ข้อความจากต่างมิติ - การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ข้อความชุดนี้ดูเหมือนจะมีอยู่หลายตอน
แต่ในตอนนี้ ขอโพสต์ตอนแรกก่อนนะครับ
แล้วถ้าเดี๋ยวมีตอนต่อๆไปมาอีก และน่าสนใจอีก
ผมก็จะเอามาแปลและโพสต์ให้อ่านต่อไปอีกนะครับ

แต่อย่างไรก็ตาม..

โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลเอาเองนะครับ
เพราะว่าผมเป็นแต่เพียงผู้ที่แปลและเอามาแบ่งปัน
ให้ท่านได้อ่านด้วยเท่านั้น หาใช่เจ้าของข้อมูลแต่อย่างใดไม่

...........................................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 1:

สวัสดีที่รักทั้งหลาย ฉันคือครายออนแห่งหน่วยบริการแม่เหล็ก
และตอนนี้คู่หูของฉัน (นาย Lee ผู้รับสาส์น – ผู้แปล) ก็กำลังหลีกออกมาก่อนอยู่

สิ่งที่พวกคุณกำลังเห็นและกำลังได้ยินอยู่ในขณะนี้ เรียกว่าการสื่อสารแบบจิตสู่จิต
หรือ การ Channeling ซึ่งมันอาจจะดูลึกลับสำหรับใครหลายๆคนอยู่ซักหน่อย
แต่สำหรับพวกเราแล้ว มันเป็นสิ่งที่สวยงาม และมันก็เป็นวิธีการหนึ่ง
ที่แหล่งกำเนิดหลากมิติของสรรพสิ่งทั้งปวง ที่พวกคุณหลายคนเรียกกันว่า
พระผู้เป็นเจ้า (God) นั้น ใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกับสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่ามนุษย์
พวกเราเรียกกระบวนการนี้ว่า “การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ” (Soul Communication)

ที่รักทั้งหลายกระบวนการนี้มันเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการสื่อสารของมนุษย์โดยทั่วไป
เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราจึงอยากจะขอเริ่มต้นการ Channeling ชุดนี้ขึ้น ณ.บัดนี้
ซึ่งจะมีคำอธิบายของกระบวนการนี้อยู่ด้วย

พวกเราเคยพูดเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า พวกเรารู้จักพวกคุณทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้
ซึ่งคำว่า “ในห้องนี้” นั้น ในที่นี้ก็หมายรวมถึง ทั้งผู้ที่กำลังอ่านและกำลังฟังข้อความชุดนี้อยู่

ที่รักทั้งหลาย คืนนี้ฉันอยากจะสอนพวกคุณ แต่ก็จะต้องไม่ลืม
ที่จะรับทราบถึงครอบครัวที่อยู่ที่นี่ด้วยซะก่อน

ฉันอยากจะสอนพวกคุณเกี่ยวกับตัวของพวกคุณเอง
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันกำลังจะสอนพวกคุณจากเก้าอี้ตัวนี้นั้น
ล้วนเป็นสิ่งที่คู่หูของฉันไม่เคยรู้มาก่อนทั้งสิ้น

เขาไม่รู้หรอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นตามมา
เพราะว่าเขาได้ฝึกฝนที่จะให้ตัวเอง “ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา” มาหลายปีแล้ว
เขาได้ฝึกฝนที่จะ “ปล่อยให้มันเป็นไป โดยไม่ไปคัดกรองมันออก” มาหลายปีแล้ว
ซึ่งเดี๋ยวฉันก็จะค่อยๆอธิบายคำพูดเมื่อสักครู่นี้ให้พวกคุณเข้าใจ

ฉันกำลังเปิดช่องทางที่พวกคุณเรียกกันว่าการ channeling นี้ขึ้นมาอยู่
เพื่อที่จะทำให้ภาษาที่ 3 สามารถที่จะไหลผ่านเข้ามาได้
ซึ่งพวกคุณหลายคนจะสามารถรู้สึกถึงมันได้ในแบบหลากมิติ แบบใดแบบหนึ่ง

ภาษาที่ว่านี้ไม่ใช่ภาษาที่ต้องใช้คำพูด และมันก็ไม่ได้เป็นแบบเส้นตรงด้วย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวกคุณบางคนก็ยังจะสามารถรับรู้ถึงมันได้อยู่

ในวันนี้ข้อความสื่อสารชุดนี้ กำลังถูกเผยแพร่ออกไปอยู่ และพวกคุณบางคน
ก็กำลังฟังหรืออ่านมันอยู่ เพราะภาษาที่ 3 นี้ ก็เปิดกว้างสำหรับพวกคุณด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะว่าฉันรู้จากศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ว่าใครบ้างที่กำลังฟังและกำลังอ่านข้อความนี้อยู่

มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับพวกคุณ
แต่ข้อมูลนี้คือส่วนหนึ่งของข้อมูลข่าวสารหลากมิติที่พระผู้เป็นเจ้ามี
เพราะว่ามันอยู่ที่แหล่งกำเนิดกลางอยู่แล้ว ดังนั้น ศักยภาพแห่งการตื่นรู้ของพวกคุณ
และข้อเท็จจริงที่ว่าพวกคุณจะมาเห็นข้อความนี้ จึงอยู่ที่นั่นเสมอมา

พวกเราสามารถมองเห็นศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวลของความเป็นจริงต่างๆได้
ตั้งแต่ก่อนที่พวกมันจะเกิดขึ้นจริงซะอีก เพราะว่าศักยภาพแห่งความเป็นไปได้เหล่านี้
มันจะขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นจริงอย่างอื่นเสมอ ลองถามนักควอนตั้มฟิสิกส์เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูสิ

................................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 2:

ความสลับซับซ้อนของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์


พวกเรากำลังจะเริ่มต้นด้วยข้อมูลพื้นฐานอะไรบางอย่าง ที่ว่า..
จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ (Consciousness) ของมนุษย์ เป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนมาก
ซึ่งมันจะมีสักวันหนึ่ง ที่วงการวิทยาศาสตร์ของพวกคุณอาจจะพิจารณาและหยิบยกเอา
เรื่อง “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์” (Human Consciousness)
ขึ้นมาเป็นสาขาหนึ่งของวิชาฟิสิกส์ นั่นก็เพราะว่า..

จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์นั้น
มันไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่เป็นเส้นตรง
ของวิชาฟิสิกส์แต่อย่างใดเลย
และมันก็ไม่เป็นไปตาม แม้แต่
แบบแผนของวิชาควอนตั้มฟิสิกส์ด้วยซ้ำไป

เพราะว่าจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ (Consciousness)
คือพลังงานที่สอดประสานกันขึ้นมาชนิดหนึ่ง
ที่มีโครงสร้างเป็นของตัวมันเอง มันมีแบบแผนเป็นแบบควอนตั้ม
(ซึ่งพวกคุณจะได้ค้นพบมันในที่สุด)
แต่มันจะไม่มีกฎเกณฑ์ต่างๆที่เป็นแบบตรรกะอยู่เลย
เพราะว่ามันจะโน้มเอียงไปตาม “บันทึกแห่งฟ้า” (Akash)
ของมนุษย์แต่ละคนแทน

มันเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนและก็ยากที่จะเข้าใจได้
และมันก็เป็นพลังงานประเภทที่สอดประสานกันขึ้นมา และอัดตัวกันแน่นขึ้นมา
(synchronized and coherent energy) เพียงชนิดเดียว
ที่มนุษย์รู้จัก ที่มี “วาระ” (agenda) เป็นของตัวมันเอง
และมันก็มีบุคลิกภาพเป็นของตัวมันเอง
และก็มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารด้วย

ดังนั้น การศึกษาเรื่องนี้ จึงเป็นการศึกษาเกี่ยวกับ “ฟิสิกส์ที่มีชีวิต”
(Living Physics) ดีๆนี่เอง

เพราะว่าจิตสำนึกหรือความตระหนักรู้ของมนุษย์
จะบรรจุคุณสมบัติต่างๆของจิตวิญญาณของตัวเองเอาไว้ด้วย
และเพราะฉะนั้น ในตอนนี้เราจึงสามารถที่จะใช้คำว่า
“จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของจิตวิญญาณ” (Soul Consciousness)
แทนศัพท์คำเดิมได้แล้ว เพราะว่ามันคือสิ่งเดียวกัน
เพราะว่ามันเป็นหนึ่งเดียวกัน และก็คืออย่างเดียวกันด้วย

................................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 3:

ประเภทของการติดต่อสื่อสารระดับจิตวิญญาณ
(The Types of Soul Communication)


ถ้าจะให้พยายามอธิบายถึงการสื่อสารไปถึง และ การสื่อสารไปจาก
“ฟิสิกส์ที่มีชีวิต” ที่ว่านี้หละก็ มันก็จะหลุดออกไปนอกขอบเขตข้อจำกัด
ของวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในขณะนี้ทันทีเลย
เพราะว่ามันจะท้าทายให้พวกคุณต้องคิดต่างออกไป เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างเลย

โดยปกติแล้ว มันจะมีวิธีการคิดอยู่ 2 วิธี เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารระดับจิตวิญญาณที่ว่านี้
ซึ่งได้แก่:

1).การติดต่อสื่อสารจากต้นทางที่อยู่หลากมิติมาถึงพวกคุณ และ
2). การติดต่อสื่อสารจากส่วนที่เป็นหลากมิติของตัวตนของพวกคุณเอง ไปหาพวกเขา

ซึ่งพวกเราสามารถบอกได้ทันทีเลยว่า พวกคุณมีความสามารถที่จะติดต่อสื่อสาร
แบบหลากมิติได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกคุณไม่รู้ว่าตัวเองทำได้เท่านั้นเอง

มันมีความแตกต่างกันอย่างรุนแรง ระหว่างการติดต่อสื่อสารแบบที่เป็นเส้นตรง
กับแบบที่ไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งเมื่อก่อนนี้ ตอนที่ฉันพูดถึงเรื่องนี้นั้น
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจได้หรอกนะ

ดังนั้น ฉันจึงจะอธิบายให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ในแบบที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต – เครื่องพิมพ์ดีด)

ฉันอยากให้พวกคุณลองสมมุติดูว่า ตัวเองมีเครื่องพิมพ์ดีดที่เก่ามากๆอยู่ตัวหนึ่ง
ซึ่งมันเป็นเครื่องรุ่นก่า แบบที่ต้องใส่แผ่นกระดาษเข้าไป แล้วก็จะมีแถบผ้าคาร์บอนอยู่
เพื่อที่จะทำให้พวกคุณสามารถมองเห็นตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ลงไปในกระดาษได้
และเมื่อใดที่พวกคุณกดลงไปบนแป้นพิมพ์ เครื่องก็จะไปทำให้เกิดรอยพิมพ์ขึ้นมาบนแผ่นกระดาษ
โดยอาศัยแถบผ้าคาร์บอนที่อยู่เหนือแผ่นกระดาษแผ่นนั้น

ตามตัวอย่างนี้ สมมุติว่าพวกคุณกำลังพิมพ์ดีดอยู่ และในขณะที่พวกคุณกำลังพิมพ์อยู่นี้
พวกคุณก็จะเห็นตัวอักษรต่างๆปรากฎอยู่บนแผ่นกระดาษ ในลักษณะที่เรียงกันอยู่เป็นแถวเดียว
ต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่นานนักพวกคุณก็จะทำให้ตัวอักษรเหล่านี้ ประกอบกันเป็นคำต่างๆขึ้นมา
แล้วก็ประกอบกันเป็นประโยคต่างๆและวรรคต่างๆขึ้นมาตามลำดับ
ซึ่งก็จะไปทำให้เกิดกลุ่มความคิดที่คล้ายๆกันนี้ขึ้นมาในท้ายที่สุด

