ชีวิตที่มีความพอดีทุกวันเวลา 'ปิยธิดา วรมุสิก'

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 16 กันยายน 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นับตั้งแต่เข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อสิบกว่าปีก่อน นางเอกสาว “ป๊อก” ปิยธิดา วรมุสิก ถือเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ที่มีผลงานให้เราได้ติดตามชมอย่างต่อเนื่องทุกปี

    ในช่วง 2-3 ปี มานี้ บทบาทที่ทำให้ผู้ชมเทใจให้เธอและเอาใจช่วยเธอเป็นอย่างมาก ก็เช่นบท “คุณหญิงแย้ม” จากละครเรื่อง “นางทาส”, “ดร.วิกันดา” จากละครเรื่อง “เมียหลวง” และ “นายิกา” จากละครเรื่อง “ส้มหวานน้ำตาลเปรี้ยว”

    ระหว่างรอเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ และอยู่ระหว่างการเดินสายโชว์ตัวในฐานะพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง นักแสดงสาวผู้มีใบหน้าอ่อนกว่าวัยหลายปี และใจเย็นไม่ต่างจากบทบาทในละครหลายเรื่องที่เธอได้รับ ได้บอกเล่าให้ฟังถึงการบริหารชีวิตให้มีความพอดีในแบบของเธอ และสิ่งสำคัญที่หล่อหลอมให้เธอตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนจนถึงเวลานี้ ยังคงเป็นนางเอกดวงใจของใครหลายคน ซึ่งก็คือ ครอบครัวของเธอนั่นเอง

    “บางทีคนเราที่ทำงานทำการเยอะแยะมากมาย ก็เพื่อที่จะได้อยู่แบบสบายๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว อยู่กับคนที่เรารัก ซึ่งถ้าเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้สูงเกินไปนัก จริงๆแล้วความสุขมันอยู่รอบๆ ตัวเรา โดยที่ไม่ต้องรอให้มีเงินถึงร้อยล้าน เราถึงจะมีความสุข หรือค่อยหาเวลากลับมาอยู่บ้านทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ป๊อกว่า เราใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรื่อยๆให้มีความสุขแต่พอดีๆ ในส่วนที่เราเป็นได้.. ดีกว่าค่ะ”

    ดังนั้นการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ของเธอ จึงไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อหลายปีก่อนนัก ที่เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจ นอกบ้าน ก็ต้องกลับไปทานข้าวและมีความสุขอยู่ท่ามกลางสมาชิกครอบครัว ณ บ้านที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

    และเธอได้บอกเล่าให้ฟังด้วยว่า ชีวิตเมื่อครั้งยังเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนสตรีวิทยา, ระดับอุดมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ (เอกภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กระทั่งปัจจุบัน เป็นชีวิตที่อยู่ในสายตาของพ่อและแม่มาโดยตลอด

    “ป๊อกเป็นเด็กที่ค่อนข้างอยู่ในโอวาท ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่า อึดอัดหรืออยากต่อต้านนะคะ ไปโรงเรียน ถึงเวลาคุณพ่อคุณแม่ก็ไปรับ กลับถึงบ้านก็อยู่บ้าน ใช้ชีวิตอยู่แต่กับคุณพ่อคุณแม่และในโรงเรียนอะไรอย่างนี้ค่ะ

    สำหรับตอนนี้ มองย้อนกลับไปคิดว่าดีนะคะ เพราะว่าเราใช้ชีวิตตามวัย ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ ถ้าได้อิสระเยอะเกินไป มันอาจจะทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้พอเริ่มทำงานคุณพ่อคุณแม่ก็ให้อิสระทำอะไรเองได้ เพราะท่านคงพิจารณาแล้วว่า มันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราควรจะได้รับค่ะ”

