บทความที่เกี่ยวกับ "พญานาค" น่าสนใจมากๆค่ะ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย lynn@nice, 4 พฤษภาคม 2011.

  1. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    ปราสาทนาคพัน ปราสาทกลางน้ำแห่งเดียวในกัมพูชา

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> ในบรรดาปราสาทต่าง ๆ ที่กษัตริย์กัมพูชาได้สร้างขึ้นเป็นเทวสถานเพื่อบูชาเทพเจ้าตามคติของศาสนา พราหมณ์ฮินดู และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาตามคติทางพุทธศาสนานั้น ปราสาทที่มีการก่อสร้างแปลกตาแตกต่างจากปราสาทอื่น ๆ มากที่สุดคือปราสาทที่ตั้งอยู่กลางน้ำที่ชื่อ "ปราสาทนาคพัน"

    ปราสาทนาคพัน "Neak-Pean" ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้สถาปนากรุงนครธม ราชธานีของอาณาจักรขอมยุคพระนครหลวงตอนปลาย ปราสาทนาคพันถูกสร้างขึ้นตามคติพุทธมหายาน โดยตัวปราสาทตั้งอยู่บนฐานดอกบัวที่ด้านล่างเป็นฐานกลมลดหลั่นลงไป 7 ชั้น ชั้นล่างสุดมีพญานาค 7 เศียร 2 ตัวโอบล้อมรอบฐานป้องกันปราสาทนาคพันที่ในใจกลางของปราสาทเป็นที่ประดิษฐาน รูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่ทั้ง 4 ทิศ

    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    สองในสามองค์เป็นนาคราชที่เป็นบุรุษ ซึ่งตอนนี้ความเป็นไปได้อยู่ที่ว่าสององค์นี้น่าจะเป็นลูกของท่าน ซึ่งน่าจะมีการกำเนิดแบบโอปปาติกะเหมือนกับท่าน แต่ไม่แน่ใจว่าสององค์นี้เกิดจากเจตสิกขององค์นาคพันธ์ หรือจากเจตสิกของนาคราชองค์ใด หากรู้แต่เพียงว่าหนึ่งในสององค์นี้องค์หนึ่งมีฤทธิ์อย่างมากเป็นอาวุธ ส่วนอีกองค์หนึ่งมีปัญญาอย่างมากเป็นศาสตรา

    ซึ่งในจารึกประวัติของปราสาทนาคพันบางฉบับ ก็ปรากฏชื่อของพญานาคสององค์ที่พันอยู่รอบปรางค์ปราสาทประธานของปราสาทนาค พันว่าองค์หนึ่งชื่อ ท้าวนันทะนาคราช และอีกองค์หนึ่งชื่อท้าวอุปานันทะนาคราช หากแต่ยังไม่ทราบว่าองค์นันทะ หรือองค์อุปาปะ องค์ไหนที่ใช้ฤทธิ์ องค์ไหนที่ใช้ปัญญา คงต้องอาศัยหลาย ๆ ท่านในเวปนี้ช่วยสื่อหรือช่วยคาดคิดว่าองค์ไหนใช้ฤทธิ์ องค์ไหนใช้ปัญญา


    ท่าน ๆ คิดว่าองค์ไหนใช้ฤทธิ์ องค์ไหนใช้ปัญญา?


    ส่วนอีกองค์หนึ่งในสามองค์เป็นใครนั้นยังไม่แน่ชัด แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าอีกองค์หนึ่งนั้นเป็นเทวีศรีนาคราชีที่มีความเชี่ยวชาญ เรื่องมนตรา เพราะหากแต่เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ท่านก็จะรู้สึกได้ถึงความลึกลับของมนตราที่ อยู่รอบตัวท่าน ซึ่งถ้าเป็นเทวีองค์นี้จริง ในกรุงเทพจะมีเศียรพญานาค 5 เศียรอยู่องค์หนึ่งที่มีพลังของท่านสถิตย์อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
    <fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </fieldset>
    ปราสาทนาคพัน แผนผังแห่งสระอโนดาต


    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> ปราสาทนาคพันถูกสร้างบนสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกวางแผนผังตามรูปจำลองของสระอนวตัปตาหรือสระอโนดาต ซึ่งเป็นสระศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหิมาลัย ที่เชื่อกันว่าสระอโนดาตนี้ตั้งอยู่บนยอดบนสุดของจักรวาลซึ่งตามความเชื่อของคติจักรวาล พราหมณ์-พุทธ สระนี้ถือเป็น ต้นน้ำ ของปัญจมหานทีทั้ง 5 สาย คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี มหีและสรภู (บางบันทึกระบุว่า 4 สาย) ซึ่งเป็นต้นชีวิตไหลหล่อเลี้ยงมวลมนุษย์และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหมดซึ่งเชื่อกันว่าน้ำในสระอโนดาตจะไม่มีวันเหือดแห้งไปตราบใดที่ยังไม่ถึงวาระสุดท้ายแห่งกัลป์

    ปราสาทนาคพัน ไม่ได้มีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ของสระทิพย์ในภูมิมนุษย์เท่านั้น หากแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชาวเขมรยุคบายนได้อาศัยปราสาทแห่งนี้เป็น "อโรคยาศาล"หรือโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่พักฟื้น ปรุงยาและส่งยาออกไปทั่วอาณาจักรของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งน้ำที่ไหลออกมาตามสระน้ำทั้ง 4 ทิศแห่งปราสาทนาคพันชาวเขมรยุคบายนถือเป็น "น้ำศักดิ์สิทธิ์" ที่ใช้รักษาโรคตาม "ธาตุ" ของผู้ป่วยโดยน้ำที่ไหลออกทางทิศเหนือใช้รักษาผู้ป่วยธาตุน้ำ น้ำที่ไหลออกทางทิศใต้ใช้รักษาผู้ป่วยธาตุไฟ น้ำที่ไหลออกทางทิศตะวันออกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุลม และน้ำที่ไหลออกทางทิศตะวันตกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุดิน
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </fieldset>

    </fieldset>
     
  2. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    นาคราชผู้คุมพิษแห่งนาคทั้ง 4 (อำนาจแห่งการหักหาญ)

