ติดตามสถานะการณ์

Chalee Na Roied



ไม่ได้อัพเดทข่าวสารหลายวัน มีหลายประเด็นเกิดขึ้นทั่วโลกนะครับ แต่ละประเด็นน่าติดตามทั้งนั้น
สถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในเยเมนเวลานี้ ก็น่าจับตานะครับ เพราะหลายวันก่อน เรือรบของอิหร่าน กำลังจอดอยู่น่านน้ำสากล นอกชายฝั่งของเยเมน ถัดจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐไม่กี่ไมล์ ท่ามกลางความวิตกกังวล ว่าสงครามในเยเมนกำลังจะบานปลาย กลายเป็นสงครามแห่งภูมิภาคไปเรื่อยๆ http://www.zerohedge.com/…/iran-enters-hornets-nest-parks-t…
ในขณะที่ทางซาอุดิอาระเบียได้ ออกมาแสดงความเห็นว่า จะไม่อนุญาติให้เรือรบอิหร่านเข้าสู่น่านน้ำของเยเมน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในเยเมน ซึ่งปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับ สงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบีย และพันธมิตรซึ่งได้รับการสนับสนุนทั้งจาก สหรัฐและอิสราเอล ซึ่งกำลังเสี่ยงที่จะประทุ เป็นการเผชิญหน้ากัน ระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย http://english.alarabiya.net/…/Iranian-ships-not-allowed-in…
ในขณะที่จีนเองก็มีความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านั้นมีการส่งเรือรบเข้าไปบริเวณดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือในการอพยพ พลเมืองของตนรวมถึงชาวต่างชาติออกจากเยเมน ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวทางทหาร ที่น่าจับตาไม่แพ้กัน เพราะเกิดขึ้นถึง 3 ครั้ง ภายในสัปห์ดาเดียว ซึ่งแสดงถึงนโยบายของจีน ที่เริ่มเข้ามามีบทบาท ในการให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น เพราะเรือรบของจีนจอดอยู่ไกล้กับ บริเวณที่เกิดการสู้รบอย่างรุนแรง และค่อนข้างถูกที่ถูกเวลา มีการเผยแพร่ภาพ ผู้อพยพซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ภาพสวมกอดกับทหารของจีน แสดงถึง ภาพลักษณ์ของจีน ในด้านของการเข้ามามีส่วนร่วม ในการรักษาสันติภาพ ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น http://www.zerohedge.com/…/china-made-military-history-thre…
นอกจากนี้ในขณะรัฐบาลสหรัฐ ไม่ได้มีแผนการรองรับ การอพยพพลเมืองชาวอเมริกันออกจากเยเมน ยังปฏิเสธในการให้การช่วยเหลือชาวอเมริกันกว่า 4,000คน ที่ติดอยู่ในเยเมน จนชาวอเมริกันบางกลุ่ม กำลังมีการเตรียมฟ้องร้องรัฐบาลของตน เพราะละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆที่สงครามในเยเมน สหรัฐเองก็อยู่เบื้องหลัง Sanaa-tized? Rights groups sue State Dept for refusing to evacuate 1,000s of Americans from Yemen — RT USA
ในทางตรงกันข้าม รัสเซียเวลานี้กำลังส่งเรือรบ เข้าไปอพยพชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่กำลังติดอยู่ในสถานการณ์สงคราม หนึ่งในนั้นก็คือชาวอเมริกันที่ถูกรัฐบาลของตนเพิกเฉย ซึ่งเรือรบของรัสเซีย ได้ลำเลียงผู้อพยพกว่า 300คน มีพลเมืองจาก 19 ประเทศรวมถึง พลเมืองชาวรัสเซียจำนวนหนึ่ง ถูกอพยพจากสงครามกลางเมืองในเยเมน โดยอาศัยเรือรบของรัสเซียซึ่ง ลาดตระเวนปราบปรามกลุ่มโจรสลัด อยู่ในอ่าวเอเดน Russian naval ship evacuates over 300 people stranded in Yemen — RT News
จากการเข้าไปยังอ่าวเอเดน ซึ่งเป็นพื้นที่ไกล้กับเขตของการสู้รบ และการใช้ปฏิบัติการทางอากาศของซาอุดิอาระเบียและพันธมิตร ทำให้ผู้นำรัสเซียได้ออกคำสั่ง ให้เรือรบรัสเซียสามารถปกป้องตนเอง และชีวิตพลเรือน ด้วยการและทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยิงเครื่องบินรบ ของอเมริกาหรือซาอุดิอาระเบีย ที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคาม ต่อบรรดาผู้อพยพทุกคนที่อยู่บนเรือรบรัสเซีย ซึ่งในบรรดาผู้อพยพเหล่านี้ มีชาวอเมริกันรวมอยู่ด้วย http://www.eutimes.net/…/putin-authorizes-us-warplane-shoo…/
ต้องยกเครดิตให้ ทางรัสเซียครับที่สามารถ อดทนต่อการยั่วยุของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านั้น สถานกงสุลรัสเซียที่ถูกโจมตีในอ่าวเอเดนนั้น ปรากฎว่าทางสหรัฐนั่นแหละครับ ที่น่าจะมีส่วนระบุตำแหน่ง และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงของสหรัฐ ได้มีภาระกิจสนับสนุน ซาอุดิอาระเบียในการใช้ปฏิบัติการทางอากาศ คาดว่าศูนย์บัญชาการ "CENTCOM" ของสหรัฐนั่นเอง ที่อยู่เบื้องหลังในการระบุตำแหน่งที่ตั้ง และภาพถ่ายดาวเทียม http://21stcenturywire.com/…/did-us-centcom-give-saudis-ta…/
นอกจากนี้การเจรจาโครงการนิวเคลียร์ ของอิหร่านครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่าอิหร่านจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่สถานการณ์ยังจะไม่ยุติง่ายๆ เพราะเบื้องหลังจริงๆคือ การต้องการกดดันอิหร่าน ให้ขายน้ำมันแลกดอลลาร์ เพราะตราบใดอิหร่านในฐานะผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ยังไม่ยอมซื้อขายน้ำมันในสกุลดอลลาร์(petrodollar) บรรดาผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะมูลค่าการซื้อขายน้ำมัน ในตลาดโลกนั้นหลายร้อยพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ สามารถพิมพ์เงินออกมาได้เรื่อยๆ ตราบใดที่การซื้อขายน้ำมัน ในรูปของดอลลาร์ยังคงดำเนินอยู่ และเงินดอลลาร์ยังรักษามูลค่า และความเชื่อมั่นในตลาดโลกได้ต่อไป Dollar Hegemony and the Iran Nuclear Issue: The Story behind the Story | Global Research - Centre for Research on Globalization
เพราะฉะนั้นสถานการณ์ในเยเมน น่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของสงครามตัวแทนระหว่าง ซาอุดิอาระเบียที่ได้รับการสนับสนุนจาก สหรัฐและอิสราเอล กับอิหร่านที่รัสเซียและจีนที่พร้อมจะเข้ามามีส่วนร่วม และบานปลาย เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย เพราะสหรัฐและอิสราเอล ย่อมมีความพยายาม ในการทำสงครามโค่นล้ม รัฐบบาลอิหร่านให้ได้ เพราะล่าสุดผู้นำรัสเซียได้อนุมัติ ให้มีการส่งขีปนาวุธ S-300 ให้กับอิหร่านอีกครั้ง ภายหลังระงับการส่งออก ขีปนาวุธดังกล่าว ถูกระงับตามคำร้องขอของสหรัฐและอิสราเอล ในปี 2010 Putin lifts ban on delivery of S-300 missile systems to Iran — RT News
เป็นสัญญาณที่ชัดเจนครับว่า แนวโน้มของสถานการณ์กำลัง จะบานปลายออกไปเรื่อยๆ และรัสเซียรู้ดีว่าขีปนาวุธ S-300 ของรัสเซียให้อิหร่านนั้น จะทำให้การปฏิบัติการทางอากาศ ที่สหรัฐ อิสราเอล และซาอุดิอาระเบีย จะใช้โจมตีอิหร่านนั้น ไม่ง่ายเหมือน อิรัก ลิเบีย แม้กระทั่ง เยเมน แน่นอน จึงเท่ากับเป็นการ ส่งสัญญาณ ไปยังสหรัฐและอิสราเอลโดยตรงว่า ให้ยึดมั่นในข้อตกลงที่ทำขึ้น เพราะถ้าอิหร่านถูกโจมตี รัสเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือนั่นเอง...
http://www.thedailybeast.com/…/putin-s-missile-could-make-u…

