ติดตามสถานะการณ์

สำหรับเพนกวินที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้น คุณแม่ก็ชี้ว่า การไม่ได้ประกันตัวส่งผลต่อการเรียนของลูกชาย “เราเจออาจารย์ของกวิน เขาก็บอกว่าเปิดสงกรานต์มาก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว เท่ากับเทอมนี้เพนกวินน่าจะไม่ได้เรียน แม่คงต้องไปทำเรื่องดร็อปด้วย เพราะวิชาที่ลูกเรียนไม่ใช่แค่อ่านแล้วสอบจากในคุกได้อย่างเดียว เพราะมีคะแนนเก็บเข้าเรียน สอบย่อย งานกลุ่ม ซึ่งเพนกวินได้ศูนย์หมด ก็ไม่รู้จะสอบไฟนอลได้ไหม หนังสือเรียนที่ส่งเข้าไปเขาก็เข้มงวดมากๆ แม่ก็คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้สอบ”
----
BRIEF: เพนกวิน พริษฐ์ อดอาหารประท้วงครบ 30 วัน ครอบครัวเผยน้ำหนักลดลงเกือบ 20 กิโลฯ ขณะที่รุ้ง ปนัสยาเอง ก็อดอาหารครบ 16 วันแล้ว
.
อดอาหารประท้วง หนึ่งในวิธีการเรียกร้องด้วยสันติวิธีซึ่งมีนักเคลื่อนไหวนำมาใช้ในหลายๆ สถานการณ์ โดยตอนนี้ เพนกวิน พริษฐ์ และรุ้ง ปนัสยา แกนนำคณะราษฎร ผู้ต้องขังคดี ม.112 จากการชุมนุม 19 กันยา ก็ได้อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัว ซึ่งวันนี้ ถือว่าครบ 1 เดือน หรือ 30 วัน ที่เพนกวินประกาศประท้วงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการอดอาหาร ขณะที่รุ้งเอง ก็อดอาหารมาถึงวันที่ 16 แล้ว หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกันตัว และการต่อสู้คดี
.
เพนกวิน ประกาศอดอดหารในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา หลังศาลอาญาได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ และยกระดับหลังอดอาหารในวันที่ 8 จากการประทังชีวิตด้วยน้ำ นม และน้ำหวาน เหลือเพียงน้ำเปล่า และเกลือแร่เท่านั้น โดยจากบันทึกของทนาย อาการของเพนกวินหลังเริ่มอดอาหารนั้น มีอาการอ่อนล้า เหนื่อยมากขึ้น ง่วงนอน อ่อนเพลีย เคลื่อนไหวได้ช้าลง และต้องนั่งรถเข็น โดยมีสายน้ำเกลือดังภาพที่ปรากฏเวลาเดินทางจากเรือนจำมายังศาล
.
ในช่วงสงกรานต์ที่เป็นวันครอบครัว แม่สุรีรัตย์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวินเล่าให้ The MATTER ว่า ครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน และน้องสาวของเพนกวิน ได้ตัดสินใจ อดอาหารในช่วงเทศกาลนี้ ไปพร้อมๆ กับพี่ชาย เนื่องจากคิดถึงพี่ชาย จากที่สัปดาห์ก่อน ที่น้องสาวเริ่มอดสัปดาห์ละ 1 วัน ซึ่งสำหรับการพบเจอเพนกวินนั้น คุณแม่เล่าว่า ได้เจอล่าสุดคือวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา แต่เขาก็ไม่ให้ครอบครัวเข้าตึก หรือพูดคุย
.
“วันนั้น ทนายบอกจะไปขออนุญาตศาลให้ผู้ปกครองเข้า เราก็นั่งรอกับพื้นอย่างเงียบๆ จนตอนหลังรู้ว่า ทนายไปขอหลายรอบ ศาลก็ไม่อนุญาตให้แม่เข้าไปพบ พอน้องๆ รวมถึงกวินเข้ามา เขาก็กันไม่ให้ทักทายผู้ปกครอง รีบเอาตัวเข้าไปในห้อง ทุกคนโดนเหมือนกันหมด เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ทนายน่าจะขอให้เข้าไปเจอได้อย่างน้อย 15 นาที เพราะครั้งก่อนศาลท่านยังให้ ทั้งครั้งนี้ไม่ใช่การพิสูจน์หลักฐาน เป็นการพิจารณาคดีด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้า”
.
“เพนกวินยังอยู่บนรถเข็นที่มีน้ำเกลือตลอด มีครั้งนึงเราพยายามขอยื่นมือไปจับแขนลูก แขนลูกเย็นมาก หลังจากนั้นเราเลยขออนุญาตขอจับเท้าน้อง เพราะไม่รู้ว่าเท้าเย็นด้วยไหม พอยื่นมือไป เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้ เราก็ถามว่า อย่างนั้นจับให้เราได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่ได้ เดี๋ยวติดโควิด เขาก็ไม่ให้ทำ ตอนนั้นเพนกวินก็เอาขาลงจากเก้าอี้ ไม่ยอมให้เข็นเข้าไป เราก็บอกลูกว่า ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวศาลก็อนุญาตให้เข้าไปได้ เดี๋ยวแม่ตามเข้าไป แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ตามลูกเข้าไป แม้วันนั้นเราจะไม่โต้เถียง แต่เขาก็ไม่เมตตาเรา”
.
ระหว่างการอดอาหาร มีข้อมูลว่าเพนกวินนั้นผอมลง และน้ำหนักลดลงไป แม่สุเองก็บอกว่า ตอนนี้ น้ำหนักเพนกวินลงไปมากกว่า 10 กิโลฯ และอาจจะเฉียด 20 กิโลฯ แล้ว “วันนั้นที่มีข่าวไม่ดี ที่มีคนปล่อยข่าว มีรูปน้องนอนบนเตียง มีพระสวด แม่ก็อยู่ไม่ได้ ก็ไปที่เรือนจำ มันเป็นวันหยุดสงกรานต์ แม่ก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าป้องกันคนเข้าใจผิด ขออนุญาตให้ราชฑัณฑ์อัพเดทข่าวลูกเราหน่อย เพื่อให้คนข้างนอกมีความมั่นใจ เขาจึงยอม ราชทัณฑ์ก็ยืนยันกับเราว่าเพนกวินยังปกติ ปลอดภัยดี เราก็เชื่อมั่นในคำพูดของเขานะ และเขาเองก็ยังบอกว่าชั่งน้ำหนักแล้ว วันนั้นก็ลดลงไปอีกกิโลกว่า คือมันลงเรื่อยๆ เพราะเขาไม่ได้ทานอะไร และรูปทรงหน้าเขา แม้เขาจะใส่หน้ากาก แต่ถ้าใครเห็นก็จะรู้เลยว่า เพนกวินเปลี่ยนไป ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด”
