ตำนานผีปอป กับหลวงปู่ดู่

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย chingchamp, 26 ตุลาคม 2008.

  1. chingchamp

    chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +503
    [​IMG]



    ตำนานผีปอป กับหลวงปู่ดู่



    ปอบ " มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอัน

    เข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปู
    เข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคม
    ทาง ไสยศาสตร์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด

    หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น
    ปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเอง
    กลายเป็นปอบไป ในที่สุด

    " ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น "ปอบ ธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง
    ( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
    "ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบ
    ต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ
    "ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้า สิงใคร
    เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบ
    ที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมด ผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง

    ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า "ปอบเข้า" จะมีอาการแตกต่างกันไปบางคน
    แสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะนอนซมซึมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆ
    นานาแต่ไม่ว่าจะมีทีท่า อาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ พวกหมู
    ตับ ไก่ต้มมากิน เหมือน ๆ กับเวลา กินก็แสดงความตะกละมูมมามและกินได้จุผิดปกติเมื่อญาติพี่น้อง
    รู้ว่าคนป่วยถูกปอบเข้าสิง เขาก็จะไปตามหมอผีให้มาไล่ปอบ การไล่ปอบให้ออกจากร่างมีหลายวิธีตาม
    แนวทางที่หมอผีได้ร่ำเรียนมาบางคนจะเอาพริกแห้งมาเผา ให้ควันรม คนป่วยจนสำลักควันน้ำตาไหลพราก

    ครั้นปอบออกจากร่าง แล้วหมอผีจะข่มขู่สอบถามว่าผีปอบเป็นใครมาจากไหน เมื่อปอบรับสารภาพหมอผี
    ก็ จะปล่อยไป คนป่วยได้สติหายเป็นปกตินัยน์ตาที่แดงก่ำเนื่องจากถูกควันพริกเผารม จะหายไปทันทีแต่เจ้าของปอบกลับมี
    อาการนัยน์ตาแดงก่ำด้วย สายเลือดจนต้องหลบหน้าอยู่แต่ในห้องไม่กล้าให้ใครพบหน้า อีกวิธีหนึ่ง คือใช้หวายเฆี่ยนไล่ปอบ
    ซึ่งก็เท่ากับเฆี่ยนคนป่วยนั่นแหละ หากปอบกล้าแข็งหมอผีจะเฆี่ยนหนักๆ กระทั่งเนื้อตัวคนที่ถูกปอบเข้าสิงเขียวช้ำด้วย
    รอยหวาย เมื่อปอบยอมแพ้ออกจากร่างไปรอยหวายก็จะจางหายไปทันที แต่วิธีไล่ปอบแบบนี้เคยเป็นข่าวมาแล้ว

    เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้ถูกปอบเข้าสิง หากป่วยเป็นโรคประสาท ญาติคิดว่าปอบเข้าจึงไปตามหมอผีมาไล่ หมอผี
    จัดการเฆี่ยนคนป่วย ด้วยหวายได้รับบาดเจ็บบอบช้ำจนหลายครั้งหลายหน โดยคิดว่าปอบฮึดสู้ไม่ยอม แพ้ในที่สุด คนป่วยก็
    เสียชีวิต ร้อนถึงตำรวจต้องมาจัดการกับหมอผีและญาติตามกฎหมาย

    อีกวิธีหนึ่ง หมอผีจะนำสัตว์น่าเกลียดน่ากลัวบางชนิดมาข่มขู่ให้ปอบกลัว เช่น คางคก ตุ๊กแก งู ในกรณีนี้ คนที่
    ถูกปอบเข้าสิงมักเป็นผู้หญิงหรือตัวปอบเป็นหญิง แม้จะเป็นผีปอบ ( เธอ ) ก็ยังขยาดแขยงสัตว์ประเภทนี้และ มักจะยอมออก
    จากร่างที่เข้าสิงง่าย ๆ

