า.....ชื่อเสียง.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค..ท่านระบือไกล...มาถึง..ปากน้ำ...ก็สมัยนั้น...ไม่มีสื่อ..ใช้วิธี..ปาก..ต่อ..ปากกัน...ท่านก็ได้ยินเสียงรำ่ลือ..กัน..มาจากพระด้วยกันนี่แหละ..เวลานั้นมีพระอีกองค์ที่วัด..ก็เป็นญาติกับ..หลวงอาดี..แต่อวุโส..อ่อนกว่า ๑ พรรษา...มาเล่าให้ฟัง..เลยเกิดความประทับใจ..หลวงน้า(ผม..จะใช้..คำเรียก..แทนพระองค์นั้น)ก็เลยชวน..
    .....หลวงอาดีเพื่อไปเรียน..วิชา..ด้วยกัน..พอดีหลวงน้ารู้จัก..ฆาราวาส..อยู่คนหนึ่ง..ทีชอบ..เรียนวิชา..ของขลังด้วย.........ก็เลยชวนไปด้วยกัน.........
    ........ผมว่า...คงหลังออกพรรษา..ปีนั้น..หลวงอาดี..ก็ต้องอาศัย..ญาติสนิท
    ..ที่..วัดบางหญ้าแพรกที่อยู่ไม่ห่างกันนัก..คือ..หลวงพ่อเผย(ศักดิ์ เป็น..ผู้พี่)
    .....หา..พระมารักษาการณ์เป็นเจ้าอาวาส..ชั่วคราว..แล้วก็ไปแจ้งเจ้าคณะตำบล..เพื่อทราบ...........................
    ..........ชาวปากน้ำทั้ง ๓ ( ๒องค์ ๑คน ) ก็มุ่งหน้าสู่..อำเภอเสนา..อยุธยา
    ..ที่..วัดบางนมโค..โดย..อาศัย..เรือเขียว-เรือแดง(...ผมก็จำไม่ได้แม่น...
    ....เพียงแต่ท่านบอกว่า...เป็น...เรือโดยสารที่ไปอยุธยา)......เมื่อไปถึงวัด..ท่านเล่าว่า..ตกใจเลย..พระก็เยอะ..ฆาราวาสที่มาหา..หลวงพ่อปาน..ก็มาก...ในศาลาวัด..คนเต็มไปหมด....เมื่อถึงโอกาศ..ทั้ง ๓ ก็เข้าไป..กราบท่าน...หลวงอาดีเล่าว่า..หน้าตาหลวงพ่อปาน..ผ่องใสมาก..ดูก็ทราบได้เลย
    ว่าท่าน..เปี่ยมด้วย..พลัง..และ..บารมี..อย่างสูง........................
    ..........หลังเข้าไปกราบเรียนท่านถึงเจตนาที่มา...ท่านก็ยินดี...โดยให้ลูกศิษย์
    ท่าน..พาไปหาที่..พักก่อน...แล้วค่อยว่ากัน.................
    ............หลวงอาดีบอกว่า...ตอนนั้น...ก็..มี..พระ(เป็นส่วนใหญ๋)..มาขอเรียน..วิชา..จากท่าน...โดยเป็นพระมาจาก..ที่ต่างๆในอยุธยา..และจังหวัดใกล้
    เคียง...แบบๆท่าน...เป็นสิบ...พอคุยๆกันก็รู้ว่า...อยู่ระหว่างรอเหมือนกัน....
    ......ท่านอื่นบอกว่า..หลวงพ่อจะเป็น..ผู้ตรวจสอบเอง..ว่าเรียนได้...เรียนไม่ได้
    ....หรือ..จะได้เรียน..กี่วิชา..วิชาอะไรบ้าง........โดยท่านจะเรียกไปพบ..ในช่วงกลางคืน...ก็ต้องรอกันไป...........
    ............วันนี้เอาพอ...ท้วมๆก่อน.....เดี๋ยวต่อไป...จะเป็นตอนที่..เผชิญหน้า...ตัว..ต่อ..ตัว...กับ.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค.....
    .......
    ขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตาม..ต่อเนื่องกันทุกท่าน....ขอบคุณ...ครับ..
    .................สวัสดี..............

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  9. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    มารอรับชมด้วยครับ
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........ขอบพระคุณครับ........คุณ NUWA....ที่ได้มาติดตามอ่านอีกคน.....
    ...................เรื่องของ..พระบ้านนอกที่ไม่ได้เด่นดัง...ยังมีคนมาตามอ่านตั้ง
    หลานคน....ผมก็..ภูมิใจแล้ว........ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านกัน.....
    ...ผมก็จะว่า...ต่อเลย...................................

    ..............................แล้วก็ถึง..คืนที่รอคอย...หลวงพ่อปานก็ให้ลูกศิษย์ท่านมา
    เรียกไปหาท่าน.........หลวงอาดีเข้าไปกราบท่าน...แล้วหลวงพ่อปาน..ก็ถามความเป็นมา...และที่สำคัญก็คือ..ถามว่าเรียนวิชาจากท่านไป...เพื่อจะไปทำอะไร
    ...หลวงอาก็เล่า..เรื่องละแวกวัดห่างไกลความเจริญ..ชาวบ้านก็ต้องพึ่งวัดเป็นหลัก...ทั้งเรื่องสุขภาพ..ความเป็นอยู่..แต่ตัวท่านเองเป็นเจ้าอาวาส..ไม่มีวิชาอะไร..ที่จะเป็นที่พึ่งชาวบ้านได้..ก็คิดจะเอา..วิชาที่เรียนจากหลวงพ่อปานไป
    ช่วยเหลือ....ชาวบ้าน..และพัฒนาวัดด้วย..................................
    .......................หลวงอาดีเล่าว่า...หลวงพ่อปานท่านนิ่งอยู่พักเดียว.........
    ท่านก็บอกว่า....ท่านจะสอน..วิชาให้..๒..อย่าง..ซึ่งทั้ง..สองวิชา...นี่ก็เพียงพอ
    ที่จะบรรลุ..จุดมุ่งหมายได้..............วิชา..ทั้ง ๒ ประการนั่นคือ

    .........ยันต์.."ทอ"...........................
    .......ยันต์.."เกราะเพชร"..................


    ..........หลวงอาดีก็..ดีใจที่..หลวงพ่อปานรับไว้เป็น...ศิษย์...หลวงอาดีเล่าว่า...ช่วงระหว่าง...รอ...ในใจก็กระวนกระวาย...คิดว่า..เราเดินทางมาไกล..
    ....ถ้าท่านไม่รับ...คงต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่........แต่พอได้ยินจากปากท่าน
    .....ก็รีบขอบคุณท่านแล้วก็กราบลา...โดยไม่ต้องถามกันละ..ว่า..ยันต์ทอ..
    กับ..ยันต์เกราะเพชร.........เป็นยังไง..มีคุณวิเศษยังไง.....................
    .......ปรากฏ...ว่า..หลวงน้าที่..มาด้วย..ได้เรียน..อย่างเดียว..คือ..ยาต้มใบมะกา........ส่วน..ฆาราวาสที่มาด้วยอีกคน.......เนื่องจากเป็นคนที่มีพื้นฐาน
    อยู่แล้ว..ก็ได้เรียนเหมือน...หลวงอาดี........
    ......................................................................................................
    ...........ท่านเล่าว่า...พระที่มาขอเรียนกับ...หลวงพ่อปานมีจำนวนไม่น้อยที่ท่านมไ่ม่สอนให้...เพราะท่านจะตรวจด้วย..ฌาณ..ของท่านเองว่า.จะเรียนได้ใหม
    ...ไม่งั้นเสียเวลาสอน..เปล่าๆ....................................................
