ปิดกระทู้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย okใช่เลย, 17 สิงหาคม 2015.

  1. okใช่เลย

    okใช่เลย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2015
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +44
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2017
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แล้วครูบาอาจารย์ ที่ไหน สอนผิดๆ เข้าใจผิดๆ ว่า นิพพานไม่เที่ยง แค่คำถามก็ผิดแล้ว ^^
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    :cool:
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระนิพพาน ไม่ตกอยู่ภายไต้กฏของไตรลักษ์

    เป็นสภาพที่ ไม่มีอะไรจะปรุงแต่งได้อีกแล้ว
    ทั้งในส่วนที่เป็นบุญ หรือ ว่าเป็นบาป
    ทั้งยังเป็นที่สิ้นสุดของมายาทั้งปวง
    ว่างจากคนจากสัตว์ ว่างจากสรรพสิ่งทั้งปวง.
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เอาแค่พระโสปัน ผลก็ยืนยันว่า พระนิพานมีจริง
    อย่าลืมสิครับ พระโสดาบันผลเป็นผู้ถึงกระแสพระ
    นิพพาน เราไม่อาจกล่าวได้ว่านิพพานเป็นอะไร
    เพราะนิพพาน ก็ยังเป็นการสมมติ ขึ้นมา
    ผู้ที่เห็นนิพพานเที่ยงแท้ นิพพานไม่สูญ
    นั่นเป็นเพียงดับได้แค่รูป แต่บรรดาท่านเหล่านั้นยังดับนามไม่ได้ จึงไม่เห็นความดับสลายไปของจิตที่หมด
    จากรูปลักษณ์ใด ๆ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยตัญหาอุปาทานแล.
     
  6. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    นิพพานอยู่นอกกฎไตรลักษณ์

    เพราะภายใต้อวิชชา ที่ต้องการให้สัตว์เวียนว่ายตายเกิด
    เมื่อมีการเกิด การตายได้ ไม่สิ้นสุด ..สิ่งนั้นย่อมเกิดขึ้นและเสื่อม
    ซึ่งต้องกลายเป็นสัจธรรมอยู่ภายใต้กฎแห่งไตรลักษณ์

    ดังนั้นเมื่อพ้นอวิชชา ก็จะพ้นกฎไตรลักษณ์ไปด้วย
    และดังนั้น นิพพานจึงอยู่นอกกฎไตรลักษณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2015
  7. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ขอเสนอความเห็นแบบปุถุชนครับ...
    ในบทสวดมีว่า "สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ"
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน
    นิพพานจัดอยู่ในปรมัตถธรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เป็นอสังขารธรรม ไม่มีการปรุงแต่ง
    ดังนั้น นิพพานจึงไม่อยู่ใน "สัพเพ สังขารา" แต่อยู่ใน "สัพเพ ธัมมา"
    ผมคิดว่า (ขอย้ำว่าคิดเพราะยังไม่รู้) นิพพานไม่เป็นอนิจจัง แต่เป็นอนัตตา ครับ
     
  8. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    นิพพานเที่ยงแท้แน่นอนไม่มีเปลี่ยนแปลง
    ทุกอย่างในนิพพานอะไรที่เหมาะสมก็จะปรากฏขึ้นเอง
    นิพพานไม่สูญ
    แต่นิพพานเป็นสถานที่ที่สูญจากกิเลสทั้งหมด นิพพานไม่มีกิเลส
    ดวงจิตอันบริสุทธิ์เป็นผู้เข้าถึงสภาวะพระนิพพาน
     
  9. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    เที่ยงครับ คือ จะมีสภาพที่มีแต่ความสุขไปตลอดกาล ไม่มีเปลี่ยนแปลง
    พูดง่ายๆคือ เป็นอิสระและเป็นอมตะ มีความสุขไปตลอดกาล
    และถ้าปราถนาจะไปไหนมาไหนก็ไปได้ทุกที่
    เหมือนคนที่ออกจากคุกได้แล้ว แต่ก็ยังสามารถแวะไปเยี่ยมคนที่ยังอยู่ในคุกได้ทุกเมื่อ