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> ตามความเชื่อบางตำนานถึงสาเหตุที่ทำให้องค์นาคพันธ์สามารถคุ้มครองรักษาดิน แดนศักดิ์สิทธิ์ให้รอดพ้นจากหมู่มารมาได้ทุกครั้งทุกครา อาจเป็นด้วยเหตุแห่งองค์นาคพันธ์นั้นเป็นผู้ควบคุมพิษแห่งนาคทั้ง 4 ตามจตุธาตุแห่งภพภูมิ

    ในพระไตรปิฏกได้กล่าวถึงพิษของพญานาคไว้ 4 ประเภทด้วยกัน


    กฏฐ์มุข พิษซึ่งทำให้แข็งไปหมดทั้วตัว ยุติการทำงานทั้งปวง

    ปูติมุข พิษซึ่งทำให้ธาตุน้ำกำเริบ เน่าบวมเสื่อมสลาย
    อัคคิมุข พิษซึ่งทำให้ธาตุไฟกำเริบ เกิดอาการเร่าร้อน แผลเป็นริ้วดั่งไฟ
    สัตถมุข พิษรวดเร็วรุนแดงดั่งต้องอสนีบาต อธิบายได้ว่าเหมือนโดนฟ้าผ่า

    ลักษณะของพิษนาคทั้ง 4 ประการนี้มีปรากฏในพระอภิธรรมมัตถสังคหฏีกา ปริเฉทที่ 5 ซึ่งจัดหมวดหมู่พญานาคตามลักษณะพิษที่แสดงผล


    ซึ่งตามความเชื่อบางตำนาน องค์นาคพันธ์ นั้นสามารถพ่นพิษได้ทั้ง 4 ชนิด และใช้พิษนั้นในการรักษาขอบเขต และควบคุมธาตุทั้ง 4 ในอาณาเขตด้วยฤทธิ์แห่งพิษนั้น


    ภาพ พญานาคผู้คุมธาตุทั้ง 4 จาก deva curse

    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG]

    นาคราชผู้คุมพิษทั้ง 4 (อำนาจแห่งการรักษา)


    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> ของทุกสิ่งมีคุณและโทษ มีโทษและคุณขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ เฉกเช่นเดียวกับพิษทั้ง 4 ของพญานาคที่มีโทษทำให้ธาตุแต่ละธาตุกำเริบ ก็จักต้องมีคุณกับธาตุทั้ง 4 เช่นเดียวกัน ซึ่งหากเทียบเคียงลักษณะอันแปลกประหลาดของพิษนาคกับหลักวิทยา ศาสตร์ที่เจาะลึกรายละเอียดแล้ว ก็อาจอธิบายถึงกระบวนการของพิษนาคที่สามารถให้โทษและทำคุณได้ ดั่งเช่นไฟกับน้ำที่เป็นปฏิภาคหักล้างกันและกัน แต่ธาตุทั้ง 2 ก็ล้วนเป็นธาตุเดียวกันที่เกื้อหนุนส่งคุณให้กันและกัน

    อย่างน้ำที่เกิดจากธาตุออกซิเจนประกอบกับไฮโดรเจน ซึ่งแก๊สทั้ง 2 ชนิดนั้นติดไฟและช่วยให้ไฟติด คืออุปการะต่อธาตุไฟทั้งคู่ แต่หากรวมกันจะได้ธาตุสังเคราะห์ตัวใหม่คือน้ำที่เป็นปฏิภาคกับธาตุไฟที่มัน เคยเป็นตัวช่วยหนุน ซึ่งทำให้เห็นความสามารถในการให้โทษและทำคุณของธาตุได้ การสลับธาตุดังกล่าวมีพลังละเอียดบางประการที่เป็นปัจจัยส่งเสริมและหากจะ ชี้ชัดวิเคราะห์สมมุติตั้งชื่อเชิงไสยเวทก็อาจอนุมานว่า คืออำนาจฤทธิ์แห่งนาคราชที่ควบคุมธาตุนั้น ๆ เหตุนี้จึงเชื่อว่า พญานาคราชเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยคุมอำนาจของธาตุทั้ง 4 ประการ ที่สามารถให้ได้ทั้งคุณและโทษ

    ในหลักพระเวทแห่งการชำระสรรพอาถรรพ์สิ่งให้บริสุทธิ์ก็ด้วยเหตุสองประการคือ สระสรงคงคาและกลบบัดสุมเพลิง
    นั่น คือการชำระด้วย ธาตุน้ำและธาตุไฟ โดยอาศัยการเกื้อหนุนของธาตุดินและธาตุลมนั่นเอง เหตุนี้จึงแสดงว่าพิษแห่งนาคจึงมีอานุภาพในการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเช่น เดียวกัน จึงมีการใช้พลังอำนาจของนาคในการข่มอาถรรพ์ชั่วร้ายแบบใช้พิษข่มพิษ หรือมนต์ข่มมนต์>>

    อาจเป็นด้วยเหตุแห่งองค์นาคพันธ์เป็นผู้คุมพิษนาคแห่งธาตุทั้ง 4 ที่มีอำนาจในการรักษาและถอนอาถรรพ์ ปราสาทนาคพันธ์แห่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงมีทางน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ล้นจากปราสาทปรางค์ประธานออกมาในทิศทั้ง 4 โดยน้ำที่ไหลออกมาในแต่ละทิศนั้นใช้สำหรับรักษาโรคตามธาตุของผู้ป่วย

    โดยน้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวช้างทางทิศเหนือใช้รักษาผู้ป่วยธาตุน้ำ น้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวสิงห์ทางทิศใต้ใช้รักษาผู้ป่วยธาตุไฟ น้ำ ที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวม้าทางทิศตะวันออกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุลม และน้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวมนุษย์ทางทิศตะวันตกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุดิน

    หรือปราสาทนาคพันธ์อาจจะเป็นสิ่งยืนยันแห่งความเป็นนาคราชผู้คุมพิษนาคแห่งธาตุทั้ง 4 ประการ?
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG]
    </fieldset> <fieldset class="fieldset"> <legend>รูป</legend> [​IMG]
    </fieldset>
    (ขอบคุณ บทความของ คุณ นาคานคร )

    </fieldset>
     
  3. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    อ่านแล้วสุดยอดจริงๆ ครับพี่น้อง
     
  4. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    สวัสดีค่ะ ภาพนี้ก๊อปมาจากเฟสฯ ค่ะ เพื่อนแชร์มาให้ดูจึงนำภาพมาฝากค่ะ
    [​IMG]
     
  5. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  6. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดีค่ะน้องลิน.....