    ....................ตอนหน้า.....ผมจะมาแนะนำ...ยันต์"ทอ"..ให้ท่านทราบ
    ผมเชื่อว่า..๙..ใน..๑๐..ไม่รู้จัก....คุณวิเศษ..และ..การใช้งานเป็น..อย่างไร
    ....และเชื่อมั้ยว่า..จริงๆแล้ว...ยันต์"ทอ"...นี่แหละ..คือ..ยันต์ประจำตัวของ
    ...หลวงพ่อปาน โสนันโท แ่ห่ง วัดบางนมโค......ส่วนยันต์"เกราะเพชร"....ไม่ต้องสาธยาย..ให้มากความ...ใครๆก็รู้จักและ..เปิดหาอ่าน...ในรายละเอียดได้ไม่ยาก.........
    ............ขอขอบคุณ..ท่านผู้อ่านและติดตามกัน....ขอบคุณ..ครับ
    ..............................สวัสดี.............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...............ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม..อ่านกันตั้งแต่ต้น......ผมก็ขอว่าต่อเลย
    ..................................................................
    ............ตอนนี้...ผมกราบขออนุญาต...เจ้าของผ้ายันต์และwebที่ลงไว้..นำมาให้
    ท่านผู้สนใจดู....เป็นวิทยาทาน.....ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย......
    ......ผ้ายันต์...อันแรกที่มีสีด้วย(ซึ่งมาเพิ่มในภายหลัง)...เป็นรูปแบบผ้ายันต์...
    ..มาตรฐานที่..ออกที่วัดบางนมโค.............ส่วนผ้ายันต์..อันที่สอง..เป็น..ผ้ายันต์
    เฉพาะกิจ...คือ..ออกเป็นพิเศษ....ให้ผู้ที่มาขอให้ท่านทำให้................
    .......................ถ้าท่านสังเกต...จะเห็นส่วนที่เหมือนกัน....คือ...ยันต์ที่อยู่เหนือ
    หัวของท่าน....นั่นแหละครับ...คือ...ยันต์ทอ...............
    .................ผมก็ถามหลวงอาดีเหมือนกัน.....ไม่ใช่...ฑอ....หรือครับ...เพราะ
    ว่าเห็น..หัว..เป็นตัว...เฑาะ....แต่..ท่านบอกว่า...ไม่ใช่...หลวงพ่อปานบอกว่า
    ....เป็น....ทอ........
    .......................หลวงอาดี..บอกว่า....ยันต์นี้เป็น...ยันต์หลัก...คุณวิเศษ.....
    ....ครอบจักรวาล.....อานุภาพขึ้นกับ...พลังของผู้ใช้.....สามารถทำได้โดยใช้เวลา...ไม่นาน...จะลงผ้ายันต์....ทำน้ำมนต์....หรือทำตะกรุด....หรือ...ลงในสถานที่ต่างๆได้สะดวก......ซึ่งโดยทั่วไป..หลวงพ่อปานท่าน...จะใช้ยันต์นี้เป็น
    หลัก...ทั้งเจิม..ของ...เจิมบ้าน..อาคาร...ทำน้ำมนต์....เจิมเรือ....ด้วยเหตุผลที่
    ผมกล่าวมา..แล้ว..และเมื่อใช้โดยผู้มี..พลังจิต...และ...อำนาจ..ฌาน..สูงสุด
    ..เช่น..หลวงพ่อปาน...ย่อม..ทรงอานุภาพเต็มที่.......
    ........ถ้าท่านสังเกต....จะเห็น...จุดน่าสนใจอยู่...หลายจุด...ดังนี้
    ๑. ยันต์ทอ(..ซึ่งเป็น...ลักษณะ..ของ..นะ..ประเภทหนึ่ง...คงเป็น..แบบ
    หัวใจคาถา..อย่างหนึ่ง..ซึ่งอาจมีชื่อเป็น..ทางการ..หรือ..ชื่ออื่น..แล้วแต่ผู้นำไปใช้)...จะเป็นยันต์ที่อยู่..ตรงกลางเหนือหัว...ทั้งสองตัวอย่างที่นำมาให้ดู
    .....ก็แสดง...ถึงความสำคัญ..ของยันต์
    ๒. ขณะที่...อันที่เป็นรูปแบบของ..วัด..ลง..ยันต์..หลายแบบ...
    ....แต่อันที่เฉพาะกิจ...มี...ยันต์เดียว...คือ...ยันต์ทอ
    ๓....อันที่เป็นแบบของวัด....ตัวยันต์..หรือ..คาถา...จะประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่...จากต้นแบบของหลวงพ่อ....เพื่อความสวยงาม.......
    ...........แต่อันที่เป็นเฉพาะกิจ...นั้น..COPY...จากลายมือ...สังเกตุได้ชัดเจน
    ....เข้าใจว่า...ท่านผู้ขอให้หลวงพ่อปานทำให้....คงเตรียมกระดาษ..หรือ..ผ้า
    ให้..ท่านลงให้....แล้วนำไปพิมพ์ SCREE์N..แล้วเพิ่มรูปท่าน..กับข้อความที่เป็น..เอกลักษณ์..คำสอนของท่าน..เพิ่มเติมลงไปด้วย.................ซึ่งหลวงพ่อ..ก็..เลือก..ยันต์ทอ...ในการลงครั้งนี้..เพราะเหตุผลที่..หลวงอาดีบอก...
    ..และเป็น..ยันต์..ประจำตัวท่าน
    ...............................................................................................
    .......อันนี้เป็นเกร็ดเพิ่มเติม...อันเป็นรูปแบบของวัด...ซ้ายของหลวงพ่อ..ไม่ต้อง..บอก..ใครๆก็รู้จัก..ยันต์เกราะเพชร.......แต่ด้านขวามือนี่ผมว่า...มีคน
    รู้จักน้อย..ยันต์ตระกรุดสามกษัตริย์(ผมก็พึ่งทราบ..จากหลวงอาดี...สงสัย
    ..เลยถามท่าน..)....ยันต์ทั้งสอง..เป็นยันต์ชั้นสูง...ต้องเรียนยันต์ทอ..ก่อน..
    ...มีอุปเท่ห์การใช้ที่เป็นพิเศษ...และโอกาศที่ใช้เป็น..เฉพาะกิจ..ต้องมีวิธีการ
    เฉพาะตัว...และการทำ...จะใช้เวลานานกว่า..ยันต์ทอ.......
    ...........สำหรับ..ยันต์เกราะเพขร..จะมีรายละเอียด..บอกในหลายที่อยู่แล้ว..
    ...ว่า..จะต้อง..เลือกวัน..ต้องมีการชุมนุมเทวดา..มาช่วยปลุกเสก....
    ..........สำหรับ..ยันต์ตระกรุดสามกษัตริย์....อันนี้..รายละเอียด..ไม่ทราบ..
    ..หลวงอาดี..ไม่ได้บอกไว้..เพราะท่านไม่ได้เรียน..(แต่..ที่แน่ๆ..ที่ได้เรียนก็
    ...หลวงพ่อเล็ก..ศิษย์เอก..ได้เรียนหมด..ทุกยันต์)...แต่..ท่านบอกว่า....
    ....คงต้องใช้เวลาเรียน..พอสมควร...ลูกศิษย์ท่านที่เป็น..พระที่วัดบางนมโค
    คงมีโอกาศได้เรียน.....พระที่มาจากวัดอื่นแบบ..หลวงอา่ดี..ท่านก็บอกว่า...
    ...เกือบทั้งหมด..ได้เรียนกัน..ไม่เกิน..๒ อย่าง....................
    ................เอาละครับตอนนี้..พอก่อน........ไว้ตอนหน้าจะเป็น..ชีวิตที่วัดบางนมโค....ของหลวงอาดี...........ขอบคุณทุกท่าน...ที่ติดตาม....ขอบคุณ..ครับ....................สวัสดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกัน.....ผมขอต่อเลย..........
    ..................................................................................................
    ......ลวงอาดี...ก็อยู่ในวัดบางนมโคในฐานะ..นักเรียน..และพระลูกวัด.........