    เมื่อเข้าถึงสภาวะจิตบริสุทธิ์ ก็จะบริสุทธิ์ไปเลย ไม่กลับมาเปื้อนกิเลสอีก
    เหมือนคนที่ขึ้นจากหลุมอุจจาระได้แล้ว ตัวสะอาดแล้ว ยังไงๆก็ไม่ยอมกลับลงไปเปื้อนอุจจาระอีกเด็ดขาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2015
  10. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    เรียกว่า จิตของปุถุชนห่อหุ้มด้วยกิเลส ส่วน จิตพระอรหันต์ปราศจากกิเลส แบบนี้จะถูกกว่า

    เพราะเดิมที ดวงจิตนั้นก็ไม่มีวันสูญอยู่แล้ว เพียงแต่โดนกิเลสห่อหุ้มอยู่ก็เลยโดนลากไปได้ทุกที่ เช่นไป นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หากเวลาไหนมีความเข้มแข็งสามารถฝืนกิเลสได้บ้างก็มีโอกาสไปสวรรค์ได้บ้าง พอนานๆเข้าบารมีเริ่มเข้มข้นแล้วก็สามารถฝืนกิเลสได้มากขึ้น จนสุดท้ายก็ทำลายกิเลสแล้วเข้าสู่พระนิพพานได้ในที่สุด

    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มาจากจิตดวงเดียวนี้ล่ะ เพียงแต่เป็นช่วงที่โดนกิเลสห่อหุ้ม กับช่วงที่ปราศจากกิเลส เท่านั้น
     
  11. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    งูมีหาง.. แล้วหมาก็มีหาง ดังนั้นจะสรุปว่า .. หมา คือ งู จะได้ไหม?

    (แท้จริงสิ่งที่สรุปได้ก่อนคือ งูกับหมามีหาง .. ยังไม่ควรสรุปไปถึงว่า หมาคืองู)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2015
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    แล้วถ้านิพพานไม่เที่ยง นิพพานเป็นไตรลักษณ์หรืออย่างไร






    :cool:({) สวัสดีครับคุณ เรื่องแบบนี้ ไม่ควรถามครับ เพราะมันเกินวิสัย ของปุถุชนคนทั่วไป จะพึงเข้าใจ ถ้าจะถาม เราต้องศึกษามาดีแล้วพอสมควร แก่การปฏิบัติ เพื่อมรรคผลนิพพานมากกว่าครับ คำถามจะทำให้คนหลายๆคนไขว้เขว แต่ก็ดีนะ เมื่อถามแล้วก็จะตอบโดยสังเขป พอให้เข้าใจได้บ้างพอควร เผื่อจะมีประโยชน์ กับคนทั่วไป ไม่มากก็น้อยครับ


    คุณถาม แล้วถ้านิพพานไม่เที่ยง นิพพานเป็นไตรลักษณ์หรืออย่างไร


    ผมตอบ มันไม่ใช่ทั้ง ๒ อย่าง พระนิพพาน เป็นแดนอัมตะ เป็นของเที่ยง ไม่มีการเคลื่อนย้ายไปไหนอีก ผู้ที่เข้าถึง แดนพระนิพพาน คือดับกิเลส ตัณหา อุปาทาน โลภ โกรธ หลงได้โดยสิ้นเชิง และไม่ยินดี ดับชั่วดี ได้หมดจด อวิชชาทั้งปวง ไม่เหลือจากจิตท่าน เป็นผู้ไกล จากกิเลส เมื่อดับ สังขารไปแล้ว จิตก็เข้าสู่ แดนอันเกษม บรมสุข คือแดนพระนิพพาน ไม่มีการเคลื่อน ย้าย ไปเกิด ณ แดนใดอีก เกิด แก่ เจ็บ และตาย อีกต่อไป พระนิพพาน เป็นแดน ทิพย์พิเศษ จะว่าเป็นเมือง ก็ใช่ จะบอกว่าไม่เป็นเมือง มันก็ไม่ได้ เพราะ ว่าพระพุทธเจ้า ทั้ง หลาย พระปัจเจกะพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านอยู่บนนั้น ไม่ว่าหญิง หรือชาย ตัดกิเลสได้แล้ว ย่อมเข้าถึง แดนเกษม เหมือนกันหมด นั่นคือพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2015
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ดวงจิตของเรา ก็คือกายใน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ ใช้วิบากกรรม คือการกระทำของเราๆท่านๆทั้งหลายนั่นเอง ที่ทำให้มาเกิด เพราะกิเลส ตัญหาอุปาทาน โลภ โกรธ หลง มันมาครอบงำจิต ของเราให้มืดบอด ทำให้จิตเรา ตัวเรา ต้องทำ ทั้งความดี และความชั่ว ก็คือ กรรม ชั่ว กรรมดี นั่นเอง ทีนี้ กรรมทั้ง ๒ อย่าง ก็กำหนด เป็นวิบากกรรม ทำให้ ดวงจิต ของสัตว์ ที่เกิดมา ไปเกิด ตามอำนาจของกรรม ที่ตัวทำมา ทำให้ไปเกิด ในอบายภูมิบ้าง เช่น เป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน นรก เปรต อสูรกาย สัตว์ เดรัชฉาน ก็ยังมี หลายชั้น หลายขั้น เผ่าพันธ์ต่างๆที่เรา พอมองเห็น คือสัตว์ เดรัชฉาน


