ธรรมะข้อไหนจะช่วยพี่ชายคนโตหนูได้บ้างคะ?การเช่า(ขาย)พระเครื่องบาปไหมคะ??

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 1 มิถุนายน 2009.

  1. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ;welcome3 ท่านผู้รู้ทุกๆท่าน สมัยเด็ก พี่ชาย อาเจ็ก อาม่า บ้าพระเครื่องมาก และชอบเอามาอวดกัน ที่วัดไหนออกมารุ่นไหน เป็นต้องสั่งจองตอนเด็กๆ หนูเห็นว่า พระออกจากวัดราคาไม่เท่าไหร แต่ พอผ่านไป ราคาจะแพง หนูก็คิดวางแผนในใจ บูชาพระ ไว้ โดยการแนะนำของอาเจ็ก และพี่ชาย(เก็งกำไร)โดยเฉพาะพี่ชาย ชอบยุให้คนนั้น คนนี้ รวมถึงหนู บูชาพระ
    ปัจจุบัน พี่ชาย คนโต เหมือนคนบ้าเลยคะ เค้าจะเหมือนตู้พระเครื่องที่ห้อยทั้งพระ ประมาณ30องค์ขึ้น ตะกรุด ผ้ายันต์ จนกระเป๋าตุง พุงก็คาด หนูไม่เข้าใจเลย ทั้งๆที่พี่ชายก็สวดมนต์นั่งสมาธิ(แต่ไม่รู้ว่าหลับหรือเปล่านะ แปลกจัง ทำไม พี่ชาย น้องชาย ชอบบ่นว่านั่งสมาธิแล้วหลับ หนูไม่เคยหลับเลยเพราะการนั่งสมาธิ จิตมันต้องตาม มันต้องรู้ตัว)พี่ชาย ก็แนะให้พี่รอง และพี่3 เปิดร้านเช่าพระ พี่ชายทั้ง2ก็ทำ เงินดี พี่2 เหมือนจะบ้าพระตาม แต่น้อยกว่าเพราะห้อยแค่1องค์ แต่ให้ลูกห้อยด้วย ป1 แต่ห้อยพระองค์โต เหมือนบ้าเลย หนูพยายามที่จะพูดธรรมะกับพี่ชายคนโต เพราะรู้ว่าคนรอบข้างมองว่า บ้า แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง พี่ชายยังคงห้อยพระเต็ม(3เส้น ห้อยมาด้านหน้า1ด้านหลัง1 สร้อยใช้เชือก จึงทำให้ ใส่พระได้มากกว่า 10องค์)กระเป๋าเสื้อก็จะใส่ผ้ายันต์จนตุง กางเกงก็คาดตะกรุด นอกจากนั้นยังหวงพระตัวเอง แต่ชอบ เอาพระคนอื่น
    อยากเรียนถามผู้รู้ว่า 1.การเช่า(ขาย)พระ บาปไหมค่ะ? หนูเองก็มีพระเครื่องเยอะ หนูก็ให้คนตามสมควร แต่ก็ยังเหลือ ถ้าวันหนึ่ง มีเหตจำเป็นต้องใช้เงิน(เช่นสอบติดแพทย์ )แล้วจะเอาพระ ที่มีมาให้คนบูชา จะบาปไหม หนูมีพระสมเด็จ ที่พี่3 มาขอซื้อ เพิ่มเงินให้ทุกวัน(พระองค์นี้ให้ไม่ได้ เพราะก่อนได้มา สวดชินบัญชร ขอมาตลอดจนเลิกขอ) วันหนึ่งพี่ก็มาขอเช่า ยัง งง มาได้ไง เลยไม่ให้เช่า แต่พอดีมีเพื่อนคน เจ้ากรรมนายเวรตามหลอกจนเค้าไม่ได้นอน หนูเลยแนะให้สวดชินบัญชร วันหนึ่งเค้าโทรมาขอยืมพระสมเด็จ ไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ไง หนูก็ให้ยืมไป ทุกวันนี้ ดีขึ้นมาก นอนได้แล้ว (แต่ยังไม่ยอมคืนพระเลย)