    ..............นอกเหนือ...จากหลวงพ่อปานที่ทำหน้าที่...อาจารย์ผู้สอนเป็นหลักแล้ว
    ..........ก็ยังมี..อาจารย์ผู้ช่วยสอนอีก ๑ องค์ที่สำคัญมาก...และเป็นผู้ที่หลวงอาดี
    ...เคารพมาก...นั่นคือ..หลวงพ่อเล็ก...หรือ...พระครูเล็ก...ซึ่งปกติเื่รื่องบริหาร
    จัดการต่างๆ...ภายในวัด....หลวงพ่อปาน..ก็มอบหมายให้ทำการแทนอยู่แล้ว
    นอกเหนือจากนั้น...ก็ต้องทำหน้าที่ช่วยสอนด้วย....เนื่องจาก...หลวงพ่อปานท่าน
    รับลูกศิษย์ไว้สอนหลายองค์....เมื่อมีปํญหา..ข้องใจ..ใน..บางจุด...การทีหลายๆท่านจะเข้าไปหา..หลวงพ่อปาน..พร้อมๆกันก็เป็นเรื่อง..ลำบาก...หลวงพ่อเล็ก..ก็
    จะทำหน้าที่...แบ่งเบา..ภาระส่วนนี้...เพราะไม่ว่าวิชาไหน...จุดใด...ท่านรู้...และ
    ช่ำชองหมด....หลวงอาดีเล่าว่า...นอกเหนือหลวงพ่อปาน..ก็ไม่มีใครเก่งเท่า
    หลวงพ่อเล็ก...ทั้ง..พลังแห่ง..ฌาน..จิต..สมาธิ..และความเข้มขลัง....
    ..แต่..บารมีของ..หลวงพ่อปาน..ครอบคลุม...ทำให้รัศมี..ของหลวงพ่อ
    เล็กจึงถูกบดบัง.......แต่ถ้าท่านลองไปศึกษา..รายชื่อ..พระเกจิที่ร่วม
    ปลุกเสก..ในรายการใหญ่ๆ...ตั้งแต่ ๒๔๘๐ ลงมาจะเห็นชื่อของ...หลวง
    พ่อเล็ก...หรือ...พระครูเล็ก..วัดบางนมโค..อยู่แทบจะทุกรายการ.......
    .........................................................................................
    .........หลวงอาดี..ท่านนอกเหนือ..จากการเรียนวิชา...ก็ต้องช่วย..งานวัดทั่วๆไป...แบบ..พระลูกวัดปกติ...รวมถึง...การทำพระ..ของ..หลวงพ่อปาน..ด้วย
    ...ทำนี่คือ..ทำจริงๆ..ใช้แรงงานนี่แหละครับ...เพราะเมื่อมี..การทำแต่ละ..ครั้ง
    นอกจาก..ฆาราวาส..พระลูกวัดก็ต้องมา..ช่วยด้วย....มีภาระกิจพิเศษ..อย่างหนึ่ง...ในการทำพระ..ที่ได้รับมอบหมาย..คือ..การไปขน..ปูนซีเมนต์..ที่สระบุรี...เพื่อ..เอามา..อุดรู...ที่ได้ใส่ผงไว้..อย่างที่ท่านทั้งหลาย..เห็น
    ที่.พระดินเผา..ของ..หลวงพ่อปาน..นั่นแหละตรับ....
    ...โดยขนกันเป็น..
    กระสอบๆ..ใส่เรือมาที่วัด...เวลาไปกันที..ก็ไปกันหลายองค์...ฉะนั้นไม่ต้อง
    สงสัย..หรือถกเถียงกัน...วัสดุที่ใช้อุด..ก็...
    ปูนซีเมนต์.....นี่เอง.........
    ..................หลวงอาดีเคยถาม..พระที่เป็นผู้ดูแล...เรื่องนี้..ก็ได้รับแจ้ง...
    มาว่า...ใช้อย่างอื่น..ไม่แน่นหนาเท่า..ปูนซีเมนต์...ลองมาหลายอย่างแล้ว...
    ................................................................................
    ..........ช่วงเวลาอีกช่วง..ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญ...เพราะจะต้องศึกษา
    เพื่อเอาไปใช้..ต่อไปในภายภาคหน้า...ก็คือ...พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร...ของ
    หลวงพ่อปาน......หลวงอาดีเล่าว่า...หลวงพ่อปานสั่งให้ลูกศิษย์...ทุกท่านที่เรียน..ยันต์เกราะเพชร...ต้องเข้าร่วม..พิธี..และ..จดจำทุกขั้นตอน..ไว้..เมื่อ..ตัวเอง...จะต้องทำเช่นกัน..หลังจากเรียนจบแล้ว...........
    .........ท่านเล่าให้ฟังว่า............ผู้คนมาจากทั่วทุกทิศ...ทั้งในตัว..อยุธยาเอง...จังหวัดรอบๆ..รวมถึง..เมืองหลวงด้วย...หลายชนชั้น..เจ้านายชั้นสูง...คนจน..ต้องทำตัวเหมือนกันหมด...นั่งระดับเดียวกัน..ไม่มีการกันที่พิเศษ
    ...หลวงพ่อปาน..ท่านไม่ชอบ..ใครจะมาอวดยก..ระดับฐานะ.................
    ................หลวงอาดีบอกว่า..ตัวท่านเองไม่สนใจใครเป็นใคร..เพราะต้องตั้ง
    สมาธิจดจ่อ..ในรายละเอียด..ทุกขั้นตอน....ตามคำสั่งอาจารย์...อย่างเคร่งครัด
    ....พอเสร็จพิธี...กลับไปถึงกุฎิ..ก็ต้องรีบไปจด...ในรายละเอียด..หลายๆจุด...
    ...............................................................................................
    .........นอกจากนั้น..ที่ได้เรียนเพิ่มเติมอีก..ก็..คือ..การรดน้ำมนต์..ที่มี..ขั้นตอน
    ...การทำ..การปลุกเสก..เป็นรูปแบบชอง..หลวงพ่อปานเอง.........
    ..................................................................................................
    .........เมื่อ..ถึง..ประมาณ..ต้นปี..๒๔๘๐...หลวงอาดี..พร้อมทั้ง..หลวงน้า...
    ..และ..ฆาราวาส.อีก..คน..ทั้ง ๓ จากปากน้ำ..ก็เรียน..สำเร็จ..ผ่านการทดสอบ
    ..สมบูรณ์....ก็ได้ลาหลวงพ่อปาน..และ..หลวงพ่อเล็ก..กลับสู่..มาตุภูมิ.....
    ....สมุทรปราการ......................
    ............................ก็จบตอน..พอดี......ตอนหน้า...ก็เป็น..การใช้วิชา
    ให้เกิดประโยชน์..........

    ................ขอบคุณทุกท่านที่..ติดตามอ่าน....ขอบคุณ..ครับ....สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............ขอบคุณที่ติดตามกันทุกท่านครับ..........................ความจริง.....หัวเรื่อง...ผม..จะตั้งเป็น...หลวงปู่เผือก...หลวงพ่อปาน...พระครูสมุห์ทองดี....ก็ได้...คงมี...คนเปิดเข้ามาอ่านเยอะขึ้น...แต่ไม่ต้องการ PROMOTE...เอาหัวเรื่องนี้
    แหละครับ...คนไม่รู้จักไม่เป็นไร...ผมเน้นเนื้อหา...ของ..หลวงอาดี..ก็พอแล้ว.........ต่อเลยครับ......................................
    ...................................................................................................
    .....ลังจากกลับวัด...ก็กลับมาทำหน้าที่...เจ้าอาวาสตามปกติ....การนำวิชามาใช้
    เป็น....อย่างแรกก็คือ...ยันต์ทอ...และ..การรดน้ำมนต์.............................
    ............ก่อนอื่นก็...อุปกรณ์....สำหรับการพรมน้ำมนต์......ต้องไปหา...หญ้าคา
    .........
    เลือก...เฉพาะใบที่สมบูรณ์ไม่แตก...ตากแดด...ให้พอแห้ง...ตัดปลายทิ้ง..
