ทุกสิ่งอยู่ที่จิต รู้เห็นด้วยจิต ยึดติดด้วยจิต หลุดพ้นด้วยจิต

พ่อได้กลับมากราบเท้าลูกแล้ว หนทางของพ่อถูกต้องแล้ว ไม่ทิ้งผู้ใดไว้ข้างหลัง วางมานะลงได้แล้ว(พ่อผู้เป็นเพื่อนแท้)

 

คุณกู๊ด เป็นลูกศิษย์วัดคลอง 10 เหรอคับ

 

เราศิษย์ พระอาจารย์พุทธทาส ขอรับ

 

ท่านพุทธทาส ผมจับประเด็นท่านได้ว่า
การภาวนา ไม่ให้เอาตัวตนไปภาวนา แต่ให้อาศัยธาตุขันธ์ ในการภาวนา
โดยพยายามให้ละตัวตน แต่เห็นตามความเป็นจริง

คุณกู๊ดมีความคิดเห็นยังไง บ้างคับ

 

พระอาจารย์ กล่าวไว้ว่า ตัวตนไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา อวิชชาก็เช่นกัน(เดิมมีสภาวะว่างอยู่ก่อน สุญญตา) แต่เพราะความเห็นผิด เกิดที่ผัสสะ จึงเกิดเวทนาเห็นผิดตามมา เกิดเป็นกระแสแห่งความเห็นผิด(อาศัยกันและกัน)

 

พระอาจารย์ จึงเน้นสอนไปที่การภวานา(เจริญ)สัญญา(หมวดเจริญอานาปานสติ) เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง(ในกายสัญญาและใจสัญญา) ขอรับ

 

กั๊กๆๆๆ แฟน พันธุ์แท้ว พุกทาทาษ ต้องเป็น นักกสิณจิฮับ

เป็น สาย กายสักขี ต้องเอา อัตตา ขึ้นก่อน แล้วกำหนดรู้

อานาปานสติ 16 ขั้น ท่านระบุเลยว่า ตอนที่ เจอโอภาส
เกิดปิติ เกิดแสงขาว( ดวงจิตขาวเป็นดวง หรือ สว่างโพรง)
ใน ครั้งแรกที่เจอ จะต้อง ประครอง รักษาได้

หากเป็น พวกเจอแสงแล้ว ตกจาก ฌาณ ท่านเขียนโน๊ตตัว
เบ้อเร้อเลยว่า มะอึงเปลี่ยนศาสนาเถอะ !! ( คือ ท่านฟันธง
เลยว่า ไม่บรรลุแน่ หากยังมีอินทรีย์อ่อน เจอ ฌาณจิตแล้ว
พลัดตกอยู่ ซึ่งตรงนี้ ชี้ชัดว่า ท่านเป็น สาย กายสักขี และ
เป็น นักกสิณ ไม่ใช่ อานาปานสติ ที่เป็น กองสัญญา )

ทีนี้ หลังจาก ท่านรับอราธนาจาก ...ในพระบรมโกฏิ งาน
ภายหลังของท่านจึงออกแนว "ไม่จ่ายเงินสด" ไม่ได้กล่าว
จากภาษาธรรมฟันธงของตน ใครไปอ่านเข้า จะเข้าใจผิด
ว่าท่านสอนแบบ "ไม่จ่าเงินสดๆร้อนๆ"

 

คำว่า "สุญญตา" เป็น ภาษาบาลี ไม่ได้แปลไปทางคำว่า Space หรือ Nonthing

สุญญตา เกิดจากปัจจัย ของการ "สิ้นตัณหา"

ดังนั้น

ไม่มีฮับ

สิ้นตัณหา แล้วมาเกิด อุปกิเลสจรมา ทำสกปรกภายหลัง มาเล่นเกมส์หาทางกลับบ้าน

 

ดุจมะเล็กฝน กลับมาแล้ว(ไปๆมาๆ มาๆไปๆ) เริ่มจากศูนย์ อยู่ที่ว่า นับหรือไม่นับ(ไม่มีสอง ไม่มีประมาณ) สุดท้ายตามหาศูนย์(บิตคอยศูนย์) อยู่ที่เดิม 55

 

สุญญตา หมายถึง สภาวะที่ว่างจากตัวตน สิ่งอื่นก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ว่างเปล่า ตารูป หูเสียง ..ไม่ได้หายไปไหน จนกว่า หยุดปรุงแต่ง 55

 

อานาปานสติ เกี่ยวข้องกับลมหายใจ โยงไปสายกสิณซะงั้น รู้มาก ยากนาน เพียรพิมพ์ภาษา วิบัติ 55

 

AAAA ล้านตัว

 

มีความต้องการพลังงานมาก ใช้มาก เห็นธรรมดา ใช้เพียงA ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว(ครบ10)

 

คุณปัง เคยเกริ่นกับแนนไว้ว่าต้องหน่วงแสงได้ทุกครั้งที่ต้องการแม้ลืมตาหรือหลับตาด้วย ตกลงมันสำคัญยังไงคะว่าจะต้องหน่วงแสงได้ตามใจนึก

 

เจอคือเจอ แต่ไม่ให้หลงในนิมิตนั้น จนสติหลุดคับ คุณแนน
ลุงตีนลาย ขออนุญาตินะคับ
สำหรับการหน่วงแสงเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ฌาน คือจำวิธีเข้า คับ