    และช่วงเวลาที่ชีวิตของเธอมีความสุขมากที่สุดก็คือ ช่วงชีวิตในวัยทำงาน

    “เพราะเป็นช่วงที่เรามีวุฒิภาวะแล้ว ทำงานหาเงินเองได้ สามารถพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวด้วยเงินของเรา ทำให้รู้สึกว่าได้ทำอะไรเพื่อท่านบ้าง ได้อิสระ ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และได้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ป๊อกทำงาน ชีวิตมันค่อนข้างครบ เริ่มมีอะไรเป็นของตัวเอง และก็ไม่เคยเสียในสิ่งที่เราเคยมีไปด้วย”

    ซึ่งนั่นก็คือสายสัมพันธ์อันดีระหว่างเธอกับสมาชิกในครอบครัว บ่อยครั้งที่วางแผนไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับคนรัก (นักแสดงหนุ่ม ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม) เธอก็ไม่เคยลืมที่จะหอบหิ้วเอาครอบครัวไปด้วย

    “ส่วนใหญ่แล้วความคิดเห็นของพี่ตั๊กกับป๊อก จะค่อนข้างตรงกันตรงที่ว่า เราจะรู้สึกสบายใจกว่า ถ้าเราไปไหนด้วยกันทั้งบ้าน อย่างบ้านป๊อกมีพี่น้องแค่สองคนไงคะ เพราะป๊อกมีพี่สาวคนหนึ่ง แต่งงานแล้ว อยู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้ย้ายออก ให้พี่เขยย้ายเข้ามา ครอบครัวเราจึงมีกันแค่ พ่อ แม่ พี่เขย พี่สาว หลานๆอีกสองคน แล้วก็ป๊อกกับพี่ตั๊ก เพราะฉะนั้นเวลาไปไหนมันก็เลยง่ายค่ะ เคยมีทริปที่เราไปด้วยกันหมด รู้สึกดีจังเลย เคยคิดว่า ถ้าเครื่องบินตกตอนนี้นะ แล้วเราต้องไปพร้อมๆกัน มันไม่มีอะไรให้ห่วงเลย ป๊อกคิดแบบนี้

    ถ้าสมมติเราไปไหนกันคนละทิศ คนละทาง คนละเวลา เราอาจจะห่วงมากกว่า ถ้าเราเป็นอะไรไป เดี๋ยวพ่อแม่จะเสียใจ พี่สาวเราก็จะเสียใจด้วย แต่ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันหมดแล้ว มันไม่มีอะไรต้องห่วง เคยมีบางเวลาที่ป๊อกไปเที่ยวกับพี่ตั๊กสองคน ยังอดเป็นห่วงพี่สาวกับหลานๆไม่ได้ เพราะพี่สาวเป็นแอร์ (แอร์โฮสเตส) ต้องไปบิน แล้วหลานตัวเล็กๆต้องอยู่บ้านกับคุณตาคุณยาย บางทีป๊อกไปเที่ยวอยู่ แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจ กลับดีกว่า เป็นห่วงหลาน คิดถึงหลาน กลับบ้านไปดูหลานดีกว่าอะไรอย่างนี้(หัวเราะ)”

    เธอยอมรับว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวคือห่วงในชีวิตที่เธอมีมากพออยู่แล้ว ดังนั้นจึงวางแผนเอาไว้ว่าหากวันหนึ่งต้องแต่งงาน จะไม่มีทายาท เพื่อหาห่วงมาเพิ่มให้กับชีวิตอีก

    “แค่ครอบครัวที่ป๊อกมี มันก็คือห่วงของเราแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าถ้าเราตัดจำนวนห่วงที่จะมีเกิดขึ้นใหม่ไปได้ มันไม่น่าจะทำให้เรารู้สึกแย่ ด้วยกำลังของเรา ป๊อกมีหลานสองคน พี่ตั๊กมีสองคน ถ้าเผื่อคุณพ่อคุณแม่เขาเป็นอะไรไป ก็ยังมีคนช่วยกันดูแลหลานๆให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