.
สำหรับเพนกวินที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้น คุณแม่ก็ชี้ว่า การไม่ได้ประกันตัวส่งผลต่อการเรียนของลูกชาย “เราเจออาจารย์ของกวิน เขาก็บอกว่าเปิดสงกรานต์มาก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว เท่ากับเทอมนี้เพนกวินน่าจะไม่ได้เรียน แม่คงต้องไปทำเรื่องดร็อปด้วย เพราะวิชาที่ลูกเรียนไม่ใช่แค่อ่านแล้วสอบจากในคุกได้อย่างเดียว เพราะมีคะแนนเก็บเข้าเรียน สอบย่อย งานกลุ่ม ซึ่งเพนกวินได้ศูนย์หมด ก็ไม่รู้จะสอบไฟนอลได้ไหม หนังสือเรียนที่ส่งเข้าไปเขาก็เข้มงวดมากๆ แม่ก็คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้สอบ”
.
สำหรับรุ้ง ปนัสยาเอง เธอเริ่มอดอาหารวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่ของเหลว อย่างน้ำ นม และสารอาหาร ซึ่งเช่นเดียวกับแม่สุ เมย์ เมธาวี สิทธิจิรวัฒนกุล พี่สาวของรุ้งก็ได้พบน้องสาวล่าสุดในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา และไม่ได้เข้าไปเจอน้องเช่นเดียวกัน เพราะการไม่อนุญาตให้ครอบครัวเข้าห้องพิจารณาคดี “ล่าสุดที่เห็น รุ้งดูผอมลง ซูบลง แต่ยังมีเรี่ยวแรงเดินได้อยู่ มีอาการเจ็บเท้า ขากะเผลก แม้หน้าตาซูบลง แต่ก็ยังมีกำลังใจดีอยู่” เมย์เล่าให้เราฟัง
.
นอกจากตัวรุ้งเอง เมย์ก็ได้เริ่มอดอาหารไปพร้อมๆ กับน้องสาวด้วย โดยเธอเล่าว่าที่อดอาหารไม่ได้เพื่อประท้วง แต่เพื่อจะรับรู้สถานการณ์ของน้อง “พอน้องรุ้งตัดสินใจอดอาหาร เราไม่รู้ว่าวันไหนน้องเขาจะไหว หรือไม่ไหว จะมีอาการยังไง ไปถึงขีดจำกัดแค่ไหน เราเลยตัดสินใจว่า ถ้าน้องอด พี่เมย์ก็จะอดด้วย เพื่อจะดูว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างไร ปวดท้องไหม อ่อนเพลียหรือเปล่า เราจะได้รับรู้ว่าน้องยังไหวนะ มีแรงอยู่ หรือวันนี้เริ่มเวียนหัว”
.
“ตอนนี้ เมย์ก็ยังไหวอยู่ แต่การอดอาหารข้างนอกกับข้างในมันไม่เหมือนกัน อย่างเราอยู่ในบ้าน ในห้องแอร์ มีน้ำ น้ำหวานตลอดเวลา เราจะจิบเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เราไม่รู้ว่าน้องจะมีช่วงทานอาหารเป็นช่วงๆ หรือเปล่า แล้วอยู่ในนั้นเป็นห้องพัดลม ในช่วงหน้าร้อน ห้องก็แคบๆ มันจะทำให้เขามีความอ่อนแรงมากขึ้นหรือเปล่า อย่างเมย์อด มันก็มีช่วงที่เรารู้สึกไม่ไหว แต่เราก็คิดว่าถ้าเรายังไม่ไหว น้องต้องไม่ไหวก่อนหน้าเราแล้วแน่เลย เพราะในเรือนจำลำบากกว่าเราเยอะ”
.
สำหรับการใช้วิธีอดอาหาร ทั้งเมย์ และแม่สุต่างมองว่า ผู้มีอำนาจไม่ได้หันมาสนใจ หรือมีการกระทำใดๆ เลย แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของน้องสาว และลูกชาย “จริงๆ เราไม่ได้สนับสนุนการอดอาหาร แต่มันด้วยความที่เขาจะแสดงการต่อสู้ และการอยู่ในนั้นมันไม่สามารถจะแสดงออกอะไรได้มาก เขาถึงเลือกวิธีนี้ ที่เป็นการประท้วงสันติวิธี จริงๆ มันยากที่จะได้รับความเห็นใจอยู่แล้ว เพราะเขาก็ไม่ได้มาสนใจเรา เราก็อยากให้เขาหยุดนะ เพื่อรักษาร่างกายตัวเอง แต่ก็อยู่ที่ตัวของพวกเขาเหมือนกัน” โดยเมย์บอกอีกว่า ตอนนี้เธอก็ยังคงตั้งใจอดอาหารไปพร้อมๆ กับน้องเรื่อยๆ เพื่อดูสภาพร่างกายของน้อง จนกว่าร่างกายตนจะไม่ไหวจริงๆ ก็จะกลับมาทานอาหาร
.
ขณะที่แม่สุ พูดถึงความตั้งใจของลูกชายในการอดอาหารว่า “เขามุ่งมั่นมากเลย มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก แล้วเขายึดถือในอุดมการณ์ของเขามาก ทั้งๆ ที่อยู่ในนั้นก็ลำบากอยู่แล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะแสดงจุดยืน ใช้ร่างกายตัวเอง คนอื่นไม่เดือดร้อน ทำด้วยตัวเองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้เขา และเพื่อนๆ แม่ก็ว่ามันเป็นสันติวิธีของเขา ตอนแรกแม่ก็คิดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นในความตั้งใจ และมีการแสดงออกที่ดีขึ้นได้ แต่ปรากฏก็ยังไม่มีแอคชั่นอะไรเลย ทั้งๆ ที่เด็กๆ ทำขนาดนี้”
.
โดยหลังจากเทศกาลสงกรานต์ ทนายจะสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้อีกครั้งในวันที่ 16 เมษายนนี้ ซึ่งทั้งสองก็บอกเราว่า ต่างก็รอคอยที่จะได้รับการอัพเดทเรื่องราวของลูกชาย และน้องสาว
.
นอกจากการประท้วงของ 2 แกนนำในการอดอาหารเพื่อให้ได้รับสิทธิการประกันตัวแล้ว ข้างนอกก็มีกิจกรรม ยืน หยุด ขัง 112 นาที หน้าศาลฎีกา ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวมถึงในจังหวัดต่างๆ ซึ่งจัดมา 23 วันแล้ว และเมื่อวานนี้ (13 เมษายน) คณะราษมัม หรือแม่ๆ และครอบครัวของผู้ต้องขังก็ได้เข้าร่วมด้วย โดยแม่สุ ได้เสริมว่า กลุ่มแม่ๆ ได้เตรียมทำแคมเปญเช่นกัน กับกิจกรรม ยืน 112 นาที หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทุกๆ วันเสาร์ เพื่อให้ลูกๆ และครอบครัวได้รับสิทธิประกันตัว โดยจะเริ่มวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เป็นครั้งแรก
.
.
#Brief #TheMATTER