    วันนี้อยากมาเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ....เมื่อเดือน2 เดือนที่แล้ว พี่โอกาสได้ไปร่วมบุญ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง และได้รับมณีนาคราชมา ก่อนหน้านี้พี่จะฝันเห็นองค์พยานาคบ่อยมาก....และได้หัดทำบายศรี พญานาค.....ไม่ว่าจะไปทำบุญที่ไหน...ก็ระลึกถึงเสมอ....

    พี่กำลังสร้างบ้านใหม่ค่ะ และคิดว่าหน้าจะจัดสวนทำเป็นสระพญานาคสักมุมหนึ่ง...อยากได้เป็นองค์พญานาคน้ำพุ.....ก็ไปดูที่หาดใหญ่ มองๆไว้บ้าง....ชอบที่ 5 เศียร......
    แต่คิดว่าต้องจัดทำสระน้ำพุแน่.......

    เมื่อครั้งที่ไปอันเชิญ ได้มณีนาคราชมานั้น ตอนที่เข้าไป ณ สถานที่นั้น ก็ต้องแปลกใจ จะมีศาลที่ตั้ง องค์พญานาค ซึ่งตรงนั้นต้องจุดธูปเครารพบูชา เมื่อมองไปที่ศาลที่วางองค์พญานาค เหมือนกับของที่บ้านค่ะ

    เคยเล่าให้น้องลิน ฟังว่า หลายปีก่อนไปศึกษาดูงาน ของทางหน่วยงานจัด
    แล้วระหว่างข้างทางมีร้านขายผลไม้ คนในรถอยากลงซื้อผลไม้ข้างทาง ระหว่างนั่งรถพี่มองไปข้างทางก่อนรถจะจอดเห็นมีร้านจัดสวน ก็เลยพูดเล่นๆว่า ถ้าร้านนี้มีพญานาคน้ำพุ จะซื้อกลับลงใต้ (พูดเสียงดังด้วยในรถ เพราะในใจคิดว่าไม่มีหรอก) พอรถทัวร์จอด ทุกคนก็ลงกรูกันไปซื้อส้ม ส่วนพี่ไม่ซื้อค่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบขนของ ก็เลยเดินเล่นไปร้านข้างๆที่เห็นเป็นร้านจัดสวน เดินไปถึงก็ตกใจค่ะ พอมองปุ๊ป องค์พญานาคตั้งเด่นเป็นสง่า...
    ตกลงพี่ต้องขนพญานาคกลับลงใต้ พอขึ้นรถ เพื่อนๆ หัวเราะห์กันฮาทั้งรถ ฐานปากดีนัก....ค่ะและองค์พญานาคองค์นี้ที่บอกค่ะว่าเหมือนกับ องค์ที่พี่ไปเจอที่วัดป่าค่ะ.....

    สถานที่วัดป่านี้ ทุกคนที่ไป ต้องเคยเกี่ยวเนื่อง กับองค์พญานาค.....

    *แล้วไม่นานมานี้ พี่ไปไปรษณีย์ค่ะ ที่ไปรษณีย์ จะเห็นว่ามีของขายหลายๆอย่าง....
    แต่วันนั้นไปมีแปลกค่ะ มีร้านจัดสวนนำของจัดสวน พวกหินทราย มีรูปปั้นตกแต่งสวน น้ำพุรูปตุ๊กตา องค์พ่อแก่ พวกอ่างน้ำพุ เงาะป่า กินรี แต่พี่ก็มาสดุดตตาอีกค่ะ

    เห็นองค์พญานาค องค์เล็ก และองค์ใหญ่ ตกลงไปไปรษณีย์คราวนี้ ได้พญานาคกลับบ้านอีก องค์ค่ะ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  8. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:สวัสดีครับ แม่นาคี ท่านผู้หญิงนวลพรรณ เหอ เหอ
     
  9. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:ฟังคุณ ลินเล่ามาแล้ว มันส์มากเลยครับ
    ได้ความรู้ละเอียดยิบเลย สุดยอดอ่ะ:cool::cool:
     
  10. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ภาพ "ลุ่มแม่น้ำโขง กฐินบาดาล ตุลาคม 52" สุดยอดมากค่ะ :cool:
     
  11. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    มาตามหลังพี่นวล พี่รุ่ง มาอ่านเรื่องราวดีๆ ค่ะ
    ต้องยกให้พี่นวล กับ คุณลิน เค้าสายตรงปู่นาคราช:cool::cool:
    นกขอศึกษาไปก่อนนะคะ ยังไม่กล้าบูชาท่าน กลัวงูจัด pig_cryy
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ก่อนหน้านี้หลายปีแล้วพี่เคยเปิดเวปดูวัดซับไพเราะ จ.เพชรบูรณ์ สนใจอยากมาปฏิบัติธรรมที่นี่.....

    และเมื่อวานวันอาทิตย์ ก็แปลกค่ะ อยากจะเปิดเข้าไปดูเกี่ยวกับวัดซับไพเราะอีก.......
    ก็ดูไปสักพัก เห็นเบอร์โทรศัพท์ของหลวงตา อยากจะร่วมทำบุญกับวัด ลองโทรเข้าไป ไม่เคยโทรมาก่อน สงสัยท่านคงจะติดกิจนิมนต์ ก็เซฟเบอร์ไว้ ...ใจอยากจะสอบถามท่าน ว่ามีองค์พญานาคหรือเปล่าจะขอร่วมทำบุญ และจะนำลงมาทางใต้ คือหากโทรติดจะกราบนมัสการบอกท่าน และจะสนทนาเรื่องการไปปฏิบัติธรรม เพราะอยากไปมาก...แต่โทรไม่ติคค่ะ

    และเมื่อวานพี่ไปเที่ยวโอทอปที่มอ.หาดใหญ่ มีร้านค้ามาออกบูทหลายร้าน แต่มีร้านหนึ่งเขาเป่าแก้วสวยมาก มีเป็นรูปพญานาคด้วย จะหยิบจับอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ เพราะไปได้ แก้วที่ทำเป็นรูปหลวงพ่อทวด.......