    2.มีธรรมะข้อไหน ที่ควรจะไปพูดกับพี่ชายคนโต ทางสายกลาง ของพระพุทธเจ้าก็พูด(เหมือนเดิม)หนูจนปัญญาแล้วคะ อยากขอให้ ผู้รู้ทุกท่าน ช่วยบอกหน่อย หนูควรจะพูดธรรมข้อไหนดี???นิสัยพี่ชายคนโตนะคะ ทำบุญ ได้ อะไรที่เค้าคิดว่า ทำแล้วได้บุญ พี่ชายจะทำ แต่กับแม่ หนู น้องชาย ขี้เหนียวมาก หนูเคยพูดถึงธรรม ว่าด้วยความกตัณญู เพื่อให้พี่ชายดูแลแม่บ้างเช่น ซื้อของกินให้ตัวเองกินคนเดียว ซื้อให้แม่บ้าง ผลคือ พี่ชาย ชอบกินของหวาน ก็เอาของหวานให้แม่กิน หนูเห็นก็รีบทักว่า "แม่เป็นเบาหวานนะ ทำไมให้กินละ " "อ้าวก็บอกว่ามีไรก็ให้แม่ด้วยไง" "หนูหมายถึงจะกินอะไร ให้คิดถึงแม่ แม่ไปซื้อไปได้ เฮียไป เห็นไรน่ากิน แล้วแม่ก็กินได้ด้วย ซื้อมาฝาก" พี่ชายก็เงียบ หนูปวดหัวมากเลย ทำไมถึง ได้ งกกับแม่ พอหนูบอกไปแบบนั้น เวลาพี่ชายจะไปซื้อของกิน ก็มาแบบมือขอเงินแม่(ที่ป่วยไม่มีรายได้ ก็มีแต่ดอกเบื้อในนาคารเบิกมาใช้ เดือนไม่เท่าไหร พอเงินหมด ก็จะเห็นแม่ นั่งเศร้าไม่มีเงินใช้)หนูรู้สึกผิดมากเลย ตอนนี้ก็เลยบอกแม่ว่าอยากได้ไรบอก หนูจะซื้อให้ก็ไม่เอาเงินแม่นะ ทำแบบนี้เพื่อให้พี่ชาย อยากทำ แต่เหมือนเดิม พี่ชายก็สบายซื้อของกินคนเดียว เช่าพระทุกวันโดยการซื้อหนังสือ มานั่งเขียนจดหมาย ไปวัดนั้น วัดนี้บูชาพระ เป็นงานแล้ว (ทีแบบนี้ไม่เสียดาย ทีให้ซื้อของให้แม่ ไม่ทำ)
    สรุปคือ พี่ชายใช้เงินไปกับตัวเอง ซื้อของหวาน เช่าพระ ที่หมดเยอะคือซื้อลอตเตอรี่ หนูเคยแนะให้ทำงานอายุ30แล้ว ไม่ยอมทำงานเลย (เงินที่ใช้ มาจากการดูแลสมุดบัญชีให้แม่ ก็อย่างที่รู้แม่ไปไหนไม่ได้ ตัดขาแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้านเลยให้พี่ชายคนโตดูแล) ทั้งๆที่พี่ชายคนโต แนะหนูให้นั่งสมาธิ ถ้าอยากเรียนเก่ง หรือแม้แต่ การสวดมนต์แผ่เมตตา หนูคิดว่าจะปล่อยแล้วนะ แต่ยังไงซะเพราะพี่ชายคนโตทำให้หนูได้เดินมาในทางธรรมก็เปรียบเป็น อาจารย์คนแรก หนูจะช่วยให้ถึงที่สุด เพราะเคยเห็นพี่ชายคนโต เป็นดวงวิญญาณ ที่ไปไหนไม่ได้ ต้องรอพระมาโปรด เพราะใจ อยากได้รับคำแนะนำว่า ควรจะช่วยพี่ชายคนโต ยังไงดี ;k07
    ขอบพระคุณมากนะคะ ;aa59
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  2. bortong

    bortong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +24
    baub maak toek narook
     