นี่คือการสื่อสารแบบที่เป็นเส้นตรง
และมันก็เป็นวิธีการสื่อสารตามปกติของพวกคุณด้วย

อันที่จริงแล้ว มันก็คือวิธีการที่ข้อความสื่อสารชุดนี้ถูกเขียนออกมาให้พวกคุณอ่านด้วย
และมันก็คือวิธีการที่พวกคุณอ่านมันด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือ ในแบบที่เป็นเส้นตรงจริงๆ
คืออ่านแบบคำต่อคำ ที่เรียงกันเป็นแถวเดียว อยู่บนหน้ากระดาษแผ่นเดียว

คราวนี้ ไม่ว่าพวกคุณจะกำลังอ่านหรือฟังข้อความนี้อยู่ก็ตาม
แต่พวกคุณก็กำลังรับรู้มันในแบบคำต่อคำอยู่ ตามโครงสร้างภาษาของคู่หูของฉัน
(คือภาษาอังกฤษ) และเพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นแบบเส้นตรงเช่นเดียวกัน
คือแบบคำต่อคำ เช่นเดียวกันกับรูปแบบของตัวอักษรที่ปรากฎอยู่บนหน้ากระดาษแผ่นนี้นั่นเอง

นี่แหละคือการสื่อสารแบบเป็นเส้นตรง
นี่แหละคือการสื่อสารของมนุษย์
และนี่แหละคือวิธีการทำงานของสมองของพวกคุณหละ

ส่วนการสื่อสารแบบไม่เป็นเส้นตรง จะมีลักษณะคล้ายๆดังนี้:

คราวนี้ตั้งใจฟังให้ดีนะ เพราะว่าต่อไปนี้มันจะเป็นการยืดขยายจินตนาการ
อย่างที่คู่หูของฉันเรียกมันแล้ว

คราวนี้ลองสมมุติว่าเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องเดิมนั้น เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้
เลยทำให้มันติดแหง็กอยู่ที่เดิมยังงั้นแหละ แม้ว่าพวกคุณจะสามารถพิมพ์ได้ตามปกติ
ตลอดทั้งวันเลยก็ตาม เพราะว่าแกนเลื่อนกระดาษของมันไม่ยอมเลื่อนไปทางซ้ายเรื่อยๆ
ในขณะที่พิมพ์อย่างที่ควรจะเป็นเลย

ดังนั้น ไม่ว่าพวกคุณจะพิมพ์ตัวอักษรลงไปซักกี่ตัวก็ตาม
พวกคุณก็ยังจะได้ภาพตัวอักษรเพียงตัวเดียว ที่ไม่สามารถอ่านได้อยู่ดี
ซึ่งก็คือภาพรอยเปื้อนของหมึกขนาดใหญ่นั่นเอง เพราะว่าทุกๆตัวอักษร
จะไปซ้อนทับกันอยู่ ณ.ตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด

คราวนี้ ที่รักทั้งหลาย สิ่งที่พวกคุณจะเห็นปรากฎอยู่บนแผ่นกระดาษ
หลังจากที่พวกคุณพิมพ์จดหมายฉบับยาวถึงเพื่อนฉบับหนึ่ง
เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว คืออะไร?

มันก็จะคือรอยเปื้อนหมึกรูปตัวอักษรรอยหนึ่งเท่านั้นเอง!
เพราะว่าทุกๆตัวอักษรที่พิมพ์ลงไป จะทับซ้อนกันอยู่ทั้งหมด
และพวกคุณก็จะนึกไม่ออกเลยว่าข้อความสื่อสารที่เห็นอยู่นี้คืออะไร
พวกคุณอาจจะมองดูมัน แล้วพวกคุณก็อาจจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ทันได้สังเกตว่า
เครื่องพิมพ์ดีดมันเสียอยู่

ทีนี้ ลองสมมุติต่ออีกว่า มีใครบางคนเดินเข้ามา
ซึ่งเป็นผู้ที่มีทักษะเกี่ยวกับการสื่อสารแบบไม่เป็นเส้นตรงอย่างเป็นเลิศ
พวกเขาก็จะมองดูที่รอยเปื้อนหมึกอันนั้น แล้วก็จะสามารถมองเห็นข้อความทั้งหมดของมัน
ได้อย่างชัดเจน! เพราะว่าพวกเขาเป็นพวกที่มีมโนคติ (conceptual)
และก็ไม่คิดแบบเป็นเส้นตรง (nonlinear) ด้วย
พวกเขาจึงสามารถมองเห็นความคิดที่ถูกส่งเข้ามาในข้อความนั้นได้
และพวกเขาก็สามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในรอยเปื้อนหมึกรอยนั้นได้ด้วย

เพราะว่าทุกๆตัวอักษรและทุกๆประโยคยังคงอยู่ที่นั่น ที่รักทั้งหลาย
พวกคุณจำได้ไหมว่าพวกคุณเป็นคนพิมพ์มันเองทั้งหมดกับมือ
เพียงแต่ว่าพวกมันไม่ได้อยู่กันแบบเป็นเส้นตรงเท่านั้นเอง
แต่พวกมันทั้งหมดอยู่กันแบบเป็นกลุ่มก้อน (รอยเปื้อนหมึกรอยเดียว)

ดังนั้น ผู้ที่สามารถสื่อสารแบบไม่เป็นเส้นตรงได้
พอเห็นรอยเปื้อนหมึกนี้แล้ว จึงสามารถที่จะรับรู้ถึง
ใจความทั้งหมดของข้อความนั้นได้ทันที

คราวนี้ มันก็จะมีคุณสมบัติอยู่คุณสมบัติหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่
ซึ่งยากจะอธิบายให้พวกคุณเข้าใจได้ เพราะว่ามันอยู่นอกขอบเขตของตรรกะ
ที่พวกคุณคุ้นเคยกันอยู่ ดังนั้น ขอให้ฉันได้ลองอธิบายดูซักหน่อยนะ
และคู่หูเอ๋ย..(พูดกับนาย Lee) พูดช้าๆหน่อยนะ เพื่อที่ผู้ฟังจะได้สามารถเข้าใจได้