    เมื่อคืนพี่ฝันแปลกมากค่ะ ฝันเห็นงูตัวดำเลื้อยมา พี่ก็ไล่จับ แต่จับไม่ได้
    แล้วสัก 7.00 น. ที่ผ่านมา มีโทรศัพท์เข้ามา เมื่อพี่รับโทรศัพท์คำแรกที่ได้ยิน เป็นเสียงหลวงตาที่วัดซับไพเราะค่ะ พี่งงมาก ท่านโทรเข้า บอกว่า หลวงตานะ เมื่อวานโทรเข้ามาใช้ไหม พอดีท่านอยู่บนถ้ำ วันนี้ลงมาบิณฑบาตตอนเช้า เห็นเบอร์มีสายเข้า
    สงสัยลูกหลานจะมีธุระ....พี่ตกใจค่ะเพราะไม่คิดว่าหลวงตาท่านเมตตาโทรกลับมา...
    ก็ได้มีการสนทนาธรรม สอบถามท่านเรื่องปฏิบัติธรรม ท่านก็บอกว่าวันที่ 2 -4 สค.นี้มีปฏิบัติธรรม และพี่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ท่านฟัง เสียงท่านหัวเราะห์ ท่านบอกว่าสงสัยปู่ให้มาที่วัดท่านแล้วล่ะ.....

    และได้สอบถามเรื่องเข้าบ้านใหม่ ท่านเมตตาบอกวันดีในเดือนสค.ให้ คือ วัน ที่ 3 9 10 เป็นวันดี ส่วนวันไม่ดีคือวันที่ 13 22 23 25

    ได้สนทนาธรรมกับหลวงตาสักครู่ ท่านก็บอกว่าต้องหาโอกาสมาที่วัด...คิดว่าไม่ติดขัดอะไร เดือนหน้าอาจจะขึ้นไปวัดซับไพเราะห์ค่ะ

    เล่าเรื่องให้น้องลินฟังค่ะ......

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • สงขลา7.jpg
      สงขลา7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.4 KB
      เปิดดู:
      136
    • P1110320.-2.gif
      P1110320.-2.gif
      ขนาดไฟล์:
      118.1 KB
      เปิดดู:
      265
    • P1110323.gif
      P1110323.gif
      ขนาดไฟล์:
      180.6 KB
      เปิดดู:
      206
    • P1110381.gif
      P1110381.gif
      ขนาดไฟล์:
      92 KB
      เปิดดู:
      154
    • P1110383.gif
      P1110383.gif
      ขนาดไฟล์:
      158 KB
      เปิดดู:
      180
    • P1110390.gif
      P1110390.gif
      ขนาดไฟล์:
      146.2 KB
      เปิดดู:
      207
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nuanpan*, SpringDove, rungaran</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีค่ะ พี่รุ่ง น้องนก....เมื่อคืนฝันดีค่ะและเจอดีค่ะ ต้องไปวัดซับไพเราะ แล้วค่ะ

    ไปทำงานก่อนนะคะ....แล้วจะแวะมาคุยใหม่ คิดถึงทุกคน ลืมบอกค่ะ ที่งานโอทอปเขามีกำไล พวกแหวน เนื้อเงินลงยาเป็นรูปพญานาค เมื่อคืนก็ไปลองใส่อยู่ด้วย......พอกลางคืนฝันเห็นเลย...

    http://kumarntalk.net/webboard-id11143.html


    <TABLE class=ll cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top width="100%"></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top>

    <CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#333333 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#333333 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#333333 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    สวัสดีค่ะ พี่นวล พี่รุ่ง พี่นก คุณ mukmik และ สมาชิกทุกๆท่าน ลินขออภัยด้วยนะคะ ลินเข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปเลยค่ะ
    ดีจังที่นี้มีฝึกสมาธิแบบมโนยินธิด้วยค่ะลินขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าเลยนะคะ พี่นวล
    ดีใจด้วยนะคะพี่นวล จะได้ขึ้นบ้านใหม่ แถมมีสระให้ พญานาคไปเล่นน้ำด้วย ทำพื้นสูงๆนะคะ น้ำจะได้ท่วมไม่ถึงค่ะ :cool:
    บทความต่างๆลินก็พยายามหามาลงให้อ่านค่ะ ท่านใดมีประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาค ก็มาบอกเล่ากันได้นะคะ สำหรับลินถ้าจะได้อะไรที่เกี่ยวกับพญานาค จะฝันให้ทราบก่อน เลยค่ะ อย่างตอนที่จะมอบองค์สีเหลืองให้พี่นวลก็ฝันเห็นเขามาบอกลาว่าจะไปอยู่ที่อื่นแล้วนะ แปลกดี หรือว่าลินคิดไปเองค่ะ หุๆๆ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  15. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    ตามลิงค์เข้าไปดูถ้ำ สุดยอดมากเลยค่ะ พี่นวล รูปปั้นบูชาแต่ละองค์ท่านก็งดงามมากๆค่ะ ถ้าพี่นวลได้ไปอย่าลืมถ่ายภาพมาให้ชมบ้างนะคะ :cool:
     
  16. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    ลินชอบรูปปั้นจำลององค์พญานาคที่ โรงแรมนี้จังเลยค่ะ งดงามเข้มขลัง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  18. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    พบปลาประหลาด!! โผล่กลางสระน้ำโบราณ ชาวโคราชกว่า 2 พันคนแตกตื่นแห่ดู


    เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ชาวบ้านกว่า 2,000 คน แตกตื่นแห่ดูปลาประหลาดความยาวประมาณ 1 เมตร ลำตัวมีสีลายดำ-ขาว-เขียว-เหลือง ที่อยู่ในสระน้ำสาธารณะบ้านหนองเสา หมู่ที่ 7 ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา โดยสระน้ำ
    นี้มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ชาวบ้านที่พบเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นปลาแต่ไม่รู้ว่าปลาอะไร แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นพญานาค สอบถามนายทวีทรัพย์ จอดนอก อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 7 ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ผู้ใหญ่บ้านหนองเสา เล่าว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเยาวชนในหมู่บ้านได้มาออกกำลังกายบริเวณลานกีฬาข้างสระน้ำดังกล่าวปรากฏว่าได้เหลือบไปเห็นปลาลักษณะประหลาด จะว่างูก็ไม่ใช่ ว่ายลอยอยู่เหนือน้ำจึงเรียกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมาดู ชาวบ้านที่พบเห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นพญานาค เพราะถ้าเป็นปลาก็ไม่รู้ว่าปลาอะไร ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
    นายทวีทรัพย์ เล่าต่อว่าสระน้ำนี้เป็นสระน้ำโบราณ ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เพราะเกิดมาก็เห็นแล้ว โดยในสมัยก่อนคนโบราณก่อนที่จะนำเสาไปสร้างบ้าน ก็จะนำมาแช่น้ำในสระนี้เอาไว้ก่อนเพื่อป้องกันมอดเจาะจึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านหนองเสา ก่อนหน้านี้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านข้างเคียงฝันว่าจะมีพญานาคมาอยู่ในสระน้ำ แต่ไม่รู้ว่าสระไหนจนมีคนมาพบเห็นปลาประหลาดดังกล่าวในสระนี้จึงเป็นที่เล่าลือกันไปทั่วใน อ.ประทาย และอำเภอใกล้เคียง ก่อนที่ตนจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเคยมาบนบานที่ศาลพ่อใหญ่ไฮว่า ถ้าได้เป็นผู้ใหญ่บ้านจะมาพัฒนาศาลและสระหนองเสาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
    นายทวีทรัพย์ กล่าวว่า พอตนได้รับตำแหน่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วตนก็สร้างศาลพ่อใหญ่ไฮให้ใหม่ และได้ทำการสูบน้ำออก เพื่อขุดลอกสระใหม่ แต่น้ำก็ไม่แห้ง ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่ามีตาน้ำอยู่ จึงได้ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ สระแทน หลังจากมีข่าวการพบพญานาคในสระแห่งนี้ทำให้มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศเดินทางมาดูจำนวนมาก ซึ่งทุกคนก็ไม่ผิดหวังเพราะทุก 10 – 15 นาที ปลาประหลาดหรือที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพญานาคนั้น ก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะๆ เสร็จแล้วก็จะมาไหว้ที่ศาลพ่อใหญ่ไฮที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของสระ
    ที่มา มติชนออนไลน์

    สรุปเป็นปลาชะโด 5555

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2012
  19. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    วันนี้ขอนอกเรื่องหน่อย แต่เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจดีค่ะ ลองอ่านกันดูนะคะ
    เทวดาประจำตัว เทพพรหม องค์ใน ญาณบารมี คนทรงเจ้า คนมีองค์ คืออะไรกันแน่?

    ยากนักที่จะได้เกิดเป็นคน คนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่เกิดได้ยากยิ่ง คนเราทุกคนจึงมีค่ามาก เราเกิดมาหลายชาติภพ บางภพไม่ใช่ภพมนุษย์ เช่น ภพนรก ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ บางภพเช่นภพสวรรค์ เห็นความสวยงามไม่ค่อยเห็นอนิจจัง จึงยากนักที่จะละคลายกิเลส บางชาติ เกิดเป็นสัตว์บำเพ็ญไม่ได้ บางชาติเป็นตาบอด อ่านหนังสือไม่ได้ บางชาติ ไม่มีศาสนาสอนมนุษย์ จึงไม่เข้าใจธรรม ดังนั้น ได้เกิดเป็นคนปกติ มีพระพุทธศาสนาจึงยากยิ่งแล้ว ดังนั้น ระบบการดูแลสามภพ จึงจัดให้คนนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทวดาบนสวรรค์ แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น สัตว์นรก ได้รับการลงโทษแทนการดูแล สัตว์เดรัจฉาน ได้รับการปล่อยไปตามยถากรรม ให้กินกันเอง ชดใช้กรรมกันเอง เพื่อบรรเทากรรมที่มีต่อกันให้เบาบางก่อนมาเกิดเป็นคน เมื่อได้มาเกิดเป็นคนแล้ว จึงจะมี “เทวดาประจำตัว” เพื่อคอยดูแล และเทวดาประจำตัวเหล่านี้ จะมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ (เพราะมนุษย์เกิดได้ยาก จึงมีจำนวนน้อย) เทวดาประจำตัวจึงต้องมีเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบำเพ็ญบุญบารมี โดยมีพระอินทร์ เป็นผู้จัดสรรที่สำคัญที่สุด ให้เทวดาในชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สอง) ซึ่งเป็นบริวารของท่านลงมาทำกิจ ในขณะที่ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งปกครองสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับพื้นโลก จะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องเทวดาประจำตัว เพราะท่านจะดูแลพื้นที่เขตต่างๆ ทั้งดินน้ำและอากาศของโลก ในรูปของการดูแลจัดการเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขาแทน ซึ่งเป็นการปกป้องคุ้มครองด้วยการอ้างอิงตามอาณาเขต ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล นับเป็นคนละกิจกัน เทวดาประจำตัว จะมาตั้งแต่ตอนจุติ เพราะต้องคอยระวังปกป้องไม่ให้เจ้ากรรมนายเวรรบกวนทำลาย จิตที่จุติฟักตัวในรูปตัวอ่อนในท้องแม่ เพราะง่ายต่อการตายมาก ถ้าเทวดาประจำตัวทำงานได้ดี การตายในท้อง แล้วจุติใหม่ซ้ำๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จวบจนกระทั่งถึงวาระสิ้นอายุขัย เทวดาประจำตัวก็จะออกไป เปิดโอกาสให้ยมทูตหรือเทวทูตมารับตัวแทน ซึ่งจะเป็นเทวดาอีกชุดหนึ่ง คนละชุดงานกัน ลงมาทำหน้าที่รับช่วงต่อนี้


