ความสัมพันธ์ของ จักระ ปราณ และ สวัสดิกะ (เครื่องหมายแห่งพลัง)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมรังสี, 9 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    พลังปราณ ออร่า และ จักระ

    นอกเหนือจากการทำงานโดยอาศัยสมองเป็นตัวควบคุม และมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองเป็นช่วงๆ ในแต่ละวันแล้ว การศึกษาวิจัยทางด้านปรจิตวิทยา (การศึกษาในเรื่องของพลังจิต) พบว่า มนุษย์และสิ่งมีชีวิต จะมีพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปรากฏเป็นแสงสีรอบๆ ตัว เรียกว่า ออร่า (AURA) พลังงานนี้จะมีความสัมพันธ์กับภาวะทางกายภาพ จิตใจอารมณ์ หรือ จิตวิญญาณของมนุษย์แต่ละคน ออร่าจะเป็นภาพรวมของผลเหล่านี้ และจะมีพลังงานเป็นแรงสั่นสะเทือนหรือเป็นแสงสีต่างๆ ในส่วนที่ติดกับร่างกายของมนุษย์ เรียกว่า กายทิพย์ (Astral body) กายทิพย์ประกอบด้วยพลังงานของจิต ซึ่งกายหยาบ (Physical body) ทำหน้าที่คงสภาพและยึดโยงกายทิพย์เอาไว้ 

    กายทิพย์ประกอบด้วยโครงสร้างซึ่งทำหน้าที่ดูดซับพลังงานที่มีความถี่สูงหลากหลายมากมาย รวมทั้งพลังชีวิต ที่เรียกว่า พลังปราณ รวมถึง พลังบุญ พลังบาป ฯลฯ   ด้วย  กายทิพย์จะทำหน้าที่กลั่นกรอง แยกแยะ และ ส่งผ่าน รวมถึงถ่ายทอดพลังงานต่างๆ

    พลังงานเหล่านี้เข้าสู่กายหยาบ พลังชีวิตที่เรียกว่า พลังปราณ มีพื้นฐานความรู้จากโยคะศาสตร์ของอินเดีย และจีนเรียกพลังงานนี้ว่า พลังชี่ (chi)  ในศาสตร์ต่างๆ ของอินเดียยังเชื่อมโยงพลังออร่าและจักระ (auras and charkas) 

    จักระ จะมีสัญลักษณ์เป็นสีตามรูปแบบของแสงออร่า จักระเป็นศูนย์รวมพลังงานของร่างกายมนุษย์ ศูนย์เหล่านี้จะยอมให้พลังงานผ่านเข้าออก มีกลไกที่ควบคุมการไหลเวียนของพลังงาน

    จักระ มีด้วยกันทั้งหมด 7 จักระ ได้แก่

    1. basal หรือ root chakra ตั้งอยู่บริเวณส่วยปลายของกระดูกไขสันหลัง ที่เรียกกันว่า ก้นกบ จักระนี้จะเกี่ยวข้องกับสัญชาติญาณพื้นฐาน และการทำงานของร่างกายที่เป็นรูปธรรม สีประจำจักระนี้ คือ สีแดง หรือ สีชมพูเข้ม

    2. sacral chakra ซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าสะดือเล็กน้อยเป็นศูนย์รวมพลังงานเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารตอนล่าง การมีเพศสัมพันธ์ การเจริญพันธุ์ อารมณ์พื้นฐาน ความคิดสร้างสรรค์ สีประจำจักระคือ สีแสด

    3. solar plexus อยู่ตรงบริเวณตำแหน่งลิ้นปี่ เกี่ยวข้องกับเชาว์ปัญญา การทำงานของระบบกระเพาะอาหาร และระบบทางเดินอาหารส่วนบน สีประจำจักระคือ สีเหลือง   จักระที่ 2-3 จะถูกกระทบกระเทือนได้ง่ายจากพลังงานที่เป็นลบ เช่น ความวิตกกังวลและความกลัวซึ่งทำให้สามารถอธิบายการเชื่อมโยงระหว่างจิตใจกับอารมณ์ได้และกำลังทางร่างกายมีจุดกำเนิดจากจักระทั้งสองนี้

