นิทานเซ็น..อ่านเล่นก่อนนอน..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ..กลับตัวกลับใจ.., 26 พฤษภาคม 2009.

  1. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    เณรน้อยรูปหนึ่ง เมื่อใกล้จะถึงเวลาที่จะบวชเป็นพระ:eek:
    จึงเดินทางไปหาพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ขณะเมื่อเห็นพระอาจารย์นั้น<O:p</O:p
    ครั้งแรก ก็เห็นพระอาจารย์นั้นนอนพักผ่อนอยู่<O:p</O:p
    <O:p
    พระอาจารย์เห็นเข้าจึงถามว่า “เจ้ามาจากที่ใด?”<O:p</O:p
    มาจากสถานที่ปฏิบัติธรรม “รูปมงคล”<O:p</O:p
    แล้วเจ้าเคยเห็นรูปมงคลหรือเปล่า? พระอาจารย์ถาม<O:p</O:p
    “ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นรูปมงคลใดๆ เห็นแต่เพียงท่านยูไลที่นอนอยู่”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ได้ยินเณรนั้นตอบ พระอาจารย์รู้สึกแปลกใจมาก ถึงกับลุกขึ้นมา<O:p</O:p
    แล้วถามว่า “เจ้ามีอาจารย์สอนอยู่แล้วหรือเปล่า?”<O:p</O:p
    “มี” เณรตอบ<O:p</O:p
    “เป็นผู้ใด?” <O:p</O:p
    เณรนั้นไม่ตอบ แต่แสดงความคารวะแล้วพูดว่า<O:p</O:p
    “อากาศหนาวเย็น หวังว่าท่านอาจารย์จะระวังรักษาสุขภาพ”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เณรถามต่อว่า “อะไรคือมรรค?”<O:p</O:p
    “จิตที่ปกติคือมรรค” พระอาจารย์ตอบ<O:p</O:p

    “มีวิธีการใดที่จะทำให้บรรลุถึงขั้นนั้นหรือเปล่า?”<O:p</O:p
    “เมื่อเกิดความคิดที่ว่า “จะบรรลุให้ถึง” ก็เกิดมีการเอนเอียงไปข้างหนึ่งแล้ว” <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    “หากปิดกั้นความคิดที่จะเกิดทุกทางแล้ว แล้วเราจะเห็นหนทางได้อย่างไร?” เณรถาม<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระอาจารย์ตอบว่า “หนทางนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่ารู้หรือไม่รู้ รู้คือความคิดแบบคาดการ<O:p</O:p

    ไม่รู้คือความตายด้าน หากเจ้าสามารถที่จะปฏิบัติจนถึงขั้นที่ปราศจากความสงสัยใดๆ ก็เหมือนกับจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล ไร้ขอบเขต ไร้ประมาณ<O:p</O:p
    ทำไมจะต้องถูกผัสสะทั้งหลายมาเป็นบ่วงรัดไว้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เณรนั้นเมื่อได้ฟังคำกล่าวของอาจารย์ ก็ตั้งใจว่าจะบวชอยู่กับพระอาจารย์ท่านนี้ <O:p</O:p
    fishh_
     
  2. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...น้ำชาล้นถ้วย ..

    ครั้งหนึ่งในรัชสมัยราชวงศ์เมจิ ท่าอาจารย์นานอิน แห่งนิกายเซน ได้ต้อนรับอาจารย์ มหาวิทยาลัยผู้มีชื่อเสียงปราดเปรื่องคนหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาเพื่อถามปัญหาเกี่ยวกับเซน<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p> </O:p>
    ท่านอาจารย์นานอินได้จัดการรินน้ำชา เพื่อเลี้ยงอาคันตุกะ ผู้มีเกียรตินั้นด้วยตนเอง ท่านรินนาชาลงถ้วยจนเต็มล้น แต่ยังไม่ยอมหยุด จนอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งเฝ้ามองดูอยู่ด้วยความแปลกใจทนอยู่ไม่ได้ จึงท้วงขึ้นว่า "ล้นแล้วท่านอาจารย์ ถ้วยเล็กเท่านี้จะใส่น้ำชาให้มากกว่านี้ได้อย่างไร"<O:p> </O:p>
    ท่านอาจารย์กลับตอบว่า "ท่านเองก็เหมือนถ้วยนี้แหละ ในเมื่อสมองของท่านเต็มไปด้วยความคิดและทฤษฎีออกอย่างนี้ ข้าพเจ้าจะอธิบายเรื่องเซนให้เข้าใจได้อย่างไร ทำถ้วยของท่านให้ว่างเสียก่อนซิ"<O:p> </O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>fishh_</O:p>
     
  3. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ทุกๆเช้าภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้านจากหน้าต่างชั้นบนบ้านและวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง

    “เพื่อนบ้านเรานี่ ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร?”