    เมื่อคนเกิดมา พระอินทร์จะจัดเวรเทวดาชั้นดาวดึงส์มาดูแลเรา เช่น ที่เรียกว่า แม่ซื้อ ฯลฯ โดยนำเทวดาที่มีกรรมเกี่ยวข้องกับเรามาดูแลเรา จะไม่สะเปะสะปะสับสน ไม่สุ่มมั่วซั่ว เพราะการที่คนที่ไม่มีบุญกรรมต่อกัน มาสร้างบุญกรรมกันระหว่างชาติภพนี้ จะก่อให้เกิดกรรมใหม่ๆ ที่ต้องไปชดใช้กันยุ่งเหยิงมากขึ้น ส่งผลให้การบรรลุธรรมนั้น ต้องมีชาติภพยืดยาวออกไป เพราะต้องใช้ชดใช้เวรกรรมกันให้หมดนั่นเอง ดังนั้น เทวดาประจำตัวเราจึงมาจากคนที่เคยช่วยเหลือจุนเจือ มีบุญสัมพันธ์กับเรามาทั้งสิ้น ตามแต่วาระที่พระอินทร์จะจัดสรรลงมา ได้แก่ พ่อแม่ปูย่าตายายของเราที่ตายไปแล้วจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายนั่น เอง ทั้งนี้ โปรดเข้าใจว่าเทวดาชั้นยามา จะไม่มาทำกิจนี้มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะปฏิบัติธรรมภาวนากันมาก ไม่ค่อยยุ่งกันเรื่องทางโลกเหมือนเทวดาชั้นที่สอง ส่วนเทวดาชั้นที่สี่สูงขึ้นไป คือ ดุสิต ก็จะไม่มาทำกิจเล็กๆ น้อยๆ นัก การที่ลงมาดูแลคนเป็นคนๆ จึงไม่ควรเป็นกิจของพระโพธิสัตว์แห่งดุสิตสวรรค์ เพราะท่านจะรับกิจภาพกว้างมากกว่านั้น เอื้อต่อสรรพสัตว์จำนวนมาก คราวละมากๆ มากกว่านั้น ในขณะที่ชั้นสูงบกว่าดุสิตขึ้นไป จะไม่สนใจมาช่วยเหลือมนุษย์นัก
    ดังนั้น ทุกคนจึงมีเทวดาดูแลประจำอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่จะไม่เรียกว่ามี “องค์ใน” บุคคลที่จะถูกเรียกว่า “มีองค์” หรือมีเทพชั้นสูงๆ มาดูแล ก็ต่อเมื่อเขาถึงวาระแห่งการบำเพ็ญเพียรภาวนาแล้ว เบื้องบนก็จะส่งเทพพรหมที่มีฤทธิ์มาก แตกต่างกันลงมาคุ้มครองดูแล และทำกิจมากกว่าเทวดาประจำตัว เพราะมีอิทธิฤทธิ์ส่งผลต่อชีวิตของคนมีองค์ได้มาก และเทพพรหมเหล่านี้ จะมี “กิจเฉพาะ” ที่ได้รับจากเบื้องบนลงมากระทำต่อบุคคลนั้นๆ ดังนั้น จึงมีผลให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างมากนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม จู่ๆ วิถีชีวิตเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายระทันหันในระยะเวลาสั้นๆ และถูกทักว่า “มีองค์ใน”
    เทพพรหม ฯลฯ ที่ลงมาทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้คนนั้น มีกิจเฉพาะหลากหลายมาก ดังที่ได้เกริ่นมาว่าแต่ละองค์มีฤทธิ์และกิจเฉพาะที่รับมาจากเบื้องบนต่าง กันไป ในบรรดาเทพพรหมที่ลงมาทำกิจเหล่านี้ สามารถจำแนกได้ออกเป็นสามกลุ่ม คือ
    ๑) กลุ่มสมณเทพ
    คือ กลุ่มที่มีเทพสองประเภทลงคุ้มครองดูแลหรือทำกิจ ได้แก่ กลุ่มพระสมณะ (เทพที่มีลักษณะเป็นพระตัดกามไร้เพศบำเพ็ญภาวนาทางพุทธะ) และกลุ่มเทพพรหม หรือเทพที่มีฤทธิ์ต่างๆ แต่ไม่ได้ละเพศ ยังมีกามกิเลสตามปกติ กลุ่มคนที่จัดว่ามีองค์ในแบบ “สมณเทพ” นี้ จะถือว่ามีทั้งสองแบบ ดังนั้น จะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหม และผู้ใดมีองค์ในแบบสมณะดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย และมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน
    ๒) กลุ่มพระสมณะ
    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภทพระสงฆ์ ผู้ตัดกาม ละเพศ บำเพ็ญภาวนาจิตเพื่อพุทธะเพียงอย่างเดียวคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้ หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์ เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์ หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรม แต่ฝ่ายเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น องค์ในเป็นหลวงปู่ทวด
    ๓) กลุ่มเทพพรหม
    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภท มหาเทพฮินดู, พรหม, เทพจีน ฯลฯ ผู้ยังมีกาม มีเพศอยู่มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ แต่ปกติ จะไม่มีหน้าที่สอนธรรมะ ยกเว้นบางองค์ที่มีปางอวตารเป็นโพธิสัตว์ เช่น องค์ศิวะ, องค์อุมา (บางปางก็คือพระกวนอิม) เป็นต้น หากมีองค์ที่มีปางอวตารแบบนี้ จะมีการสอนธรรมได้ แต่หากไม่มีก็จะไม่สามารถสอนธรรมได้ จะบำเพ็ญเพียรช่วยเหลือคนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยในมูลนิธิต่างๆ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักได้รับการช่วยเหลือแบบพิเศษจากเทพพรหมก่อน แต่หากไม่ทำความดีเลย สุดท้าย เทพพรหมจะถูกเรียกกลับ แล้วปล่อยทิ้งให้ร่างนั้น ถูกเจ้ากรรมนายเวรและภูตผีต่ำช้าอื่นๆ รุมทึ้งเอาแทน ดังนั้น หลายท่านจึงมักบอกว่าอย่าไปรับขันธ์ อย่าเป็นร่างทรง ด้วยเหตุนี้ แท้แล้วการรับขันธ์ไม่ใช่การเป็นร่างทรง ส่วนบุคคลที่เป็นร่างทรงนั้น คือ “อาชีพ” อุปมาเหมือนพระ ที่ไม่มีอาชีพ แต่หากทำตัวเรียกเก็บเงินค่าช่วยเหลือผู้อื่น ก็กลายเป็นอาชีพไป คนที่รับขันธ์ ไม่ควรเป็นร่างทรง แต่ควรบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือคนไป โดยไม่สนใจเรื่องเงินและอาชีพ แล้วสุดท้ายจะดีเอง
    ๔) กลุ่มนอกรีต
    คือ กลุ่มสุดท้ายที่เข้ามาครอบงำจิตของคน หลังจากที่ร่างเปิดรับจิตวิญญาณอื่นแล้ว จะปิดได้ยาก หรือปิดเองไม่ได้ เมื่อหลงทะนงตนเย่อหยิ่ง มักจะถูกทอดทิ้งจากเทพพรหมองค์ก่อน เพราะพฤติกรรมที่ตกต่ำเป็นเหตุให้เทพชั้นสูงๆ ไม่สามารถมาช่วยได้ เมื่อท่าจากไป บรรดาเจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ก็มาเข้าร่างแทน ซึ่งยังผลให้ชีวิตพบกับความวิบัติหายนะในที่สุด เหล่านี้ รวมเรียกว่า “จิตวิญญาณนอกรีต” เพราะไม่ได้อยู่ในการดูแลบริหารจัดการของเบื้องบน แต่เกิดจากการ “ลักลอบ” หนีจากนรก แล้วมาสิงสู่อาศัยร่วมกับคนเท่านั้นเอง ซึ่งบางท่านถึงกับต้องกลายเป็นปอบ



