ดร.สมนึก สงวนสิน กับ...การกรวดน้ำให้คนไม่ชอบขี้หน้า

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย paang, 21 สิงหาคม 2007.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] ดร.สมนึก สงวนสิน กับ...การกรวดน้ำให้คนไม่ชอบขี้หน้า
    "จุดที่สำคัญในการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยมีหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องและต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการทำงาน จนนำไปสู่การเติบโตของบริษัท รวมทั้งทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด"

    นี่คือกลยุทธ์ผนึกหัวใจพนักงานในเรื่องการเป็นนักบริการและนักขายไว้ด้วยกันของ ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสินทรัพย์ประกันภัย จำกัด

    อย่างไรก็ตามหากในโลกนี้มีคนไม่ชอบขี้หน้าเรา ดร.สมนึกก็จะใช้วิธีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเขา โดยวิธีตรงนี้ได้มาจากพระสงฆ์รูปหนึ่ง ถือเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่ได้ทำให้เสียหาย ระหว่างที่กรวดน้ำก็จะนึกถึงชื่อและนามสกุลขอให้ชาติก่อนที่มีเรื่องอะไรกันขอให้แคล้วคลาดจากกันไป

    นอกจากนี้แล้วทุกครั้งที่มีการทำบุญหรือทำสังฆทานก็เคยคิดเหมือนกันว่า เคยมีสองคนที่เราเคยยิ้มให้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบขี้หน้าเรา ดังนั้น วิธีการทำสังฆทานและกรวดน้ำไปให้เป็นวิธีที่ดีไม่น่าเชื่อ เวลาผ่านไปสองคนนี้มีความรู้สึกดีกับเรากว่าเดิมอย่างมาก วันนี้ทั้งสองคนจากที่เคยไม่ชอบเราเขาก็เริ่มเป็นกลางมากขึ้น
    ดร.สมนึก บอกว่า การกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา เป็นการขออุทิศส่วนกุศลไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดแล้วก็ดี ยังไม่เกิดก็ดี ยังเป็นวิญญาณล่องลอยก็ดี ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลายไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อมทุกภพชาติและชาตินี้ก็ดี ทั้งเจตนาและไม่เจตนา ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมดได้โปรดมาอนุโมทนา และเมื่ออนุโมทนาแล้วขอโปรดอโหสิกรรมโทษทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วย และกรรมเวรใดที่ท่านทั้งหลายได้เคยกระทำต่อข้าพระพุทธเจ้าทุกภพชาติและชาตินี้

    ข้าพระพุทธเจ้าก็อโหสิกรรมโทษให้แก่ท่านทั้งหลายด้วยเช่นกัน สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียน จองกรรม จองเวรแก่กันและกันเลย จงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นตลอดไปด้วยเทอญ
    อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้ว ดร.สมนึก เชื่อในเรื่องของการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทั้งนี้ทุกๆ ปีทางบริษัทจะมีการแจกทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ยากจนปีละ ๖๐ ทุน ถึง ๘๐ ทุน เราได้ทำแล้วเกิดเป็นความสบายใจ บุญตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อครั้งไม่สบายใจ หรือป่วย พอได้หลับตานึกถึงสิ่งที่เราได้ทำอะไรมามันก็จะทำให้จิตใจเราปลอดโปร่ง มีความสบายใจ สุขใจอย่างบอกไม่ถูกมันยิ้มอยู่ในหัวใจ เหมือนกับเรานึกถึงบุญความดีที่เราได้ทำเอาไว้แล้วอาการป่วยก็จะหายเร็วขึ้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ทำให้เชื่อว่าคนทำดีหรือทำชั่วเห็นผลกันในชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำเป็นประจำคือไปบริจาคซื้อโลงศพให้กับทางมูลนิธิปอเต็กตึ้ง พอเราได้ทำก็มีความสุข
    "ผมคิดว่าคนเราจะทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข เพียงแต่ขอให้เรารักแผ่นดิน รักในหลวง มีพระพุทธเจ้า และมีแม่อยู่ในหัวใจ ผมคิดว่าพอแล้วกับชีวิตนี้ ส่วนพระเครื่องที่เราแขวนติดตัวมันสิ่งที่รองลงมาหมดแล้ว ส่วนใครจะเอาพระสมเด็จวัดระฆังมาให้เช่าในราคาห้าแสนอะไรประมาณนั้น เราก็คงไม่เอาแล้ว ชีวิตได้เลยในสิ่งเหล่านี้มาแล้ว เพราะผมคิดว่าพระเครื่องตรงนี้หากเรายังยึดติดกันอยู่มันเป็นเหมือนอวิชามกาเกินไป" ดร.สมนึกกล่าว
    พร้อมกันนี้ ดร.สมนึกยังบอกด้วยว่า หากถามว่าชาติที่แล้ว ชาติหน้า หรือนรกสวรรค์มีจริงไหม มันได้สัจธรรมที่ว่า สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ใจเรา เนื่องจากมองว่าเราทำความดีทำบุญวันนี้มีความสุขก็เป็นสวรรค์ในใจ แต่ถ้าเราไปคดโกงก็เกิดความไม่สบายใจตรงนี้ก็กลายเป็นนรกในใจเราเช่นกัน ดังนั้น ใครจะว่าอะไรก็ตามหากทำแบบนี้ได้แสดงให้เห็นว่าคนเราตกนรกและขึ้นสวรรค์ตั้งแต่เป็นมนุษย์แล้ว นรกหรือสวรรค์อย่างน้อยสอนให้คนกลัวบาป แล้วถ้าคนเราสำนึกในบาปเชื่อว่านรกสวรรค์คนที่จะทำบาปกันก็จะลดน้อยลง
    ปัจจุบันชีวิตประสบความสำเร็จน่าจะเกิดจากเราดำเนินชีวิตตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าให้คิดดีทำดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร มาถึงตรงนี้อยากจะบอกกับทุกคนให้ยึดมั่นในความดีเอาไว้ให้มากที่สุด และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ความกตัญญู ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก พร้อมกับอย่าลืมเกราะความดี เกราะธรรมะเอาไว้ให้มากๆ อนาคตหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะหลุดพ้นทั้งหมด
    "สิ่งสำคัญเรานับถือแม่ของเราอยู่ในใจ มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจก็คงไม่ต้องไปเช่าพระเครื่องราคาแพงๆ ผมว่าสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐแล้ว แล้วก่อนที่ผมจะออกจากบ้านไปทำงานผมก็จะยกมือไหว้พระบูชาที่บ้านทุกครั้ง แม้ไม่ได้เข้าไปไหว้ภายในห้องพระผมก็คิดว่าพระอยู่ในใจ แล้วสิ่งที่ผมขอเสมอคือขอฝากลูกๆ ให้พระพุทธเจ้าดูแล ผมได้ทำแบบนี้ผมก็มีความสุข ผมก็จะสบายใจ" ดร.สมนึก กล่าวทิ้งท้าย