    4. heart chakra ตั้งอยู่บริเวณหัวใจและควบคุมการทำงานของหัวใจต่อมไทมัส  ปอด และระบบการไหลเวียนของเลือด มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่นความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความประทับใจ สีประจำจักระคือ สีเขียว 

    จักระนี้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและวิญญาณ และเป็นจุดที่พลังงานทั้งหมดของร่างกายและจิตไหลผ่าน การส่งพลังจากจิตลงมาด้านล่างของร่างกายอาจถูกขัดขวาง ทำให้จักระ 1, 2 และ 3 ไม่ถูกกระตุ้น

    5. throat charkra ตั้งอยู่บริเวณคอหอยมีอิทธิพลต่อการทำงาน อวัยวะในช่องทรวงอกด้านบน ลำคอ และปอด รวมทั้งต่อมไทรอยด์ เกี่ยวกับการแสดงออก ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารในรูปแบบ สีประจำจักระนี้คือ สีน้ำเงิน

    6. brow chakra ตั้งอยู่บริเวณหัวคิ้วซึ่งมักจะถูกเรียกว่าตาที่สาม เกี่ยวข้องกับสติ เชาว์ปัญญา และการรับรู้ความรู้สึก สีประจำจักระคือ สีครามหรือสีน้ำเงินเข้ม

    7. crown chakra ตั้งอยู่บริเวณกระหม่อมศีรษะ ทำหน้าเชื่อมโยงกับจิตใจระดับสูง และสัมผัสกับจิตวิญญาณ สีประจำจักระคือ สีม่วง

    ความหมายของสี “ออร่า” ที่สำคัญ
     
    แดง
    • ชอบกิจกรรมที่ทรงพลัง ชอบอำนาจ อารมณ์รุนแรง
    • พลังแห่งความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง 
    • ความเป็นผู้นำ ความสำเร็จ ความสนุกสนาน
    • ถ้าแดงคล้ำ แสดงว่ากำลังเครียด ภาวะเจ็บป่วย 
     
    คราม/น้ำเงิน
    • ความรู้ทางจิต (อย่างไม่มีข้อจำกัด) สมถะ  ปล่อยวาง 
    • ความเมตตา รักความสงบ สมาธิ ความเยือกเย็น 
    • แรงบันดาลใจ ความกลมกลืน การสื่อสาร ยินดีกับตนเอง
     
    ม่วง 
    • เวทย์มนต์ ญาณทัศนะ มีสัมผัสพิเศษ 
    • พลังแห่งจินตนาการ (ติดต่อกับจิตใต้สำนึกได้ดี)
    • ภาวะจิตประณีต เข้าสมาธิได้ดี (ถ้าสีม่วงเจือด้วยสีดำ แสดงถึงความไม่แน่นอน)
     
    เหลือง
    • ภาวะปัญญาดี มีความสามารถ เฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์
    • มีความอบอุ่น (แสงแดด) มองโลกในแง่ดี สนุกและโชคดี 
    • เผชิญอนาคตด้วยความร่าเริง สีใสมากหมายถึงความบริสุทธิ์
     
    ส้ม/แสด
    • การสร้างสรรค์ ผู้ริเริ่ม การเป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระ 
    • นักแสวงโชค ชอบความเสี่ยง เชื่อมั่นตนเอง เป็นผู้นำได้ดี 
    • ชอบการท้าทาย (ต่อชีวิต) ขยัน มีความรับผิดชอบ
     
    เขียว 
    • การบำบัด การฟื้นฟูความสมดุล การเปลี่ยนสภาวะการเป็นตัวของตัวเอง 
    • การอุทิศตน (เสียสละ) กฎระเบียบ มีวินัย ความมั่นใจในตนเอง 
    • ถ้าเขียวคล้ำ แสดงว่ากำลังมีปัญหาสุขภาพ
     
    ขาว
    • จิตใจที่ดีงาม เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ 
    • พลังในการบำบัดรักษา ภาวะสมดุล
    • สภาวะของจิตที่สะอาด
    • เป็นสีที่มีพลังมากที่สุด ผู้รู้แจ้ง ญาณ (ธรรมญาณ) 
    • ถ้าขาวขุ่นเหมือนน้ำซาวข้าว หมายถึงภาวะผิดหวัง เป็นทุกข์ กังวล