 

รายงานการติดตามสภาวะอากาศ ประจำวันที่ 14 เม.ย. 64 เวลา 19.00 น

ภาคเหนือ
มีเมฆเต็มท้องฟ้า เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนกระจายทั่วทั้งภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีเมฆเต็มท้องฟ้า เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี
ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ นครราชสีมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง
มีเมฆเต็มท้องฟ้า เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร กาญจนบุรี และ ราชบุรี ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
มีเมฆเต็มท้องฟ้า เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ. สระแก้ว ระยอง และ จันทบุรี ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้
มีเมฆเต็มท้องฟ้า เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ. เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา และ นราธิวาส
ฝั่งตะวันออก ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ฝั่งตะวันตก ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

 

April 14, 2021 ด่วน! เดนมาร์กสั่งยกเลิกฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาอย่างถาวร เป็นชาติแรกในโลก

กระทรวงสาธารณสุข เดนมาร์ก ประกาศคำสั่งยกเลิกการใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด และอย่างถาวร สาเหตุจากแม้จะมีการยืนยันจากทั้งหน่วยงานกำกับเวชภัณฑ์ในสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักรว่าในภาพรวมวัคซีนแอสตราเซเนกามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันก็ตาม

แต่ความกังวลเรื่องความเสี่ยงเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ได้รับการพิจารณาว่าเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย ส่งผลให้ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศแรกโลก และในทวีปยุโรปที่ตัดสินใจ และมีคำสั่งยกเลิกการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาอย่างถาวร เป็นเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 นายมาร์โค คาวาเลริ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์วัคซีน และเจ้าหน้าที่อาวุโส องค์กรเวชภัณฑ์ยุโรป หรือ European Medicines Agency (EMA) ให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลีชื่อดังมีชื่อว่า Il Messaggero ว่า มีความชัดเจนในความเกี่ยวข้อง หรือการเชื่อมโยงระหว่างภาวะลิ่มเลือดกับวัคซีนแอสตราเซเนกา อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อต้านวัคซีนดังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน นางจูน เรน หัวหน้าผู้บริหาร องค์กรกำกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ และเวชภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร หรือ MHRA แถลงว่า อาการหรือผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับวัคซีนแอสตราเซเนกา ยังคงเป็นกรณีที่พบได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม การทำงานที่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดภาวะลิ่มเลือดต้องดำเนินต่อไป ดังนั้น ความสมดุลย์ระหว่างประโยชน์หลายอย่างกับความเสี่ยงที่รับรู้ได้จากวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ยังคงเป็นประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่

เช่นเดียวกันกับองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า ความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 กับภาวะลิ่มเลือด มีความเป็นไปได้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ สาเหตุหนึ่งมาจากภาวะลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนนั้น เป็นกรณีที่พบได้ยากมากในจำนวนประชากรเกือบ 200 ล้านคนทั่วโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว

#โควิด19 #เดนมาร์ก #ยกเลิก #วัคซีนแอสตราเซเนกา #ยุโรป #ลิ่มเลือด #โควิดวันนี้ #BTimes

 

"คุยกับบัญชา" ญี่ปุ่นเตรียมใช้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 ใครทำผิดเตรียมแฉ ยกเลิกวีซ่า และให้ออกนอกประเทศทันที
.
#ญี่ปุ่น #มาตรการคุมการระบาด #ยกเลิกวีซ่า #บทลงโทษ #ห้ามฝ่าฝืน #เนรเทศ #โควิด19 #BTimes #คุยกับบัญชา

 

เวอร์จิเนีย

 