    เหลือ..ความยาว ๑๒ นิ้ว..จำนวน...๑๐๘..ใบ...มัดรวมกันเป็นอันเสร็จ...รอทำพิธี
    ...ปลุกเสกอีกครั้ง..ก่อนใช้งาน...ต่อไป...สำคัญมาก...แป้งดินสอพองแผ่นใหญ่..จากลพบุรี..(สมัยก่อน...จะซื้อได้ไม่ยาก...ยุคหลัง..สมัยผมบวชอยู่กับ่ทาน...หลวงอาดีเคยเอ่ยกับพ่อผม...เรื่องนี้...พอดี..พี่สาวผมเป็นทหารรับรา่ชการ...อยู่ที่..ลพบุรี...พ่อก็เลยบอกพี่สาว...อาทิตย์ไหนกลับมา...พี่ผมจะขนมาถวาม..ท่าน..เพียบ..เลยหมดป๊ญหา...หลวงอาดีชอบใจมาก...)...เป็นลักษณะ..แผ่นกลมใหญ่..หนาประมาณ ๒ ซม....เส้นผ่าศูนย์กลาง..ประมาณ
    ๖ นิ้ว......อูปกรณ์หลัก....ก็ครบ....จากนั้นก็..เริ่มปลุกเสก...หญ้าคามัดสำหรับ...พรมน้ำมนต์..(ทำครั้งเดียว...จนกว่าจะเสื่อมสภาพใช้การไม่ได้)
    ....ซึ่งหลวงอาดีจะทำพร้อมกับ...การทำน้ำมนต์..หลวงอาดีเล่าให้ฟังว่า..ขบวนการ...ทำน้ำมนต์นี้..ท่านใช้รูปแบบเดียว..กับ..หลวงพ่อปาน...
    ...ในส่วนหลัก...เว้นแต๋การ..นำพระเครื่องของหลวงพ่อปาน(..ของประจำในการทำน้ำมนต์...ตลอดชีวิตท่าน..ประมาณเกือบ..๖๐ ปี..คือ..พระหลวงพ่อปานพิมพ์ขี่นก
    .........ที่ท่านได้ตอนลา..หลวงพ่อปาน)..มาใช้ประกอบพิธีกรรม...ด้วย...ซึ่งผมจะเล่ารายละเอียดต่อไป.....ลูกศิษย์
    หลวงพ่อปานทุกองค์..ก็จะได้เรียนแบบเดียวกัน....
    .....................................................................................
    ..........................................................................
    ....โชคดีที่ผมได้เห็นขบวนการนี้โดยตลอด..หลายครั้ง..ทั้งการทำ..แป้งกระแจะสำหรับเจิม...การทำน้ำมนต์...การปลุกเสกพระ...การทำยาธาตุคุณพระ....ยกเว้น..แต่..การเป่ายันต์เกราะเพชร (ซึ่งท่านเลิกไปก่อนหน้า..ผมบวชหลายปี..)............................
    ..........................ในตอนหน้า...ผมจะมาเล่าขั้นตอน..ของพิธีกรรมการ
    ปลุกเสก..........โดยละเอียด.........ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมา..ทุกท่าน
    ....ขอบพระคุณ..ครับ..................สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...............ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม อ่านกันตลอด.......ต่อเลยครับ.....
    ....................................................................................................
    ...... นอกจากโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธรูปเป็นหลักแล้ว...ก็จะมีขอสำคัญอีกอย่าง
    หนึ่ง คือ.....รูปชองหลวงพ่อปาน..อาจารย์ท่าน..แต่เดิม..คงจะเป็น..ผ้ายันต์
    ของ หลวงพ่อปาน..อาจจะติดกรอบวางตั้งอยู่...แต่ครั้งที่พ่อผม..มาลาท่าน
    ไป..ราชการ สงครามสมัย..สงครามอินโดจีน...่เนื่องจากเป็นญาติสนิทกัน..
    ตามที่ผมบอก ไปแล้วตอนต้น..พ่อผมอ่ออนกว่าท่าน ๒ ปี..แต่..ศักดิ์เป็นพี่
    ...สนิทกัน มาตั้งแต่เด็ก....ท่านตามที่ท่านเองก็มีวิชาดี....ก็เลยจัด..ของให้
    เต็ม ที่...มีทั้ง..ของหวงท่าน...ของท่านเอง..ก็คือ
    ๑.ผ้ายันต์..ยันต์ทอ...ที่ท่านทำเอง..เป็นผ้าพิมพ์...แจกใหพวกที่ต้องไป สงครามอินโดจีนทั้งหลาย...ทำปี..๒๔๘๕....
    ๒. ท่านขอ..ผ้าเช็ดหน้าของพ่อ...มาลงยันต์ทอ..ด้วยดินสอ..และปลุกเสกให้ตอนนั้น เลย.....
    ๓. พระดินเผา..หลวงพ่อปานพิมพ์..ขี่นก..๑ใน๓ องค์ของท่าน
    ๔.ผ้ายันต์หลวงพ่อปาน...ที่เป็นแบบ...มาตรฐาน..ออกที่วัดบาง
    นมโค(สมัย ของ..หลวงพ่อปาน)....รู้สึกว่าท่านจะมี..เพียงผืนเดียว
    ............................................................................................
    ....ซึ่ง หมายเลข ๔ นี่แหละ ครับที่ท่านไว้ที่โต๊ะพระท่าน.............
    มาถึง สมัยที่ผมบวช จะกลายเป็นรูปยันต์ที่พิมพ์ลง..แผ่นกระดาษ..โดย..หลวงพ่อเล็ก...(หลวงพ่อปาน เสียแล้ว)....ใส่กรอบไว้แทนที่..
    ................ท่านจะเริ่มโดยการ พันสายสิญจน์...รอบฐานองค์พระประธาน
    ...แล้วมาพันที่..รูปหลวงพ่อ ปาน....ต่อไปที่...บาตรที่ใส่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์..และ
    วนรอบ..มัดหญ้าคา สำหรับไว้พรมน้ำมนต์...แล้วมาพันไว้ที่ดินสอพองแผ่น...
    ......ท่านก็ เริ่มจุดธูปเทียน....แล้วเอาปลายม้วนมาพาดผ่านมือ...แล้วเริ่มบูชา
    พระ รัตนตรัย...แล้วเริ่มขบวนการว่าคาถา..อะไรก็ไม่ทราบ...สักพัก(นานพอควร
    ....ผม ลืมบอกไปว่าทุกครั้ง...ที่ท่านทำพิธี...จะอยู่ประมาณเทิ่ยงคืน..เพราะท่าน
    ต้อง การความสงบ...จะมีผมอยู่ด้วย..องค์เดียว..เท่านั้น...ท่านเคยบอกผมว่า
    ....ปก ติจะไมให้ใครอยู่ด้วย...)...........ขั้นตอนที่สำคัญอีกตอน..คือ..ท่าจะ
    นำ..พระ หลวงพ่อปาน(ขี่นก)ของท่าน..มาใส่มือ...แล้วพนม..ไว้พร้อม
    บริกรรมคาถา
    (รวม ทั้งบูชาครูด้วย)..แล้วหย่อนลงในบาตร...ก่อนขั้นตอนต่อไป
    ..............เสร็จแล้วท่านจะวางม้วนสายสิญจน์...โดยให้สายสิญจน์พันรอบข้อ มือไว้....ท่านก็หยิบแผ่นดินสอพอง...แล้ว...เอาดินสอเริ่มจาร..พร้อมกับการบ ริกรรม..ไปตลอด...(..ผมถามท่านภายหลัง...ท่านก็บอกว่า..จารยันต์ทอ..)..
    ...เมื่อ จารเสร็จเรียบร้อย...ท่านก็เริ่ม..บิ..แผ่นดินสอพองที่จาร...ทีละนิดๆลงใน
    บาตร..... เหลือชิ้นสุดท้าย..จะใส่ลงในผอบเคลือบ...ที่เตรียมไว้...แล้วท่านก็ทำการจุด เทียนไขแท้ที่เอาไว้ทำน้ำมนต์...บริกรรมตลอดเวลาที่ท่านถือเทียนให้....