ในตอนที่บุคคลผู้มีมโนคติ และคิดแบบไม่เป็นเส้นตรง มองดูที่รอยเปื้อนหมึกอันนั้นนั้น
พวกเขากำลังมองดูสิ่งที่มีอยู่แล้วอยู่ เพราะว่าข้อความนั้นได้ถูกพิมพ์ลงไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น จึงหมายความว่า พวกเขาไม่ได้คิดไปเอง หรือคาดเดาเอาเองเลย
แต่พวกเขากำลังอ่านสิ่งที่มีอยู่ตรงนั้นแล้วต่างหากหละ ในแบบที่ไม่เป็นเส้นตรง

เพราะว่าข้อความชุดนั้นได้ถูกเขียนมาก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว
และตัวอักษรทั้งหมด ก็อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าพวกมันอยู่กันแบบแปลกๆ
คืออยู่ในรอยเปื้อนหมึกรอยเดียวเท่านั้นเอง แต่ว่าข้อความชุดนี้
มันก็ได้ถูกสื่อสารมาในกาลเวลา ณ.ปัจจุบันขณะนั้นๆของพวกคุณ (your real time)

คุณลักษณะอย่างหนึ่งของบุคคลผู้ที่มีความคิด/จิตใจแบบไม่เป็นเส้นตรง
ที่พวกคุณเรียกกันว่า “คนเป็นโรคออทิสซึ่ม” (Autism) หรือคนออทิสติก (autistic)
ซึ่งพวกคุณควรจะทำการศึกษากันเอาไว้ก็คือ มีคนออทิสติกมากมาย
ที่สามารถบอกพวกคุณได้ว่า วันในสัปดาห์นั้นๆของปีไหนก็ได้
และของเดือนไหนก็ได้ คือวันอะไร

เช่น ถ้าพวกคุณไปถามพวกเขาว่า “วันที่ 15 พฤษภาคม ของปี ค.ศ.2035 คือวันอะไร?”

พวกเขาหลายๆคนก็จะสามารถตอบพวกคุณได้อย่างถูกต้องในทันทีเลยว่า
มันเป็นวันอะไร (วันอังคาร – ผู้แปล) ซึ่งชาวโลกส่วนใหญ่ ก็จะอ้าปากค้าง
เพราะสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นความสามารถในการคำนวณของพวกเขา

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับการคำนวณแต่อย่างใดเลย
พวกคุณเห็นไหม๊ ว่ามันไม่ใช่สูตรคำนวณและมันก็ไม่ใช่เลขคณิตด้วย

แต่คำตอบมันมีอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว
ซึ่งพวกคุณก็สามารถที่จะหาคำตอบนี้ได้จากคอมพิวเตอร์ของใครก็ได้
แทบจะทุกเครื่องเลย ที่สามารถใช้งานปฏิทินได้ง่ายๆ เพราะว่าคำตอบมันมีอยู่แล้ว
เพราะว่ามันเป็นแนวคิดอย่างหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้น, ถูกผลิตขึ้นมา
และถูกเก็บเอาไว้ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

จิตใจของผู้ที่คิดแบบไม่เป็นเส้นตรงก็จะทำงานอย่างนี้แหละ
จึงทำให้ผู้ที่เป็นออทิสติกหลายคนสามารถที่จะแปลข้อมูลข่าวสารนี้ได้แทบจะในทันทีเลย
เพราะว่าพวกเขามองเห็นแนวคิด หรือมโนคติ หรือ concept อันนั้น
พวกเขาไม่ได้คำนวณอะไรเลย

มาถึงตอนนี้ พวกคุณก็รู้ข้อแตกต่างระหว่างการคิดแบบเป็นเส้นตรง
กับการคิดแบบไม่เป็นเส้นตรงแล้วนะ และผู้ที่เป็นโรคออทิสติกเหล่านี้
ก็คือผู้บุกเบิกของสิ่งที่กำลังจะมาถึง และก็คือสิ่งแปลกประหลาด
ของวิวัฒนาการของมนุษย์โลกในอนาคตด้วย พวกเขาเหล่านี้คือนักปราชญ์ของวันนี้
และความทุกข์ยากของพวกเขาจำนวนมากมาย ก็มาจากความไร้สามารถ
ในการทำงานในโลกที่เป็นเส้นตรงแห่งนี้นั่นเอง

...........................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 4:

การสื่อสารจากแหล่งที่ไม่เป็นเส้นตรงไปสู่แหล่งที่เป็นเส้นตรง มันทำงานอย่างไร


มันมีการติดต่อสื่อสารอยู่จำนวนมากมาย ที่ต้องการจะส่งมาถึงพวกคุณ จากทุกๆแหล่ง
ดังนั้น ฉันจึงกำลังจะลิสต์รายการนั้นให้ดู โดยเริ่มต้นจาก “การสื่อสารแบบจิตสู่จิต”
หรือที่เรียกว่า “การ Channeling” ก่อน

ซึ่งการ channeling นี้ก็คือสิ่งที่พวกคุณกำลังได้ยินกันอยู่ในขณะนี้นี่แหละ
ซึ่งคู่หูของฉันได้ฝึกฝนมันมากว่า 23 ปีแล้ว

ในตอนที่เขาเริ่มต้นครั้งแรกๆนั้น มันน่าเกลียดมาก (ใช้คำพูดที่เขาพูด)
แต่ในตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้ว

แต่พวกคุณก็ควรจะรู้ไว้ด้วยว่า
พวกเราไม่ได้กำลังพูดกับเขา
ในแบบที่เป็นเส้นตรงอยู่หรอกนะ
ถึงแม้ว่าพวกคุณจะได้ยินมันจากปากของเขา
ในแบบที่เป็นเส้นตรงอยู่ก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ใช่แบบที่พวกเรา
ใช้สื่อสารกับเขาอยู่ในขณะนี้หรอกนะ

พวกคุณเห็นไหม๊ ว่าเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแปล concept
ที่ไม่เป็นแบบเส้นตรงคนหนึ่งเหมือนกัน
ซึ่งมันถูกส่งผ่านเข้ามาในต่อมไพเนียลของเขา