    ถ้าเผื่อป๊อกมีลูกเพิ่มขึ้นมา ความรู้สึกเราก็ยังรักหลาน เหมือนเดิม แต่ว่าจำนวนส่วนแบ่งของเวลาที่เราจะให้แก่พวกเขา ก็จะน้อยลง เรียกว่าคิดเยอะ คิดมาก ใจเสีย เป็นโรควิตกจริต กลัวแทนทุกคน รู้สึกสงสารประชากรรุ่นต่อไป ขนาดกับหลานเรายังรู้สึกเลยว่า ถ้าพรุ่งนี้น้ำมันจะหมดโลก หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา เยอะแยะไปหมด แล้วอีกหน่อยหลานต้องโตขึ้น เขาจะเป็นอย่างไร แค่นี้ก็รู้สึกห่วงมากแล้ว”

    ความวิตกกังวลในชีวิตที่มีมากขึ้นนี่เอง คือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่า
    ตัวเองในวันนี้มีทัศนคติในการมองโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวัยรุ่น

    ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเป็นกังวลกับสิ่งต่างๆรอบตัวมากเกินไป เธอจึงมีวิธีดับความกังวลด้วยการหมั่นคิดทบทวนในสิ่งเหล่านั้น ก่อนจะปล่อยวางมันไปจากความคิด เมื่อพบว่าตัวเองได้พยายามทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว

    “ป๊อกเป็นคนที่ชอบเช็คตัวเองว่าชีวิตมีความสุขไหม ครอบครัว การงาน แฟน หรือเพื่อนดีไหม เรายังมีห่วง มีพันธะหนี้สิน หรือเคยทำให้ใครต้องเป็นทุกข์หรือเปล่า เพราะรู้สึกว่าการเช็คตัวเองบ้าง มันทำให้เรากลับมาอยู่ในเรื่องของเรา และไม่ทำให้เราฟุ้งไปกับเรื่องของคนอื่นเยอะมาก”

    ในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น มีบ้างที่เธอเคยตกอยู่ในอารมณ์ โกรธ ล้มตัวกระแทกเตียง เอาหน้าซุกหมอนร้องกรี๊ดๆ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็ค้นพบว่ามันเป็นอะไรที่ไร้สาระ และปัจจุบันมีน้อยครั้งมากที่คนรอบข้างจะเห็นเธอมีเรื่องทะเลาะกับใครจนต้องส่งเสียงดัง หรือตะโกนด่า เพราะนอกจากเธอคนนี้จะมีใจดีไว้สู้เสือหรือนางร้าย เหมือนในละครแล้ว ในชีวิตจริงเธอก็ยังมีความใจเย็นเป็นเสน่ห์อีกด้วย

    “แต่ก่อนใจร้อนมาก ด้วยความเป็นเด็กด้วยค่ะ แต่ใจร้อนของป๊อกมันก็แค่นั้นค่ะ เพราะจะเป็นคนค่อนข้างนิ่งมาก ชิลมาก ไม่ว่าไปไหน สิ่งที่จะทำให้ป๊อกโกรธได้จะเป็นเรื่องงาน ถ้าเกิดมันไม่เป็นตามที่ต้องการ เพราะว่าศักยภาพของตัวเอง เราควรจะทำได้ แล้วทำไมเราถึงทำไม่ได้

    แต่ในเรื่องของคนอื่นที่มันต้องขึ้นอยู่กับคนอื่น ป๊อกจะเป็นคนประเภทที่ว่า มันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา ช่วยได้เท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น จะเก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นอารมณ์ไม่ได้ ไม่ควร หรือเวลารถติด ทุกคนจะรู้ว่า ป๊อกชิลๆ ก็รถมันติดจะให้ทำยังไง ถ้ามามัวโกรธหรือกระทบชิ่งกันอยู่ในรถ คนที่นั่งไปกับเราเขาก็จะเครียดไปด้วย ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ เราก็เอนจอยกับมันซะ ใช้เวลานั้นไปกับการฟังวิทยุ หาเรื่องคุย หรือว่าโทรศัพท์หาเพื่อน ธรรมดาเราอาจไม่ค่อยมีเวลาคุยโทรศัพท์มากนัก เพราะมีธุระที่ต้องทำ รถติดตั้งนาน ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เวลาที่ควรจะเครียดโทรคุยกับเพื่อนดีกว่า”