    ดำ
    • กิเลสตัณหา ด้านมืดของจิตใจ ผลบาป ความลึกลับซ่อนเร้น อำนาจที่ชั่วร้าย เคราะห์กรรม
     
  2. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ความหมายของสวัสดิกะ

    สวัสดิกะเวียนขวา หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง  ความเป็นสิริมงคล ความสวัสดี ความมีโชคดี พลวัตรแห่งจักรวาล   

    ชาวทิเบตเชื่อว่า สวัสดิกะเวียนขวา มีพลังอำนาจในการปราบมาร และเป็นเครื่องหมายแห่งพลัง สามารถยับยั้งสิ่งเลวร้ายได้

    หากเป็นสวัสดิกะแบบเวียนขวาที่มีจุด 4 จุด จะเป็นเครื่องหมายประจำองค์แห่งพระคเณศ (พระพิฆเนศวร)  เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ  โอรสแห่งพระศิวะมหาเทพและพระแม่อุมามหาเทวี  ซึ่งจุดทั้ง 4 นี้ หมายถึง ความสมดุลของธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ในจักรวาล หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามแรงเหวี่ยงของจักรวาล โดยมีสวัสดิกะแบบเวียนขวาเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล

    สวัสดิกะเวียนซ้าย หมายถึง การทวนกระแสแห่งจักรวาลและสังสารวัฏ  การประทานพรจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ และเป็นเครื่องหมายแห่งโลกุตตรธรรมของพระพุทธศาสนาแบบมหายาน (อาจริยวาท) เช่นเดียวกับ เครื่องหมายอุณาโลม และ ธรรมจักร ของพระพุทธศาสนาแบบหินยาน (เถรวาท)

    ทั้งนี้และทั้งนั้น แท้จริงแล้ว สวัสดิกะ ก็คือ สัญลักษณ์รูปกงจักร อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์มงคล 108 ประการของพระพุทธเจ้า นั่นเอง รวมทั้งยังหมายถึง จักรแก้ว อาวุธวิเศษคู่บุญบารมีแห่งองค์พระเจ้ามหาจักรพรรดิ และ องค์มหาเทพทั้งหลาย อันเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูงสุด มีอานุภาพสูงสุดในบรรดาเทพอาวุธทั้งปวง

    สวัสดิกะ  จัดเป็นเครื่องหมายอันเก่าแก่โบราณที่สุดของโลก เป็นต้นกำเนิดของสัญลักษณ์ทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาพราหมณ์ หรือ ศาสนาพุทธ  ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นเครื่องหมายอื่นๆ ตามมา เช่น เครื่องหมายโอมในศาสนาพราหมณ์  เครื่องหมายธรรมจักรในศาสนาพุทธ (ซึ่งเอาล้อเกวียนมาเป็นแบบอย่าง หมายถึง การขับเคลื่อนทางพระพุทธศาสนา โดยมี มรรคมีองค์ 8 เป็นพลังแห่งการขับเคลื่อน และมีความว่างหรือสุญญตาเป็นศูนย์กลาง)  ส่วน เครื่องหมายอุณาโลม นั้น จะหมายถึง โลกุตตรธรรมทั้ง 9 ประการ  อันได้แก่ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1  และ สวัสดิกะ ยังเป็นต้นกำเนิดของอักขระเลขยันต์ในทางไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไตรเพทในศาสนาพราหมณ์ ที่เรียกว่า อาถรรพเวท ด้วย

    ถือได้ว่า เครื่องหมายสวัสดิกะ ไม่ว่าจะเวียนซ้ายหรือเวียนขวา ย่อมมีพลังอำนาจสูงสุดในบรรดาเครื่องหมายแห่งพลังทั้งปวง

    เรียบเรียงโดย : พระอาจารย์ พ.ธรรมรังสี
     
  3. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ยันต์ "เฑาะว์"

