เรื่องเด่น *ธรรมฉันทะ กับ ตัณหา.."อยาก" เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน*

เรื่อง. *ธรรมฉันทะ กับ ตัณหา"..อยาก.."เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน*

*โอวาท : หลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ~หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..สอนพระสงฆ์*

..." คำว่า ตัณหา นี่แปลว่า ใฝ่ต่ำ นะ ..ถ้าเราใฝ่สูง อยากจะไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน อันนี้ ท่าน ไม่เรียกว่า ตัณหา .. มันตัวอยากเหมือนกัน ท่าน เรียกว่า ธรรมฉันทะ มีความพอใจในธรรม .. พวกท่านต้องรู้ไว้ด้วย เดี๋ยวจะไม่เข้าใจ.

* ถามว่า : ไอ้คำว่า อยาก นี่ มันเป็น ตัณหา .. ที่นี้ อยากไปสวรรค์ อยากไปพรหมโลก อยากไปนิพพาน.. เป็นตัณหาหรือเปล่า..?

.. ถ้าย่องเข้าไปตอบว่า เป็นตัณหา เข้านี่มันผิดจังหวะ ต้องระวังไว้ด้วย นะ..ต้องอยากเลว ไม่ใช่อยากดี.

* เราอยากไปสวรรค์ นี่ คนที่อยากไปสวรรค์ เป็นเทวดาได้ ต้องอย่าลืมว่า ต้องมี หิริ และ โอตตัปปะ อายความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว นี่มันดีหรือเลว อายความชั่ว เราก็ไม่ทำชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว เราก็ไม่ทำชั่ว.

.. ทีนี้ จะถือว่าเป็นตัณหา เป็นกิเลสตัวเลวไม่ได้ นี่เป็นตัวดี แต่เป็นตัวดี ก้าวที่ ๑ อย่าไปนึกว่า แค่สวรรค์นี่ เป็น กามาวจร ยังมีผัว ยังมีเมีย มีผู้หญิง มีผู้ชาย แล้วอย่าลืมว่า สวรรค์เป็นก้าว ก้าวหนึ่ง ที่จะถึงพระนิพพาน ดีกว่าเราก้าวลงนรก.

.. ก้าวที่ ๒ อยากไปเป็นพรหม ถามว่า : เป็นตัณหาไหม..? ก็จะตอบว่า : เป็นตัณหา มันไม่ถูก พรหม น่ะ เขาเป็นคน อยู่คนเดียว นะ "เอกายโน อยัง ภิกขเว" จริง ๆ คือ มีตัว..ผู้เดียว.

* พรหม ไม่มีคู่ แล้วก็ พรหม ไม่มีเพศ นี่เรียกว่า ใกล้
พระนิพพานเข้าไป อย่างนี้ ต้องเรียกว่า "ธรรมฉันทะ"

* ถ้าอยากไปนิพพาน นี่ เราไม่ต้องพูดกัน เป็น ธรรมฉันทะ จริง ๆ ธรรมบริสุทธิ์..."

( จากหนังสือ *รวมคำสอนธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน* เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๒๓ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี.. ภาพประกอบและคัดลอก โดย ยุพยง พัฒนเจริญ )


*******************************************************