 

Jeerachart Jongsomchai

... เตรียมอาวุธ ทุกคนคงไม่ได้คิดว่าสถานการณ์โลกกำลังดีขึ้น

ทันควัน! รัสเซียเตรียมส่งมอบขีปนาวุธแก่อิหร่าน หลังบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2558 00:01 น. (แก้ไขล่าสุด 14 เมษายน 2558 10:57 น.)



เอพี/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย เมื่อวันจันทร์ (13 เม.ย.) เปิดทางให้มอสโกส่งมอบระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแก่อิหร่าน ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มแสนยานุภาพทางทางทหารแก่เตหะราน อันเป็นผลจากการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์เบื้องต้นกับชาติมหาอำนาจ อย่างไรก็ตามมันก็เรียกเสียงประณามจากอิสราเอลแบบทันทีทันใดเช่นกัน

รัสเซียเคยลงนามในสัญญามูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับขายระบบขีปนาวุธ S-300 แก่อิหร่านในปี 2007 แต่ต้องระงับการส่งมอบในอีก 3 ปีให้หลัง เนื่องจากถูกคัดค้านอย่างหนักหน่วงจากสหรัฐฯและอิสราเอล อย่างไรก็ตามปูตินเผยในวันจันทร์ (13 เม.ย.) ว่าการห้ามดังกล่าวได้ถูกยกเลิกแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเผยว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (13 เม.ย.) เพื่อหารือกันในเรื่องเกี่ยวกับอิหร่าน สถานการณ์ในซีเรีย เยเมนและประเด็นอื่น

จากนั้น นายลาฟรอฟแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ระบุว่า ข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านที่เห็นพ้องกันเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้คำสั่งแบนของรัสเซียในปี 2010 ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป “S-300 เป็นแค่อาวุธป้องกันตนเอง ไม่สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์รุกรานและจะไม่ทำให้ความมั่นคงของประเทศใด แน่นอนว่าในนั้นรวมถึงอิสราเอล ต้องตกอยู่ในอันตราย”

ข้อตกลงระหว่างอิหร่านและชาติอำนาจที่เห็นพ้องกันเมื่อช่วงต้นเดือน มีเจตนาจำกัดขีดความสามารถในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะรานแลกกับการปลดเปลื้องมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติ โดยทั้งสองฝ่ายอนุมานกรอบที่ต้องบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ในวันที่ 30 มิถุนายน และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการตกลงอย่างจริงจังว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่ออิหร่านจะมีขึ้นเมื่อไหร่และจะใช้แนวทางใด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 รัสเซียเชื่อมโยงการตัดสินใจระงับส่งมอบขีปนาวุธกับมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่กำหนดต่ออิหร่านต่อโปรแกรมนิวเคลียร์ของเตหะราน แต่ ลาฟรอฟ โต้แย้งในวันจันทร์ (13 เม.ย.) ว่าความเคลื่อนไหวของมอสโกคราวนั้นเป็นการดำเนินการโดยสมัครใจและไม่ได้ถูกบังคับโดยตรงจากมติของยูเอ็น

อิหร่านตอบโต้การแบนคราวนั้นของรัสเซียด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลในเจนีวา เรียกร้องค่าเสียหาย 4,000 ล้านดอลลาร์ฐานผิดสัญญา แต่ศาลไม่มีคำพิพากษา ในเรื่องนี้นายลาฟรอฟบอกในวันจันทร์ (13 เม.ย.) ว่ารัสเซียจำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งในประเด็นด้านการค้าและชื่อเสียง "สืบเนื่องจากการระงับสัญญา รัสเซียต้องสูญเสียเงินไปมหาศาล เราไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้อีก" เขากล่าวพร้อมระบุว่าอิหร่านจำเป็นต้องมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัย เพราะสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาค โดยเฉพาะในเยเมน

ลาฟรอฟไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะส่งมอบขีปนาวุธแก่อิหร่านเมื่อไหร่ แต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่า S-300 ที่ต้องส่งมอบตามสัญญาเมื่อปี 2007 ได้เลิกผลิตไปแล้วและเสนอรุ่นปรับปรุงใหม่ที่เรียกว่า Antey-2500 แทน

ความเคลื่อนไหวนี้ของรัสเซียเรียกเสียงประณามจากอิสราเอล ปรับตัวฉกาจของอิหร่านอย่างฉบับพลัน โดยชี้ว่ามันเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีกับคำพูดที่ของเขาที่บอกว่าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านจะทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านมีความถูกต้องชอบธรรม