    สามารถเขียนได้หลายแบบ ทั้ง เฑาะว์ขัดสมาธิ เฑาะว์มหาพรหม เฑาะว์มหาอุด เฑาะว์มหานิยม เฑาะว์คงกระพัน เฑาะว์มหาฤาษี เฑาะว์พุทธคุณ ฯลฯ  ถือเป็นยันต์ชั้นสูง เป็นยันต์ครู มีเทพและสิ่งศักด์สิทธิ์รักษา เป็นอักขระยันต์ที่ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนนิยมใช้มากที่สุด เป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในโลกธาตุ เป็นสัญลักษณ์แทนพระธรรมของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีอานุภาพสูงสุดครอบจักรวาล อธิษฐานได้ตามใจปรารถนา


    โอม

    เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพราหมณ์ เขียนเป็นตัวอักษรเทวนาครี มาจากคำว่า อะ (พระศิวะ) อุ (พระวิษณุหรือพระนารายณ์) มะ (พระพรหมธาดา) รวมกันเป็น มหาเทพตรีมูรติ  ใช้สวดสรรเสริญและขอพรพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ได้ทุกพระองค์  เช่น  โอม คเณศายะ นมัช , โอม นมัช ศิวายะ  ฯลฯ  

    เสียงโอมนี้เกิดจากศูนย์ลมบริเวณศรีษะ สัมพันธ์กับจักระในร่างกาย ในศาสนาพราหมณ์ใช้เสียงโอมเพื่อดึงจิตให้เกิดสมาธิ เปิดจักระและประสานจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลและองค์มหาเทพทั้งหลาย

    หรือแม้แต่ในศาสนาพุทธมหายานก็ยังมีคาถาบูชาองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมว่า  โอม มณี ปัทเม หูม. ซึ่งถือเป็นคาถาหัวใจของการเข้าถึงองค์พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์แห่งดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตรอีกด้วย รวมถึงคาถาบูชาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ของชาวทิเบตว่า โอม กษิติครรภ์ โพธิสัตตวายะ. 

    และเสียงโอมนี้ยังเป็นเสียงประจำองค์ของพระไวโรจนพุทธเจ้า ผู้เป็นประธานแห่งพระธยานิพุทธทั้ง 5 หมายถึง ปัญญาอันสูงสุดและความว่าง 


    เรียบเรียงโดย : พระอาจารย์ พ.ธรรมรังสี
     
  4. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    แล้วพระขรรค์แก้วล่ะจ๊ะ มีความหมายว่าอย่างไรจ๊ะ
    โอม เมทะนะเมธาวี นะจ๊ะ
     
  5. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    โอม วงกลมจุด
    โอม นะมัตถะนะมัตถุ วิสุทธิปราณ พลังจักระ อัสสะ ปิตะ ทันตา ยะยะยะ
    นะจ๊ะๆๆ
     
  6. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    โอมมมมมมมมมมมมม วิสุทธิมรรค จักรแสดงแปลงปราณ
    จักรทะยาน บินร่อน ว่อนสามภพ
    พระขรรค์พุ่ง ทะยานฟ้า มิรู้จบ
    อนันตจักรวาลพบ ความสงบร่มเย็น เป็นธรรมชาติ นะจ๊ะนะจ๊ะ
     
  7. Fergie

    Fergie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +167
    ฆนสัญญาปิดบังอนัตตา ช่วยอธิบายคร่าวๆพอเข้าใจง่ายๆได้ไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  8. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    วอ1 เรียก วอ2 ท่านเจ้าของกระทู้ตอบด้วยนะจ๊ะ 832 532 831
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2013
  9. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ท่านเจ้าของกระทู้ช่วยแปล ความหมายของพระขรรค์แก้วหน่อยสิจ๊ะ ว่าหมายถึงอะไรจ๊ะ
    นะจ๊ะ
     
  10. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    โอมมมมมม ธรรมรังสี วิมุติทานัง สรรพทานัง ชัยยะ ชัยยะ นะจ๊ะ
     
  11. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218

    ฆนสัญญา คือ ความจดจำหมายมั่นว่า สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนเป็นตัวเป็นตน อาจควบคุมบังคับบัญชาทุกสิ่งได้ตามต้องการ

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งหลายล้วนมิใช่ตัวมิใช่ตน เป็นเพียงเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ตั้งอยู่ตามเหตุปัจจัย และดับไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น และอาจควบคุมได้แต่เพียงบางสิ่งเท่านั้น มิใช่ทุกสิ่ง