    คนที่เป็นแบบอย่างให้กับเธอในเรื่องของความเป็นคนใจเย็น และเป็นแบบอย่างที่ดีในอีกหลายด้าน ไม่ใช่ใครที่ไหน คือชายหนุ่มข้างกายเธอนั่นเอง

    “ตั้งแต่เราคบกันมา พี่ตั๊กทำให้ป๊อกคิดอะไรรอบคอบ สอนให้รู้จักคิด พิจารณาสิ่งต่างๆ พาไปเข้าวัด ไปรู้จักอาจารย์ ไปเรียนอะไรอีกเยอะแยะมากมาย มันก็เลยทำให้ชีวิตสงบและใจเย็นลง แต่เขาใจร้อนขึ้น(หัวเราะ) อาจเพราะช่วงนี้พี่ตั๊กทำงานเยอะก็เลยมีเรื่องให้ต้องวิ่งวุ่นเล็กน้อย แต่ก็ยังดีค่ะที่เขาร้อนในเรื่องทั่วๆไป คือรีบไป รีบกลับ รีบในกิจวัตรประจำวัน แต่ว่าโดยสภาพจิตใจยังคงเหมือนเดิม”

    การได้มีเวลาไปปฏิบัติธรรมที่วัดเหมือนนักแสดงหลายๆคน สำหรับเธออาจเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก แต่ในชีวิตประจำวันและทุกคืน เธอจะให้ความสำคัญกับการทำสมาธิก่อนนอน เพราะเชื่อว่ามีประโยชน์มากสำหรับอาชีพ นักแสดง ที่จะต้องมีใจจดจ่ออยู่กับบทบาทที่ได้รับ

    “เวลาขับรถ บางครั้งเพื่อนที่นั่งไปด้วยกันยังถามเลย ว่าทำไมไม่เปิดวิทยุ แค่ขับรถเฉยๆ ป๊อกรู้สึกว่าช่วงเช้า เราอยากจะได้สมาธิ ที่พอไปถึงกองถ่ายจะได้ทำงาน แล้วขากลับก็จะรู้สึกอีกว่า วันนี้ทั้งวันได้รับฟังอะไรมาเยอะมากแล้ว ขอขับรถนิ่งๆ อยู่เงียบๆ ไม่เปิดแม้กระทั่งเพลง (หัวเราะ) เพราะเวลาตรงนั้นมันคือเวลาที่สงบสำหรับป๊อกค่ะ”

    เธอเชื่อว่าธรรมะในทุกเรื่องของพระพุทธศาสนา เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ หากทุกคนนำมาปรับใช้กับชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง

    “สามารถทำให้ป๊อกเชื่อได้โดยที่ไม่มีข้อสงสัย เพราะไม่ได้ชักจูงให้ไปเชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา เราสามารถใช้จิตใช้ปัญญาของเราพิจารณา วิเคราะห์เองได้ และมั่นใจว่ามันคือความจริงที่ทำให้อยากปฏิบัติตามพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีความเป็นสมัยใหม่ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ดื้อๆอย่างป๊อก เมื่อสามารถพิสูจน์ด้วยตัวเองได้ เราก็จะเชื่อโดยที่ไม่ต้องมีใครมาชักจูง”

    แต่เธอก็ยอมรับว่าเวลานี้ตัวเองยังใจไม่เข้มแข็งพอสำหรับบางเรื่อง เป็นต้นว่า หากวันใดหนึ่งต้องสูญเสีย คนในครอบครัวคนใดคนหนึ่งไป