อุทยานฯ รายได้ลดกว่า 900 ล้าน ปี 63 นักท่องเที่ยวหาย เกือบ 7 ล้านคน
.
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานการจัดเก็บเงินรายได้ค่าบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2563 จัดเก็บรายได้ประมาณ 1,366.71 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 ประมาณ 891.93 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง มากถึง 6,909,359 คน โดยหมวดเงินรายได้ที่มีการลดลงมากที่สุด คือ “หมวดเงินค่าบริการ”
.
ทั้งนี้ ค่าบริการส่วนใหญ่มาจากอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 3 แห่ง ได้แก่ 1. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 2. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และ 3. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงถึง 1,286,345 คน ทำให้จัดเก็บค่าบริการได้น้อยลง เพียง 467.55 ล้านบาท จากยอดเกือบ 1 พันล้านบาท ในปีงบประมาณ 2562
.
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #อุทยานแห่งชาติ #ค่าธรรมเนียมอุทยาน #นักท่องเที่ยว

 

เดนมาร์กเลิกใช้วัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ กังวลความเชื่อมโยงอาการเลือดแข็งตัว

เดนมาร์กเลิกใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าถาวร กังวลผลข้างเคียงอาจทำให้เลือดแข็งตัว แต่ยังเปิดทางอาจกลับมาใช้อีกครั้ง หากมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนชนิดนี้

วันที่ 14 เมษายน 2564 เว็บไซต์บีบีซีรายงานอ้างแถลงการณ์ของหน่วยงานสาธารณสุขเดนมาร์กที่ระบุว่า ทางการเดนมาร์กจะยกเลิกการใช้งานวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) โดยถือเป็นประเทศแรกที่ประกาศยกเลิกการใช้วัคซีนชนิดนี้ถาวร

ทางการเดนมาร์กยืนยันว่า ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะนำวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากลับมาใช้ใหม่ หากมีข้อมูลความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต

ปัจจุบันเดนมาร์กฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนไปแล้วเกือบ 1 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 150,000 คน ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เดนมาร์กยังมีวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) สำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป

การยกเลิกใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของรัฐบาลเดนมาร์ก เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานด้านยาของสหภาพยุโรปยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีความเชื่อมโยงกับอาการเลือดแข็งตัว ซึ่งแม้จะมีอัตราการเกิดกรณีดังกล่าวต่ำมาก แต่หลายกรณีก็ทำให้อาการป่วยรุนแรง

การพบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้หลายประเทศในยุโรป ระงับการใช้งานวัคซีนดังกล่าวชั่วคราว ขณะที่บางชาติยืนยันจะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป แต่จำกัดอายุผู้ได้รับวัคซีนเพื่อความลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง

ขณะที่ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ พบผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) มีอาการเลือดแข็งตัว คล้ายกับที่เกิดขึ้นกับผู้ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ต้องระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันไปจนกว่าจะมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลว่า วัคซีนของทั้ง 2 บริษัทนี้อาจมีผลข้างเคียงเหมือนกัน เพราะใช้วิธีการพัฒนารูปแบบเดียวกัน

The post เดนมาร์กเลิกใช้วัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ กังวลความเชื่อมโยงอาการเลือดแข็งตัว appeared first on workpointTODAY.

Source : #workpoint #BreakingNews #News #ข่าว #ข่าวเด่น #ข่าวด่วน #ข่าวอัพเดท

 

สธ.เตรียมหารือ ศบค.ชุดเล็ก ออกมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยง ควบคุมโควิด-19 ระบาด

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมยกระดับมาตรการรับมือโควิด-19 พร้อมหารือกระทรวงสาธารณสุข ออกมาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่ เพื่อควบคุมโควิด-19 ระบาด

วันที่ 16 เม.ย.2564 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ ว่า จากการประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การควบคุมสถานการณ์ ที่อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคิรีขันธ์ และภาคตะวันออก บางจังหวัด เพื่อคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ทั้งนี้การประกาศมาตรการใดๆ ทาง ศบค.จะต้องฟังข้อมูลจากทีมงานของ สธ.เป็นหลัก

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการสั่งการเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ให้เตรียมยกระดับการคุมเชื้อโควิด โดยคณะทำงานได้เตรียมการไว้แล้ว อาทิ การยกระดับพื้นที่ที่ผ่อนคลายให้เป็นพื้นที่สีแดง แต่ ศบค.จะระวังไม่ให้กระทบกับประชาชนโดยรวม ทั้งนี้ นโยบายรายพื้นที่จะไม่ทำเหมือนทั้งประเทศ เพราะจะกระทบประชาชน โดยมีความเป็นไปได้ต่อการนำมาตรการล็อกดาวน์ไปใช้ในพื้นที่ แต่ต้องรอฟังข้อมูลจากสาธารณสุขอีกครั้ง

“มาตรการล็อกดาวน์ที่มีการหารือกัน คือ การห้ามเข้า-ออกในพื้นที่จังหวัดควบคุม หรือหมายถึงพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม แต่จากการประเมินขณะนี้ ยืนยันว่าสถานการณ์ระบาดสามารถควบคุมได้ ยังใช้การมองด้านพื้นที่ ที่ต้องเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อสูง ด้านกิจการใดที่เสี่ยงและกิจกรรมใดที่เสี่ยง” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 เม.ย.64) สธ. จะเสนอการยกระดับพื้นที่ให้ทาง ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ศบค.เป็นห่วงกลุ่มคนที่เสี่ยงติดเชื้อ หรือคนที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือคนติดเชื้อแล้วยังไปที่พื้นที่สาธารณะ จึงขอความร่วมมือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง ต้องกักตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดใหม่ ส่วนโรงพยาบาลสนามที่รัฐบาล และ ศบค. จัดเตรียมไว้ เพียงพอกับการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เตรียมการ หากมีความจำเป็นต้องยกระดับจะทำอย่างไร ซึ่งทีมงาน ศบค. เตรียมการไว้แล้ว เช่น การยกระดับพื้นที่กลับขึ้นมา เช่น พื้นที่เขียว มาเป็นพื้นที่เหลือง พื้นที่เหลือง เป็นพื้นที่ส้ม พื้นที่ส้ม เป็นพื้นที่แดง แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกับประชาชนโดยรวม จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ปัญหารายพื้นที่และกิจกรรม

The post สธ.เตรียมหารือ ศบค.ชุดเล็ก ออกมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยง ควบคุมโควิด-19 ระบาด appeared first on workpointTODAY.