    ...เทียน หยดลง...ในบาตร...เมื่อบริกรรมเสร็จ....พร้อมกันที่จุ่มเทียนลงในบาตร
    ....จาก นั้นท่านก็เอา..หญ้าคามัด๑๐๘ใบที่เตรียมไว้....เริ่มกวนดินสอพองให้เข้า
    กับ น้ำมนต์โดยบริกรรมตลอดเวลาที่กวน....เมื่อกวนเสร็จ..แ้ล้วท่านก็เอามือ ประคองบาตร..ทั้งสองข้าง..และบริกรรมอีกครั้ง....เสร็จแล้ว...ท่านก็หันมา ที่ผอบ....ท่านก็หยิบ..สากเล็กๆบดให้ดินสอพอง..ละเอียด....เสร็จแล้วท่าน ก็...
    ...เอาจอกเล็กๆตักน้ำมนต์(..ตอนนี้เป็นน้ำมนต์แล้ว)..จาก บาตร..รดลงในผง
    ดินสอพองในผอบ..และบริกรรมไปด้วย...เมื่อปริมาณน้ำพอดี แล้ว...ท่านก็..เริ่ม
    เอานิ้วกวนดินสอพองให้เข้ากันพร้อมบริกรรม...แล้ว ขบวนการสำหรับทำกระแจะสำหรับเจิม...เสร็จสิ้น..จากนั้น..ก็เป็นขั้น ตอนเสกมัดหญ้าคาพรมน้ำมนต์...ท่านจะนำมัดหญ้าคาประคองไว้ด้วยฝ่ามือ ทั้งสอง..บริกรรมคาถา..
    ....เสร็จแล้ว..ก็..นำ..กระแจะ..มาเจิม..ด้วยการ เจิมเป็น..ยันต์ทอ..พร้อมการ
    บริกรรมตลอดเวลา...จนเสร็จ....แล้ว ท่านก็ล้วงลงในบาตรเพื่อเก็บพระของท่าน
    เป็นอันเสร็จขั้นตอนสุดท้าย
    .........ผมขอ..ละ...รายละเอียด..ตอนท้าย...เป็นอันว่า..น้ำมนต์..พร้อม
    ...แป้ง เจิม...พร้อม...มัดหญ้าคาพรมน้ำมนต์.....พร้อม.....ใช้เวลาทั้งหมด...ประมาณ ๒ ชั่วโมง...

    .............เอาละครับยาวมาก...วันนี้..รายละเอียด..เยอะ..ไว้ติดตามตอนต่อ ไป...ผลที่ได้จากวิชาของหลวงพ่อปาน...
    ............................... ขอบพระคุณทุักท่านที่ติดตาม...ขอบตุณ..ครับ...
    ............................สวัสดี......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  15. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    ประวัติครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ นี่น่าศึกษาจริงๆ นับว่าโชดดีที่น้ามาถ่ายทอดให้ฟัง ขอบคุณครับ
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........ขอบพระคุณครับ..คุณ ONG..ที่ชมและให้กำลังใจมา...รวมถึง..ท่านผู้อ่านติดตามต่อเนื่อง..กัน.ตลอด...ความจริงแล้วนี่..เป็นเจตนาของผม..ที่จะถ่ายทอด
    ไว้อย่างละเอียด...เพราะที่ผมอ่านผ่านๆมา...มิได้มีการลงในรายละเอียด....ถึง
    แม้ผมเอง..จะเข้าใจอยู่แล้ว..ว่าต้ว..หลวงอาดี..ไม่ได้เด่นดัง..อะไร..แต่ผมเน้น
    พิธีกรรม..ซึ่งแม้เป็นเศษเสี้ยว..ของ.วัฒนธรรม...แต่มันก็..เป็น..ของที่ตกทอดจาก
    บรรพบุรุษ..ซึ่งดำรงต่อกันมา...ท่านอื่น..อาจมีวิธีอื่น...แต่..ผมเพียงแต่จะเล่า...รูป
    แบบของพิธีกรรม..ที่ไม่มีใครเอามาเล่า...ซักวันคงไม่มีคนทราบ..และสูญหาย...
    ................ผมเองก็..ปาเข้าไป ๕๕ ปี...แล้ว...ถ้าผมไม่เล่าตอนนี้....อีกสัก ๕ ปี
    ....ผมอาจสุขภาพไม่ดี..ตาไม่ดี...คงไม่มีความจะเล่า..แล้ว..ล่อเข้าไป ๖๐ คง
    หมดไฟ....ฉะนั้น..ผมก็ตั้งใจจะเล่าให้มันละเอียด..เท่าที่ทำได้....บางท่านอาจจะรำคาญเลิกอ่านไปเอง...แต่ยังน้อยก็ต้องมีสัก..คน สอง คน..ที่ตามอ่านกันจนจบ
    ...แค่นี้ก็บรรลุ...วัตถุประสงค์ผมแล้ว............
    .................................................................
    .........ผมพรรณา่มาซะยืดยาว..เพ้อเจ้อไปเรื่อย..ตามประสา..คนโบราณ.......
    ก็ต่อกันเลยครับ...เดี๋ยวผม..เมื่อยนิ้วซะก่อน....................
    ..............................................................................
    .............หลวงอาดี..จะทำอย่างนี้เป็นปกติ..ทุกคืนก่อนวันพระใหญ่...
    เพราะจะมีคนมาทำบุญที่...วัด..มากกว่า..วันอื่น..................
    ............ผมเคยถามท่านว่า...ถ้า...มี..คนมามาก..และมีคนมาขอน้ำมนต์
    ของท่านไปด้วย..จะพอหรือครับ....ท่านก็บอกว่า.................
    ..............หลวงพ่อปานบอกว่า..อุปเท่ห์ในการทำนำ้มนต์....ก็สามารถ
    เพิ่มปริมาณได้...โดยใช้น้ำมนต์ที่ทำพิธีเต็มสูตร...นี่แหละ...เป็นหัวเชื้อ
    ......เราไปตัดน้ำมาถังหนึ่ง..แล้วเราตักน้ำมนต์ซัก..ครึ่งจอก..เติมลงไปในถัง
    ...แล้วตั้ง..นะโม ๓ จบ บูชาพระรัตนตรัย...ตั้งจิตอธิษฐานให้แน่วแน่..ขอให้
    ..(ชื่อ....)ผู้ทำน้ำมนต์นี้..ตลอดจน..บูรพาจารย์ผู้ประสิทธิประสาท..การทำ
    น้ำมนต์ที่มาเติมนี้..(ถ้าเป็นน้ำมนต์ของ..หลวงอาดี..ต้องบอกว่า..อันมีหลวง
    พ่อปานเป็นที่สุด..)
    ..โปรดช่วยดลบันดาลให้น้ำทั้งหมดนี้เป็น..น้ำมนต์ที่มีความศักสิทธิ์และอานุภาพเช่นเดียวกับน้ำมนต์ที่มาเติมด้วย..สาธุ.........
    .............ซึ่งตัวท่านเองก็ใช้แบบนี้....และหลวงอาดียังบอกว่า...สามารถเอาไปใช้กับ..น้ำมนต์ของ..ท่านอื่น..หรือ...จากวัดอื่นได้ด้วย..จะทำให้เรา
    มีน้ำมนต์..ใช้ได้ตลอด...แต่การทำต้องมีความเชื่อมั่น..จึงจะเกิดผล
    ....
    ก็เป็นเกร็ดที่นำมาบอกให้ทราบกัน...ที่บ้านผมก็ใช้วิธีของ..หลวงพ่อปาน..
    มาตลอด..............
    ...........หลวงอาดีเล่าว่า...บางคนมาขอไปเยอะๆ...ท่านก็ต้องใช้วิธีนี้เหมือนกัน...แต่เป็นหลวงอาดีเป็นผู้อธิษฐาน..คนมาใช้ย่อมเชื่อถือกว่า....
    ....และก็เ็ป็นที่ปรากฎจาก..ผู้ใช้ว่า..อานุภาพเหมือนกัน..........................
    .........................................................................................