    “ป๊อกคิดว่าตัวเองโชคดีมากเลยนะ ที่พ่อแม่และพี่น้องทุกคนยังอยู่กันครบพร้อมหน้าพร้อมตา จึงพยายามทำชีวิตในช่วงนี้ให้ดีที่สุด เพราะกลัวว่าถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป กลัวว่าตัวเองจะรู้สึกแย่เหมือนกัน

    เพื่อนบางคนที่คุณพ่อคุณแม่เขาเสีย เมื่อเขาสามารถก้าวผ่านความเศร้าช่วงนั้นมาได้ จะรู้สึกดีใจกับเขา เพราะว่าป๊อกจะเป็นคนที่รู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเป็นเรา จะรู้สึกแย่มากหรือเปล่า

    มันก็ใช่ ที่เรื่องเหล่านี้มันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ ทุกคนต้องผ่านมันไปให้ได้ แต่สำหรับป๊อกคงต้องอาศัยการฝึกจิตให้เยอะ ต้องใช้วุฒิภาวะมากพอสมควร เพื่อให้ใจปล่อยวาง ทั้งที่เวลานี้ก็อายุเยอะแล้ว”

    นางเอกในวัย 35 ปีกล่าวว่า การได้มีครอบครัวและคน รักที่ดี ตลอดจนการถูกหล่อหลอมให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี คือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตนี้มีดีพอที่จะดำเนินต่อไปได้

    ส่วนคนที่รักเธอและมีเธอเป็นแบบอย่าง หากเป็นไปได้เธออยากจะให้ทุกคนลองหันกลับไปค้นหาให้เจอความดีที่แต่ละคนมีอยู่ในตัวเอง

    “อยากบอกว่าทุกคนมีดีในตัวเองนะคะ ทุกคนสามารถ ชื่นชอบและรักในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ง่ายๆ สิ่งที่ทำให้ป๊อก มีความสุข มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องตะกายไขว่คว้าอะไร ป๊อกแค่มีความสุขในสิ่งที่ป๊อกเป็น”

    ทุกวันนี้เธอจึงไม่ได้คาดหวังในอาชีพที่ทำอยู่มากไปกว่าการทำมันให้ดีที่สุด

    “ป๊อกรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขแล้วล่ะ มีสุขภาพร่างกาย สมบูรณ์ มีครอบครัว มีคนรัก มีเพื่อน มีคนที่รู้จักเรา อยากจะซื้อหรืออยากจะได้อะไรเราก็ได้ ขอแค่ให้ชีวิตมีเวลาแบบนี้อีกต่อไปนานๆได้ไหม

    เป้าหมายในหน้าที่การงาน ป๊อกไม่ได้คิดอะไรไปไกล กว่า อยากจะเป็นนักแสดงที่ดีที่สุด และทำมันต่อไปได้เรื่อยๆ เคยอ่านจากที่ไหนสักแห่ง รู้สึกประทับใจ คนคนนั้นเขาพูดถึงอาชีพของตัวเองเอาไว้ว่า

    มันอาจจะไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุด แต่เราจะทำมันให้ดีที่สุด หมายความว่า อาชีพของเขามันอาจจะไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุดในโลก และอาจจะเป็นอาชีพที่เล็กๆแค่นั้น แต่ถ้าเขาอยู่ในอาชีพนั้นแล้ว เขาจะทำในส่วนของเขาให้ดีที่สุด”</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>6 กันยายน 2553 10:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. คนเสียลูก

    คนเสียลูก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +89
    ชื่นชอบคุณป๊อกมาตั้งแต่แรกที่น้องเข้าวงการ ไม่ผิดหวังเลย น้องน่ารักมาก ดีค่ะ(kiss)(kiss)(kiss)(kiss)(kiss)
     

แชร์หน้านี้

Loading...