     
  20. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,530
    ค่าพลัง:
    +19,462
    คำว่า “ญาณบารมี” ก็เกิดจากการสัมผัส คนมีองค์ต่างๆ นี่เอง เพื่อดูว่าแต่ละท่านมีองค์ใดช่วยอยู่ ในที่นี้ของให้เข้าใจว่า องค์เทพใหญ่ๆ จะไม่ลงมาทั้งองค์ แต่จะแบ่งส่วนบารมีท่านลงมา เรียกว่า “ญาณบารมี” ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงพบคนที่มีองค์เหมือนกันหลายคน เพราะเป็นการแบ่งญาณบารมีของเทพใหญ่ๆ มาช่วยคนพร้อมกันจำนวนมากๆ เท่านั้นเอง ในการบำเพ็ญให้จิตเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเหล่านี้ ให้ระลึกเสมอว่าเราคือท่าน ท่านคือเรา จึงจะราบเรียบ ไม่เกิดการยื้อดึงของร่าง การสั่นของร่าง อย่างที่เราเห็น “คนทรง” เป็นกัน คนที่บำเพ็ญถูกต้องแบบพราหมณ์ฮินดู คือ เข้าใจว่าเราเหมือนอาตมัน เทพเหมือนปรมาตมัน ก็จะหลอมรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ทำกิจได้เหมือนคนปกติ อย่างราบเรียบกลมกลืน ไม่กระตุก ไม่สั่น ไม่ใช่ร่างทรง และสามารถดึงความสามารถพิเศษที่องค์เทพนั้นๆ มีมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
    อนึ่ง พึงเข้าใจว่า เราและจิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้นคนละส่วนกัน แต่จิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้น มักพูดเสมอว่า เราคือท่าน และท่านคือเรา เพื่อให้เราหลอมรวมแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ท่าน และท่านจะทำกิจได้ง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ลังเล หรือยื้อกันไปมาระหว่างจิตสองดวง ดังนั้น หลักการบำเพ็ญของพราหมณ์ฮินดูจึงมักพูดถึงการหลอมรวมระหว่างอาตมัน และปรมาตมันด้วยเหตุนี้ เพื่อเปิดทางให้เทพเบื้องบนทำงานกับเราได้สะดวกนั่นเอง และเราก็จะดึงพลังของเทพที่ท่านมีอยู่ ที่เบื้องบนประทานมาให้นี้ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจการงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น แต่ทว่า ต้องไม่หลงตัวเอง ไม่หลงลืมไปว่า เราก็ส่วนหนึ่ง คือ อาตมัน และเทพก็ส่วนหนึ่ง คือ ปรมาตมัน (ปรมาตมัน หมายถึง เทพมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณไหนก็ตาม เพราะรับคำสั่งเดียวกันมาจากเบื้องบน แม้จะทำกิจต่างกัน รูปนามต่างกัน) ซึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มีอัตตา ตัวกูของกู มากแล้ว มักพบกับความวิบัติภายหลัง เพราะนิยมยึดถือว่าตนเองเป็นเทพยิ่งใหญ่มีฤทธิ์มากอยู่คนเดียว ผู้อื่นไม่ใช่ ผู้อื่นเป็นตัวปลอมผิดไปหมด (ทั้งๆ ที่เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน) สิ่งนี้ต้องระวังให้มาก เมื่อใดก็ตามหลอมรวมจิตคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต้องไม่ยึดเป็นอัตตา
    ญาณบารมี มากหรือน้อย เทพจะองค์ใหญ่องค์น้อยนั้นไม่สำคัญเท่ากับการบำเพ็ญของเรา ยกตัวอย่างเช่น พระนารายมาช่วยคนๆ หนึ่ง ท่านเป็นเทพใหญ่มาก แต่หากบำเพ็ญด้อยแล้ว ตัวเองก็จะแย่ ไปสู้กับคุณไสย ก็ถูกคุณไสยเข้าตัวเสียอย่างนั้น สุดท้ายไม่ได้เป็นผลดีเลย ในขณะที่คนอีกคนหนึ่ง มีองค์พิฆเนศ ซึ่งเป็นมหาเทพระดับลูกของพระมหาเทพทั้งสาม (นับว่าอิทธิฤทธิ์รองลงมา) แต่ผู้นั้นคิดสร้างสรรค์งานเพื่อพุทธศาสนา แล้วด้วยบารมีแห่งองค์เทพพิฆเนศ เป็นองค์เทพแห่งความสำเร็จ ท่านลองไตร่ตรองดูเถิดว่าคนประเภทที่สองที่ได้รับองค์พิฆเนศซึ่งรองจากมหา เทพทั้งสามนี้ อิทธิฤทธิ์แม้น้อยกว่าองค์นารายนี้ กลับได้บุญบารมีมากกว่า เพราะช่วยงานพุทธศาสนาจนสำเร็จ ในขณะที่คนแรก ไปต่อสู้กับมนต์ดำ จนตัวเองต้องถลำเข้าไปสู่วังวนการต่อสู้ทางจิต แทบไม่ได้บุญอะไรเลยในบางครั้ง เพราะเอาแต่ปะลองฤทธิ์กัน เช่นนี้ จึงกล่าวได้ว่า เทพองค์ใหญ่หรือเล็กนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราทำอะไร หากมีองค์เทพอยู่ด้วย ขอให้ดึงพลังของท่านมาใช้ ให้เกิดประโยชน์สุขให้มากที่สุด ไม่ใช่ใช้ไปนอกลู่นอกทาง ซึ่งยังผลให้บั้นปลายสุดท้าย ต้องรับกรรมอย่างหนักหนาสาหัส ไม่เป็นผลดีต่อตนเองเลย
    การดึงญาณบารมีลงมาประทับ และการดึงญาณบารมีกลับ ในบางครั้ง จำเป็นต้องทำ เพื่อปรับให้การบำเพ็ญสมดุลไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น บางท่านมีญาณบารมีแบบสมณเทพ คือ มีทั้งพระสมณะและเทพพรหม หากมีเทพพรหมมากช่วงไหน ก็บำเพ็ญบารมีมาก หากมีพระมากช่วงไหนก็ปฏิบัติจิตมาก บางครั้ง จำต้องปรับญาณบารมีให้ตัวเอง เช่น การไปวัด ทำบุญ สัมผัสพระธาตุ ไหว้พระธาตุ เหล่านี้ทำให้ญาณบารมีฝ่ายสมณะเพิ่มขึ้น (หากต้องการ) หรือ การไปทำพิธีพราหมณ์ ไหว้องค์เทพ ทำให้ญาณบารมีองค์เทพมากขึ้น (หากต้องการ) บางท่านมีพลังจิตพิเศษสามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ และอัญเชิญญาณบารมีองค์เทพต่างๆ ลงมาประทับคุ้มครองผู้คนได้ และบางท่านก็สามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพกลับได้ หากพบว่ามากเกินไป หลงเกินไป หรือเดินทางผิดพลาด ก็สามารถดึงญาณบารมีเก็บกลับได้เช่นกัน ซึ่งบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้แท้จริง มีจำนวนน้อย และมักถูกมองหาว่าบ้า เพราะทำหน้าที่ในกิจที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ที่เรียกว่า “อนุตรธรรม” ซึ่งจะมีเรื่องของการเปิดจิตญาณต่างๆ นั่นเอง