    จึงตรงกันข้ามกับคำว่า อนัตตา โดยสิ้นเชิง

    จิตปล่อยวาง จิตก็พ้นทุกข์

    อนัตตา สุญญตา

    นิพพานัง ปรมัง สุญญัง

    นิพพานัง ปรมัง สุขัง
     
  12. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    เทพอาวุธมีหลายประการ เช่น ตรีศูล (สามง่าม หรือ วชิราวุธ) คทา จักร พระขรรค์ ฯลฯ

    ผ้าโพกศรีษะของอาฬวกยักษ์ก็เป็นอาวุธที่มีฤทธานุภาพมาก (ทุสาวุธ : อาวุธคือผ้า)

    ดวงตาของพญายมราชก็มีอานุภาพมาก (นัยนาวุธ : อาวุธคือดวงตา)

    ส่วนจะเติมคำว่า แก้ว หรือ เพชร ต่อท้าย ก็เพื่อเป็นการยกย่องให้สูงส่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2013
  13. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ขออภัยที่มาตอบช้า เพราะที่วัดอาตมาน้ำท่วม (วัดมะกอกสีมาราม ปราจีนบุรี)

    วันนี้น้ำเข้าโบสถ์ เข้ากุฏิ ต้องไปนอนบนศาลาการเปรียญพร้อมกับหมาที่มีคนเอามาปล่อยอีก 10 ตัว

    ไม่ได้บิณฑบาตเพราะน้ำท่วมทางเข้าเมือง ต้องหุงข้าวเลี้ยงหมาคลุกด้วยปลากระป๋อง

    ทิ้งวัดก็ไม่ได้ เพราะเป็นความรับผิดชอบ

    สองวันก่อนทำผัดกะเพราพร้อมข้าวสวยเอาไปแจกชาวบ้านใกล้เคียงที่ลำบากจากน้ำท่วม (ใช้หมู 12 กก. ข้าว 15 กก.) วันนี้หมดงบจึงไม่ได้ไปไหน ยกของหนีน้ำทั้งวัน

    กินเจมั่ง ไม่ใช่เจมั่ง มีอะไรก็กินอย่างนั้น

    อยู่ในโลกนี้ไปอย่างนั้นเอง
     
  14. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
  15. Fergie

    Fergie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +167
    ชอบยันต์เฑาะห์มากครับ ดูครบเครื่องดี วัดสะแกใช้กำกับหลังเหรียญเเทบทุกรุ่นเลย อ้อ ผมนึกว่าท่านอาจารย์อยู่เชียงใหม่ซะอีก ว่าแต่ว่าออกพรรษาจะย้ายที่พำนักหรือเปล่าครับ
     
  16. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ยันต์เฑาะว์ เท่าที่อาตมาได้ทำการศึกษามา ทราบว่าครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนแทบทุกองค์จะนิยมใช้มาก และโดยมากการเรียนวิชาอาคมในสมัยก่อนมักใช้การถ่ายทอดด้วยวาจา ไม่ค่อยจดจารึกกันเท่าไรนัก สมัยต่อมาจึงมีการจดจารึกลงเป็นตำราหรือคัมภีร์ไว้ศึกษาเล่าเรียนสืบต่อกันมา บางตำราก็จดจารึกมาแบบผิดๆ เนื่องด้วยไม่ได้ศึกษาจดจำมาจากต้นเค้าวิชาที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหากผู้ที่ทำการศึกษาวิชาอาคมนั้นๆ มีพลังจิตที่สูง เพราะพลังจิตย่อมสำคัญที่สุด ส่วนคาถาก็เป็นเรื่องการจัดระเบียบของจิต เพื่อฝึกจิตให้เกิดพลังนั่นเอง ซึ่งมีอยู่หลายวิธี เช่น การบริกรรมคาถาต่างๆ การเพ่งกสิณ การระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก เป็นต้น

    สำหรับการเขียนยันต์เฑาะว์ที่ถูกต้องในเบื้องต้นนั้น อาตมายึดตามตำราของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร (ศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ ติสสเทวะ) และหลวงปู่บุญ ขันธโชติ วัดกลางบางแก้ว) เป็นหลัก ว่าดังนี้