ณ.ขณะนี้ ฉันกำลังส่งข้อความให้เขาอยู่ ส่งทั้งหมดในคราวเดียวกันเลย..
ฉันส่ง “รอยเปื้อนหมึก” ของพวกเราไปให้เขา..และเขาก็กำลังแปลมันให้พวกคุณฟังอยู่
เพื่อให้มันออกมาเหมือนกับว่า เป็นกระแสของถ้อยคำที่เรียงรายต่อกันแบบเป็นเส้นตรง

แต่อันที่จริงแล้ว มันเป็นกลุ่ม
ของกระแสความคิดเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น
และฉันก็กำลังส่งไปให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่

พวกคุณเห็นไหมว่า พวกเราได้ฝึกฝนร่วมกันมานานแล้ว
และพวกเราต่างก็ต้องปรับตัวด้วยกันทั้งคู่

ในตอนแรกๆที่พวกเราเริ่มต้นสื่อสารกันนั้น ฉันได้ส่ง “มโนคติ” (concept) ไปให้เขา
คือส่งข้อความของการสื่อสารชุดนั้นๆไปให้เขาทั้งดุ้นในคราวเดียวเลย
เหมือนส่งรอยเปื้อนหมึกรอยเดียวไปให้เขา (นาย Lee ทำเสียงพยางค์เดียว)
อย่างนั้นแหละ! แล้วจากนั้น เขาก็จะต้องจดจำมันให้ได้ทั้งหมด
แล้วสื่อสารมันออกมาให้พวกคุณได้ฟังกัน

แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่มีความจำดีซักเท่าไหร่หรอกนะ
ดังนั้น พวกเราจึงได้ทดลองทำอะไรบางอย่างกัน
ซึ่งนั่นก็คือ ถ้าพวกเราส่งรอยเปื้อนหมึกอันเดิมนั้น
ไปให้เขาแบบซ้ำๆๆ เขาก็จะสามารถจดจำมันได้
และแปลมันออกมาได้ในแบบที่เป็นเส้นตรง

เออนี่..ฉันเพิ่งจะบอกความลับของวิธีการจัดการกับกระแสความคิด
ที่ได้มาจากการหยั่งรู้ให้พวกคุณรู้ไปเดี๋ยวนี้นี่เองนะเนี่ย

ซึ่งก็คือ..จงร้องขอให้วิญญาณเบื้องบน (Spirit)
ส่งข้อความแห่งการหยั่งรู้อันนั้น มาให้กับพวกคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก
นั่นแหละคือสิ่งที่พวกคุณควรจะร้องขอต่อวิญญาณเบื้องบนหละ

เมื่อใดที่พวกคุณยังไม่เข้าใจว่าข้อความที่ถูกส่งมานั้น
หมายความว่าอย่างไร หรือคืออะไร
จงขอให้พวกเขาส่งมาให้ใหม่อีก!

และเมื่อใดที่ได้รับกระแสความคิดอันนั้น
ผ่านมาทางสัญชาตญาณหยั่งรู้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พวกคุณก็จะสามารถเข้าใจมันได้
และสามารถมองเห็นความสวยงามและความกระจ่างชัดของมันได้

เรื่องนี้มันอาจจะดูว่า..ก็แหงอยู่แล้วหละ..แต่อย่าลืมนะว่า
สิทธิในการมี “ทางเลือกเสรี” (free will) ของพวกคุณนั้น
ทำให้พวกเราไม่สามารถที่จะทำอะไรให้พวกคุณตามอำเภอใจได้
ถ้าพวกคุณไม่ร้องขอมาซะก่อน

วิญญาณเบื้องบนจะไม่บอกอะไรซ้ำๆเองอย่างเด็ดขาด
เพราะว่าการพูดซ้ำเป็น concept ที่เป็นเส้นตรงโดยแท้อย่างหนึ่ง
ที่พวกคุณจะต้องร้องขอมาซะก่อนถึงจะได้รับไป

และที่รักทั้งหลาย เพราะว่าพวกเราต้องการที่จะพบกับพวกคุณครึ่งทาง
คือระหว่างความเป็นเส้นตรง กับความไม่เป็นเส้นตรง

ทีนี้พวกคุณรู้หรือยังว่าทำไมวิญญาณที่อยู่เบื้องบนทั้งหลาย
จึงพูดกับมนุษย์ผ่านทางบทกวี และการอุปมาอุปมัย
มาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกโน่นแล้ว?

เพราะว่านั่นแหละคือสิ่งที่พวกเราทำได้หละ
ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบหรือการอุปมาอุปมัยนั่นเอง
ซึ่งจะช่วยให้พวกคุณสามารถมองเห็นข้อความนั้นๆได้

เพราะว่าปกติแล้ว พวกเราจะสื่อสารกันแบบ
ส่งไปเป็นกลุ่มของกระแสความคิด และรอยเปื้อนหมึกนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การแปลความหมายของคำเปรียบเทียบ
หรือการอุปมาอุปมัยเหล่านี้ ก็มักจะเกิดปัญหาขึ้นตามมาเสมอ

ชาวโลกบางที เมื่อได้อ่านพระคัมภีร์แล้ว ก็จะถามว่า
“พระวิญญาณเจ้าขา ท่านจะพูดแบบธรรมดาๆไม่ได้หรือยังไงเจ้าคะ?”