    ..............กลับเข้าเรื่องเดิม..เมื่อกลับมาจากวัดบางนมโค..ท่านก็เริ่มการพรม
    น้ำมนต์..สำหรับผู้ที่มาทำบุญ..ถวายภัตตาหาร..สังฆทาน..ฯลฯ..ก็ปรากฎว่า
    เกิดผลดีในหลายเรื่อง...เช่น..ป่วยอยู่แล้วหาย..หรือ..ประสพโชคดี...เจ้านาย
    เกลียดหน้ากลับมารัก...ทำให้มีผู้คนจากที่อื่น..บางอื่น..หรือ..ไกลออกไป..โดย
    เฉพาะแถบ..สำโรง..ซึ่งจะมีผู้นับถือท่านมาก...ตอนหลัง..ผู้ที่มาให้รดน้ำมนต์
    ..ก็อาการหนักขึ้น..ผีเข้าบ้าง...ท่านก็เล่าวา...พวกไม่ถึงฆาตก็หายได้
    .................ท่านเล่าว่าอานุภาพของน้ำมนต์..ถือว่า..ได้รับพลังบารมี..จาก
    หลวงพ่อปาน...เป็นหลัก..(ท่านรักเทิดทูน..อาจารย์ท่านหมดใจ......
    ....ท่านไม่เคยบอกว่า..ท่านเก่ง...แต่ท่านจะบอกว่า..มาจาก..บารมีของ
    หลวงพ่อปาน..)
    ................................เอาละครับ..วันนี้..ต้องจบเพียงเท่านี้...ไว้ต่อวันหน้า
    .........เป็น..ตอนที่เกี่ยวกับการเรียนวิชาอื่น.......ขอบคุุณครับที่ติดตาม
    อ่านกันโดยตลอด...ขอขอบพระคุณ........
    .........................................................สวัสดี...............

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............ขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านกันตลอดครับ..............................
    ...........................................ก็..เชิญต่อได้เลยครับ.........................
    .......................ในช่วงแรกๆเป็น..สิบปี...หลังจากกลับ..จากวัดบางนมโค...
    ..............ท่านได้...ทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร....ที่วัดบางด้วนนอก....ตาม
    ความเหมาะสม...ทั้ง..วัน...โอกาศ..ที่อำนวย...ซึ่งผมทราบว่า...ไม่ใช่นึกจะทำ
    พิธี..ก็ทำได้..ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง...ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียด.......
    ...........แต่ท่านทำพิธีฯ..นี้..เพราะ..ได้เรียนสำเร็จมา...และทราบอยู่แล้ว
    ว่า..เป็นพิธีที่ดีมาก..สามารถช่วยเหลือ..ปัดเป่าความทุกข์..ทั้งร่างกาย
    และจิตใจ..ให้กับชาวบ้าน..ที่..ขาดที่พึ่ง..โดยอาศัย...พลังจาก..เทพ..
    เทวดา(..พิธีนี้..ต้องมีการอัญเชิญเทวดา..และขอพลัง..มาช่วย..)..อีกทั้ง
    ...พลังบารมีอันสูงส่ง..ของหลวงพ่อปาน...มาช่วย...ซึ่งจะทำให้เกิดความ
    ศักดิ์สิทธิ์........ซึ่งเป็น..ปณิทานของท่านตั้งแต่แรกที่ได้รับตำแหน่ง.....
    ....เจ้าอาวาส....ที่ต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่มีทุกข์....หลวงอาดีบอกผมว่า
    ขนาด..ที่เขามีทุกข์...เขาก็ยังเอาข้าวปลาอาหาร..มาใส่บาตร..ให้พระฉันได้ทุกวัน...เมื่อเรามีโอกาศ..เรา้ต้องช่วยเหลือ...เขา.............
    ......................เมื่อ..แรกๆท่านบอกชาวบ้าน..ที่มาทำบุญที่วัด..และให้ชาวบ้าน...บอกต่อๆกัน..ถ้ามีโอกาศให้มาเช้าพิธีกัน...ซึ่ง..ชาวบ้านส่วนใหญ่..ไม่ได้
    มา..เพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเจอ...แถมยังไม่ค่อยเชื่อนัก..ว่า.....
    ..จะมีความศักสิทธ์ที่จะช่วย..อะไรๆได้(..ท่านทั้งหลาย..คง..หาอ่าน..จากหนัง
    สือ..หรือ..ในWEB..ไม่ยาก..เกี่ยวกับ..อานุภาพ..ของยันต์เกราะเพชร)..ยิ่งผู้ทำ
    พิธี.ก็..ยังไม่แก่ด้วย.................................
    ..................แต่หลังจาก...ครั้งที่ ๑ ..ครั้งที่ ๒ ฯ..ต่อๆมา..คนเข้าร่วมพิธี..ก็
    มากขึ้นๆ..เพราะประจักษ์กับอานุภาพ..แล้วก็มีปากต่อปาก...คนจากบางอื่น..ก็
    ยังมา...จนกระทั่ง..ทำให้เกิด..การเสียรายได้..จาก..หมออาคมฆาราวาส..ที่หา
    กิน..ในละแวกใกล้เคียงหลายคน...ก็เริ่มขบวนการใส่ร้ายท่าน..หาว่าอวดอ้าง
    อภินิหาร..ที่รักษาหาย..หรือ..ช่วยเหลือด้านอื่นได้..ก็.เพราะบังเอิญ..ที่ช่วยไม่
    ได้..ก็..เยอะ...แล้วก็ช่วยกันยุ..ให้ชาวบ้านหลายวิธีหาเหตุผลต่างๆ..มาประกอบ
    .............หลวงอาดีก็ทราบ...เพราะมีชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง...ท่านก็ไม่ได้ว่า
    อะไร..แต่ท่านก็อธิบายให้ทราบว่า..คนเราแต่ละคน..ก็มีกรรมที่หนักเบาไม่
    เท่ากัน...ที่ไม่หนักมาก..ก็ช่วยได้...ที่หนักหนาก็ไม่สามารถช่วยได้...
    ...และยังขึ้นกับผู้ที่ได้รับการเป่ายันต์ด้วย..ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นและไม่
    ตั้งสมาธิให้ดี..ก็..จะได้รับอานุภาพของยันต์ไม่เต็มที่(ตรงนี้..หลวงอาดี
    บอกว่า..เป็นหัวใจของการรับยันต์..ตามที่..หลวงพ่อปานบอกไว้....
    ..ซึ่งในประวัติของการเป่ายันต์..ของหลวงพ่อปานเอง...จะมีเพียงไม่กี่
    คน..ที่ยันต์ติดอยู่ที่กระดูกหน้าผากตอนเผา)...และที่เหนืออื่นใดที่ท่าน
    เคยเตือนหัวข้อสำคัญที่สุด..ผู้ที่จะรับยันต์ว่า...จะต้องอดเหล้าก่อนจะเข้า
    พิธีไม่น้อยกว่า...วัน(ขออภัยผมจำไม่ได้จริงๆ)
    ..ไม่งั้นจะไม่เกิดผลใดๆ
    (หลวงอาดี..เน้นให้ฟังว่า...วิชาทุกอย่างรวมถึงพระ..ยันต์..และเครื่อง
    รางต่างๆของหลวงพ่อปานท่าน..จะไม่ช่วยเหลืออะไรกับ..คนที่กินเหล้า
    ท่านอธิษฐานไว้เช่นนั้น.....ตัวผมเองเคยประสพมาแล้ว...ซึ่งจะเอาไว้เล่า
    ภายหลัง)
    .....ซึ่งหลวงอาดีเล่าว่า...หลายอย่างในข้อปฎิบัติดังกล่า่ว...เป็นจุด
    ที่เอามาโจมตีท่าน.............ไอ้พวกนี้..ก็ยังโจมตีท่านเรื่อยมา...เพราะมีเป็น
    จำนวนน้อยที่เชื่อมัน...แต่ตอนหลังปรากฎว่า...ระหว่างดำเนินพิธีฯ..ไอ้พวกนี้
    มาตะโกนที่รอบนอก..รบกวน..จนผู้ที่เข้าร่วมพิธีไม่มี..สมาธิ..หลวงอาดีเลย
    ทำพิธีต่อไม่ได้....ท่านเล่าว่า..เกิดอารมณ์..โกรธ...แต่..การเป็นพระ..