Source : #workpoint #BreakingNews #News #ข่าว #ข่าวเด่น #ข่าวด่วน #ข่าวอัพเดท

 

นายกฯ ห่วง ปชช. สั่งเร่งฉีด วัคซีนโควิด-19 ขอให้มั่นใจ ไทยควบคุม-ลดจำนวนผู้ป่วยได้

นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์ โควิด-19 สั่งทุกหน่วยงานดำเนินทุกมาตรการอย่างเข้มข้น พร้อมเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน ขอให้มั่นใจไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาด และลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้รวดเร็ว

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และการเดินทางของประชาชน ตลอดช่วงวันหยุดทื่ผ่านมาด้วยความห่วงใย พร้อมสั่งทุกหน่วยงานให้ดำเนินทุกมาตรการอย่างเข้มข้น ทั้งการจัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม และเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้เพิ่มเติมมาอีกจำนวน 1,000,000 โดส ในเดือนนี้

สำหรับ แผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโดสในเดือนเมษายนนี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่สีแดง และกระจายให้กลุ่มเป้าหมายใน 77 จังหวัด ประกอบด้วย 9 จังหวัด ขนาดใหญ่พิเศษ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช

ส่วน 13 จังหวัด ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เชียงราย นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ ร้อยเอ็ด สกลนครสุรินทร์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุราษฎร์ธานี และสงขลา

และ 56 จังหวัด ขนาดเล็ก เช่น แม่ฮ่องสอนลำพูน นครนายก ลพบุรี เลย บึงกาฬ เป็นต้น

โดยแบ่งเป็น สำหรับ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า จำนวน 599,800 โดส ควบคุมโรคระบาด พื้นที่สีแดง 100,000 โดส ประชาชนที่มีโรคประจำตัว 147,200 โดส ตำรวจ / ทหารด่านหน้า จำนวน 54,320 โดส รวมทั้งสำรองไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน 98,680 โดส จนถึงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2564 มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว 579,305 โดส เป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก จำนวน 505,744 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มสอง จำนวน 73,561 ราย

นายอนุชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ยังชื่นชมพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการสาธารณสุข ลดการรวมกลุ่ม หลีกเลี่ยงการเดินทาง เน้นทำงานที่บ้าน หรือ work from home มั่นใจว่า ไทยจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ได้อย่างรวดเร็ว

The post นายกฯ ห่วง ปชช. สั่งเร่งฉีด วัคซีนโควิด-19 ขอให้มั่นใจ ไทยควบคุม-ลดจำนวนผู้ป่วยได้ appeared first on workpointTODAY.

Source : #workpoint #BreakingNews #News #ข่าว #ข่าวเด่น #ข่าวด่วน #ข่าวอัพเดท

 

April 14, 2021 อย่าช้อปเพลิน! สารพัดห้างและศูนย์การค้าปิดบริการเร็วขึ้น เริ่มพรุ่งนี้ 15

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ประกาศมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการสั่งให้ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า เลื่อนเวลาปิดบริการเร็วขึ้นเป็น 21.00 น. มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 15 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นในอนาคต

#ห้างสรรพสินค้า #ศูนย์การค้า #ปิดบริการ #โควิด19 #โควิดวันนี้ #BTimes

 

"ใครไปร้าน หรือสถานที่ เหล่านี้ มาบ้าง? "

ประกาศพื้นที่เสี่ยงระบาด (เพิ่มเติม) จังหวัดเชียงใหม่
ข้อมูล ณ วันที่ 14 เมษายน 2564
.
ขอให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงระบาด ดังกล่าว สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่ รพ. ใกล้บ้านทุกแห่ง หรือจุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 ตามประกาศของ สสจ.เชียงใหม่

 

ทางการฮ่องกงได้ประกาศแผนการที่จะใช้บทลงโทษทางอาญาต่อผู้คนที่เรียกร้องให้บุคคลอื่น ๆ หย่อนบัตรเปล่าในการเลือกตั้งทั้งหลาย

เมื่อวันอังคารที่ 13 เมษายน นางแคร์รี ลัม หัวหน้าฝ่ายบริหารของฮ่องกงได้ประกาศแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของจีนเมื่อเดือนมีนาคม ที่จะปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งของฮ่องกง

ภายใต้กฎระเบียบที่แก้ไขนี้ ผู้คนที่สวมเสื้อยืดหรือโพสต์ข้อความทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเรียกร้องให้หย่อนบัตรเปล่า จะต้องโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี

คาดว่ากฎระเบียบใหม่นี้จะเป็นมาตรการต่อต้านการงดออกเสียงและการหย่อนบัตรเปล่า ที่คาดว่าผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยจะดำเนินการภายใต้ระบบเลือกตั้งที่แก้ไขใหม่

ระบบเลือกตั้งดังกล่าวระบุว่า บุคคลใดก็ตามที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยคณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ คาดว่าระบบนี้ใช้เพื่อจำกัดจำนวนผู้สมัครฝ่ายประชาธิปไตยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

นายราฟาเอล มาเรียโน กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือ IAEA ได้แสดงความยินดีกับการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นเรื่องการขจัดน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วซึ่งเก็บอยู่ที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ

เขาได้กล่าวผ่านทางวิดีโอเมื่อวันอังคารที่ 13 เมษายน เรียกการตัดสินใจนี้ว่า "หมุดหมายสำคัญที่จะช่วยปูทางสู่ความคืบหน้ามากขึ้นในการปลดระวางโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ"

เขากล่าวว่า "วิธีที่ญี่ปุ่นเลือกนั้นมีความเป็นไปได้ทางเทคนิคและเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่ทำกันเป็นปกติทั่วโลก"

นายกรอสซีให้คำมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับญี่ปุ่น "ก่อน ระหว่าง และภายหลัง" การปล่อยน้ำ รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ประเมินความปลอดภัยไปญี่ปุ่น และสนับสนุนกิจกรรมการตรวจติดตามด้านสิ่งแวดล้อม