และคำตอบก็คือ..ก็เพราะว่าพวกเรา
ไม่ได้คิดแบบเป็นเส้นตรงอย่างที่พวกคุณคิดกันหนะสิ
และนี่แหละคือวิธีการ “พูดแบบปกติธรรมดา” ของพวกเราหละ

ซึ่งแม้แต่ข้อความสื่อสารชุดนี้เอง ก็ยังถูกสื่อสารมาด้วยวิธีการนี้เลย
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คู่หูของฉันกำลังพูดเพื่อสื่อสารมันออกมาอยู่นี้
ข้อความชุดนี้ทั้งดุ้น ก็กำลังถูกส่งไปให้เขาอยู่เรื่อยๆด้วย ในเวลาเดียวกัน
ในรูปแบบของรอยเปื้อนหมึกที่ไม่เป็นเส้นตรงรอยหนึ่ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
แล้วจากนั้นเขาก็จะแปลมันออกมาให้พวกคุณได้ฟังกัน ในรูปแบบที่เป็นเส้นตรง

พวกคุณเคยได้ยินเขาบอกพวกคุณมาก่อนไหม๊
คือบอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของการสื่อสารเลยว่า
ในข้อความสื่อสารชุดนั้นๆจะมีเนื้อหาอยู่ทั้งหมดกี่ตอน?
เขาเคยทำแบบนั้นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

ซึ่งก็มีทางเดียวที่เขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้..ก็คือ
เขารู้ข้อความทั้งดุ้นนั้นเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะแค่เพิ่งเริ่มต้นการสื่อสารเท่านั้นก็ตาม
พวกคุณเห็นไหมว่า เขากำลังอ่านรอยเปื้อนหมึกอันนั้นอยู่?

................................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 5:

การ Channeling คืออะไร?


เอาหละคราวนี้เราจะมาเริ่มต้นการสอนกันหละ: การ channeling นี้คืออะไร?
การ channeling ก็คือการที่ต่อมไพเนียลของมนุษย์เปิดขึ้นมา
เพื่อรับการติดต่อสื่อสารจากสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “แหล่งกำเนิด” (the Source)
ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะต้องอาศัยขนบธรรมเนียมประเพณีและประสบการณ์
ของมนุษย์ผู้นั้นด้วย ในขณะที่เขาหรือเธอผู้นั้นแปลข้อความของมันออกมา
แล้วก็พูดหรือเขียนมันออกมาให้พวกคุณได้ฟังหรืออ่านกัน

รูปธรรมชีวิตใดก็ตาม หรือพลังงานใดก็ตาม หรือการสื่อสารที่แท้จริงใดๆก็ตาม
ที่สื่อสารผ่านทางต่อมไพเนียล ล้วนมาจาก the Source ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
ซึ่ง the Source ที่ว่านี้อาจจะมีหลายชื่อ หรือหลายบุคลิกภาพสำหรับพวกคุณก็ได้
แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนมาจาก the Source ทั้งสิ้น

ดังนั้น ความแตกต่างของผู้รับสาส์นแต่ละคน
จึงคือตัวกำหนดว่าพวกเขาจะแปลมันออกมาอย่างไร
และคือตัวกำหนดว่าต่อมไพเนียลของมนุษย์ผู้นั้น
จะใสสะอาดจาก “ตัวกรองของมนุษย์” (Human Filters)
มากน้อยเพียงใดด้วย (ซึ่งเดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้กันอีก
ในข้อความสื่อสารอีกชุดหนึ่ง)

การ channeling ก็คือการติดต่อสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่เปิดกว้างแก่มนุษยชาติทุกๆคน
ซึ่งพวกคุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปเรียกมันว่าการ channeling ก็ได้
แต่พวกคุณอาจจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ที่พวกคุณอยากจะเรียก

แต่พวกคุณควรจะรู้ไว้ด้วยว่ามนุษย์โลกทุกผู้ทุกนาม
มีโอกาสที่จะเรียนรู้มันได้เหมือนๆกันหมด ถ้าพวกเขาต้องการ

แต่เพราะว่าการมีทางเลือกอิสระของมนุษย์ จึงทำให้หลายๆคนไม่สนใจที่จะทำมัน

แต่ถ้าเป็นการทำเพื่อตัวพวกคุณเองเพียงคนเดียวหละ?
และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการ channeling กับพลังงานของเทพ
หรือกับรูปธรรมชีวิตบางรูปธรรมก็ได้
เพราะว่าพวกคุณสามารถที่จะสื่อสารกับ
ตัวตนที่สูงส่งกว่า (Higher Self) ของตัวพวกคุณเองก็ได้ด้วย
ซึ่งหลายๆคนเรียกการสื่อสารแบบนี้ว่า Automatic Writing

การติดต่อสื่อสารชนิดนี้ เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยประตูหลากมิติบานหนึ่ง
ที่เปิดผ่านต่อมไพเนียลของมนุษย์เข้ามา
ข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ไม่ได้ผ่านสมองของมนุษย์เข้ามา
อย่างที่พวกเราได้เคยบอกไปแล้ว เพราะว่าการสื่อสารชนิดนี้
เป็น “การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ” (Soul Communication)
และมันก็เป็นการสื่อสารแบบหลากมิติด้วย
มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการส่งผ่านกระแสประสาทเลย
ไม่เลยแม้แต่น้อย

สัญชาตญาณหยั่งรู้ คือการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ
และมันก็ไม่ใช่การทำงานของสมองด้วย และนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไม
มันถึงยากที่จะ “บังคับให้เกิดขึ้น” ได้ เพราะว่าพวกคุณคุ้นเคยอยู่แต่กับ
วิธีการคิดแบบที่เป็นเส้นตรง ของการส่งกระแสประสาทเท่านั้น
มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกคุณถูกต่อสายเอาไว้อย่างไรนั่นเอง

ขอให้พวกเราได้พูดถึงความยุ่งยากของเรื่องนี้อีกสักครั้งหนึ่งหน่อยเถอะ
อะไรก็ตามที่ฉันกำลังจะพูดถึงต่อจากนี้ไป ในส่วนนี้
จะเกี่ยวข้องกับ “ผู้อื่นสื่อสารถึงพวกคุณในแบบที่ไม่เป็นเส้นตรง” ทั้งสิ้น
ซึ่งการสื่อสารจากผู้อื่นในรูปแบบนี้จะต้องอาศัยการ “แปลความหมาย” ออกมาด้วย
เพื่อให้มันออกมาอยู่ในรูปแบบที่เป็นเส้นตรงซะก่อน

การสื่อสารชนิดนี้มันมีอยู่หลายรูปแบบ ดังนั้น เดี๋ยวฉันจะมอบลิสต์รายการ
ให้แก่คู่หูของฉัน แล้วให้เขาเลือกเอาเอง ว่าจะเอาเรื่องอะไรมาพูดบ้าง
เพื่อให้เขาสามารถพูดจบได้ในเวลาที่มีอยู่นี้

............................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 6:

การสื่อสารแบบเป็นการส่วนตัว

เราจะมาพูดถึงการสื่อสารแบบเป็นการส่วนตัวกัน
พวกคุณสามารถที่จะได้ยินวิญญาณเบื้องบน
หรือผู้ที่อยู่ในมิติอื่นๆพูดได้อย่างไร
ถ้ามันไม่ได้มาแบบเป็นเส้นตรง?