    สามีก็ตอบว่า “อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน”

    แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้า จากหน้าต่างข้างบนบ้าน และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า “เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว...”

    ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามี ด้วยความแปลกประหลาดใจ

    “ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาดอยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไรหรือทำอย่างไร...”

    สามีหัวเราะและกล่าวว่า... “นี่ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้านี้ฉันตื่นแต่เช้ามืด และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด ก่อนหน้านี้กระจกมันสกปรก เธอมองออกไปก็เห็นแต่ความสกปรก...”

    ..จบ..
     
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ในหมู่ผู้ฝึกวิทยายุทธ
    "ทางขึ้นเขามีหลายทาง ทางสะดวก ทางลำบากแล้วแต่ใครจะชอบทางไหน
    ปลายทางก็ยอดเขาเดียวกัน(ถ้าไม่ล่วงเสียก่อน)"
    เมื่อบรรลุวิชาสูงสุด มวยใดๆล้วนเป็นมวยหนึ่งเดียวกัน5 5 5
     
  5. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...ธรรมอยู่ที่ไหนย่อมเป็นธรรม..

    ...ไม่แปรไปอย่างอื่นหรอกท่านจอมยุทธ์..555


    [​IMG]
     
  6. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ณ วัดแห่งหนึ่ง หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
    จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ลูกศิษย์ตอบกลับมา ว่า "ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอ พระ
    แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อ ผมเลย ฮือ ฮือ"
    หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ ว่า เจ้ารู้ไหมในตัวเรามีคนอยู่สามคน
    คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น
    คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
    คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ
    ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา
    คนเราล้วน มีความฝัน ความทะเยอทะยานอยาก ตาม ประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
    บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดินถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง หัวใจ "

    มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศจนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ
    แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์จนไม่อยากจะนึกถึง
    ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้

    อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถก็ต้องขับรถหนี
    ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร "
    คนที่ชอบนินทานั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม

    เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับ เราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา
    เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์
    ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล "



    แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคน เหล่านั้นเรื่อยๆ "

    ลูกศิษย์ หยุดร้องไห้แล้ว เริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

    เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่า ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้
    เราห้ามใจ ใครไม่ได้

    สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา..เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงใจเราควรสงบนิ่ง

    ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่
    เขาเหล่านั้น เป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม "


    pig_cryy2pig_cryy2
     
  7. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    มีเรื่องที่เล่าถึงชาวไร่ผู้หนึ่ง วันหนึ่งขณะเดินเล่นที่ตีนเขาได้พบกับไข่ของนกอินทรีทองใบหนึ่งที่ตกลงมาแต่ยังไม่แตก
    เขาก็เลยเก็บมันกลับไปที่ไร่ให้แม่ไก่ที่กำลังกกไข่ของมันอยู่ลองฟักดู
    ในไม่ช้าแม่ไก่ก็ฟักลูกนกอินทรีทองออกมาจากไข่พร้อม ๆ กับลูกของมัน ทั้งหมดจึงเติบโตมาด้วยกัน ลูกนกอินทรีทองจะร้องเช่นเสียงร้องของลูกไก่ตัวอื่น ๆ ที่เดินตามแม่ของมัน และจะหัดคุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหารหาแมลงไส้เดือนไปตามเรื่องของไก่
    พอโตขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่งลูกนกอินทรีก็ขยับปีกได้เช่นไก่กระทงทั้งหลายที่พยายามหัดบิน

    และมันก็เหมือนพี่น้องของมันที่สามารถบินได้เพียงช่วงสั้น ๆ และต่ำเรี่ยดิน
    หลายปีต่อมา วันหนึ่งขณะที่ลูกนกอินทรีทองเติบใหญ่แล้วกำลังเดินคุ้ยเขี่ยดินหาอาหารกินอยู่นั้น