    ผีปอบที่แก่กล้าเวลาเข้าสิงใครจะอดอยาก กล่าวกันว่าใครที่ผีปอบประเภทนี้เข้าสิงมักจะถูกปอบสิงจนตาย
    เมื่อหมอผีดำเนินการไล่ผีปอบจากร่างที่ถูกปอบสิงมีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ จะปรากฎเป็นก้อนกลมอยู่ใต้
    ผิวหนังปูดนูนขึ้นมา เวลาหมอผีจี้ก้อนกลม ๆ นี้ด้วยไพลเสก มันจะเลื่อน

    สำหรับหมอผีรุ่นครูจะจู่โจมเข้ามัดข้อมือ ข้อเท้าและรอบคอ ด้วยด้ายสายสิญจน์เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจากร่าง
    จากนั้นก็จะใช้ไพลเสกจี้ลงไปที่ก้อนกลม ๆ ใต้ผิวหนัง เรียกว่าก้อนกลมนี้หนีไปที่ใดก็จะตามจี้ไม่ยอมปล่อย จากนั้นใช้ไพล
    เสกจี้ทางอีสารเรียกว่า "แทง" ปอบจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส (คนที่ถูกปอบสิงจะร้องโอดครวญดังสนั่น)หมอผีจะขู่บังคับ
    ให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบมักจะยอมสารภาพโดยดี หลังจากทรมานปอบให้หวาดกลัวเข็ดหลาบแล้ว หมอผีจึงจะแก้มัดด้วย
    ด้ายสายสิญจน์ปล่อยให้ปอบออกไป

    หมอผีบางรายมีวิธีไล่ปอบชนิดดุเดือด ให้คนเป็นปอบอับอายขายหน้าเป็นที่เปิดเผยแก่สาธารณชนทั่วไป โดย
    หมอผีจะไปหาหม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันไปจับหนามา แล้วเอาหม้อดินครอบศีรษะคนถูกปอบสิงใช้มีดโกนขูดเขม่าควัน
    ไฟ คล้ายกับโกนผมให้หมดไปครึ่งศีรษะ จากนั้นปล่อยให้ปอบออกจากร่าง วิธีการไล่ปอบแบบนี้จะทำให้ผู้เป็นปอบหรือ
    เลี้ยงผีปอบต้องหลบซ่อนอยู่ในห้อง หรือเวลาออกไปไหนก็ต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา เนื่องจากเส้นผมแหว่งหาย
    ไปครึ่งศีรษะ

    เรื่องของปอบนี้จะลงความเห็นว่าเกิดจาก "ความเชื่อ" หรือความงมงายไร้สาระเอาเสียเลยก็
    คงไม่ได้ เพราะเรื่องราวประหลาด ๆ เกี่ยวกับผีปอบยังเคยปรากฎกับพระอริยสงฆ์ เช่น หลวงปู่ดู่พรหม
    ปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว

    กล่าวคือ มีหมอผีไสยเวท ชาวเวียงจันน์คนหนึ่งมาที่วัดสะแก มานมัสการหลวงปู่ดู่ บอกท่าน
    ว่าตนมีวิชาดีเป็น วิชาบิดไส้ บิดฟัน ต้องการมอบวิชานี้ให้แก่ท่านเป็นการเฉพาะเพราะเห็นว่าไม่มีใคร
    รับถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ได้ แล้วก็มอบคัมภีร์โบราณให้ผูกหนึ่ง หลวงปู่ดูดเห็นว่าเป็นวิชาแปลก ก็รับไว้
    โดยเสียค่าครูให้เป็นธรรมเนียม เมื่อได้คัมภีร์นั้นมาแล้ว หลวงปู่ก็ไม่ได้เปิดดูหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ
    ท่านนำไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา และก็ลืม ๆ ไป ส่วนหมอผีไสยเวทชาวลาวยังไม่กลับไปทันที หากนอนพักค้างคืนที่วัดสะแก
    ต่อ 2 - 3 วัน

