ปฏิจสมุปบาทและวิืญญาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุรีย์บุตร, 2 มกราคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    จาก มหานิทานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปฏิจสมุบาทนี้ลึกซึ้งสุดประมาณ และปรากฏเป็นของลึก ก็แหละถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังปรากฏแก่ข้าพระองค์ เหมือนเป็นของตื้นนัก ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธออย่าพูดอย่างนั้น อานนท์ เธออย่าพูดอย่างนั้นอานนท์ ปฏิจสมุบาทนี้ ลึกซึ้งสุดประมาณและปรากฏเป็นของลึก

    ดูกรอานนท์เพราะไม่รู้จริง เพราะไม่แทงตลอด ซึ่งธรรมอันนี้ หมู่สัตว์นี้ จึงเกิดเป็นผู้ยุ่งประดุจด้ายของช่างหูก เกิดเป็นปมประหนึ่งกระจุกด้าย เป็นผู้เกิดมาเหมือนหญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง จึงไม่พ้นอุบาย ทุคติ วินิบาต สงสาร ...

    ดูกรอานนท์ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงเกิดสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงเกิด ชรามรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาส ฯ

    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการฉะนี้ ฯ
    จาก ปัจจัยสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖
    ภิกษุทั้งหลาย ความจริงแท้ ความไม่คลาดเคลื่อน ความไม่เป็นอย่างอื่น มูลเหตุอันแน่นอนในธาตุอันนั้น ดังพรรณนามาฉะนี้แล เราเรียกว่าปฏิจสมุปบาท

    -------------------------------
    ปฏิจสมุบาทนี้ ลึกซึ้งสุดประมาณ

    ปฏิจสมุปบาทในชีวิตประจำวัน เป็นของง่ายหรือของยาก ?
    ปฏิจสมุปบาทในชีวิตประจำวัน มีมาตั้งแต่เมื่อใด ?
    ปฏิจสมุปบาทในชีวิตประจำวัน ควรหรือที่จะเรียกว่า ปฏิจสมุปบาท ?

    ------------------------------------------------------------------------------------------


    “รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ! ขันธ์ ๕ ไม่ใช่จิต.. จิตไม่ใช่ขันธ์ ๕”

    รูปคืออารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นรูปขึ้นมาเลย..

    เวทนา ! เวทนาคือความรับรู้.. สัญญา นี่สังขารปรุงแต่ง คือวิญญาณรับรู้..

    โลกคือความรู้สึก ความรู้สึกเป็นความคิด แต่พลังงานล่ะ พลังงานที่ความรู้สึกนึกคิดละเอียดเข้าไปล่ะ นี่สิ่งที่เราทำทาน ทำบุญกุศล สิ่งที่เราทำก็เกิดจากขันธ์ ๕ เกิดจากรูป เกิดจากเวทนา เกิดจากความพอใจนี่แหละ

    แต่ความพอใจเราทำบ่อยครั้งเข้าจนมันอิ่มหนำสำราญ มันมีความพอใจ เห็นไหม เราอยากภาวนา เราตั้งสติขึ้นมา มันผ่านขันธ์ ๕ เข้าไป... ผ่านขันธ์ ๕ ! เข้าไปเพราะเรารู้ของเรา เราชัดเจนของเรา มันผ่านขันธ์ ๕ เข้าไปสู่พลังงาน

    ถ้าสู่พลังงาน นี่จิตเดิมแท้.. จิตเดิมแท้ ปฏิสนธิจิต เห็นไหม วิญญาณในปฏิสนธิจิต กับวิญญาณในขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    วิญญาณนี่วิญญาณรับรู้.. วิญญาณรับรู้นี่วิญญาณในอายตนะ

    แต่วิญญาณนี่ความรู้สึก อวิชชา ปัจจยา สังขารา สังขารา ปัจจยา วิญญาณัง.. คือวิญญาณในปฏิจจสมุปบาท.. วิญญาณในจิตเดิมแท้ กับวิญญาณในขันธ์ ๕ มันแตกต่างกัน ถ้าคนภาวนาเป็น มันจะรู้ มันจะเห็น มันแตกต่างกัน... ความแตกต่างอย่างนี้ นี่จิตหยาบจิต-จิตละเอียด มันจะเข้าสัมผัส !