“นี่คือผลโดยตรงแห่งความชอบธรรมทางกฎหมายที่อิหร่านได้รับจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่กำลังเตรียมการกัน และพิสูจน์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิหร่านตามหลังการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านการจัดหาอาวุธแก่ตนเอง ไม่ใช่เพื่อความผาสุกของประชาชนชาวอิหร่าน” รัฐมนตรีข่าวกรองอิหร่านระบุในถ้อยแถง


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042889

 

Thanong Fanclub



โลโก้มีเลศนัย
โลโก้แคมเปญการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีของHillary Clintonในปี2016 มีเลศนัย
โลโก้นี้เป็นรูปตัวH หรือตัวอักษรแรกของHillary และมีลูกศรสีแดงผ่ากลางชี้ไปทางขวา แต่บางคนมองว่าอักษรHออกแบบเป็นรูปตัวตึกแฝดWorld Tradeที่นิวยอร์คที่โดนเครื่องบินขับพุ่งเข้าชน โดยที่ลูกศรสีแดงคือสัญลักษณ์เครื่องบินทะลวงผ่ากลางตึกแฝด ตึกแฝดคือสัญลักษณ์เลข11 หรือการมาถึงของยุคสุด (End Time)ท้ายก่อนสิ้่นสุดนักษัตรรอบใหญ่ ลูกศรสีแดงสื่ออาวุธร้ายของการทำลายโลกเก่าเพื่อเข้าสู่โลกใหม่
เจ๊กำลังมาแรง เป็นเหมือนลูกศรที่ถูกปล่อยออกมาจากคันธนูแล้ว
thanong
15/4/2015
http://www.adweek.com/…/hillary-clintons-campaign-logo-bad-…

 

เปิดตัวแล้ว! ฮิลลารี คลินตัน ประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ 2016
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 เมษายน 2558 04:04 น. (แก้ไขล่าสุด 13 เมษายน 2558 09:52 น.)



เอเจนซีส์ - ฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯประกาศเปิดตัวในวันอาทิตย์ (12 เม.ย.) ลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมืองลุงแซมในปี 2016 อย่างเป็นทางการตั้งเป้าต้องการเป็นผู้นำหญิงคนแรกในทำเนียบขาว

คลินตันในวัย 67 ปีกล่าวในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์รณรงค์หาเสียงของเธอซึ่งมีการออกอากาศสดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันอาทิตย์ (12) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 อดีตวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเปิดตัวแบบสั้นๆได้ใจความว่า “I'm running for president.”

ในคลิปวิดีโอความยาว 2 นาที ฮิลลารี คลินตันระบุว่า ชาวอเมริกันที่ต้องทำงานและต่อสู้อย่างหนักในการดำเนินชีวิตในทุกๆวันต้องการผู้นำที่เปรียเหมือน “แชมเปี้ยน” และเธอขออาสาทำหน้าที่เป็นแชมเปี้ยนของคนอเมริกันที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับช่วงเวลาที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ

คลินตันถือเป็นผู้สมัครที่มีการเปิดตัวเป็นรายแรกของทางฝั่งพรรคเดโมแครต หลังก่อนหน้านี้ทางฝั่งรีพับลิกันมีผู้สมัครที่เปิดตัวลงสู้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมืองลุงแซมในปี 2016 ไปแล้ว 2 คน คือ เท็ด ครูซ และแรนด์ พอล


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042564

 

น้ำมันขึ้น4วันติดคาดอุปทานสหรัฐฯลด หุ้นมะกันบวก-ทองคำลง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 เมษายน 2558 05:21 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันโลกในวันอังคาร(14เม.ย.) ขยับขึ้น 4 วันติด หลังคาดกำลังผลิตน้ำมันชั้นหินสหรัฐฯลดลง ปัจจัยนี้รวมกับรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่ไม่ย่ำแย่นัก ส่งผลให้วอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ ขณะที่ทองคำปรับลดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 58.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)เปิดเผยว่ากำลังการผลิตน้ำมันชั้นหินใน 7 เขตของประเทศ ซึ่งเป็นตัวทำให้กำลังผลิตน้ำมันดิบของประเทศแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีแนวโน้มจะลดลง 57,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นครั้งแรกที่ลดลงนับตั้งแต่เริ่มต้นรายงานการขุดเจาะรายเดือนในปี 2013

อย่างไรก็ตามเหล่านักวิเคราะห์จากคอมเมอร์ซแบงค์ ย้ำว่าแนวโน้มดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างจำกัดต่อบริบทของภาวะอุปทานล้นตลาดในปัจจุบันที่ฉุดให้ราคาน้ำมันร่วงลงราวร้อยละ 50 นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2014

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(14เม.ย.) ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ปิดบวก จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของหลายบริษัทก็ออกมาไม่เลวร้ายอย่างคาดหมาย ท่่ามกลางความกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 59.66 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,036.70 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.41 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,095.84 จุด แนสแดค ลดลง 10.96 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,977.29 จุด

หุ้นของเอ็กซอนโมบิล เชฟรอนและบริษัทพลังงานอื่นๆขยับขึ้นกันถ้วนหน้า หลังราคาน้ำมันปิดบวกในวันอังคาร(14เม.ย.) โดยดัชนีพลังงานเอสแอนด์พี 500 ทะยานขึ้นร้อยละ 1.77

ด้วยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันถูกลงและสภาพอากาศเลวร้ายปกคลุมภาคตะวันออกของสหรัฐฯในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนพร้อมรับมือกับผลประกอบการไตรมาสแรกที่ยากลำบากของบริษัทต่างๆ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าด้วยที่มีความคาดหมายในระดับต่ำ ทำให้บริษัททั้งหลายสามารถสร้างความประทับใจแก่นักลงทุนได้ง่าย แม้ผลประกอบการจะไม่สวยหรูก็ตาม

ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(14เม.ย.) ปรับลดพอสมควร จากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ แต่หลักๆแล้วก็ยังเป็นผลจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,192.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043201

 

อิหร่าน-มหาอำนาจนัดเปิดโต๊ะถกนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์สัปดาห์หน้า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 เมษายน 2558 00:02 น.


@นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - อิหร่านและชาติมหาอำนาจะกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาในวันที่ 21 เมษายนนี้ โดยมีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์เพื่อลดระดับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน จากการเปิดเผยของนายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศในวันอังคาร(14เม.ย.)