    เฑาะว์ สันโต ศีละสมาธิ (ศีลและสมาธิคือทางแห่งความสงบ)

    เฑาะว์ สันติ นะมัตตะโน (การเอาชนะใจตนเองคือทางแห่งความสงบ)

    เฑาะว์ สันโต กัมมัฏฐานัง (การเจริญพระกรรมฐานทั้งสมถะและวิปัสสนาคือทางแห่งความสงบ)

    เฑาะว์ สันตัง นะมามิหัง (ข้าพเจ้าขอนอบน้อมซึ่งพระนิพพานอันเป็นความสงบสูงสุด)


    หมายเหตุ : ขณะที่จารก็บริกรรมคาถาพร้อมๆ กันไปด้วย โดยมีการต่อยอดด้วยคาถาบทอื่นๆ ก็ได้ ยันต์เฑาะว์ก็จะแปลงรูปเป็นยันต์เฑาะว์ชนิดต่างๆ มีอานุภาพต่างๆ กันไป

    บ้างก็ท่องว่า ท้อรันโต ฯลฯ


    เฑาะว์ที่มีอานุภาพสูงสุด คือ เฑาะว์มงกุฎพระพุทธเจ้าครอบจักรวาลตรึงไตรภพ


    สายวัดสะแก ก็มาจากหลวงพ่อกลั่น ธัมมโชติ วัดพระญาติ สืบสายมาจากวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งมาจากคัมภีร์พุทธมนต์ของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว พระอาจารย์ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ

    แต่องค์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก มักใช้ นะปิดล้อม เพราะอธิษฐานถึงนิพพานสูญได้เลย เรียกว่า ไร้ขั้นตอน ไร้ขอบเขต และไร้ขีดจำกัด สำหรับองค์ท่านโดยแท้ ภายหลังจึงจารเร็วในแบบที่เรียกว่า จารจิต เพื่อความรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ลดประสิทธิภาพของการอธิษฐานจิตแต่ประการใด ตรงกันข้าม การจารเร็วๆ ของท่าน ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า พลังจิตของท่านย่อมสูงมากและเกิดกระแสพลังเห็นผลรวดเร็วมาก

    อาตมามาอยู่ที่ปราจีนบุรีนานแล้ว ไปนู่นไปนี่บ้างตามประสาคนชอบเดินทางท่องเที่ยว

    ขอเจริญพร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2013
  17. Fergie

    Fergie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +167
    ขอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาขยายความตัวเฑาะห์ให้ฟัง แล้วเฑาะว์มงกุฏพระพุทธเจ้าครอบจักรวาฬตรึงไตรภพนี่หน้าตาเป็นยังไงครับ ใช่หลังเหรัยญหลวงพ่อกวยหรือเปล่าครับ
     
  18. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    คือ ชักยันต์เฑาะว์ครอบทั้งจักรวาล อัญเชิญบารมีพระรัตนตรัยครอบยันต์เฑาะว์ ตามด้วยอักขระวิเศษบทมงกุฎพระพุทธเจ้าและเทพศาสตราเทพอาวุธ (ตรีเพชร คทาเพชร จักรเพชร สังข์มุกดา พระมหาพิชัยมงกุฎ พระมหาเศวตฉัตร 9 ชั้น สังวาลย์นพเก้า พระขรรค์เพชร ธนูทอง พระธำมรงค์นพเก้า ฯลฯ) วิมานแก้ว ตาข่ายเพชร ฯลฯ อัญเชิญกำลังแผ่นดินแผ่นฟ้ามหาจักรวาล ธาตุทั้ง 4 อันเป็นทิพย์ กำลังเทพกำลังพรหม พระอนันตธรรมทิพยธาตุ (ธาตุกำเนิดจักรวาลอันเป็นทิพย์อันไม่มีที่สิ้นสุด) มาจุติปฏิสนธิ