    "ระหว่างที่กรวดน้ำก็จะนึกถึงชื่อและนามสกุลขอให้ชาติก่อนที่มีเรื่องอะไรกันขอให้แคล้วคลาด"

    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ อุทร ศรีพันธ์

    -->
    [​IMG]






    "จุดที่สำคัญในการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยมีหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องและต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการทำงาน จนนำไปสู่การเติบโตของบริษัท รวมทั้งทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด"



    [​IMG]



    นี่คือกลยุทธ์ผนึกหัวใจพนักงานในเรื่องการเป็นนักบริการและนักขายไว้ด้วยกันของ ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสินทรัพย์ประกันภัย จำกัด




    [​IMG]




    อย่างไรก็ตามหากในโลกนี้มีคนไม่ชอบขี้หน้าเรา ดร.สมนึกก็จะใช้วิธีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเขา โดยวิธีตรงนี้ได้มาจากพระสงฆ์รูปหนึ่ง ถือเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่ได้ทำให้เสียหาย ระหว่างที่กรวดน้ำก็จะนึกถึงชื่อและนามสกุลขอให้ชาติก่อนที่มีเรื่องอะไรกันขอให้แคล้วคลาดจากกันไป


    นอกจากนี้แล้วทุกครั้งที่มีการทำบุญหรือทำสังฆทานก็เคยคิดเหมือนกันว่า เคยมีสองคนที่เราเคยยิ้มให้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบขี้หน้าเรา ดังนั้น วิธีการทำสังฆทานและกรวดน้ำไปให้เป็นวิธีที่ดีไม่น่าเชื่อ เวลาผ่านไปสองคนนี้มีความรู้สึกดีกับเรากว่าเดิมอย่างมาก วันนี้ทั้งสองคนจากที่เคยไม่ชอบเราเขาก็เริ่มเป็นกลางมากขึ้น


    [​IMG]


    ดร.สมนึก บอกว่า การกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา เป็นการขออุทิศส่วนกุศลไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดแล้วก็ดี ยังไม่เกิดก็ดี ยังเป็นวิญญาณล่องลอยก็ดี ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลายไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อมทุกภพชาติและชาตินี้ก็ดี ทั้งเจตนาและไม่เจตนา ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมดได้โปรดมาอนุโมทนา และเมื่ออนุโมทนาแล้วขอโปรดอโหสิกรรมโทษทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วย และกรรมเวรใดที่ท่านทั้งหลายได้เคยกระทำต่อข้าพระพุทธเจ้าทุกภพชาติและชาตินี้

    ข้าพระพุทธเจ้าก็อโหสิกรรมโทษให้แก่ท่านทั้งหลายด้วยเช่นกัน สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียน จองกรรม จองเวรแก่กันและกันเลย จงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นตลอดไปด้วยเทอญ

    อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้ว ดร.สมนึก เชื่อในเรื่องของการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทั้งนี้ทุกๆ ปีทางบริษัทจะมีการแจกทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ยากจนปีละ ๖๐ ทุน ถึง ๘๐ ทุน เราได้ทำแล้วเกิดเป็นความสบายใจ บุญตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อครั้งไม่สบายใจ หรือป่วย พอได้หลับตานึกถึงสิ่งที่เราได้ทำอะไรมามันก็จะทำให้จิตใจเราปลอดโปร่ง มีความสบายใจ สุขใจอย่างบอกไม่ถูกมันยิ้มอยู่ในหัวใจ เหมือนกับเรานึกถึงบุญความดีที่เราได้ทำเอาไว้แล้วอาการป่วยก็จะหายเร็วขึ้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ทำให้เชื่อว่าคนทำดีหรือทำชั่วเห็นผลกันในชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำเป็นประจำคือไปบริจาคซื้อโลงศพให้กับทางมูลนิธิปอเต็กตึ้ง พอเราได้ทำก็มีความสุข
    "ผมคิดว่าคนเราจะทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข เพียงแต่ขอให้เรารักแผ่นดิน รักในหลวง มีพระพุทธเจ้า และมีแม่อยู่ในหัวใจ ผมคิดว่าพอแล้วกับชีวิตนี้ ส่วนพระเครื่องที่เราแขวนติดตัวมันสิ่งที่รองลงมาหมดแล้ว ส่วนใครจะเอาพระสมเด็จวัดระฆังมาให้เช่าในราคาห้าแสนอะไรประมาณนั้น เราก็คงไม่เอาแล้ว ชีวิตได้เลยในสิ่งเหล่านี้มาแล้ว เพราะผมคิดว่าพระเครื่องตรงนี้หากเรายังยึดติดกันอยู่มันเป็นเหมือนอวิชามกาเกินไป" ดร.สมนึกกล่าว

    พร้อมกันนี้ ดร.สมนึกยังบอกด้วยว่า หากถามว่าชาติที่แล้ว ชาติหน้า หรือนรกสวรรค์มีจริงไหม มันได้สัจธรรมที่ว่า สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ใจเรา เนื่องจากมองว่าเราทำความดีทำบุญวันนี้มีความสุขก็เป็นสวรรค์ในใจ แต่ถ้าเราไปคดโกงก็เกิดความไม่สบายใจตรงนี้ก็กลายเป็นนรกในใจเราเช่นกัน ดังนั้น ใครจะว่าอะไรก็ตามหากทำแบบนี้ได้แสดงให้เห็นว่าคนเราตกนรกและขึ้นสวรรค์ตั้งแต่เป็นมนุษย์แล้ว นรกหรือสวรรค์อย่างน้อยสอนให้คนกลัวบาป แล้วถ้าคนเราสำนึกในบาปเชื่อว่านรกสวรรค์คนที่จะทำบาปกันก็จะลดน้อยลง
    ปัจจุบันชีวิตประสบความสำเร็จน่าจะเกิดจากเราดำเนินชีวิตตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าให้คิดดีทำดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร มาถึงตรงนี้อยากจะบอกกับทุกคนให้ยึดมั่นในความดีเอาไว้ให้มากที่สุด และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ความกตัญญู ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก พร้อมกับอย่าลืมเกราะความดี เกราะธรรมะเอาไว้ให้มากๆ อนาคตหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะหลุดพ้นทั้งหมด
    "สิ่งสำคัญเรานับถือแม่ของเราอยู่ในใจ มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจก็คงไม่ต้องไปเช่าพระเครื่องราคาแพงๆ ผมว่าสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐแล้ว แล้วก่อนที่ผมจะออกจากบ้านไปทำงานผมก็จะยกมือไหว้พระบูชาที่บ้านทุกครั้ง แม้ไม่ได้เข้าไปไหว้ภายในห้องพระผมก็คิดว่าพระอยู่ในใจ แล้วสิ่งที่ผมขอเสมอคือขอฝากลูกๆ ให้พระพุทธเจ้าดูแล ผมได้ทำแบบนี้ผมก็มีความสุข ผมก็จะสบายใจ" ดร.สมนึก กล่าวทิ้งท้าย "ระหว่างที่กรวดน้ำก็จะนึกถึงชื่อและนามสกุลขอให้ชาติก่อนที่มีเรื่องอะไรกันขอให้แคล้วคลาด"


    ที่มา คมชัดลึก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อนุโมทนาด้วยค่ะ แผ่เมตตาออกไป ก็ได้รับความเมตตากลับมา
    ให้ก่อนแล้วจึงจะได้รับสิ่งนั้นกลับนับได้ว่ามีค่าที่สูงอย่างยิ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...