    จำเป็นต้อง..ข่มโทสะ(..หลวงอาดี..ตอนหนุ่มก่อนบวช...เป็นนักสู้แบบ
    ไม่ยอมใคร..เป็นที่รู้ดีแถวบ้านท่าน)....หลังจากวันนั้น..ก็มีชาวบ้านมา
    เล่าให้ฟังว่า...รู้จักกับไอ้พวกลูกศิษย์ของหมออาคมพวกนี้...มันบอกว่า
    ลูกพี่มันจะไม่เลิกกวน...หลวงพ่อ..จนกว่า..ท่านจะเลิกเป่ายันต์ฯ......
    ........ทำให้ท่าน..ต้องมาคิด...ว่าถ้าเป็นเช่นนี้...ท่านไม่ห่วงต่อตัวท่าน
    เอง...แต่ไม่เกิดประโยชน์กับชาวบ้าน...ถ้าจะดันทุรังทำต่อไป.........
    .......ท่านจึงคิดว่าที่ผ่านมาก็ทำดีที่สุดแล้ว....แต่ตัวเองก็ยังมีหนทางจะช่วยเหลือชาวบ้าน...ในแนวทางอื่นได้........
    .............ดังนั้น...เมื่อถึงวันพระต่อมา...ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัด..ก็ได้
    รับทราบจากปากท่านเอง....ว่า...ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...ท่าจะเลิกพิธีเป่า
    ยันต์เกราะเพชร...อีกต่อไป......ซึ่ง..ชาวบ้านก็เห็นใจท่าน..และก่นด่า
    ไอ้พวกนั้นไปอีกนาน...ซึ่งภายหลังจากนั้น....ไม่นานเกินปี....พวกนี้ก็
    มีคนมาหาน้อยลง...จนตอนหลังก็ต้องอพยพไปหากินที่อื่น........

    .....................โอ้โห...เล่ามายาวจนไม่ได้วกเข้าเรื่อง..การเรียนวิชาใหม่
    ของท่านเลย......กราบขออภัยด้วยครับไว้ตอนหน้าแล้วกัน...............
    .......................ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด...............
    .....ขอบพระคุณ...ครับ.......................สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  18. KT_PK

    KT_PK เชิญบูชาพญาแมงภู่คำ เพื่อสร้างโรงเรียนเชื้อชาติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +873
    เห็นชื่อผู้เขียนจากกระทู้หลวงพ่อทองศุข แล้วต้องตามมาอ่าน
    เพราะรู้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
    (พิมพ์เก็บไว้เป็น word file ดัวยนะครับ เผื่อข้อมูลสูญหาย)

    ขอถามเพิ่มหน่อยครับ ว่าท่านบอกไหมว่าการการเรียนวิชาสำเร็จนั้นทดสอบกันอย่างไร
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....ขอบคุณครับ..คุณKT_PK ที่ที่ชมกันมาและติดตาม..มาถึงนี่...รวมทั้ง
    ท่านผู้ติดตามอ่ากันทุกท่านด้วยนะครับ..............................
    ......ผมขอชี้..แจงตามที่..ถามมาอย่างนี้ครับ....ผมไม่ได้ถามท่านว่ามีการ
    ทดแบบไหน...วิธีเป็นเช่นไร...แต่คงมีแน่....แต่ละวิชา..แต่ละอาจารย์
    ก็คงไม่เหมือนกัน....แต่ที่แน่ๆ...สำหรับพระแท้...การที่จะนำวิชาที่เรียนไม่
    สำเร็จมาใช้....๑.บาป..แน่นอน..โกหก..หลอกลวง..และเป็นการ...
    อวดอุตตริมนุสสธรรม...๒...ทำให้ชื่อเสียง..ของอาจารย์ตัวเอง..
    เสื่อมเสีย
    ........๓...หลอกตัวเอง..ย่อมไม่มีทางเจริญ
    ..............โดย..เฉพาะ..สมัยก่อน..ที่ผมบอก..พระแท้..ที่มี..ประพฤติ..และ
    กิจวัตร..เป็นพระแท้....ย่อมไม่ลวงโลก..........
    ......ถึงแม้..การแลกวิชา...ของ..พระ..กับ..พระ.......หรือ..พระ..กับ
    ..ฆาราวาส....ไม่ใช่..การเอา..หนังสือ..ตำรา..มาแลกกัน(บางที..ก็..ไม่มี..ต้องจดกัน..จากปากเปล่า...)...อย่างเดียว.ก็ต้องมีการสอน..และ
    ทดสอบ..กัน......ผมเชื่อว่า..ตามลำพังในการแลก..วิชา..มันก็ต้องคุ้ม..
    ดีพอกัน..ถึงจะแลก...และต่างฝ่ายก็ต้องแสดง..ให้..กัน..เห็นว่า..วิชาที่
    งัดออกมาแลก..ดีแค่ไหน..และอย่าลืมว่า...ผู้ที่เอาวิชาไปแลก..กันนั้น
    ...ต้องเก่งพอตัวอยู่แล้ว..ไม่งั้นอีกฝ่าย..เขาไม่เห็นว่า..วิชาใช้ได้
    จริง..เขาก็คงไม่แลกด้วย...
    อย่างการแลกวิชาอาจจะต่างจากที่..ไป
    เรียนกับ..อาจารย์โดยตรง...เพราะเวลาที่จะอยู่กันไม่นาน...ความยาก
    ง่ายอาจไม่เท่ากัน..หรือ..อีกฝ่าย..ฌาน..อาจจะแก่กล้ากว่าอีก...ฝ่าย
    ....คือเป็นไปได้ทั้้ง...๑.แยกกันไป..ก่อนสำเร็จ..ทั้งคู่..ไปฝึก..ต่อกันเอง
    เพราะได้..เคล็ดวิชาไปแล้ว..มนต์จดไปแล้ว...วิธีการก็จดไปแล้ว
    ....๒.แยกกันไป..โดยอีกฝ่าย.สำเร็จ..อีก..ฝ่ายไม่สำเร็จ......
    ......ก็ต่างฝ่ายต่างไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน..ก็มีกิจส่วนตัวกัน...ขึ้นกับ..ฝีมือ
    ...บารมี..วาสนา..ว่าใครจะเรียน..สำเร็จ..หรือไม่..แต่ถ้าเรียนไม่สำเร็จ
    ...ท่านเหล่านั้น..ก็คงไม่เอาไปใช้หรอกครับ...สำเร็จหรือเปล่า..
    รู้ได้ด้วยตนเอง...เพราะเห็น..อีกฝ่ายแสดงให้ดูแล้ว...ถ้าทำได้
    อย่างเขา..ก็คงเรียกว่า..สำเร็จได้..............

    ..............นี่ถ้าย้อนกลับไป..ซัก.๒๐..ปี..ผมจะกลับไปถามหลวงอาดีั
    ให้..ตามที่คุณ KT_PK..ถามมา..ก็จนใจจริงๆครับ...............
    ...................................................................................................
    .....ต่อเลยครับ..................................................................
    ............................การที่เป็น..พระแท้..อย่างหลวงอาดี..คือ...ใช้กัน
    ...แต่ความจริงทั้งนั้น...ท่านเล่าให้ฟัง..ว่า...สมัยที่เริ่มพอจะมีชื่อเสียงบ้าง...ก็จะมี..คนมาขอเรียนวิชาบ้าง..ท่านก็บอกว่ายังเก่งไม่พอที่จะ
    เป็นอาจารย์...บางคนมาขอให้ท่าน..ทำโน่น...ทำนี่...อันไหน..ท่านก็
    ..ปฎิเสธ..ไปเลย..ว่าทำไม่ได้...ท่านเล่าว่า..การมีวิชา..เหมือนมี..