    ได้มองขึ้นไปแลเห็นนกตัวใหญ่ที่สง่างามกางปีกบินร่อนถลาลมอยู่บนท้องฟ้าอย่างไม่กลัวเกรงต่อกระแสลมแรง ปีกสีทองที่กางอ้าสะท้อนแสงตะวันเห็นเป็นประกายเจิดจ้าอย่างน่าประทับใจเป็นที่ยิ่ง

    "แม่เจ้าโวย.. ช่างสง่างามอะไรยิ่งนัก ใครรู้บ้างว่านั่นเป็นสิ่งใด ? " ลูกนกตะโกนถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
    "นั่นคือ เจ้าแห่งฟากฟ้า พญาอินทรีทอง" ไก่หนุ่มตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ร้องตอบขึ้น
    "พญานกอินทรีย่อมอยู่แต่บนฟ้า...ส่วนเราที่เป็นเพียงไก่กระจอก ๆ มีสิทธิเพียงเดินดิน อย่าได้คิดโบยบินเหินหาวห้วงเวหา"

    ลูกนกอินทรีทองจึงกลายเป็นไก่ นาน ๆ เข้าก็แก่ตัวลงไปอย่างไก่ และสุดท้ายก็ตายไปอย่างไก่ เพราะตัวมันเองเท่านั้นที่คิดอย่างเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นไก่

    pig_cryy2
     
  8. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ก็คงเหมือนเรื่องวรรณะในประเทศอินเดียนะ พราหม แพศ สูทร จันฑาล

    ต้องเจริญปัญญาอย่างเดียวเลยอ๊า
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เอกวีร์*, ..กลับตัวกลับใจ.., คีตเสวี </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ง่ะ ต้องเจริญสมถะ และวิปัสสนา ทั้งสองด้วยปัญญาอันยิ่งขอรับนายท่าน

    ฮัดช่า นาร๊ายณ์ นารายณ์

    [​IMG]
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    fishh_
    fishh_
    ..จบ..<!-- google_ad_section_end -->
    [​IMG]


    pig_cryy2pig_cryy2

    pig_cryy2<!-- google_ad_section_end -->

    ดูดิ เค้า(ตัวเราเองนะ) สนใจแต่ไอ้นี่อะ ให้เราอ่านอยู่คนเดียว ไม่สนใจกะเราบ้างเลย

    pig_cryy2
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล ไร้ขอบเขต ไม่มีประมาณ

    ทำไมต้องถูกจำกัดด้วยผัสสะ บ่วงรัดแห่งอวิชชา...หุๆๆๆๆ
     
  13. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ชายสองคนกำลังยืนถกเถียงกันในเรื่องการสะบัดไหวของผืนธงท่ามกลางกระแสลม
    “เป็นลมต่างหาก ที่เคลื่อนไหว” ชายคนหนึ่งกล่าว
    “ไม่ใช่หรอก เป็นผืนธงต่างหาก ที่เคลื่อนไหว”
    อาจารย์เซ็นท่านหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินผ่านชายที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้นไปพอดี เมื่อได้ยินเรื่องที่ชายทั้งสองกำลังถกเถียงกันอยู่ก็ขัดขึ้นว่า
    “ไม่ใช่ทั้ง ลม และ ทั้ง ผืนธง หรอก ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ “ ท่านอาจารย์พูด

    “อันที่จริง เป็น จิต ของท่านต่างหากล่ะ ที่เคลื่อนไหว”

    -cool day-
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    กลับตัว แปลงร่างเป็น อีสบไปสะแหละ
     
  15. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    อูเมชุ ซิบิ เป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งแห่งเมืองเอโด ทราบว่าท่านอาจารย์เซอิเซตสุ มีความประสงค์จะขยายศาลาโรงธรรม เพราะที่มีอยู่เดิมคับแคบไม่พอกับผู้ที่มาฟังธรรม อูเมชุ ซิบิ จึงตกลงใจที่จะเป็นผู้บริจาคปัจจัย เพื่อเป็นค่าก่อสร้างเสียเอง เป็นจำนวนเงินถึง 500 เหรียญทอง