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

นายโอมิ ชิเงรุ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาประเด็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นล่าสุดของจำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นสามารถเรียกได้ว่าเป็นการระบาดระลอกที่ 4

นายโอมิกล่าวถึงประเด็นนี้ในวันพุธที่ 14 เมษายนในที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภา โดยว่าควรออกมาตรการเสริมเพื่อต้านการติดเชื้อในทันทีและอย่างทันท่วงที เนื่องจากเกิดการแพร่กระจายของไวรัสชนิดกลายพันธุ์

นายโอมิได้กล่าวชี้โดยอ้างถึงสถานการณ์ในจังหวัดโอซากาซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันเกิน 1,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 13 เมษายนว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกินจำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนักได้ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า หากมาตรการที่เข้มงวดซึ่งบังคับใช้แล้วในโอซากาและอีก 5 จังหวัดไม่มีประสิทธิภาพพอ รัฐบาลก็ควรวิเคราะห์เหตุผลและตัดสินใจว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้งหรือไม่ หรือดำเนินขั้นตอนเข้มงวดมากขึ้นภายใต้ขอบเขตของมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

จังหวัดโอซากายืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายใหม่ในจังหวัดในวันพุธที่ 14 เมษายน 1,130 คน ถือเป็นตัวเลขสูงสุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับจังหวัดทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นแห่งนี้

ส่วนที่จังหวัดเฮียวโงะที่อยู่ติดกัน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 500 คน สูงสุดเท่าที่เคยมีมาเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 507 คนในวันพุธที่ 14 ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขเกิน 500 คน

ขณะที่ทางการกรุงโตเกียวยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียวในวันพุธที่ 14 เมษายน 591 คน สูงสุดนับตั้งแต่ยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว

ยอดรวมผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียวขณะนี้อยู่ที่ 127,385 คน

เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีผู้ป่วยอาการหนัก 41 คน

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

จักรเย็บผ้าแบบตัดด้ายอัตโนมัติ
สุดยอดนวัตกรรมของญี่ปุ่น

สุดยอดนวัตกรรมของญี่ปุ่นเป็นรายการที่นำเสนอเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมและการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น วันนี้เป็นเรื่องของจักรเย็บผ้าแบบตัดด้ายอัตโนมัติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โรงงานผลิตเสื้อผ้าทั่วโลกชื่นชอบและใช้งานกัน ด้ายที่ติดอยู่กับรอยเย็บของเสื้อผ้าจะถูกตัดอัตโนมัติเพียงเหยียบลงไปที่แท่นเหยียบ ผู้ผลิตเสื้อผ้าทั่วโลกตั้งแต่แบรนด์ราคาสูงไปจนถึงฟาสต์แฟชั่นก็ใช้งานจักรเย็บผ้านี้ เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังนวัตกรรมนี้ที่ยังไม่ค่อยมีใครทราบนัก (รายการนี้เคยออกอากาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564)

 

News Update : เทรนด์อันตรายกิน ‘อูนิไทย’ อาจส่งผลร้ายแรงต่อแนวปะการัง

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา หากใครติดตาม Vlogger, Youtuber ชาวไทย น่าจะได้เห็นคอนเทนต์ใหม่ที่กำลังกลายเป็นกระแส กับการรีวิวทริปลงทะเลหา “หอยเม่น” นำมากระเทาะหนามออกแล้วกินกันสดๆ ในบรรยากาศของทะเลสวยๆ ซึ่งก็ชวนให้น่าตื่นเต้นและลองตามรอยดูสักครั้ง

แต่อันที่จริงแล้วหอยเม่นหรือ ‘อูนิไทย’ ที่เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงนี้ แต่เดิมแล้วแทบไม่มีใครจับมากินหรือมาทำอาหาร เพราะไม่ได้มีรสชาติหวานมันเท่ากับไข่หอยเม่นญี่ปุ่นแต่อย่างใด หากแต่ว่าด้วยความสร้างสรรค์ของคนในท้องที่และเพื่อครีเอตคอนเทนต์ใหม่ๆ ของสื่อ ปัจจุบันหอยเม่นไทยเลยเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นจนกระทั่งว่ามีร้านอาหารในพื้นที่หลายร้าน มีบริการจัดส่งไข่หอยเม่นสดจากทะเลไทย มาเสิร์ฟได้ถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตหนามแหลมใต้ทะเลที่เราเรียกกันว่าหอยเม่นนั้น ไม่ได้เป็นญาติเครือเดียวกับหอยแต่อย่างใด อันที่จริงมันควรถูกเรียกว่าเม่นทะเลเสียมากกว่า นอกจากนี้แล้วส่วนสีเหลืองนวลจนถึงเหลืองเข้มที่เราเรียกกันว่าไข่หอยเม่นนั้นก็ไม่ใช่ไข่ แต่เป็นอัณฑะหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของเม่นทะเลนั่นเอง

เหนือไปกว่านั้น จากกระแสรีวิวงมเม่นทะเลมากินกันสดๆ ที่มีมากขึ้น ทำให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลและสิ่งแวดล้อมหลายท่านเริ่มแสดงความกังวลว่า เม่นทะเลจะเดินทางไปซ้ำรอยประวัติศาสตร์ของปลิงทะเลอีกหน กล่าวคือ ในอดีตแล้วตามชายฝั่งจะมีปลิงทะเลจำนวนมาก ซึ่งเจ้าปลิงทะเลเหล่านี้เองจะทำหน้าที่ทำความสะอาดทรายและหาดทรายของเรา จนเมื่อวันหนึ่งมีกระแสบริโภคปลิงทะเลเกิดขึ้น ชาวบ้านก็จับปลิงทะเลไปขาย โดยไม่ได้มีการวางแผนขยายพันธุ์ทดแทนอย่างยั่งยืน จนถึงวันนี้ ปลิงทะเลที่เคยทำหน้าที่ดูแลความสะอาดของทรายก็แทบไม่ปรากฎตัวให้เห็น และชายหาดที่เคยสะอาดก็เสียความสมดุลย์ไป