  3. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    ผมคิดว่าพี่คุณนะมีวาสนาทางธรรมอยู่พอสมควรนะครับ น่าดีใจอยู่ แต่ควรให้เขาระลึกว่า การสร้างพระเครื่องแต่เดิมที่นั้นเป็นการสร้างเพื่อเป็นกุศโลบาย เป็นพุทธานุสติ
    ต่อมาด้วยกิเลศของคนเรานั่นแหละ พระท่านเลยกลายเป็นสิ่งของ เป็นสินค้าซึ่งเป็นการลบหลู่พระพุทธคุณนะครับ แล้วขอบอกว่าฤทธิ์อะไรก็ไม่สู้บุญญฤทธิ์นะครับเพราะบางครั้งพระท่านอยากช่วยแต่กรรมมันมาแรงกว่า เมื่อไม่มีบุญช่วยมันก็เสร็จ ถ้ามีบุญมาช่วยแล้วพระท่านก็ช่วยเราได้ง่ายขึ้นครับ
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    "ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าที่จะไปติดวัตถุอัปมงคล"

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


    -----------------------------------------------


    วัตถุมงคลนี้บางท่านก็โจมตีว่า ทำให้คนติดแบบนั้นแบบนี้ อาตมาก็ต้องขอรายงานให้ท่านทราบว่า คนเรานั้นมีกำลังไม่เท่ากัน ผู้ใหญ่กับเด็กมีแรงไม่เสมอกัน คนเด็กใหญ่กับเด็กเล็กก็มีกำลังไม่เท่ากัน เด็กใหญ่กับคนหนุ่มสาวก็มีกำลังไม่เท่ากัน ข้อนี้ฉันใดกำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นมีกำลังใจไม่เท่ากัน

    บางท่านก็ต้องยึดสิ่งที่เป็นของระลึก เมื่อเห็นเข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า นี่เราทำบุญทำกุศลบางคนที่มีกำลังใจแก่กล้าก็หาได้ยากเต็มที่ ก็ต้องไม่มีอะไรมาก จิตนึกถึงพระพุทธเจ้าพระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง มีศีลบริสุทธิ์ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน อย่างนี้มีอะไรหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ แต่ทุกท่านก็ยังไหว้พระพุทธรูป ยังเคารพพระธรรม เคารพพระอริยสงฆ์
    ก็ต้องมีเครื่องยึดเหนี่ยว

    ๒๙๕) วัตถุมงคลที่แจกไปนี้ต้องการให้เป็นอนุสสติ คือเมื่อเห็นแล้วก็คิดว่าของที่เราได้มาเพราะการทำบุญเมื่อจิตคิดถึงกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าตายไปเวลานั้นอย่างเลวที่สุดก็ไปสวรรค์ กำลังใจเข้มแข็งปานกลางก็ไปเป็นพรหม ถ้ากำลังใจไม่นิยมมนุษยโลก เทวโลก และ พรหมโลก
    ก็ไปนิพพาน

    ในเมื่อวัตถุมงคลมีคุณคุณค่าแบบนี้ สามารถทำบุคคลให้เป็นคนดีก็ต้องสร้างตามกำลังใจของบุคคลผู้ต้องการ แล้วทุกท่านได้รับไปแล้วก็รู้สึกมันเป็นเหตุสร้างกำลังใจให้มาก ทำให้จิตใจสบาย เป็นมงคลกับเขาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็สร้างขึ้นมาไม่ได้


    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เนื้อเรื่อง พระในบ้าน ของพระมหาวุฒิชัย มีดังนี้

    " สมัยที่ท่านมาเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้พบกับอุบาสิกาท่านหนึ่งที่ซึ่งศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก เพราะเพียงวันแกรที่พบเท่านั้น เธอปวารณาตัวเพื่อขอเป็นผู้อุปถัมป์ด้วยปัจจัย ๔ นับแต่นั้นมาเธอก็แวะเวียนมาที่วัดมิได้ขาด พร้อมกับปิ่นโตบรรจุอาหารอย่างดีเลิศ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอีกวันละหลายร้อย นียว่าเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าพาหนะเวลามหาท่านไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน ซึ่งถือว่าผู้ให้กับผู้รับ (ทายกปฏิคาหก) มีความคุ้นเคยกันและกันมากขึ้นแล้ว