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเผยว่าการเจรจาในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จะเป็นการหารือในระดับผู้แทน "คณะของผม ผู้ช่วยของเฟเดริกา โมเกรินี หัวหน้านโยบายต่างประเทศอียูและผู้แทนท่านอื่นๆของสมาชิก 5+1 จะพบกันในวันอังคารหน้า เพื่อเริ่มต้นร่างเนื้อหา" เขาบอกกับเจ้าหน้าที่สเปน ระหว่างเดินทางเยือนมาดริด อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจาะจงว่าการประชุมจะมีขึ้นที่ไหน

หลังจากการเจรจามาราธอนในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทางอิหร่านและมหาอำนาจ 5+1 อันประกอบด้วยอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐฯ บวกกับเยอรมนี ก็สามารถฝ่าทางตันที่เผชิญหน้ากันมานานกว่า 12 ปีเมื่อวันที่ 2 เมษายน ด้วยการเห็นพ้องกรอบข้อตกลงจำกัดศักยภาพนิวเคลียร์ของอิหร่าน

อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยังจำเป็นต้องคลี่คลายประเด็นทางเทคนิคอันยุ่งยากต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงก้าวย่างแห่งการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ขณะที่เส้นตายสำหรับบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์กำหนดไว้ในวันที่ 30 มิถุนายน โดยในเรื่องนี้ทาง ซารีฟ คิดว่า "เราขยับเข้าใกล้ข้อตกลงแล้ว" แต่ยังจำเป็นต้องร่างเนื้อหาก่อน

เพื่อให้บรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ นายซารีฟ บอกว่าสหรัฐและเพื่อนๆในยุโรปของเราบางประเทศ ควรเปลี่ยนจุดยืนต่อมาตรการคว่ำบาตร หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทันทีที่ลงนามในข้อตกลงใดๆ แต่ชาติมหาอำนาจบอกว่าจะค่อยๆปลดเปลื้องมาตรการคว่ำบาตร และประสงค์ให้มีกลไกเพื่อรับประกันว่าจะสามารถคืนสถานะการคว่ำบาตรเตหะรานทันที หากอิหร่านผิดคำพูด

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องประเทศต่างๆที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์ ใช้แนวทางเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการปลดเปลื้องมาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้น และชี้ว่ายังมีงานให้ต้องทำอีกมาก


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043181

 

ศาลญี่ปุ่นสั่งห้ามเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 แห่งใน จ.ฟูกูอิ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2558 16:41 น.



@เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 4 หน่วยของโรงไฟฟ้าทาคาฮามะ จ.ฟูกูอิ ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท คันไซ อิเล็กทริก เพาเวอร์

รอยเตอร์ – ศาลญี่ปุ่นมีคำสั่งวันนี้ (14 เม.ย.) ให้ระงับแผนเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 แห่งในจังหวัดฟูกูอิ โดยอ้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ยังขาดความน่าเชื่อถือ และทำให้ความพยายามของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่จะเร่งรัดฟื้นฟูพลังงานนิวเคลียร์หลังภัยพิบัติฟูกูชิมะผ่านพ้นไปแล้วเกือบ 4 ปี ต้องชะงักงันอีกครั้ง

เป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 1 ปีที่ศาลญี่ปุ่นคัดค้านการเปิดใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของบริษัท คันไซ อิเล็กทริก เพาเวอร์

ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 และ 4 ของโรงไฟฟ้าทาคาฮามะ จ.ฟูกูอิ โดยอ้างว่าผู้บริหารไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงแผ่นดินไหว ไม่ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น และยังขาดแผนอพยพที่น่าเชื่อถือด้วย

สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า ศาลได้พิเคราะห์เห็นว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าทาคาฮามะซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียวยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ และเกณฑ์ของผู้ตรวจสอบนิวเคลียร์ก็ “ขาดความสมเหตุสมผล”

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทาคาฮามะซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลของจังหวัดฟูกูอิ ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยโดยสำนักงานกำกับนิวเคลียร์ญี่ปุ่นแล้ว และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ภายในปีนี้

คันไซ อิเล็กทริก ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คำสั่งศาล แต่คงต้องใช้เวลาดำเนินการอีกหลายเดือนหรืออาจจะหลายปีกว่าจะรู้ผล ซึ่งจะทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ต้องสูญเสียรายได้นับร้อยๆ ล้านดอลลาร์

นายกรัฐมนตรี อาเบะ เชื่อว่า การเปิดใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าตอบสนองความต้องการในญี่ปุ่นได้ถึง 1 ใน 3 คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยให้หลุดพ้นจากภาวะซบเซาที่ดำเนินมานานถึง 2 ทศวรรษ

 

IS โฆษณาชวนเชื่อใหม่ ขู่ก่อวินาศกรรมสหรัฐฯ ซ้ำรอย 9/11
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2558 03:01 น. (แก้ไขล่าสุด 14 เมษายน 2558 10:54 น.)



เทเลกราฟ - เว็บไซต์ข่าวดังของอังกฤษรายงานในวันจันทร์ (13 เม.ย.) ว่าสื่อสังคมออนไลน์ของพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ดำเนินแผนโฆษณาชวนเชื่อใหม่ ด้วยการขู่ก่อวินาศกรรม 9/11 ซ้ำรอยและนำสงครามสู่อเมริกา

เทเลกราฟรายงานว่า โฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวใช้แฮชแท็ก #WeWillBurnUSAgain มาพร้อมกับการรวบรวมวิดีโอเก่าๆ ที่มีผู้เข้าชมล้นหลามของไอเอส ในนั้นรวมถึงคลิปฆ่าตัดศีรษะเจมส์ โฟลีย์ และสตีฟ ซอลฟ์ สองผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน

“อเมริกาคงคิดว่าตัวเองปลอดภัยเพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์” เสียงบรรยายระบุ “ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรุกรานผืนแผ่นดินของมุสลิม และคิดว่าเหล่านักรบของญิฮัดคงไม่อาจไปถึงดินแดนของพวกเขา ทว่า ความฝันเกี่ยวกับความปลอดภัยของอเมริกันชน เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา”

แฮชแท็กโฆษณาชวนเชื่อนี้ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธที่แล้ว (8 เม.ย.) และแผ่ขยายไปในวงกว้างในบัญชีทวิตเตอร์ที่ฝักใฝ่ไอเอส ก่อนที่ในวันเสาร์ (11 เม.ย.) จะมีคำเรียกร้องให้ก่อเหตุโจมตีแบบฉายเดี่ยว (lone wolf) หรือโจมตีอื่นๆ ต่ออเมริกา