    เมื่อขยายยันต์เฑาะว์ออกไปทั่วทั้งจักรวาลแล้ว (ด้วยปฏิภาคนิมิต) ก็ย่นย่อยันต์เฑาะว์นั้นให้รวมเป็นอักขระเดียว สำทับด้วยพระคาถาต่างๆ (มหาเวทย์ดูดทรัพย์ มหานิยม มหาชาตรี มหากำบัง มหาปัดตลอด สำเร็จเป็น มหายันต์เฑาะว์มงกุฎพระพุทธเจ้าครอบจักรวาลตรึงไตรภพ) และ อธิษฐานตั้งสัจจวาจาให้เป็นประกาศิต (อาจเสริมด้วย มนต์พระกาฬ มนต์พระเจ้าเข้านิโรธ มนต์สัมพุทเธหงสา มนต์มหาสาวัง หรือ มหาทิพยมนต์ เป็นการปิดท้ายก็ได้) หลวงปู่ดู่ครอบด้วยวิมานแก้วและบารมีหลวงปู่ทวด (พระศรีอารย์) ในภาคพระบรมมหาจักรพรรดิ


    พระปรมาจารย์ที่สามารถทำเข่นนี้ได้มีเพียงไม่กี่องค์ นับแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นต้นมา เพราะเคยพบเห็นในนิมิตจากการตรวจสอบทางสมาธิจิตในพระเครื่องสมัยสุโขทัย ลพบุรี เป็นต้นมา จนมาถึง พระกริ่งของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว (เคยสัมผัสองค์จริงมาแล้ว) ในครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ก็พบเพียงไม่กี่องค์ เพราะเป็นการสืบทอดสายวิชาเป็นการเฉพาะ อาทิ ภาคใต้สายเขาอ้อ ภาคกลางสายอยุธยา-ชัยนาท-สิงห์บุรี-นครสวรรค์ ภาคตะวันตกสุพรรณบุรี ภาคเหนือตั้งแต่สุโขทัยลงมา (รวมถึงพระกรุสกุลลำพูน เพราะได้พระฤาษีจากภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบนทำการปลุกเสก) อีสานตั้งแต่อุบลราชธานีและนครจำปาศักดิ์

    สมัยปัจจุบัน เช่น หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ ฯลฯ

    วิชาการปลุกเสกเลขยันต์เหล่านี้เป็นแขนงหนึ่งของวิชาพรหมศาสตร์ เรียกว่า วิชาเรยูกูราบัด (อัญเชิญทิพยรังสี) วิชาตับเสดและวิชาอิลละมู มีพระมหาฤาษีชั้นบรมครูในสมัยโบราณเป็นเจ้าของวิชา โดยมีพระพรหมชั้นพรหมโลกสุทธาวาสเป็นผู้ถ่ายทอดด้วยภาษากูโบ๊ส จารึกลงบนแผ่นศิลาเมื่อ 7,000 ปีก่อน (คัมภีร์ไบโตล่าห์) และทำการสั่งสอนสืบทอดกันต่อๆมา มีทั้งสายดำสายขาว สายดำเรียกว่า วิชาวูดู วิชานัฟนาฟีและวิชานาฟีอี

    ทั้งสายขาวคือ เรยูกูราบัด ตับเสดและอิลละมู สายดำคือ วูดู นัฟนาฟีและนาฟีอี ยังแบ่งออกไปอีกสายละ 1,580 สาขา

    อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ศาสตร์เหล่านี้เป็นวิทยาการทางจิตที่มีมาอย่างยาวนาน จัดเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ซึ่งมีมาคู่กับหมู่มวลมนุษย์มาอย่างยาวนาน ไม่อาจตัดออกไปได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของมนุษย์ เช่นเดียวกับศาสนาและวิทยาการต่างๆ ของมนุษย์ เพราะล้วนมีที่มามีกำเนิดมาจากมนุษย์ ถูกใช้โดยมนุษย์ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ เพียงแต่จะถูกนำมาใช้ให้เหมาะสมกับยุคสมัยเมื่อใดแค่นั้น และมีทั้งยุคเสื่อมยุคเจริญ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืนแม้แต่เพียงอย่างเดียว

    ในสายของจีนและทิเบต เรียกว่า นิกายวัชรยาน (มันตรยาน คุยหยาน ตันตรยาน หรือ ลัทธิตันตระ) เชื่อกันว่าเป็นวิชาที่ถ่ายทอดมาจากเทพพรหม หรือ เทวะประกาศิต มีทั้งเทพพรหมที่เป็นพระโพธิสัตว์และเทพพรหมที่เป็นพระอริยบุคคล มีไว้เพื่อช่วยเหลือหมู่มนุษย์ และแฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมอันลึกซึ้งเพื่อเป็นกุญแจไขไปสู่โมกขธรรมความหลุดพ้นได้ในที่สุด