เม่นทะเลก็เช่นเดียวกัน เจ้าหนามแหลมที่เริ่มถูกจับมากินโชว์หน้ากล้องนี้ แท้จริงแล้วเป็นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นชั้นเลิศของแนวปะการัง เพราะเม่นทะเลจะอาศัยและหากินตามแนวปะการัง จึงทำหน้าที่กินสาหร่ายที่ปกคลุมปะการังอยู่ รวมถึงหนามแหลมๆ ของหอยเม่นจะไถครูดไปตามผิวขั้นนอกของปะการังที่ตายแล้ว เปิดพื้นที่ให้ปะการังตัวอ่อนได้ยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโตต่อไป

หากหอยเม่นตามแนวปะการังลดจำนวนลงเรื่อยๆ จากการจับไปบริโภคโดยไม่มีการวางแผนเพาะพันธุ์หรือขยายพันธุ์ทดแทน ก็จะไม่มีใครทำหน้าที่เครื่องดูดฝุ่นแห่งท้องทะเล ระบบนิเวศน์ตามแนวปะการังก็จะเสียสมดุลย์ สาหร่ายเพิ่มจำนวนมากขึ้น ปะการังเติบโตไม่ได้ หรืออาจส่งผลกระทบมากจนเสี่ยงต่อภาวะฟอกขาว ส่งผลให้แพลงก์ตอนซึ่งเป็นอาหารของสัตว์ทะเลลดจำนวนลงไปด้วย เรียกกว่ากินเม่นทะเลเพียงตัวเดียวก็อาจสะเทือนถึงดวงดาว

อูนิที่นิยมบริโภคกันในต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นอูนิที่ได้จากการทำฟาร์มอุตสาหกรรม มีการให้อาหารเฉพาะและคัดเลือกมาเป็นอย่างดี และบางส่วนเป็นอูนิตามธรรมชาติซึ่งมีเงื่อนไขในการจับอย่างเคร่งครัด จึงทำให้มีรสหวานมันตามธรรมชาติ ไม่คาว และไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์มากเท่ากับกระแสการจับเม่นทะเลอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้

แม้ว่าจะยังไม่มีกฏหมายห้ามจับเม่นทะเล หรือห้ามจับสัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่สัตว์สงวนหรือสัตว์คุ้มครอง แต่เชื่อว่าเราในฐานะผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว ก็ควรมีวิจารณญาณเป็นหลักสำคัญในการเลือกซื้อ เลือกอุดหนุน หรือเลือกเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ เพราะกระแสบางอย่างก็ส่งผลเสียมากกว่าผลดี และอาจทำให้เกิดปัญหาที่แก้ไม่ได้ตามมาในภายหลัง

และถ้าเรายังอยากเห็นทะเลสวยๆ ก็คงจะต้องปฏิเสธทัวร์กินหอยเม่น แล้วปล่อยให้เม่นทะเลได้ทำหน้าที่เครื่องดูดฝุ่น อยู่คู่กับแนวปะการังเหมือนเดิมดีกว่านะคะ

ภาพจาก trippyfood.com

 

แจกสูตร! #หมูสามชั้นตุ๋นกระเจี๊ยบ
.
'กระเจี๊ยบ' มาตุ๋นกับหมูสามชั้น ให้เนื้อสามชั้นนั้นเปื่อยนุ่ม โดยได้แรงบันดานใจมาจาก หมูตุ๋นไวน์แดงของฝรั่ง เลยคิดว่ากระเจี๊ยบเราก็มีความเป็นกรด รสเปรี้ยว ก็น่าจะทดแทนกันได้กับไวน์แดง จะอร่อยแค่ไหนต้องรีบจดสูตรไปทำกันดูนะคะ
.
ส่วนประกอบ
• น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
• หอมใหญ่หั่นสี่ 1 หัว
• กระเทียมกลีบใหญ่บุบ 4 กลีบ
• ดอกกระเจี๊ยบแดงแกะกลีบ 200 กรัม
• ใบกระวาน 4 ใบ
• พริกไทยเม็ดหลากสี ½ ช้อนชา
• หมูสามชั้นขนาด (5 x 6 นิ้ว) 500 กรัม
• น้ำ 1.5 ลิตร
• เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
• แครอทผัดเนย สำหรับจัดเสิร์ฟ
• ผักสลัดสำหรับตกแต่ง
• ซอสกระเจี๊ยบ
• น้ำตุ๋นหมูสามชั้น 1 ถ้วย
• น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
• วิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะ
• เนยสดชนิดจืด 10 กรัม
• เกลือป่นและพริกไทยดำป่นปริมาณตามชอบ
• กระเจี๊ยบผัด
• น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
• หอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• เบคอนซอยเส้น 1 ช้อนโต๊ะ
• ดอกกระเจี๊ยบซอย 1 ถ้วย
• น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
• เกลือสมุทร ¼ ช้อนชา
• พริกไทยดำป่น ¼ ช้อนชา
• น้ำ ½ ถ้วย
• มันบด
• มันฝรั่ง 2 ลูก
• วิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะ
• เนยสดชนิดจืด 5 กรัม
• เกลือสมุทรและพริกไทยดำป่นปริมาณตามชอบ

วิธีทำ
• ทำหมูสามชั้นตุ๋นกระเจี๊ยบโดยตั้งหม้อบนไฟกลางใส่น้ำมันมะกอกลงในหม้อ พอร้อนใส่หอมใหญ่ กระเทียม กระเจี๊ยบ ใบกระวาน และพริกไทยเม็ดหลากสีลงในหม้อ ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ใส่หมูสามชั้นลงในหม้อ (โดยเอาด้านหนังลง) พอด้านหนังเริ่มตึงกลับด้านเนื้อหมู เติมน้ำ ปรุงรสด้วยเกลือสมุทร พอน้ำเดือด ลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวนานประมาณ 2 ชั่วโมง (ระหว่างเคี่ยวหมันช้อนฟองออกเป็นระยะ)