    ท่านมหาก็เลยได้ถามโยมอุบาสิกาไปว่า
    "ถามจริงๆเถิด ที่คุณมาถวายความอุปถัมป์อาตมาทุกวันนี้ ที่บ้านคุณน่ะไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่อีกแล้วหรือ"

    อุบาสิกาได้ตอบว่า"คุณแม่เสียไปหลายปีแล้ว ส่วนคุณพ่อยังอยู่"

    ท่านมหาถามต่อ "แล้วคุณพ่อของคุณนั้นกินอิ่มนอนอุ่นไหม อยู่กับใคร สบายดีไหม"

    พอเจอความถามเช่นนี้ อุบาสิกาเลยได้เล่าเรื่องราวว่า ไม่ค่อยได้ไปหาพ่อบ่อยหนัก อย่างดีก็เดือนละครั้ง คุณพ่อเคยเป็นนักเลงไพ่ มักนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ลุกๆเสมอ เพราะเหตุผลนี้ลูกๆเลยไม่รักคุณพ่อ แต่ตอนนี้ท่าน ๖๕ แล้ว เลิกเล่นไพ่ แต่ลูกๆทกคนไม่ค่อยมีใครผูกพันกับคุณพ่อมากนัก ท่านจึงอยู่คนเดียวที่บ้านสวนแถวฝั่งธนฯ

    เมื่ออุบาสิกาเล่ามาถึงตรงนี้ ท่ามหาก็เลยบอกว่า

    " หากคุณยังอยากถวายความอุปถัมป์พระสงฆ์เพื่อสั่งสมกุศลละก็ อาตมาขอเงื่อนไขว่า ขอให้คุณจงกลับไปบำรุงพระในบ้าน ให้กินอิ่มนอนอุ่น แล้วค่อยมาอุปภัมป์อาตมาซึ่งเป็นพระในวัด บุญที่แท้จริง เริ่มต้นที่บ้าน มิใช่ที่วัด"

    จากนั้นอุบาสิกาท่านนี้ได้หายไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม มิเคยมาถวายปัจจัยอะไรที่วัดอีกเลย แต่แล้ววันหนึ่งเธอได้กลับมาพร้อมกับปิ่นโตอาหารและพระไตรปิฎกหนึ่งชุด ๔๕ เล่ม ท่านมหาได้ถามว่า เธอหายไปไหนมา เอจึงได้พรั่งพรูความในใจให้ฟังว่า "วันที่ท่านบอกให้กลับไปทำให้พระที่บ้านกินอิ่มนอนอุ่นนั้น เป็นวันที่เธอโกรธท่านมหาที่สุด พระอะไรปากคอเราะร้าย ทั้งที่รับประทานข้าวปลาอาหารของเธออยู่แท้ๆ ก็ยังมีแก่ใจดุด่าหาว่าเธอทอดทิ้งพระในบ้าน เธอโกรธมากถึงขนาดคิดว่าจะไม่หันหน้าเข้าวัดอีกเลย

    แต่เมือ่เวลาผ่านไป เธอได้ไตร่ตรองดูก็พบว่า มันจริงอย่างที่พระมหาพูด เธออุตสาห์หาของดีๆ มาบำรุงท่านมหาถึงที่วัด แต่กลับปล่อยให้พระในบ้านหงอยเหงา อดยาก แร้นแค้น พอคิดตรงนี้ได้ทำให้เกิดปัญญา ท่านมหาท่านเป็นพระที่น่ากราบ เพราะไม่เพียงไม่เห็นแก่อาหารการกินแล้ว ยังไม่เสียดายลาภสักการะ กล้าตักเตือนเตือนอย่างตรงไปตรงมา คำเตือนของท่านมหาทำให้เธอกลับไปหาพ่อ กลับไปปรนนิบัติท่าน รับท่านมาอยู่ที่บ้านด้วย

    เวลานี้คุณพ่อสุขภาพดี หน้าตาสดใส ไม่เหงา ไม่บ่น กลายเป็นเสาหลักของลูกๆ หลานๆ ไปแล้ว เธอได้กราบบูชาพระมาหา ที่ทำให้ได้รู้จักทั้งพระในบ้านและพระในวัด"