I นอกเหนือจากเรียกร้องให้โจมตีซ้ำรอยโศกนาฏกรรม 9/11 ในวิดีโอยังเผยแพร่ภาพการฆ่าตัดศีรษะหมู่ตัวประกันในซีเรีย และการสนทนาเกี่ยวกับบทบาทของนายอาห์เมด คูลิบาลี มือโจมตีชาวฝรั่งเศสที่ยิงตัวประกัน 4 คนที่ซูเปอร์มาร์เกตโคเชอร์ในกรุงปารีสเมื่อเดือนมกราคม

คูลิบาลีซึ่งถูกวิสามัญฆาตกรรม ณ จุดเกิดเหตุ อ้างตัวว่าเป็นพันธมิตรกับพวกรัฐอิสลาม แต่ไม่มีการพาดพิงถึงเพื่อนของเขา สองพี่น้องคูอาชี ซึ่งลงมือโจมตีนิตยสารชาร์ลี เอ็บโด ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากพวกเขาอ้างเป็นพันธมิตรกับอัลกออิดะห์

คำขู่ในวิดีโอยังส่งสารเตือนให้ตระหนักถึงอำนาจของไอเอสและอัลกออิดะห์ในการจูงใจเหล่าสาวกทั่วโลกให้ก่อเหตุโจมตีแบบฉายเดี่ยวหรือกระจัดกระจายในโลกตะวันตก ขณะเดียวกันมันเผยแพร่ภาพทหารอเมริกันที่ได้รับบาดเจ็บและพิการจากอดีตสงครามในตะวันออกกลาง รวมถึงตัดต่อภาพของบารัค โอบามา เป็นปีศาจร้าย

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งโฆษณาชวนเชื่อชุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์บางอย่างของไอเอส ที่เดิมทีจะพุ่งเป้าเฉพาะแค่สงครามใกล้ตัวในซีเรียและอิรักเท่านั้น ตรงข้ามกับอัลกออิดะห์ที่ให้ความสำคัญกับการทำสงครามกับพวกชาติตะวันตกที่อยู่ห่างไกล

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042899

 

อังกฤษส่งบินขับไล่สกัด บินรัสเซียประชิดน่านฟ้า



อังกฤษส่งเครื่องบินขับไล่บินขึ้นสกัดเครื่องบินรบของรัสเซีย2ลำ ที่บินเฉียดประชิดน่านฟ้า ไม่กี่ชั่วโมงหลังเรือรบรัสเซียถูกกองทัพเรืออังกฤษเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดขณะแล่นผ่านช่องแคบอังกฤษ

วันพุธ 15 เมษายน 2558 เวลา 04:30 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่15เม.ย.ว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า เครื่องบินขับไล่ของหน่วยควิก รีแอ็กชั่น อะเลิท ไทฟูน ได้บินขึ้นจากฐานทัพอากาศลอสซี่เมาธ์ ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ เพื่อสกัดเครื่องบินรบของรัสเซีย2ลำ ที่บินเข้ามาเฉียดน่านฟ้าของอังกฤษเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ทั้งนี้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้ากองทัพเรืออังกฤษได้เฝ้าจับตาดูเรือรบ3ลำของรัสเซียอย่างใกล้ชิด หนึ่งในนั้นคือ เรือพิฆาตชั้นอูดาลอย ที่กำลังแล่นผ่านช่องแคบอังกฤษมุ่งหน้าไปยังแอตแลนติกเหนือเพื่อร่วมซ้อมรบการป้องกันทางอากาศและปราบเรือดำน้ำ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศจากวิกฤตยูเครนและการไต่สวนคดีการเสียชีวิตของนายอเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก อดีตสายลับรัสเซีย

แม้ปกติรัสเซียจะนำเรือรบเดินทางผ่านช่องแคบอังกฤษเป็นประจำและขออนุญาตอย่างถูกต้องก็ตาม แต่ประเทศในกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ต่างกังวลว่ามอสโกกำลังสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศในแถบยุโรปตะวันออก ซึ่งอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

ด้านนายเจมส์ นิกซีย์ หัวหน้าสถาบันแชทแฮม เฮาส์ แผนกรัสเซียและยูเรเซีย เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้อังกฤษรู้ว่า กองทัพรัสเซียยังคงแสนยานุภาพอยู่ ทั้งนี้เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้วเรือเซเวโรมอร์สก์ ซึ่งเป็นเรือปราบเรือดำน้ำ เป็นหนึ่งในเรือรบ4ลำของรัสเซียที่เดินทางผ่านช่องแคบอังกฤษ ขณะที่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทางการอังกฤษได้เรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงลอนดอนเข้าพบหลังเครื่องบินทิ้งระเบิดตูโปเลฟ ตู-95ของรัสเซียบินเฉียดน่านฟ้าของประเทศ

อังกฤษส่งบินขับไล่สกัด บินรัสเซียประชิดน่านฟ้า | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกชลอตัวเติบโต7%



ภาวะเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกของปี 2558 มีการเติบโตลดลงอยู่ที่ร้อยละ 7 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ

วันพุธ 15 เมษายน 2558 เวลา 09:52 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อวันที่ 15เม.ย.ว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตร้อยละ7.0 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เป็นไปตามคาด แต่ยังคงเป็นอัตราการชลอตัวมากที่สุดในรอบ6ปี ซึ่งก่อนหน้านี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดหมายว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของจีน จะเติบโตร้อยละ7 ในช่วงระหว่างเดือนม.ค.ถึงมี.ค.เมื่อเทียบกับปีก่อน

ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปี2557 เศรษฐกิจจีนยังเติบโตร้อยละ7.3 ขณะที่ภาคการผลิตของโรงงานจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ในเดือนมี.ค.จากเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ร้อยละ6.9 สำหรับภาคการลงทุนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักขยายตัวร้อยละ 13.5เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นักวิเคราะห์คาดหมายว่าเพิ่มร้อยละ 13.8

จากข้อมูลดังกล่าวเท่ากับเป็นการสนับสนุนคำทำนายที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตลดลงอยู่ที่ร้อยละ7ในปีนี้ซึ่งถือเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ25ปี


เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกชลอตัวเติบโต7% | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปินส์ปรามจีนอ้างสิทธิ์ทะเลจีนใต้ สร้างความกลัว



ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เตือนการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเหนือดินแดนทั้งหมดในทะเลจีนใต้ อาจก่อให้เกิดความหวาดกลัวไปทั่วโลก