    ซึ่งในสมัยนั้นนับว่ามากที่สุดแล้ว เพราะว่าเงินเพียง 3 เหรียญทอง ก็สามารถใช้สอยอยู่กินได้ตลอดปีแล้ว ท่านพ่อค้าได้หิ้วถุงเงินเข้าไปหาท่านอาจารย์ แล้วน้อมถวายบอกความประสงค์ให้ทราบ ท่านอาจารย์ ก็กล่าวแต่เพียงว่า
    "ดีแล้ว อาตมาจะรับไว้" แล้วก็นั่งนิ่งเงียบ

    อูเมชุ ซิบิ นั่งรอ ด้วยหวังว่าท่านอาจารย์คงจะกล่าวอนุโมทนาและอวยพรให้ตนโชคดีทำมาค้าขึ้นต่อๆ ไป แต่เห็นท่านอาจารย์ก็ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงนั่งกระสับกระส่ายฟุ้งซ่านต่างๆ นานา

    แหมเงินตั้ง 500 เหรียญทองเชียวนะ ท่านอาจารย์ไม่เห็นกล่าวอนุโมทนาเลยสักนิด คิดแล้วก็ทำใจกล้ากราบเรียนว่า
    "หลวงพ่อครับ เงินในถุงใส่ไว้ครบ 500 เหรียญเลยครับ"
    "เมื่อตะกี้ เธอบอกแล้วไม่ใช่เรอะ ?" หลวงพ่อตอบ
    ท่านพ่อค้ายิ่งตีสีหน้าไม่ถูก นั่งนิ่งกันไปอีกพักใหญ่ ท่านพ่อค้าก็เลยตัดสินใจอีกครั้ง กล่าวเลียบเคียงให้หลวงพ่อโมทนาให้พร
    "หลวงพ่อครับ เงินจำนวน 500 เหรียญทองนี่ แม้ผมจะค้าขายใหญ่โต ก็ยังรู้สึกว่ามันมากอยู่นะครับ"
    "เธออยากให้ฉันขอบใจเธอใช่หรือเปล่าล่ะ ?" หลวงพ่อเดาใจ
    "ครับ นิดหนึ่งก็ยังดีครับ" พ่อค้าตอบอย่างดีใจ

    "ทำไมต้องให้ฉันขอบใจด้วยล่ะ ผู้ใดเป็นผู้ให้ทาน ผู้นั้นต่างหากที่ควรจะขอบใจ"

    ท่านอาจารย์เซอิเสตสุตอบ แล้วนิ่งเงียบอืก

    ..จบ..:boo:
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
  17. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    พระอาจารย์เซ็นชื่อฮะกูอิน ได้รับยกย่องจากชาวบ้านว่าเป็นผู้ดำรงชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ณ ที่ใกล้วัดของท่าน มีร้านขายของชำอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านมีลูกสาวสวยอยู่คนหนึ่ง จู่ๆ พ่อแม่ของหญิงสาวได้พบว่า ลูกสาวของตนได้ตั้งท้องขึ้นได้ไม่รู้เบาะแสมาก่อน
    เหตุการณ์นี้ทำให้เขาทั้งสองโกรธมาก จึงพยายามเค้นเอาความจริง ลูกสาวก็ใจเด็ดไม่ยอมปริปากบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่ในที่สุด เมื่อถูกบังคับขู่เข็ญหนักเข้าจึงหลุดปากออกมาว่า พ่อของเด็กคือท่านอาจารย์ฮะกูอิน
    สองตายายจึงวิ่งแจ้นไปด่าว่าอาจารย์ฮะกูอินด้วยความโกรธจัด ท่านอาจารย์ย้อนถามว่า "ยังงั้นรึ"
    เมื่อเด็กเกิดมาแล้ว พ่อแม่ของหญิงสาวได้นำแกไปให้อาจารย์ฮะกูอินเลี้ยง มาถึงตอนนี้ชื่อเสียงของท่านได้เสื่อมไปหมดแล้ว แต่ท่านก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร เอาใจใส่เลี้ยงดูเด็กอย่างดี โดยซื้อนมและอาหารที่จำเป็นสำหรับเจ้าหนูน้อยจากชาวบ้านข้างเคียง
    หนึ่งปีให้หลัง แม่ของเด็กสุดที่จะทนดูเหตุการณ์ต่อไปได้ จึงสารภาพความจริงกับพ่อแม่ว่า พ่อที่แท้จริงของเด็กนั้นคือเจ้าหนุ่มที่ตลาดขายปลา หาใช่ท่านอาจารย์ฮะกูอินไม่
    สองตายายได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปหาท่านอาจารย์ฮะกูอิน ขอโทษขอโพยในความผิดของตนอย่างยืดยาวและขอรับเด็กกลับ
    ท่านอาจารย์ฮะกูอินย้อนถามเช่นเดิมว่า
    "ยังงั้นรึ"
    แล้วนำเด็กมามอบให้