เอาไว้ให้ลุงตีนลายมาตอบใ่ห้ละเอียดดีกว่าผมผู้น้อยคับ

 

ปกติแนนเจอไม่เคยสนใจมันเลยค่ะ เพิ่งรู้ว่ามันคือนิมิตเพราะคุณพลังพูดเลยนะนี่ คิดว่าเป็นเรื่องปกติ มาๆไปๆ แต่เห็นคุณปังพูดเรื่องนี้บ่อย เลยคิดว่ามันสำคัญหรือกับแสงแบบนี้

 

เอาไว้ให้คุณลุงมาตอบให้อีกทีคับ เมื่อก่อนผมเคยสปประมาท ธรรมของลุงปัง
แต่พอทำมาเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกได้ ที่ลุงกล่าวไว้ ไม่ผิดทางและลุงก็ไม่ได้มั่ว
คุณแนนก็พยายามทำและจะเห็นจุด ที่ลุงกล่าว ไว้แล้วเราจะรู้ว่าใครจริง ใครไม่จริงคับ
ส่วนผมต้องไปภาวนาให้มากๆ อยู่คับ แสงมันเป็นนิมิตที่แสดงว่าเราได้ถึงฌานนั้นแล้ว
แต่ไม่ให้ยึดตรงนั้น เพราะจะไม่ก้าวหน้า

 

มันเป็นเรื่อง ปฏิปทา ที่ต่างกัน ในการ มนสิการ

หากเป็น อานาปานสติแท้ๆ ให้อ่านจาก ปฏิสัมภิทา
เสี่ยงเงาะแงะโดย อุปติสสะ เพื่อนโกลิตะ

แต่ถ้าเป็น กสิณ สำคัญเรื่อง อุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต
จะต้องชำนาญ ในการ หน่วง ปั่น ขยับ(แผ่/อิทธิวิธี)
แทงกบ

แต่ถ้า อินทรียเลยชำนาญทำฌาณมาหลายอสงไขย
แล้ว คือ เกิดหลายชาติเวียนแต่ในพุทธศาสนามานาน
จะไม่เกิดการ ใส่ใจใน ฌาณแฌณ อีก ( คือ ชำนาญ
จนเห็นเป็นแค่ของหลอกเด็ก ) ก็จะเป็น แสง เหมือน
กัน มีปิติเหมือนกัน แต่ไม่มีเรื่อง แฉลบออก ถึงแฉลบ
ออกก็จะ จืดๆ เว้นแต่ คบกัลยาณธรรมผิด ก็จะกลับ
กลอกไปให้ราคา กสิณ ฌาณ แฌณ คิดว่าเป็นทาง
ที่ต้องผ่าน งุดโง งุดโง [ จีจี ถ้าจะ งุดโง ก็งุดโงไป
บัณฑิตเขายกย่องว่าเป็น กุศล ดีกว่าไปจมโลก ]

แสงเป็นดวง หรือไม่เป็นดวง แต่ไปใส่ใจ นิมิต
ให้ค่าให้ราคาว่าเป็นทาง ก็จะเรียกว่า เล่นกสิณ

แต่ถ้าอินทรีย์ภาวนาสติปัฏฐานเคยสัมผัสสักครั้ง
จะไม่ให้ราคา นิมิต ใดๆเลย นอกจาก สภาพ
การสิ้นไปของกามสัญญา รูปราคะ อรูปราคะ
(ซึ่งพระสารีบุตรเรียกว่า มีการสิ้นกิเลสเป็นอุคหนิมิต
และปฏิภาคนิมิตของอานาปานสติ เท่านั้น สว่างไหม
ก็ต้องสว่าง จิตมันพรากจากอกุศล มันก็สว่างฉาบ
โลกไม่มีขอบเขต ตามปัจจัย หากยกสังเกตเป็น
ก็เรียกว่า อุปสัมมาฯบ้าง อภิรตฯ บ้าง คือไม่ใช่
เห็น อานาปานสติกองเดียว เป้นข้าวเหนียวตายนึ่ง

ปล : กรณีพระศาสดา พระองค์ท่านให้เรียกพระองค์ท่านว่า วิชชา3
เพราะ พระองค์ท่านแฉลบจากอานาปานสติไป กสิณ )

 

เห็นด้วยค่ะ คุณปังถือว่าเป็นอคนที่พูดได้ตรงธรรมอีกท่านนึง ถึงแม้จะอ่านยาก(แต่อ่านนะ) ถ้าม้องข้ามคำพูดทิ่มแทงจะเห็นได้ว่าหลายเรื่องคือจริง

 

ม่ายฉ่าย ยึด หรือ ไม่ยึด

อะไรเกิดขึ้น ก็ กำหนดรู้ทุกขัง ไม่เที่ยง

มันจะร่อนออกไปเอง โดยที่ แจงแวง ฟ้าแจ้ง แจงแวง

แต่ถ้าจะไม่ แจงแวง ก็ เบิร์บเบิรบ์


พระศาสดา ตรัส ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ........ ทุกองค์
ไม่มีจะไม่ได้ "สามัญญาผล" เพียงแต่ไม่ได้ทำ ปณิธาน
หรือไม่ได้ อธิษฐาน ก็ไม่แสดงออกเป็นตาม ปัจจัย