มันเป็นเรื่องยาก!

แต่วันนี้คู่หูของฉันก็ได้ให้คำตอบไปบ้างแล้ว
ซึ่งคำตอบหลักๆก็คือ...

“โดยผ่านการฝึกฝนตัวเองเพื่อให้สามารถรับรู้กระแสความคิด
ที่มาจากสัญชาตญาณหยั่งรู้ของตัวเองได้”

และโดยต้องมีความเข้าใจว่า ความคิดอันไหน
คือความคิดที่มาจากสมองของพวกคุณเอง
และความคิดอันไหนที่ไม่ได้มาจากสมองของพวกคุณเอง

มันเป็นเรื่องที่ยากในตอนแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ชอบวิเคราะห์พวกมัน
หรือแปลความหมายของพวกมันโดยใช้เชาว์ปัญญาของตัวเอง

ที่รักทั้งหลาย จงอย่าปล่อยให้กระบวนการส่งกระแสประสาท
ในสมองของพวกคุณ เข้ามาขวางทางการสื่อสารของพระเจ้าได้

ต้องให้ฉันพูดประโยคนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งไหม๊?

กับสัญชาตญาณหยั่งรู้ พวกคุณจะต้องเรียนรู้
ที่จะวางตรรกะแบบที่เป็นเส้นตรงเอาไว้ก่อน
แล้วปล่อยให้ความคิดแบบที่ไม่เป็นเส้นตรงที่สวยสดงดงาม
แสดงบทบาทของมันไป บนเวทีของ
จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง

แต่นี่อาจจะไม่เหมาะสมกับการเอาชีวิตรอดของพวกคุณสักเท่าไหร่นัก
หรืออาจจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เพื่อนๆของพวกคุณคิดกันสักเท่าไหร่นัก
แต่ว่ามันจะไปทำให้ชีวิตของพวกคุณดีขึ้น
มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดของพวกคุณได้

แล้วอะไรบ้างหละที่คู่หูของฉันในฐานะวิศวกรคนหนึ่ง
จะต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะให้สามารถ channel ได้?

เขาเคยต้องการที่จะวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างแบบทะลุปรุโปร่งจริงๆ!
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลานานหลายปี กว่าที่เขาจะสามารถแยกแยะความแตกต่าง
ระหว่างกระแสความคิดที่มาจากต่อมไพเนียลกับที่มาจากสมองได้
แล้วจากนั้นเขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะหลีกทางให้กับกระแสความคิดแบบไม่เป็นเส้นตรง
ของสัญชาตญาณหยั่งรู้ ให้มันเข้ามาได้

ซึ่งในช่วงแรกๆเขามักจะสงสัยว่าตัวเองเป็นคนกุมันขึ้นมาเองหรือเปล่า!
หรือว่ามันมาจากสมองของเขาเองหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นจริงๆ?

เพราะสัญชาตญาณหยั่งรู้ก็เป็นต้นเหตุของสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า
“ความคิดสร้างสรรค์” (creative thought) ด้วยนะ
เช่น การวาดภาพ, ดนตรี, บทกวี, และอื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะถามคำถามเหล่านี้ขึ้นมา!
มันเป็นคำถามที่ยอมรับได้

ดังนั้น ที่รักทั้งหลาย สำหรับพวกคุณแต่ละคน
นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะต้องทำ
คือฝึกฝนให้รู้ถึงความแตกต่างที่ว่านี้ให้ได้

คราวนี้ มันยังมีแหล่งอื่นๆอีกมากมายที่นอกเหนือจากการ channeling นี้แล้ว
ซึ่งพวกคุณเรียกกันว่าข้อความจากพระเจ้า ผู้ซึ่งส่งข้อความต่างๆมาถึงพวกคุณ
ในรูปแบบที่ไม่เป็นเส้นตรง (การสื่อสารแบบที่ไม่เป็นเส้นตรงใดๆ
จะมาจากสัญชาตญาณหยั่งรู้ของพวกคุณเอง ไม่ได้มาจากกระบวนการประสานประสาท)

และเรื่องต่อไปนี้อาจจะทำให้พวกคุณแปลกใจก็ได้

.........................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 7:

การสื่อสารแบบไม่เป็นเส้นตรงจากสัตว์ถึงพวกคุณ


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

พวกคุณรักพวกเขาใช่ไหม๊? แล้วพวกคุณรู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์บ้างหละ?
โดยเฉพาะสัตว์จำพวกที่พวกคุณรักใคร่และห่วงใย ที่พวกคุณเรียกกันว่าสัตว์เลี้ยงหนะ?

พวกเขามีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวใช่ไหม๊?
และพวกเขาก็สามารถที่จะพูดคุยกับพวกคุณได้ด้วยนะ!

เมื่อตอนที่พวกเขาสื่อสารกับพวกคุณ ที่รักทั้งหลาย เสียงมันน่าจะเป็นยังไงน๊า?
เสียงพูดของพวกเขาจะเป็นยังไงน๊า?

“เอ่อ..ครายออน คุณก็รู้แล้วนี่ว่าพวกเขาไม่มีเสียงพูดจริงๆหรอก”

โอ้..จริงเหรอ? ถ้างั้น..พวกเขา “พูด” กับพวกคุณได้ยังไง?
คราวนี้..เข้าใจแล้วใช่ไหม๊?