    อนึ่ง ฤาษีหรือผู้บำเพ็ญพรตชั้นมนุษย์ จีน (ลัทธิเต๋า) เรียกว่า เซียน ก็เชี่ยวชาญในศาสตร์เหล่านี้ (ยันต์จีนเรียกว่า ฮู้) สายจีนและทิเบตจะใช้ภาษาสันสกฤตและจีนโบราณ ไทยเขมรใช้ภาษาขอม อินเดียใช้เทวนาครีและพรหมิ ทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากภาษากูโบ๊ส

    อักขระ เลขะ ยันยะ ตันตระ มันตระ

    นกอยู่บนฟ้า ปลาอยู่ในน้ำ มนุษย์อยู่ที่ใด


    ปล. หลวงปู่คำบุ จะมาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดของอาตมา 22 ต.ค. นี้ ถ้าไม่มีอะไรติดขัด เช่น น้ำท่วม เพราะตอนนี้น้ำยังท่วมวัดอยู่เลย 555 (หลวงปู่คำบุ เป็นพระที่สำเร็จแล้ว วิชาครบเครื่อง ไม่เป็นสองรองใคร)

    หมายเหตุ : ด้วยความเคารพบูชาในองค์หลวงพ่อกวย แต่เหรียญหลวงพ่อกวยก็ยังสู้เหรียญหลวงปู่หมุนไม่ได้ หลวงพ่อกวยก็เป็นพระผู้สำเร็จ มีพลังจิตสูงมาก ขอได้ทุกเรื่องที่เป็นธรรม แต่ความแก่กล้าในตบะ ในญาณบารมี ในสรรพวิชา หลวงปู่หมุนเหนือกว่า และเทียบกับ หลวงปู่ศุข หลวงพ่อกลั่น ได้ ในขณะที่ หลวงพ่อกวย เป็นชั้นศิษย์ หลวงพ่อกวยก็เป็นพระที่นั่งอยู่ในหัวใจของอาตมาองค์หนึ่ง สมัยก่อนบวชเคยขอหวยท่าน ถูกหวยสองงวดเพราะขอบารมีท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2013
  19. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เทวดา เทพ ยักษ์ ทำไมต้องพกพาอาวุธ มีอาวุธประจำกายด้วยนะ
    หรือทำไม คนเราต้องมีเกราะป้องกันตัวด้วยนะ คนนี่ไม่เท่าไหร่
    แต่ทำไมเทพผู้สูงส่ง ยังมีงูห้อยคอ มีอาวุธครบมือ เพื่อสิ่งใดกัน

    แล้วพระพุทธเจ้าท่าน มีแต่บาตร ไม่มีอาวุธอะไรเลย ยังชนะได้สามโลก
    ไม่แปลกกว่าหรือจ๊ะ
     
  20. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ข้าราชการ ทำไมต้องมีสายสะพาย เครื่องประดับยศ เครื่องราชฯ เข็มพระราชทาน กระบี่พระราชทาน ฯลฯ

    ทหาร มีธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ

    ตำรวจ ทำไมต้องพกปืน (หนักไหมนั่น) ใส่หมวก (เห็นแล้วคันหัวแทน)

    พระพุทธเจ้าทรงมีพระอภิญญาบารมีสูงที่สุดในสากลจักรวาลแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยอะไรทั้งสิ้น แต่ในลายพระบาทก็ปรากฏสัญลักษณ์มงคลทั้ง 108 ประการอยู่ด้วย

    พระเจ้าจักรพรรดิยังต้องมีจักรแก้วเป็นอาวุธคูู่บารมี จึงได้ชื่อว่า พระเจ้าจักรพรรดิ

    บางครั้งอาวุธก็เป็นเพียงสิ่งที่แสดงถึงอำนาจเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อที่จะประหัตประหารใคร

    ผู้ทรงคุณธรรมใช้เมตตาธรรม ไม่ใช้อาวุธ ใช้สติ ไม่ใช้อารมณ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...