    ก่อนกลับพระมหาได้ให้คาถาเธอไปบทหนึ่งว่า " กราบพระหมื่นองค์แสนองค์ แต่หากไม่เคยกราบพ่อกราบแม่ ก็เท่ากับว่าไม่มีค่าอะไรเลย "

    ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงน้องคนหนึ่งพูดว่าเป็นทำนองเหมือนว่า สิ่งที่เราพูดกัน เหมือนเราเป็นพวกไม่รู้ซึ้งเรื่องธรรมะ แต่อยากจะสนทนาธรรมกัน ของเธอนี่อ่านพระไตรปิฎกจบมาแล้ว ไม่ไหว้พระ อะไรประมาณนี้ วงสนทนาธรรมเล็กๆของเราเลยยุติไป เพราะกลัวจะเป็นสงครามธรรมะ มนุษย์โลกนี้หนา นานาจิตตัง

    ไปตำส้มตำกินดีกว่า อุตสาห์ปรุงสูตรปลาร้าต้มมาใหม่ หอมเชียว



    <CENTER>วันนี้คุณดูแล บุพากรี ของ คุณ หรือยัง </CENTER>

    Bloggang.com : chantira :
     
  6. น้oJwoใจ

    น้oJwoใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +20
    พี่แนะนำ....น้องต้องศึกษาเรื่อองกรรมให้ได้มากกว่านี้....อ่านเรื่องลำดับบุญด้วยนะคะ....แล้วน้องก็จะเข้าใจ....และก่อนอื่นที่จะพยายามให้คนอื่นเข้าใจธรรมะ.....เราต้องเข้าใจธรรมะและตัวเองก่อนด้วยค่ะ.....สาธุ ๆ ๆ ที่น้องพยายามอยากให้พี่ชายดีขึ้น....แต่อย่าลืมนะ....ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง....นิสัยบางอย่างมันแก้ไม่ได้เพราะมันเป็นกรรมของเค้าค่ะ.....แล้วที่สำคัญ....อย่าคิดที่จะเปลี่ยนใคร....เพราะถ้าไม่ได้ดังใจเราจะเสียใจเอง....ถ้าจะแก้ให้ถูกทาง....ต้องดูที่ตัวเองค่ะ....พิจารณาตัวเองบ่อย ๆ นะคะ.....แล้วน้องจะเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น.....เมื่อก่อนพี่เคยทุกข์เพราะมานั่งดูคนอื่น....ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้...ทำไมเค้าถึงไม่ทำแบบนี้.....ทำไมมันเลวจังเลย.....ทำไมเจ้าชู้จังเลยเนี๊ย(เจ้าชู้นี้ไม่ได้ว่าคนข้างบนนะ อิอิ)....ทำไมคนเค้าชอบนินทาเราจังเลย.....ทำไมถึงต้องตามแกล้งเรานะ......แล้วพี่ก็มานั่งคิดว่า....เออ...เราคงจะเปลี่ยนเค้าไม่ได้...ไม่เห็นเค้าจะทุกข์ร้อนอะไรกับเราเลย.....สุดท้าย....เราก็ต้องเปลี่ยนที่ใจของตัวเราเองค่ะ......
     