    :z8
     
  18. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ในสมัยพุทธกาล มีพระสาวกองค์หนึ่งชื่อ ตุจโฉโปฏฐิละ เป็นผู้คงแก่เรียน แตกฉานในคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อท่านอธิบายธรรม ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือเถียงท่าน เป็นที่นับหน้าถือตาโดยทั่วไปวันหนึ่ง ท่านไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า ขณะก้มลงกราบ พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า
    "มาแล้วหรือ พระใบลานเปล่า"
    เมื่อท่านเสร็จกิจทูลลากลับ พระพุทธองค์ก็ตรัสอีกว่า
    "กลับแล้วหรือ พระใบลานเปล่า"
    ท่านตุจโฉโปฎฐิละสงสัยว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงตรัสเช่นนั้น เมื่อพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าจริง ท่านเป็นพระเรียนอย่างเดียว ไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลย เมื่อมองดูจิตใจของตน ก็ไม่ต่างจากฆราวาสเลย ฆราวาสยินดีอะไรอยากได้อะไร ตนก็เป็นเช่นนั้น ความเป็นสมณะไม่มีเลย ท่านจึงสนใจจะปฏิบัติบ้าง เมื่อไปหาอาจารย์ตามที่ต่างๆ ก็ไม่มีใครกล้ารับ เพราะเห็นว่าท่านร่ำเรียนมามาก ไม่มีใครกล้าสอน ในที่สุดท่านได้ไปขอปฏิบัติกับสามเณรน้อยซึ่งเป็นอริยบุคคล เณรจึงขอทดลองดูก่อน โดยสั่งให้ท่านห่มผ้าให้เรียบร้อย แล้วสั่งให้วิ่งลงไปลุยในหนองที่เป็นโคลนตม เมื่อเณรเห็นว่าท่านละทิฐิได้แล้ว จึงสอนวิธีกำหนดอารมณ์จับอารมณ์ให้รู้จักจิตของตน โดยยกอุบายขึ้นว่า
    "เหี้ยตัวหนึ่งเข้าไปอยู่ในโพลงจอมปลวกซึ่งมีรูอยู่หกรู ถ้าเหี้ยเข้าไปในนั้น ทำอย่างไรจึงจะจับเหี้ยได้?" เณรแนะอีกว่า

    "จะจับเหี้ย ก็ต้องหาอะไรมาปิดรูไว้ก่อนห้ารู เหลือเพียงรูเดียวให้เหี้ยออก แล้วคอยจ้องมองดูที่รูนั้น เมื่อเหี้ยวิ่งออกมาเมื่อไร ก็คอยจับเอาเท่านั้น"

    การกำหนดจิตก็เหมือนกับการจับเหี้ย ต้องปิดทวารทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เสียก่อน คงเหลือกำหนดแต่จิตหรือใจเพียงอย่างเดียว แล้วใช้สติเป็นตัวคอยควบคุม

    ท่านคิดจะจับเหี้ยหรือยัง ?


    :z8
     
  19. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    มีนักบวชผู้หนึ่งฝึกวิชานับ10ปี จนเดินบนผิวน้ำได้
    ดีใจใหญ่เลย รีบเดินทางไปบอกอาจารย์
    อาจารย์บอกเจ้าโง่ ฝึกถึง10ปี ทำได้เพียงชาวประมงพายเรือ..
    ลูกศิษย์จ๋อยเลย..
     
  20. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวแก่ท่านโจชีว่า “ ผมเพิ่งเข้าสู่พระพุทธศาสนา โปรดให้คำแนะนำแก่ผมด้วย ”
    ท่านโจชีถามขึ้นว่า “ เธอกินข้าวต้มของเธอแล้วหรือยัง ”
    ภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ ผมกินแล้วครับ ”
    ท่านโจชีกล่าวว่า “ ถ้างั้นไปล้างชาม ”

    fishh_
     

แชร์หน้านี้

Loading...