    จิตส่งออก
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    หลวงพ่อ : ถ้าจิตเป็นวิญญาณขันธ์ เราก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะวิญญาณขันธ์ คือขันธ์ในขันธ์ ๕ ใช่ไหม วิญญาณขันธ์ก็คือขันธ์ ๕

    อวิชชา ปัจจยา สังขารา สังขารา ปัจจยา วิญญาณัง วิญญาณในปฏิจจสมุปบาทคือวิญญาณในปฏิสนธิ วิญญาณอันนั้นเป็นวิญญาณในปฏิสนธิไม่ใช่วิญญาณขันธ์ เพราะมันเป็นปัจจยาการ มันไม่เป็นขันธ์ ขันธ์เป็นกอง
     
  2. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    สาเหตุที่มุมมองปฏิจสมุปบาทต่างกันมาจากเล็งไปที่การดับตัวทุกข์ที่ต่างกัน

    เช่น คนที่เล็งดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน ก็จะเอาทุกข์ในปัจจุบันเป็นตัวตั้งในการมองเหตุของทุกข์นั้นเพราะเชื่อว่า ทุกข์นั้นๆเป็นของจริง

    ก็จะเห็นไปว่าสาเหตุของทุข์นั้นคือการปรุงแต่ง ถ้าหยุดปรุงแต่งเสียก็หยุดทุกข์ได้ จึงกลายเป็นที่มาของความเห็นว่า ปฏิจสมุปบาท ดับตรงไหนก็ได้ ตามมา...


    สำหรับคนที่เล็งเห็นไปที่ทุกข์ว่า คือการเกิด อันนี้ยากเพราะจะต้องรู้จักขันธ์5ก่อนว่าไม่ใช่เรา เมื่อรู้จักขันธ์5ว่าไม่ใช่เราก็จะรู้ว่าสิ่งที่ขันธ์5แสดงออกมาไม่จริง เป็นสมมุติ โลกเป็นสมมุติ ก็หมายความว่าจะเข้าใจว่าทุกข์ใดๆในชีวิตก็เป็นสมมุติด้วย
    ที่จริงเข้าใจว่ารูป นามทั้งหมดในโลกเป็นสมมุติ

    เมื่อเข้าใจสมมุติ เข้าใจว่าทุกข์สมมุติมี เพราะมีขันธ์5 ก็จะมองต่อไปว่า ขันธ์5นั้นมีขึ้นได้เพราะอะไร ก็จะเห็นว่า มีเพราะการเกิด การเกิดจึงเป็นทุกข์ที่เห็นว่าเป็นความจริงที่สุกว่าทุกข์ใดๆ เพราะการเกิดเป็นเหตุให้มีขันธ์
    เมื่อเห็นการเกิดว่าเป็นทุกข์ ก็จะเล็งไปที่การดับเกิด ว่าต้องทำอย่างไร เพราะอะไร จึงเกิด
    ก็จะทราบว่า ที่เกิดเพราะจิตมีการปรุงแต่งยึดมั่นใน นาม รูปอยู่
    แล้วเพราะเหตุใดจึงปรุงแต่งและยึดมั่นในนามรูป ก็เพราะว่าจิต ยังมีอวิชชายังกำจัดอวิชชาไปไม่หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  3. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ดูกรอานนท์เพราะไม่รู้จริง เพราะไม่แทงตลอด ซึ่งธรรมอันนี้ หมู่สัตว์นี้ จึงเกิดเป็นผู้ยุ่งประดุจด้ายของช่างหูก เกิดเป็นปมประหนึ่งกระจุกด้าย เป็นผู้เกิดมาเหมือนหญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง จึงไม่พ้นอุบาย ทุคติ วินิบาต สงสาร ...
    --------------------------------------------------------------
     
  4. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    อวิชชา ในปฏิจสมุปบาท...

    อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่รู้อะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าพูดถึงสิ่งใดหรือใครจะพูดรวมๆก็ตามสบาย
    1.อวิชชา ตัวแรกในปฏิจสมุปบาท คือความไม่รู้ในจิต หรือจะกล่าวว่าคือจิตก็ตามใจ อวิชชาในที่นี้คือความไม่รู้ใน รูปนา่มทั้งหลาย ..
    (เพราะอะไรจึงไม่รู้ ก็เพราะอวิชชาอีกอย่างหนึ่ง หรือจะเรียกรวมๆก็ตามใจ)

    ไม่รู้อะไรในนามรูป ตอบว่า ไม่รู้ว่านามรูปทั้งหลาย เป็นสมมุติ แต่คิดว่า นามรูปทั้งหลายเป็นจริง เพราะคิดว่านามรูปจริง จึงปรุ่งแต่งและยึด่มัี่่นว่านามรูปทั้งหลายเป็น ตัวตน เราเขา สัตว์ สิ่งของ ของเรา ของเขา เมื่อคิดว่า นามรูปจริงการปรุงแต่งคือ สังขารในปฏิจสมุปบาทจึงเกิดขึ้นตามมาทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...