    คืนนั้น..... หลวงปู่ดู่เกิดฝันประหลาด ฝันว่าท่านออกไปหากินคล้าย ๆ กับเป็นปอบและไปกินควายชาวบ้าน
    ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียง เช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร กระทั่งล่วงเข้าคืนที่สอง ขณะที่หลวงปู่นอนหลับ ท่านก็ฝัน
    ในลักษณะเดียวกันอีก คือ ออกไปกินไส้ควายของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ

    เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้มีชาวบ้านมาหาหลวงปู่ดู่ เล่าถวายต่อท่านว่า เมื่อคืนนี้ควายของเขาตาย กะทันหันโดยหา
    สาเหตุไม่พบ อีกทั้งลักษณะการตาย มีสภาพน่ากลัวหลายอย่าง หลวงปู่สอบถามว่าตั้งบ้านเรือน อยู่อาศัยที่ใด
    ชาวบ้านก็กราบเรียนให้ท่านทราบ คราวนี้ หลวงปู่ดู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะที่อยู่ของชาวบ้านคนนั้นตรงกันกับบ้านที่ท่านฝัน
    ว่าไปกินไส้ควายมานั่นเอง หลวงปู่ดู่คิดว่า "อ้ายลาวไสยเวทคนนี้เห็นทีจะเอาวิชาชั่วร้ายมามอบให้ท่านเป็น ถึงได้เกิดเหตุการณ์
    ดังกล่าวขึ้น หากท่านเกิดฝันไปกินคนเข้า อาจทำให้ใครต่อใครตายได้และวิชาที่ท่านรับมาเห็นทีจะเป็นวิชาปอบ ดังนั้น
    หลวงปู่ดู่จึงได้นำคัมภีร์ตำรา เอามาเผาไฟ

    ลาวหมอผีรู้ว่าหลวงดู่เผาวิชาตำรามันทิ้ง มันก็แสดงท่าโกรธเคืองไม่ใช่น้อย ตอนจากวัดกลับถิ่นเดิมของมัน
    มันไม่ยอมมาบอกกล่าวกราบลา แม้แต่คำเดียว และนับแต่นั้นก็ไม่หวนหลับมาที่วัดสะแก อีกเลย

    [​IMG]
    http://www.board.watsakae.net/index.php?showtopic=5
    <!--colorc--><!--/colorc--><!--IBF.ATTACHMENT_8--><!-- THE POST -->
     
  2. นักพรตเหมา

    นักพรตเหมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +305
    อมิตาพุทธ
     
  3. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    หรือว่าเขาคิดจะทำให้ท่านเสีย.....มาให้พระเป็นปอปนี่มันไม่ใช่ของดีนะเนี่ย
     
  4. - เงาะป่า -

    - เงาะป่า - เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +565
    อนุโมทนาครับ
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    "จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครไหนมาช่วยเจ้า"
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    ขอเชิญบริจาค โครงการสร้างทรัพยากรมนุษย์ผู้ด้อยโอกาส กับ หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง
    --> http://palungjit.org/showthrea...26#post1546426
    ร่วมสร้าง " อุโบสถเงิน" วิหารทานที่ในครั้งนึงในชีวิตไม่ควรพลาดครับ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=140433
    ขอความเมตตา สร้างชีวิตใหม่ ช่วยน้องผ่าตัดใบหน้า ให้สดใสเหมือนเดิม
    --> http://palungjit.org/showthrea...17#post1440317
    มาลองทำสังฆทานอย่างง่ายๆ ด้วยตนเองกันครับ
    --> http://palungjit.org/showthrea...70#post1435870
     
  5. ร.รพินทร์

    ร.รพินทร์ ด้วยความเคารพ ... ร รพินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +141
    อาจจะเป็นเพราะ"แรงครู"ของตำราเล่มนั้น จึงทำให้เป็นไปในแบบนั้น
     
  6. Ghost!!

    Ghost!! Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +34

แชร์หน้านี้

Loading...