    เกิดเป็นคนก็มีหลายเผ่าพันธ์ หลายชั้นวรรณะ เมื่อกระทำความดี อย่างเลว เกิดเป็นคน อย่างดี ขึ้นมาหน่อย ก็ไปเกิด เป็นเทวดา นางฟ้า ดีขึ้นมาอีก ไม่นิยม การมีคู่ครอง ชอบเจริญสมาธิกรรมฐาน ไม่ว่าหญิง หรือชาย เมื่อตายจากคน ก้ไปเกิด เป็นรูปพรหม มี ๑๖ ชั้น ไม่มีเพศหญิงหรือชาย มีเพศเดียวกันหมด ไม่มีเพศ อยู่อย่างพรหม มีวิมาน คนละหลัง อยู่ด้วย ธรรมปิติ วิหารธรรม และผู้ที่ เจริญ ฌาณสมาบัติ อรูปฌาณ ๔ ก็ไปเกิด ด้วย อำนาจ จากอรูปฌาณ ที่ตน ทำถึง ทำให้ไปเกิดเป็นอรูปพรหม ไม่มีรูป อรูปพรหม มีทั้งหมด ๔ ชั้น เป็นดวงจิต ลอยอยู่ในอากาศ ชั้นของ อรูปพรหม เมื่อหมด บุญ หรือกำลังของฌาณ ที่ตนทำได้ทำถึง เมื่อ หมดบุญ ที่ตนทำให้ไปเกิด ก็หล่น ตุ๊บ เคลื่อนย้ายไปเกิด ในที่ต่างๆอีก ดังที่ อธิบายมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2015
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สัตว์ ที่ผมกว่าวมา คือ สัตว์นรก ก็ดี เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัช ฉาน คน มนุษย์ เทวดา นางฟ้า แต่ละชั้น พรหม แต่ละชั้น อรูปพรหม ทุกๆอย่างที่กว่าวมา ยังมีการเกิด เคลื่อนย้าย ไปเกิด ในแดนต่างๆ เวียนว่าย ตายเกิด ไม่มี ที่สิ้นสุด หรือจุดจบ ตรงไหนเลย ถ้าจะพูด มันไม่เที่ยงนั่นเอง ถ้ามันเที่ยงจริง ก็ไม่ต้อง เคลื่อนย้าย ไปเกิดในแดนใดๆอี จริงไหม ทุกอย่างมันไม่เที่ยง มีการเกิด ขึ้น ในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง และ สลายไปในที่สุด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปนั่นเอง ที่ผมพิมพ์มา พอจะเห็นเค้าโครงบ้างแล้วหรือยังครับ


    ในกรณี เมืองพระนิพพาน เมื่อพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย พระปัจเจกะพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่าน ดับกิเลส ตัณหาอุปทานได้โดยสิ้นเชิง ตัดโลภ โกรธ หลง ตัดดีและชั่ว ไม่ยินดียินร้าย อวิชชาทั้งปวง จึงเป็นผู้หมด กิเลส ดับตัณหา อุปาทานทั้งปวง จิตท่านจึงดับเป็นธรรมว่าง จาก กิเลส ทั้งมวล เมื่อจิตท่านว่าง จาก กิเลส จิตของท่าน ก็เข้าถึง แดนอัมตะ คือแดน พระนิพพาน พระนิพพาน เป็นแดนทิพย์ พิเศษ ไม่มีการเคลื่อนย้าย ไปเกิด ณ แดนใดอีก พระนิพพานจึงเป็น แดนที่ เที่ยงแท้แน่นอน นิพพานัง ปรมังสุขัง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง :cool:


    และผมขออนุญาติ ก๊อป ไปไว้ ห้องอภิญญา ห้องกระทู้ผมที่ผมตอบครับ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    นก กับ ปลา คุยกันไม่รู้เรื่องครับ สั้นๆ

    ถ้าอยากคุยรู้เรื่อง รู้จริง ก็ให้ไปปฏิบัติให้ถึง ก็จะรู้เข้าใจได้ด้วยตัวเอง

    ไม่ใช่ความรู้จากการที่ ฟังคนอื่นบอกต่อๆมา เชื่อเรื่องเล่าต่อๆมา

    ไม่ใช่ความรู้จากการอ่าน การจำมา ต่างๆนาๆ

    แต่เป็นการรู้จากภายในจิต จิต ใจตัวเอง

    ตราบใดที่ยังปฏิบัติไม่ถึง มันก็จะสงสัย โน้นนี่ไปหมด ถามโน้นนี่ไปหมด และพอคนอื่นๆ บอกอะไรไป ตัวเองก็ไม่มีปัญหา ไม่มีภูมิ ที่จะเข้าใจคำบอกของผู้อื่นได้นั้นเอง

    เพราะว่าภูมิตัวเองยังไม่ถึง ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง ครับ

    แนะนำว่า ให้ไปปฏิบัติภาวนากรรมฐาน ครับ


    .
     
  16. banana603

    banana603 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +17
    ความไม่เข้าใจรากศัพท์แท้จริง จากความเป็นมาแห่ง คำบาลี ย่อมสร้างความแคลงใจแก่บุคคลภายหลังเป็นอันมาก ที่ใช้กันก็ได้ยินได้ฟังมา แปลมาให้ แล้วก็สำคัญในความนั้นโดยหาที่มาที่ไปไม่ได้
    จริงอยู่ว่า บ้านเราใช้ บาลี สันสกฤษ จนชินหู กันไป จนรุ้แค่ว่า คำนี้ใช้ยังไงหมายถึงอะไรจากความเคยชิน

    ป อาการว่า เป็น ความเป็น
    ล อาการว่า คล้อยไป ล่อลวง
    ภาษา ปาลิ ความหมายนัยยะว่า การสื่อโดยบ่งบอก ลักษณะอาการเป็น ทิศทางความเป็น

    น อาการว่า ไม่ ปฏิเสธ
    พ อาการว่า พร้อม ครบถ้วน เต็ม
    ท อาการว่า ให้ไป มีสภาพ หย่อนให้ คล้อยลง หย่อนลง
    นิพฺพิทา ลักษณะ ความไม่มีพร้อมแล่นมา ถ้าสำนวนไทยก้ว่า แล่นไปสู่ความดับพร้อม
    นิพฺพานํ ลักษณะ ความไม่มีพร้อม

    ส อาการว่า เสมือน สร้าง สมควร
    ญ อาการว่า สิ่งรู้ รับรู้ได้ อันรู้
    ต อาการว่า ตัวตน กำหนดให้เป็นตัว ๆ ขึ้น
    ค อาการว่า เหมือนเส้น จากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่ง
    ร อาการว่า มี
    อ อาการว่า อันใดที่เป็นทิศตรงข้าม
    สุญฺญ หมายว่า ความสมควรในสิ่งรู้
    สุญฺญาคาเร หมายว่า ที่มีความสมควรในสิ่งรู้ ไทยว่า ที่สงัด
    อญฺญา หมายว่า รู้จากอันไม่รุ้ ไทยว่า อื่น

    ความสามารถเราน้อยคงอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ได้ ก้ไม่ต้องสนใจก็ได้