• ระหว่างเคี่ยวเนื้อหมู เตรียมมันบดโดยตั้งหม้อน้ำบนไฟกลาง ใส่มันลงในหม้อ ต้มนานประมาณ 15 นาที หรือจนมันจะสุก โดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงในมัน ถ้าเนื้อมันหลุดออกมาแสดงว่าเนื้อมันสุกได้ที่แล้ว ตักขึ้น ปอกเปลือกออก บดมันโดยใช้ส้อมบีเนื้อมันให้ละเอียด ใส่วิปปิ้งครีมและเนย คลุกเคล้าส่วนผสมของมันให้เข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยปริมาณตามชอบ พักไว้

• ทำกระเจี๊ยบผัดโดยตั้งกระทะน้ำมันมะกอกบนไฟกลาง พอร้อนใส่หอมใหญ่และเบคอนลงผัดให้สุกหอม จากนั้นใส่ดอกกระเจี๊ยบลงผัดพอเริ่มนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ และพริกไทย ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้พอน้ำงวด ปิดไฟ พักไว้

• พอครบกำหนดหมูตุ๋นได้ที่ ตักหมูตุ๋นขึ้นมา ตัดเป็นชิ้น ขนาดประมาณ 2.5 x 2.5 นิ้ว ใช้ส้อมจิ้มบริเวณด้านหนังให้ทั่ว พักไว้ จากนั้นกรองน้ำที่ตุ๋นเอาแต่น้ำเก็บไว้ ทำซอสกระเจี๊ยบโดย ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำที่เคี่ยวหมูลงในหม้อ ใส่น้ำตาล เคี่ยวจนน้ำเริ่มงวด ใส่วิปปิ้งครีมและเนย คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ปิดไฟ พักไว้

• ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง พอร้อนนำหมูสามชั้นที่เตรียมไว้ ลงทอดโดยนำด้านหนังลงทอดก่อน จนหนังเริ่มฟูพองเล็กน้อย พลิกกลับด้าน ทอดให้ทั่วเนื้อหมู ทอดพอแค่มีสีเหลืองสวย ปิดไฟ พักไว้บนตะแกรง

• จัดเสิร์ฟโดยตักมันบดลงในจาน ตามด้วยเนื้อหมู แครอท และกระเจี๊ยบผัด ราดด้วยน้ำซอสที่เคี่ยว ตกแต่งด้วยผักสลัด

#แจกสูตร #ครัวดอทโค #kruadotco

 

แจกสูตร #ข้าวทอดฉู่ฉี่กุ้ง
.
เมนูประยุกต์ที่จับเอาข้าวทอดเเละฉู่ฉี่มารวมกัน ใช้ข้าวหอมมะลิหุงสุกนำมาคลุกกับพริกแกงเผ็ด ก่อนอัดใส่พิมพ์เเละนำไปทอดจนเหลือง ราดด้วยซอสฉู่ฉี่รสเข้มข้นจัดจ้านถึงเครื่องเเกง กินคู่กับกุ้งย่างหอมๆราดกะทิสักหน่อย เป็นเมนูเก๋ๆสไตล์ไทยที่ต้องลอง!
.
ส่วนประกอบ
• ข้าวทอด
• ข้าวสวยหอมมะลิ 2 ถ้วย
• พริกแกงเผ็ดสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูดซอย 8 ใบ
• ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 1 ฟอง
• แป้งสาลีอเนกประสงค์สำหรับคลุก
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
• ซอสฉู่ฉี่กุ้ง
• น้ำมันพืช 1 ½ ช้อนโต๊ะ
• กุ้งขาวแกะเปลือกเด็ดหัวไว้หางผ่าหลังเอาเส้นดำออก 6 ตัว
• พริกแกงเผ็ดสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
• กะทิ1 ถ้วย
• ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
• เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
• น้ำปลา 1 ½ ช้อนชา
• น้ำตาลมะพร้าว 1 ½ ช้อนชา
• หัวกะทิเคี่ยวสำหรับราด
• ใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าแดงซอยเส้นสำหรับตกแต่ง
• อุปกรณ์ พิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว

วิธีทำ
1. ทำข้าวทอดโดยใส่ข้าวสวย พริกแกงเผ็ด ใบมะกรูดซอยและไข่ไก่รวมกันในอ่างผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน อัดข้าวใส่พิมพ์รูปวงแหวนชิ้นละประมาณ 1/3 ถ้วยให้แน่น ทำจนหมด เตรียมไว้

2. ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง พอน้ำมันเริ่มร้อน นำข้าวที่อัดไว้คลุกแป้งสาลีอเนกประสงค์บางๆให้ทั่ว ใส่ลงทอดในกระทะจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน

3. ตั้งกระทะอีกใบบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช พอร้อน ใส่กุ้งลงทอดให้พอสุกสีสวย ตักกุ้งขึ้นพักไว้ ทำซอสฉู่ฉี่โดยใส่พริกแกงเผ็ดลงผัดจนหอม ใส่กะทิ ผัดให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูดฉีก ปรุงรสด้วยเกลือสมุทร น้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว เคี่ยวจนซอสข้นขึ้นเล็กน้อย ปิดไฟ

4. จัดเสิร์ฟโดยวางข้าวทอดลงในจาน ตามด้วยกุ้งทอด ราดซอสฉู่ฉี่และหัวกะทิเคี่ยว ตกแต่งด้วยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าแดงซอย เสิร์ฟ

#แจกสูตร #ครัวดอทโค #kruadotco

 

ภูเขาไฟบนเกาะไอซ์แลนด์
ยังคงปะทุพ่นลาวาออกมาอยู่อย่างต่อเนื่อง
และมีรอยแยกแตกเพิ่มขึ้นอีกด้วย

CR: @ RobAskew2