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 18:53 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่14เม.ย.ว่าประธานาธิบดีเบนิกโน อาคีโนผู้นำฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์พิเศษที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงมะนิลาเมื่อวันอังคารว่าความพยายามของจีนที่จะอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองดินแดนทั้งหมดในทะเลจีนใต้อาจจุดชนวนให้บังเกิดความกลัวไปทั่วโลกทั้งนี้ การถมทะเลบริเวณแนวประการังและเกาะต่างๆ ในพื้นที่ขัดแย้งของทะเลจีนใต้และการกระทำอื่น ๆที่เป็นการยืนยันอธิปไตยของจีนถือเป็นภัยคุกคามต่อการเข้าถึงเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศและพื้นที่ประมงด้วย

ผู้นำฟิลิปปินส์เตือนด้วยว่า ขณะที่เขาเองก็ไม่เชื่อว่าจีนมีเจตนาที่จะจุดชนวนความขัดแย้งทางทหารจากกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับฟิลิปปินส์และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น

จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ทั้งหมดของทะเลจีนใต้ซึ่งรวมทั้งพื้นที่หลายแห่งใกล้ชายฝั่งของประเทศเอเชียอื่นๆ โดยใช้เส้นเขตแดนที่ปรากฏอยู่ในแผนที่ของจีนตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่1940

ฟิลิปปินส์,เวียดนาม,มาเลเซีย,บรูไนและไต้หวันต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ทับซ้อนแห่งนี้เช่นกัน

ปินส์ปรามจีนอ้างสิทธิ์ทะเลจีนใต้ สร้างความกลัว | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปลาขึ้นอืดตายเกลื่อนทะเลสาบริโอเดอจาเนโร



เจ้าหน้าที่บริษัทกำจัดสิ่งปฏิกูลของนครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ช่วยกันช้อนปลาที่ลอยขึ้นมาตายเกลื่อนทะเลสาบของเมือง ซึ่งจะใช้เป็นสนามแข่งพายเรือในกีฬาโอลิมปิก2559

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 21:11 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่14เม.ย.ว่า ปลานับพันตัวลอยขึ้นมาตายเกลื่อนภายในทะเลสาบของนครริโอเดอจาเนโร ด้านเจ้าหน้าที่จากบริษัทกำจัดสิ่งปฏิกูลต้องช่วยกันช้อนปลาที่ลอยอืดตายออกจากทะเลสาบ ซึ่งเกิดขึ้นมานานหลายวันแล้ว

ขณะที่สำนักเลขาธิการสิ่งแวดล้อมของนครริโอเดอจาเนโรแถลงว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากฝนที่ตกลงมาและน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้อุณหภูมิน้ำในทะเลสาบลดลง รวมทั้งยืนยันว่าปลาที่ลอยขึ้นมาตายนั้นเป็นปลาทเวท ชาท ที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทำให้ปลาตาย ขณะที่ค่าอ็อกซิเจนในน้ำยังอยู่ในระดับปกติ

เหตุปลาลอยตายในทะเลสาบของเมืองเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่ามีขยะและสิ่งปฏิกูลจำนวนมากถูกทิ้งลงในทะเลสาบ ขณะที่ทะเลสาบแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามแข่งขันกีฬาพายเรือในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี2559 ซึ่งประเทศบราซิลรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ โดยในแต่ละปีจะมีปลาลอยตายเป็นจำนวนหลายครั้งเยอะบ้างน้อยบ้าง

คุณภาพน้ำในทะเลสาบนครริโอเดอจาเนโรกลายเป็นประเด็นโต้เถียงกัน โดยคณะกรรมการโอลิมปิกเรียกร้องให้บราซิลปรับปรุงคุณภาพน้ำภายในอ่าวกวนนาบาราและเส้นทางน้ำที่ใช้สำหรับแข่งขันกีฬาทางน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ สร้างความวิตกกังวลให้กับนักกีฬาเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย

ปลาขึ้นอืดตายเกลื่อนทะเลสาบริโอเดอจาเนโร | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไอเอ็มเอฟเตือน ศก.โลกปีหน้า ประเทศกำลังพัฒนายังแย่



ไอเอ็มเอฟ เตือนเศรษฐกิจโลกปีหน้า เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ยังมีความไม่แน่นอนในหลายประเทศ ภาพรวมของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา ชะลอตัว

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 21:23 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนิวยอร์ก สหรัฐเมื่อวันที่ 14เม.ย.ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟเตือนเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนในหลายประเทศและภูมิภาคโดยเมื่อเทียบกับปี 2557แล้ว ภาพรวมของประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังปรับตัวดีขึ้นแต่อัตราการขยายตัวในประเทศเกิดใหม่และกำลังพัฒนานั้นคาดว่าจะชะลอตัว นอกจากนี้เศรษฐกิจของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันบางประเทศก็มีแนวโน้มอ่อนตัวในปีนี้

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ดูเหมือนจะอยู่ที่ร้อยละ3.5สอดคล้องกับการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาแม้ว่าภาพรวมในปี 2558นี้จะชะลอตัว แต่ไอเอ็มเอฟก็แถลงว่า การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่คาดว่าจะกลับมาดีขึ้นในปี2559ซึ่งก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ3.8 ในปีหน้า

รายงานของไอเอ็มเอฟคาดว่า สำหรับเศรษฐกิจของบราซิล,รัสเซีย และยูเครนซึ่งทั้งหมดกำลังหดตัวในปีนี้ยังจะปรวนแปรส่วนอินเดียคาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ7.5 ในปีนี้และปีหน้า

ไอเอ็มเอฟเตือน ศก.โลกปีหน้า ประเทศกำลังพัฒนายังแย่ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ศาลญี่ปุ่นระงับเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์



ศาลญี่ปุ่นสั่งระงับการเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์2แห่งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลังสำนักงานควบคุมนิวเคลียร์ญี่ปุ่นไฟเขียวสั่งให้กลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 22:19 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่14เม.ย.ว่า ศาลในจังหวัดฟุกุอิ ทางตอนกลางของญี่ปุ่นมีคำสั่งระงับการเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข3และ4ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทาคาฮามาออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว หลังประชาชนในพื้นที่ยื่นคำร้องต่อศาล เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้

ทั้งนี้เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาสำนักงานควบคุมนิวเคลียร์ญี่ปุ่น(เอ็นอาร์เอ) มีคำสั่งให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทาคาฮามากลับมาเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมกับยืนยันว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทาคาฮามาผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ หลังเกิดวิกฤติโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะที่ถูกคลื่นสึนามิซัดถล่มเมื่อปี2554

