ความสมดุลย์ตามธรรมชาติของจิต

ก็เหมือนคนที่ไม่หล่อ แล้วพยายามหล่อล่ะคับ
แต่คนที่หล่ออยู่แล้วเขาไม่ยึด ไม่พยายามทำมันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้วโดยธรรมชาติ

พูดมากไปเดี่ยวคุณไร้คำ จะมาค้อนผมอีกแซวเล่นนะคับ

 

คำตอบคือ"เรา" รู้แต่ว่า ไม่ยึดเรา จบเลย

 

ไม่จบ....
แล้วใครล่ะที่ไม่ยึดเรา...ใคร???

 

คำตอบคือปัญญาใจ (ปัญญาญาณ)
มันจะเกิดตอนที่สติสมบูรณ์บริบูรณ์
เท่านั้นจบ

 

จริง ๆ "เราเป็นของมัน" ต่างหาก ไม่ใช่มันเป็น"ของเรา"

คุณไร้คมก้อเข้าใจอยู่หนิคะ มามัวถามโดดหัว โดดหางทำไม

คนเราก้อหลงมาทุกขั้นตอนนั่นแหล่ะค่ะ สติวิปัสสนาตัวเดียวเท่านั้นที่ช่วยได้ เป็นกุญแจไขวัฎฎะสงสารให้เปิดออกได้ ถึงจะคลายความหลงออก ไปตามขั้นตอนแต่ละชั้นของมัน

 

ไม่จบ....
ปัญญาใคร..ใจใคร..
สติใคร.ใครสมบูร์ณ.ใครบริบูร์ณ
ใคร.??

 

จิตเจ้าของไงคะ

 

ถ้าจะใช้เวลามาโต้แย้ง ลุงแมวแนะว่า
ให้ใข้พลังงานที่มีไปอ่านเนื้อหา
ที่หลวงพ่อชาสอนอย่าง
โยนิโสมนสิการ คุ้มกว่า

 

เราเข้าไปตั้งในสิ่งของได้
เราไปตั้งบนสิ่งของได้
แต่สิ่งของเข้าไปตั้งในเรา
สิ่งของเข้ามาตั้งบนเราไม่ได้ครับ

 

จิตใคร
ใครเป็นเจ้าของจิตครับ

 

ไม่มีใคร
มีแต่ธรรมชาติของรูป
มีแต่ธรรมชาติของนาม
มีแต่ธรรมขาติของธาตุรู้
แต่ไม่มีผู้ยึด จึงไม่มีใคร
มีแต่ธรรมชาติ
จบ

 

ตอนนี้ก็กำลังโยนิโสอยู่ไม่เห็นหรือครับ

 

คุณไร้คมชอบ ลพ. ลป.รูปไหน ลองศึกษาวิปัสสนาดูนะคะ อาจยอมรับแนวทางกันได้ แต่จริงๆ สมัยนี้พระโนเนมที่เก่งๆ พูดตรงธรรมก้อมีเยอะ หากเปิดใจรับฟัง ก็อาจพบของดีในที่อื่นๆ ได้ หากคุณไม่ใช่คนรั้น ยึดติดมากจนเกินไป

จะได้ไม่ต้องต่อโพสกันหลายหน้าและทุกวันนะคะ
กราบแทบตัก ลาหล่ะคร่ะ

 

ไม่จบ
ธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตมันก็ใช่
แต่ธรรมชาติที่มีชีวิตมันไม่ถูก

 

จิตเป็นธรรมชาติ ไม่มีรูปพรรณสัณฐาน
ไม่มีอะไรเลย แต่มีสภาพรู้

 

ไม่อนุญาตให้ลาครับ
จะเอาธรรมเป็นใหญ่
หรือเอาครูอาจารย์เป็นใหญ่ครับ

 

ถ้าจิตไม่มีอะไรเลย
สภาพรู้มีมาจากไหน??
ใครเห็นสภาพรู้??

 

ต่างกันที่ไม่มีจิตครองกับมีจิตครอง
แต่ทั้ง 2 อย่างอยู่ภายใต้กฎอนิจจัง
ทถกขัง อนัตตา ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สักอย่าง
สุดท้าย จะกลับคืนสู่ความไม่มีอะไร
เพราะแตกทำลายไปตาม
ธรรมชาติ
ยกเว้น..ธาตุรู้ไม่แตกดับ ไม่ทำลาย
และธาตุรู้
ก็ไม่มีอะไรให้ยึด

 

มีแต่จิตเท่านั้นที่เห็นจิต
จบ

 

แล้วสิ่งที่สามารถพัฒนา
จนไม่อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมได้
คืออะไร