    ทุก ๆ คนจะมีเทวดาประจำตัวด้วยกันทุกคน ( ไม่ใช่องค์หรือองค์ใน )โดยปกติแล้วเมื่อเราเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีทาน มีศีล มีสมาธิและ มีธรรม เมื่อตายจากการเป็นมนุษย์ในชาตินี้ไปแล้ว ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ จะไปอยู่ชั้นไหนนั้นก็อยู่ที่ว่าบุญบารมีที่สร้างตอนเป็นมนุษย์มีมากเท่าไร และไปสมพงศ์กับพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์คู่ไหนด้วยเทวดาก็มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลง มีกิเลส มีตัญหา มีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับมนุษย์เหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่มีรูปร่าง มีกายเนื้อหรือมีตัวตนเหมือนกับเราเท่านั้นเอง เขามีแต่กายทิพย์ และ ทุกอย่างก็เป็นทิพย์ไปทั้งหมด อยากได้อะไรก็นึกคิดเอา ก็จะได้อย่างที่คิดสมปรารถนา


    ทุกประการ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าจะมีแต่ความสุข ความเกษมสำราญแต่เพียงอย่างเดียว เทวดาจะทุกข์ก็ตอนที่บุญจะหมดและพอ บุญหมดแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ พอรู้ว่าไปเกิดใหม่แล้วจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็จะทุกข์หนัก การมาเกิดเป็นมนุษย์ของเทวดานั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ทำผิดกฎของสวรรค์ หมดบุญ สุดท้ายนี้พิเศษหน่อยไม่หมดบุญและก็ไม่ได้ทำผิดกฎสวรรค์ แต่มาเกิดเพราะมาทำหน้าที่ๆได้รับจากเบื้องบน แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คนเหล่านี้ จะมีอะไรพิเศษกว่ามนุษย์โดยทั่วไป พวกนี้พอเกิดมาแล้วจะหลงตัวเอง ว่าตัว เองเก่ง ตัวเองเลิศ ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีสัมผัสที่หก เข้าถึงสิ่งเร้นลับได้ ทีนี้ไม่ว่าเราจะหมดบุญทำ ผิดกฎสวรรค์ หรือถูกส่งมาทำหน้าที่ก็ตาม เราจะมาเกิดกับพ่อแม่คู่ใหม่ยังโลกมนุษย์พ่อ แม่ พี่ น้อง ของเราบนสวรรค์องค์ใดองค์หนึ่ง ก็จะลงมาพร้อมกับดวงจิตของเรา เพื่อที่จะคอยดูแลช่วยเหลือเราและป้องกันมิให้มารพาเราไปทำชั่ว เดี๋ยวจะกลับสวรรค์ไม่ได้ ถ้าหากเราเกิดมาแล้วทำแต่ความไม่ดี จิตที่เป็นอกุศลของเราส่งผล ทำให้มารมี พลังมากกว่าเทวดาประจำตัวของเรา ท่านก็จะเข้าใกล้และช่วยเหลืออะไรเราได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าจิตที่เป็นกุศลของเราส่งผลเทวดาประจำตัวของเราก็จะมีพลังมากมารก็เข้า ใกล้ตัวเราไม่ได้เมื่อเข้าใกล้ตัวของเราไม่ได้ มารก็จะขวางและทำอะไรเราไม่ได้เช่นกัน ที่นี้เราทำอะไรก็สำเร็จไปทุกอย่าง เรารู้แล้วหรือยังว่าเทวดาประจำตัวของเราคือใคร? มีพระนามว่าอะไร? เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร? ภูมิชั้นต่างๆ ของเทพเทวดานับจากมนุษย์ขึ้นไปจะเป็นเทพเทวดา๖

     

แชร์หน้านี้

Loading...