ขณะที่ศาลให้เหตุผลว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงงานยังขาดความปลอดภัยและมาตรฐานของเอ็นอาร์เอที่กำหนดมานั้นไม่สมเหตุสมผล ทั้งนี้เตาปฏิกรณ์อาจได้รับความเสียหายหากเกิดแผ่นดินไหวแม้จะเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

ด้านบริษัทคันไซ อิเล็กทริก ผู้ควบคุมการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกมาตอบโต้คำตัดสินของศาลว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าและรับไม่ได้ที่สุด รวมทั้งเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์ ส่วนทนายความของโจทก์ออกมาบอกว่า คำตัดสินนี้ถือเป็นชัยชนะของกลุ่มผู้สนับสนุนต่อต้านการเปิดเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขณะที่กลุ่มกรีนพีซกล่าวว่า คำตัดสินครั้งนี้น่าจะมีผลต่อคดีอื่น ที่กำลังรอคำตัดสินของศาลขอให้ระงับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ศาลญี่ปุ่นระงับเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

โดรนพิฆาตสังหารแกนนำอัล-กออิดะห์



กลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ประจำเยเมน เผยแกนนำคนสำคัญของกลุ่มถูกฆ่าตายแล้วหลังถูกโดรนพิฆาตโจมตี เผยเป็นคนสัญชาติซาอุฯ มีค่าหัว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 160 ล้านบาท)

วันพุธ 15 เมษายน 2558 เวลา 01:37 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานาประเทศเยเมน เมื่อวันที่15เม.ย.ว่ากลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ประจำเยเมนออกแถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ว่านายอิบราฮิม อัล-รูไบช์แกนนำคนสำคัญของกลุ่มเสียชีวิตแล้ว จากการโจมตีด้วยโดรนพิฆาตเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพร้อมกับสมาชิกของกลุ่มอีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อว่าเป็นใครและไม่ได้ระบุสถานที่โจมตีในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเยเมนและสหรัฐก็ยังไม่ได้แสดงความเห็นอะไรในเรื่องนี้

นายอัล-รูไบช์เป็นบุคคลสัญชาติซาอุดีอาระเบียอายุกว่า 30ปีได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกัวตานาโมเมื่อปี 2549หลังจากนั้นได้เข้าร่วมกลุ่มอัล-กออิดะห์ในเยเมนถือว่าเป็นแกนนำคนสำคัญด้านอุดมการณ์และที่ปรึกษาด้านศาสนศาสตร์มีค่าหัว 5ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว160ล้านบาท)ตามประกาศในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐและเมื่อปีที่แล้วเขาได้กล่าวชื่นชมการที่กลุ่มหัวรุนแรงไอเอส บุกเข้ายึดพื้นที่ส่วนหนึ่งในประเทศอิรักและซีเรีย

หากการโจมตีด้วยโดรนพิฆาตได้รับการยืนยันว่าเป็นจริงก็จะถือว่าเป็นครั้งแรกที่การโจมตีด้วยอากาศยารไร้คนขับหรือ โดรน ประสบผลสำเร็จนับตั้งแต่เยเมนตกอยู่ในภาวะวุ่นวายทางการเมืองเมื่อเดือนที่แล้วทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำของชาติพันธมิตรเปิดฉากโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่26มี.ค.ที่ผ่านมาเพื่อขับไล่กลุ่มชาวชีอะห์หรือที่เรียกว่า กบฏฮูตีออกไปจากเยเมน


โดรนพิฆาตสังหารแกนนำอัล-กออิดะห์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐประท้วงถูกบินรบรัสเซียแหย่กลางอากาศ



กลาโหมสหรัฐออกโรงประท้วงรัสเซียส่งเครื่องบินรบโฉบแหย่เครื่องบินสอดแนมของตนกลางอากาศ เหนือเขตน่านฟ้าสากล

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 11:14 น.
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรับอเมริกา เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า พันเอกสตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐออกมาแสดงความวิตกกังวลอย่างมาก ต่อรัฐบาลรัสเซีย หลังเครื่องบินรบ “เอสยู-27 แฟลนเคอร์” ของกองทัพอากาศรัสเซียบินเข้ายุแหย่เครื่องบินสอดแนม “อาร์ซี-135 ยู”ของกองทัพอากาศสหรัฐ บริเวณน่านฟ้าสากลเหนือทะเลบอลติก

เครื่องบินรบของกองทัพมอสโกบินเข้ามาใกล้เครื่องบินสอดแนมสหรัฐพร้อมม้วนตัวหนึ่งครั้งให้ดูด้านหน้า จากนั้นจึงบินเฉียงแสดงให้ดูบริเวณใต้ท้องเครื่องว่า ตนติดอาวุธ ก่อนจะผละจากไป ทั้งนี้ พันเอกวอร์เรนเผยว่า เขายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการกระทำยั่วยุดังกล่าวว่า เป็นเพราะนักบินรัสเซียอ่อนหัดหรือต้องการที่จะพิสูจน์สิ่งใดกับเครื่องบินสหรัฐ จนเกือบจะต้องพุ่งเข้าชนกันกลางอากาศ

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศทวีความตึงเครียด เนื่องจากสถานการณ์การรุนแรงในประเทศยูเครน ซึ่งมีมหาอำนาจตะวันตกและรัสเซียเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้ง โดยครั้งนี้สหรัฐตำหนิว่า การกระทำของนักบินรัสเซียเพียงคนเดียวเป็นการเพิ่มความขัดแย้งระหว่างกันอย่างไม่จำเป็น

สหรัฐประท้วงถูกบินรบรัสเซียแหย่กลางอากาศ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จีนยกระดับมาตรการความมั่นคงต้านก่อการร้าย



จีนเตรียมยกระดับมาตรการด้านความมั่นคงอีกรอบ โดยจัดตั้งฐานข้อมูลประชาชนเชื่อมโยงข้อมูลบันทึกการใช้บัตรเครดิตและเพิ่มกำลังการตรวจตราตามสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 13:47 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า รัฐบาลจีนเตรียมยกระดับมาตรการด้านความมั่นคงของประเทศอีกรอบ โดยการจัดตั้งฐานข้อมูลประชาชน ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลบันทึกการใช้บัตรเครดิตไว้ด้วยกัน รวมทั้งยังออกกฎให้ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนเมื่อเข้าพักที่โรงแรม ซื้อสินค้ามือสอง ปรับโฉมรถยนต์และเมื่อเข้าใช้บริการเพื่อความบันเทิงหลากหลายประเภท ซึ่งไม่ได้รับการระบุชัดเจนว่า เป็นประเภทใดบ้าง