    ผู้ปฏิบัติโดยมากนั้น เข้ามาโดยตั้งเป้าว่า ได้ดี เป็นดี เป็นสุข จากสิ่งที่ตนคาดหวังไว้เท่านั้น
    โดยไม่รู้ถึงความจริงในประโยชน์อันสูงสุดจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือ อริยสัจ
    ผู้ใดได้เข้าไปเห็น ทุกฺขํ สิ่งที่มีอันเปลี่ยนไป เข้าใจในนั้นเบื้องต้น ไม่ว่าอันใด ๆ ที่มีขึ้นย่อมมีที่สิ้นสุดของนั้น ๆ สังเกตเห็นว่า อารมณ์ยินดีในเรื่องหนึ่งๆ ก็คงอยู่ไม่นาน อารมณ์ไม่ยินดีในเรื่องหนึ่งๆ ก็คงอยู่ไม่นานในขณะนั้น สังเกตเห็นความเปลี่ยนไป แล้วพิจารณาต่อ จะมีประโยชน์อันใด ในการคล้อยตามอารมณ์เหล่านั้น ให้ประสบสิ่งที่ไม่พึงใจที่มีมากกว่ามาก
    รอดูแต่สิ่งสวยงาม ที่มีอยู่น้อย และต้องขวนขวายหามาดู
    สิ่งที่ไม่ชอบ ก็ไม่ได้นึกถึง เพราะกลมกลืนกับชีวิตประจำวันจนชิน
    รอฟังแต่เสียง ที่พอใจ ส่วนเสียงอื่นก็กลมกลืนในชีวิตประจำวันอีก
    ...................
    ....................
    รอสัมผัสแต่สิ่งที่พอใจ .. ความเจ็บปวดร่างกาย ผิว อากาศร้อน หนาว ฝุ่น ความไม่สะอาด ที่เรารังเกียจกัน แต่ก็ ถูกสิ่งที่พอใจดึงความสนใจ ทำให้กลืนไปอีก
    สำคัญว่า เกิดมาประสบสุขกัน ลองไม่ขวนขวายขยับร่างกายไปหากินดูสิจะอยู่ได้มั้ย อย่าว่าแต่กิน แค่หายใจมันก็ยังต้องทำ

    ผู้ที่ใฝ่จะออกจากวัฏฏะ เพื่อความพ้นจากบ่วงแห่งความไม่แน่นอน ย่อมดำเนินตามอริยมรรค
    ผู้ใดปรารถนา จะ เสพสุข ใน นิพพาน โดยตั้งความหวังไว้อย่างนี้ ไม่อาจถึงฝั่งได้อย่างแน่นอน
    ตั้งมาไม่ตรง อะไร ๆ มันก้ไม่ตรงแหละ
     
  17. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    แนะนำให้ไปปฏิบัติให้ได้ให้ถึงด้วยตัวเองครับ
    ไม่มีใครสามารถบอกให้คนอื่นทราบได้ว่าความสุขนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร
    เพราะมีแต่คนที่เข้าถึงความสุขได้เท่านั้นจึงจะเข้าใจถึงสภาพของความสุขได้นั่นเอง
    คนที่เข้าถึงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องถามใครอีก

    ไปปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ได้แล้วจะรู้เองครับ
     
  18. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    งั้นก็เชิญถามต่อไปครับ ตามสบาย
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ผู้ฟังและผู้ศึกษาเข้าใจว่าเป็นแบบ นั้น คนที่เข้าใจผิดมีผลเสียอะไรหนักหรือไม่?


    ตอบ : อันนั้นถือว่าเป็น มิจฉาทิฐิ ถ้าหากว่าตายจะมีอเวจีเป็นที่ไป เท่าที่ อาตมามีประสบการณ์เห็นคนที่สอนอย่างนี้ลงโลกันตร์ไปเลย
     
  20. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819





    "สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม"
    ธรรมะขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
    "สันทิฏฐิโก" ผู้ปฏิบัติจะรู้เองเห็นเอง
    "อะกาลิโก" ขอให้ทุกคนจงมาดูธรรมนี้เถิด
    "โอปะนะยิโก" น้อมนำแล้วก็อยู่ในกายนี้เอง
    "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ" ผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่จะพึงรู้ได้ด้วยตัวเอง




     

แชร์หน้านี้

Loading...