    กระแสดึงดูด...ผู้มีิวิชาด้วยกัน..จะรู้..ยิ่ง..สมัยก่อน..บ้านเมืองไม่เจริญ
    ...พระธุดงค์..เห็นได้ง่าย...บางท่านก็เป็นผู้มีวิชา..และใช้การธุดงค์แสวงหา..วิชาใหม่ๆ...ฆาราวาสที่มีวิชาสมัยก่อนมีมาก..และ..ท่องเทียว
    ไปในที่ต่างๆ..ก็เพื่อแสวงหาวิชาใหม่ๆเช่นกัน....อาจารย์สมัยก่อนที่มี
    ชื่อเสียงเกือบทั้งนั้น...ก็ไปได้วิชามาจากการธุดงค์.............
    .............หลวงอาดีก็เช่นกัน...ท่านได้วิชาใหม่..มาจากผู้มีวิชามาหา
    ท่านเองที่วัด..และขอแลกวิชากัน...ท่านเล่าว่า..ฆาราวาสคนนี้....
    ท่าน..เก่งมาก..มีหลายวิชาที่น่าสนใจ....แต่มีวิชา..อยู่ ๑ อย่าง....
    ...ที่ท่านคิดว่า...น่าจะเป็นประโยชน์...กับ..ชาวบ้าน..ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ..และด้อยด้านอนามัย..สาธารณสุข...ท่านเองไม่สนใจ..เรื่อง..เหนียว..หรือ..มหาอุตต์...รวมทั้งพวก..เสน่ห์..ให้..เกิดการหลงใหล
    ...เพราะท่านบอกว่า..มันมีทั้งด้าน..บวก..และ..ลบ...ถ้าไปอยู่ในคนไม่ดี
    ย่อม..ส่งผล..ด้านลบ..ไม่เหมือน...วิชาที่ทำไว้เพื่อ..ผู้ป่วย..เพราะถ้า
    ป่วย..ก็ย่อมเกิดทุกข์..ย่อมทำให้..ผู้ที่อยู่รอบตัว..เกิดทุกข์ไปด้วย...
    ...การช่วยผู้คนให้้พ้นทุกข์...ก็เป็นกิจของสงฆ์อยู่แล้ว.......
    ............ท่านจึงเลือกเอา..วิชาดังกล่าว.....................
    ......................ก็ต้องไปต่อกัน....ตอนหน้าครับ....ขอขอบพระคุณ
    ทุกท่านที่ติดตามอ่านกัน.........ขอบคุณ..ครับ........สวัสดี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันตลอด............ผมเข้าเรื่องเลย
    .......................................................................................................
    ................หลวงอาดี..ท่านก็ขอ..ให้ฆาราวาสท่านนี้...อยู่วัดหลายวันหน่อย....เพราะต้องไปหา..ตัวยาสมุนไพร...เมื่อได้ครบ..ก็มาต้ม..จนงวด
    ..(ผมก็เคย..ต้ม..คอยใส่ฟืน..เคียว...ไม่นานหรอกครับ..๖ -๘ ชั่วโมงเอง)
    ....แต่อันทดลองนี่ทำไม่กี่ขวด...พิธีก็มาก..มีการเสก..เจิม..ประพรม.....
    น้ำมนต์..สมุนไพรแต่ละตัว...เอาไปเคี่ยวเสร็จ..ทิ้งไว้ให้เย็น..........
    ...........แล้ว..ปลุกเสก....กันอีกรอบ......ท่านคงได้ทดลองในตอนนั้นว่า
    ..ใช้ได้จริง...จึงได้แลกวิชากัน...
    .......หลังจากนั้น..ปีละ..ครั้ง...ท่าน..ก็ได้เริ่มทำยา..ของท่าน.....
    .....โดยมี..ลูกศิษย์จาก..สำโรง..ที่เป็น..พ่อค้า...จะ..บริจาก..ขวด
    ..ก็..พวก..ขวดเหล้าโรง...เหล้า๒๘ ดีกรี...นี่แหละครับ....แค่...เอา
    ....ขวดมา..ล้าง...ก็แทบแย่..แล้ว.............
    .............โอ่ง..ความจริงโอ่งน้ำฝน...ที่วัดก็เยอะอยู่แล้ว....แต่ก็ต้อง
    ขอรับ..บริจากเพื่ม..อีกมาก...ก็ได้ลูกศิษย์ทั้ง..บางด้วน..บางโปรง..
    บางหมู...วัดสวนส้ม..ช่วยกัน..ทั้ง..ของ..และแรงงาน(..ทั้ง..๔ บาง..นี่
    เป็น..ญาติกันเกือบทั้งนั้น )...ท่านทำทีนึงนี่ ๗ วัน ๗ คืนเลย......
    .....ยิ่ง..ตอน..กรอกยา..ใส่ขวด...ปิดป้ายสลากอีก............สมัยยุคต้นๆ
    ...ซัก ๒-๓ ร้อยขวด....มาถึง...สมัยผมบวช..เป็น พัน ขวด......
    ...เพราะ..ตั้งแต่ทำปี...แรกๆ...ท่าน..แจก..อย่างเดียว..ไม่ต้อง..
    ทำบุญ..ใคร..อยากได้..มาเอา...ขออย่างเดียว..อย่ามาตอนเมา.
    ยาของ..ท่านจะแปะ..สลากไว้..ว่า..เป็น..ยาคุณพระ(ทำนองนี้
    ผมเองที่..บ้านก็มียาของท่านเป็นยา..สามัญประจำบ้าน...พอหมด..ก็ไปขอท่านเก็บไว้บางส่วน...ท่านเสียไปหลายปี...ยาหมด
    ....ขวดก็หายไปด้วย..เลยไม่มี..ฉลาก..ไว้ดู..ก็ได้แต่พอ..คร่าวๆ)
    ....บอก สรรพคุณ..ว่า..รักษา โรค..อะไรได้บ้าง....เวลาใช้ต้อง
    นะโม ๓ จบ..อาราธนา..พระศรีรัตนตรัย...บูชา..ต่อ..เจ้าของ..สูตรตำรายา...ผู้ปรุงยา..ขอให้รักษา(อะไร..ก็บอกไป) ให้หาย
    ...ทำนองนี้....และตอนท้ายเขียนเน้นว่า...ถ้าใครเอายานี่ไปขาย
    ...ไม่ใช่ของ..อาตมา..ลงชื่อท่าน....ลงชื่อวัด............
    .............
    ....พอแจกครั้ง..แรก...ไม่นานก็หมด(ของฟรี)...หลวงอาดี
    เล่าว่า...ชาวบ้านที่ได้ไปชอบกันมาก...ขอให้ท่านทำอีกเพราะดีกว่ายา
    ....ฝร้่ง(...และ..ของฟร๊)....ท่านก็บอกว่า..ไม่ใช่วันไหน..ก็..ทำได้...
    ต้องเป็นไปตามฤกษ์..ตามตำรา.....คนก็เริ่มมาทำบุญที่วัดมากขึ้น.....
    ....และก็พอได้ฤกษ์..ก็ทำใหม่....ตอนนี้ทั้งคน..ทั้งของ..ก็มากขึ้นด้วย
    ..................สมัย..สามสิบ..ถีง หกสิบปี..ก่อน..แถบๆรอบ..ตำบลจรเข้
    ...นี่..มียาหลวงอาดี..เป็นยาสามัญประจำบ้าน..กันทั้งนั้น...เพราะ
    คุณภาพเยี่ยม..โดยเฉพาะ..เรื่อง..ตั้งแต่..คอ..ลงไปถึง..ก้น...........
    .........................................................................
    ..............................ก็ไว้ต่อ..ตอนหน้า...ก็จะว่าถึงอีกวิชา
    .....ที่หลวงอาดีเรียนมา..เป็นวิชา...ที่มี..ประสิทธิภาพสูง...แต่มี....
    ..ผลเสีย...กับผู้ทำได้...ถ้า.........
    .........ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกัน..ขอบคุณ..ครับ...
    .............................สวัสดี...........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...