จีนกล่าวว่า มาตรการเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่รัฐใช้ต่อต้านภัยคุกคามจากการก่อการรร้าย ความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมทั้งกิจกรรมของพวกกลุ่มหัวรุนแรงด้วย นอกจากนี้ ยังประกาศให้รัฐบาลท้องถิ่นหันมาใช้กล้องวงจรปิดกันมากขึ้นเพื่อสอดส่องวิถีชีวิตประชาชน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประกาศใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ให้อำนาจรัฐบาลสอดแนมพื้นที่ต่างๆโดยการใช้กล้องวงจรปิดได้มากขึ้น และยังสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจตราบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น สถานีรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดินและบนดิน โรงเรียน โรงพยาบาลและธนาคารอีกด้วย

จีนยกระดับมาตรการความมั่นคงต้านก่อการร้าย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เด็กนับล้านในเซียร์ราลีโอนกลับร.ร.หลังปิดหนีอีโบลา 8 เดือน



เด็กนักเรียน 1.8 ล้านคนในเซียร์ราลีโอน กลับไปเรียนหนังสือตามปกติเมื่อวันที่ 14 เม.ย. หลังปิดเรียนไป 8 เดือน เนื่องจากเกิดการระบาดของไวรัสอีโบลา

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 17:15 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฟรีทาวน์ประเทศเซียร์ราลีโอน เมื่อวันที่14เม.ย.ว่า เด็กจำนวน 1.8ล้านคนในเซียร์ราลีโอนกลับเข้าเรียนอีกครั้ง หลังจากทางการต้องปิดโรงเรียนไปนานถึง8 เดือนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสอีโบลา ทั้งนี้ ห้องเรียนว่างเปล่าตั้งแต่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสอีโบลาที่คร่าชีวิตผู้คนราว 10,500ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเซียร์ราลีโอน,ไลบีเรียและกินี

นายโรแลนด์โมนาช ผู้แทนกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ)กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เด็กนักเรียนทั้งหมดต้องกลับไปเรียนหนังสือรวมทั้งพวกเด็กที่หยุดเรียกก่อนการระบาดของอีโบลาและว่า การศึกษาเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูประเทศ เดิมเซียร์ราลีโอนมีกำหนดเปิดเรียนวันที่30 มี.ค.แต่ยังมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีกทำให้ต้องเลื่อนเป็น 14เม.ย. สำหรับเซียร์ราลีโอนมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสอีโบาลากว่า3,800 รายซึ่งเป็นรายงานจากองค์การอนามัยโลก

เด็กนับล้านในเซียร์ราลีโอนกลับร.ร.หลังปิดหนีอีโบลา 8 เดือน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เปโตรบราสบราซิลเตรียมเผยข้อมูลบัญชี



"เปโตรบราส" รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอเมริกาใต้ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบราซิลเตรียมเปิดเผยข้อมูลบัญชี หลังล่าช้ามาแล้วกว่า 5 เดือน เนื่องจากข่าวฉาวเอี่ยวคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ของประเทศ

วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 10:35 น.
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า "เปโตรบราส" รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอเมริกาใต้ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบราซิล เตรียมเปิดเผยข้อมูลบัญชีในไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2557 และข้อมูลบัญชีทั้งปี 2557 ในการประชุมผู้บริหารที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ หลังจากที่การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวล่าช้าไปมากกว่า 5 เดือนแล้ว เนื่องจากเกี่ยวพันกับการทุจริตครั้งใหญ่ของประเทศ

เปโตรบราสจะต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ทันภายในช่วงก่อนสิ้นเดือนหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่มีมูลค่าสูงถึง 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.8 ล้านล้านบาท)ในรูปแบบของพันธบัตร โดยในอดีตบริษัทได้เลื่อนการเปิดเผยข้อมูลออกไปเรื่อยๆโดยอ้างว่า เกิดความผิดพลาดในระบบการชำระเงินให้กับสินทรัพย์และผู้ทำสัญญาจ้างอื่นๆ โดยเงินที่จ่ายเกินออกไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศ รวมทั้งประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ผู้นำบราซิลคนปัจจุบันด้วย

เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้วบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีชื่อดังของโลก ไม่ยอมรับรองข้อมูลทางการเงินของเปโตรบราส เนื่องจากข่าวฉาวเกี่ยวกับการพัวพันการคอร์รัปชั่นและการฟอกเงิน ส่วนการเปิดเผยข้อมูลบัญชีล่าช้าในครั้งนี้เจ้าหน้าที่เผยว่า มีปัจจัยหลักคือ การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่มีอยู่และการประเมินความเสียหายของบริษัทที่เกิดจากข่าวฉาวประสบความล้มเหลว

เปโตรบราสบราซิลเตรียมเผยข้อมูลบัญชี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จีนคุมเข้มเข้าฮ่องกง เหตุกระทบเศรษฐกิจ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 เม.ย. 2558 03:35


(ภาพ: AP Photo)

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเมืองเสิ่นเจิ้นของจีน ประกาศยกเลิกวีซ่าอนุญาตชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้าออกเขตบริหารพิเศษเกาะฮ่องกงได้มากกว่า 1 ครั้ง และจำกัดให้ชาวจีน ข้ามไปยังฝั่งฮ่องกงได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เมื่อ 13 เม.ย. หลังกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงเดินขบวนต่อต้านพฤติกรรมของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่แห่เข้าไปซื้อและกักตุนสินค้าประเภทต่างๆ ทั้งนม อาหารเสริมทารก เครื่องสำอาง และยา ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า รวมถึงกระทบต่อระบบการผลิตและเศรษฐกิจภายในเกาะฮ่องกง

วันเดียวกัน สำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ปฏิเสธคำร้องของรัฐบาลไต้หวันที่ต้องการสมัครเป็นสมาชิกก่อตั้งของธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) กิจการใหม่ของรัฐบาลจีน โดยระบุว่าเอไอไอบีจะอนุมัติสถานะสมาชิกทั่วไปให้แก่ไต้หวัน แต่นายชาลส์ เฉิน โฆษกสำนักประธานาธิบดีไต้หวัน ระบุว่าไต้หวันอาจยกเลิกการสมัครเป็นสมาชิกเอไอไอบี หากไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับสมาชิกรายอื่น.

จีนคุมเข้มเข้าฮ่องกง เหตุกระทบเศรษฐกิจ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์