  7. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ขอบคุณทุกๆท่านนะคะ ที่แนะนำ ตอนแรกก็วางเฉยได้ แต่พอมาเรียน ต้องพักที่หอในมหาลัย ใจก็เป็นห่วงแม่ กลัวไม่มีคนดูแล แล้วรู้สึกเสียดายแทนว่า พระอยู่ที่บ้านให้ทำบุญ ไม่ทำ น่าเสียดายมาก
    ทุกคนก็สนใจแต่เรื่องตัวเอง ไม่มีใครสนใจแม่ ยกเว้นเวลาขอเงิน หนูก็หวังดีกับพี่คนโตเพราะที่บ้านเหลือกันอยู่3 คน คือ แม่ พี่ชายคนโต (พี่ชายคนที่2ตัดขาดกันไปแล้ว กับคนที่3 ก็พูดบ้างแต่น้อยเพราภรรยาของพี่ ไม่ถูกกับคนในบ้าน)น้องคนเล็ก(ส่วนหนูออกมาแล้ว)
    ส่วนเหตุผลที่ทำให้หนู กลับมาคิดเรื่องนี้อีกครั้งทั้งๆที่ปล่อยวางไปแล้ว เพราะหนูอธิฐานจิตเสมอ"หากแม้ยังไม่ได้นิพพาน แต่พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ได้มากำเนิด ขอให้หนูเป็นดังอาจารย์สารีบุตร ได้เป็น เอตทัคคะในทางปัญญา
    ได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ของพระพุทธองค์ แต่ตอนนั้นหนูไม่รู้ว่า พระอาจารย์สารีบุตร ท่านทำบุญมาอย่างไร หนูซึงอยากเจริญตาม ก็ต้องค้น คว้าหาข้อมูล ก็ได้พบสิ่งนี้ (กอปมาให้อ่านด้วยคะ) หนูดูแลแม่ ก่อนเจอข้อความนี้นะค่ะ;aa44
    ความกตัญญูกตเวทีเป็นต้นเหตุสำคัญ ที่จะทำให้คนเราเกิดปัญญา ในที่นี้อยากจะยกตัวอย่างขั้นต้นให้ดูกันเสียก่อน พระสารีบุตรซึ่งได้ชื่อว่า เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านเลิศด้วยปัญญาก็เพราะว่า ตลอดชีวิต ท่านมีความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง มีเรื่องได้บันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎก ก่อนที่พระสารีบุตรจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ว่า ท่านเคยมีครูอยู่ในศาสนาอื่น แต่ต่อมาท่านพบว่า คำสอนในลัทธิศาสนานั้น ช่วยให้พ้นทุกข์ไม่ได้ ท่านจึงลาอาจารย์ ออกไปเที่ยวแสวงหาอาจารย์ใหม่ จนกระทั่งมาเจอกับพระอรหันต์รูปหนึ่ง เข้า พระอรหันต์รูปนั้นสอนพระสารีบุตรแค่เพียงสั้นๆ ท่านก็บรรลุธรรมขั้นต้น เป็นพระโสดาบันทันที พอบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็รีบกลับไปพยายามชักชวนอาจารย์เก่า ให้ไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้พ้นทุกข์เสียที ท่านไปด้วยอำนาจแห่งความกตัญญูกตเวทีของท่านนั่นเอง แต่น่าเสียดายครูเก่าของท่านไม่เชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า พระสารีบุตรได้ทำอย่างสุดฝีมือแล้ว เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว จากนั้น เป็นต้นมา ทุกคืนก่อนที่จะจำวัด ท่านจะต้องนั่งเข้าที่ทำสมาธิตรวจดูก่อนว่า อาจารย์ของท่านที่เป็นพระอรหันต์นั้น ไปประกาศพระศาสนา ไปโปรดชาวโลก อยู่ทางทิศใด เมื่อพบแล้ว ก่อนนอน กราบเสร็จ ท่านก็หันศีรษะไปทางทิศนั้น คือถ้ายังทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็เอาอวัยวะส่วนที่สูงที่สุดในร่างกาย คือ ศีรษะ หันไปบูชาครู ก่อนนอนก็ยังดี ส่วนอะไรที่สามารถทำให้กับครูบาอาจารย์ของท่านได้ ท่านทำเต็มที่อยู่แล้ว นี่คือจิตใจของพระสารีบุตร
    ตอนนั้นถ้าไม่ได้พี่คนโต หนูคงไม่ได้นั่งสมาธิ คงเสียคนไปแล้วถ้ายังมีโอกาส ก็อยากจะลอง ให้พี่ชาย หันมาเดินสายกลาง ดูแลแม่ ได้บุญมากด้วย
    ทุกๆท่านคงเข้าใจ และให้คำแนะนำว่า ธรรม หรือหนังสืออะไร ที่จะเปลี่ยนใจพี่ชาย เช่าพระน้อยลง หันมาทำบุญกับแม่เยอะๆ
    thaxx_Love+U_ ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...