พวกเขาสื่อสารผ่านมโนคติ หรือ concept
กลุ่มของกระแสความคิดแบบมโนคติของพวกเขา
มีพร้อมอยู่แล้วที่จะให้พวกคุณรับรู้ได้

ดังนั้น ลองเดาดูซิว่าพวกคุณใช้อะไร
ไปรับเอากระแสความคิดที่ว่านี้มาจากพวกเขา?

ก็โดยผ่านต่อมไพเนียลของพวกคุณเองนั่นแหละ
เพราะว่ามันคือตัวแปลสัญญาณหลากมิติ
ของร่างกายเนื้อของพวกคุณ

ที่รักทั้งหลาย พวกคุณไม่ได้ใช้สมองของพวกคุณเพื่อการนี้เลย
เพราะว่าสมองของพวกคุณจะรับรู้ได้แต่เฉพาะ
สัญญาณถ่ายทอดแบบสัตว์ๆของพวกเขาเท่านั้น

มาถึงตรงนี้ พวกคุณบางคนอาจจะเก่งในเรื่องการสื่อสารประเภทนี้
ซึ่งหลายคนที่กำลังฟังการสื่อสารข้อความนี้อยู่ในขณะนี้
ก็เป็นพวกที่ถูกเรียกว่า “ผู้กระซิบกับสัตว์” (animal whisperer)
และพวกเขาก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

แล้วทำไมพวกเขาถึงเรียกมันว่า “การกระซิบ” หละ?
เดี๋ยวฉันจะบอกคำแปลของฉันให้พวกคุณได้ฟังกัน

นั่นก็เป็นเพราะว่า การสื่อสารดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นแบบเส้นตรงหนะสิ
และสัตว์เหล่านั้นก็ “กระซิบ” กับพวกคุณ ผ่านทางต่อมไพเนียลของพวกคุณเองด้วย
ไม่ใช่ผ่านทางการประสานประสาทของสมองพวกคุณแต่อย่างใดเลย
เพราะว่ามันจะเข้ามาในรูปแบบของกลุ่มของกระแสความคิด
เข้ามาแบบนุ่มนวลมากๆ และเข้ามาทั้งหมดในคราวเดียวกัน
เหมือนกันรอยเปื้อนหมึกอันนั้นแหละ

เมื่อใดที่พวกคุณไปรับเอามันเข้ามา พวกคุณก็จะรู้ว่าสุนัข หรือแมว หรือม้า
หรือหนูแฮมสเตอร์ หรือกระต่ายตัวนั้น กำลังพยายามจะสื่อสารอะไรกับพวกคุณอยู่
พวกคุณจะรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร บางทีพวกคุณอาจจะรับรู้ถึงความตึงเครียด
ที่พวกเขามีอยู่ก็ได้ หรืออาจจะรับรู้ถึงการเฉลิมฉลองหรือความรักที่พวกเขามีอยู่ก็ได้

ทีนี้..การสื่อสารประเภทนี้กับสัตว์ทั้งหลาย ก็เป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับพวกคุณแล้ว
เพราะว่าพวกคุณทุกๆคนได้เคยสัมผัสมันมาบ้างแล้ว
หรือแม้กระทั่งสัมผัสอยู่ในตอนนี้ด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ฉันจึงเชื่อว่าพวกคุณรู้แล้วว่าฉันกำลังพูดถึงอะไรอยู่
ดังนั้น จงนำเอาบทเรียนนี้ไปปรับใช้กับอย่างอื่นซะด้วย
เพราะว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะสอนในวันนี้นั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งนี้เลย
และมันก็ใช้กระบวนการเดียวกัน กับกระบวนการที่พวกคุณ
กำลังจะใช้ในชีวิตจริงของพวกคุณด้วย และรวมถึงมันก็ใช้กระบวนการเดียวกัน
กับกระบวนการที่พวกคุณใช้ในสมาธิของพวกคุณด้วย
ในตอนที่พวกคุณ “ฟัง” เสียงจากพระเจ้านั่นหนะ

“ครายออน จริงหรือเปล่าที่การสื่อสารกับสัตว์นี้ จะเป็นการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณด้วย?”

จริง..เพราะว่ามันคือการสื่อสารจากจิตวิญญาณของพวกเขา
มาถึงจิตวิญญาณของพวกคุณ

และถ้าพวกคุณเก่งทางด้านแปลความหมายจากความคิดของพวกเขาแล้ว
แล้วทำไมพวกคุณถึงจะสงสัยว่าตัวเองจะทำขั้นตอนต่อไปไม่ได้หละ?

ซึ่งขั้นตอนต่อไปที่ว่านี้ก็คือการฝึกฝนเพื่อที่จะติดต่อสื่อสารกับ
ตัวตนที่สูงส่งกว่า (Higher Self) ของพวกคุณเองให้ได้นั่นเอง

ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ก็คือส่วนหนึ่งของพวกคุณเอง
ที่มีระดับการสั่นสะเทือนสูงกว่าตัวตนของพวกคุณ
ที่ประกอบกันขึ้นมาจากเซลต่างๆของมิตินี้
และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของ “กลุ่มของจิตวิญญาณ” (Soul group)
ของพวกคุณเองอีกด้วย ซึ่งกลุ่มของจิตวิญญาณดังกล่าวนี้
ก็คือหนึ่งในเก้าคุณลักษณะของมนุษย์ และก็คือแก่นแท้ของพวกคุณเองอีกด้วย
มันคือส่วนที่คอยส่งข้อมูลข่าวสารให้แก่พวกคุณจากฝากฝั่งโน้นของม่านพราง
จากสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “พระเจ้า” (God)

...............................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 8:

การแสดงออกก็คือการสื่อสาร


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - the Crystalline Grid)


คู่หูของฉันได้เคยพูดถึงโครงข่ายคริสตัลไลน์ (Crystalline Grid) ของโลกไปแล้ว
และก็ได้บอกไปแล้วว่ามันสามารถจดจำการแสดงออกของมนุษย์โลกได้อย่างไร
เช่น สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบเมื่อในอดีต เป็นต้น ดังนั้น พลังงานของการรบจึงยังคงอยู่ที่นั่น
และมันก็ถูกถ่ายทอดมาถึงพวกคุณได้ด้วย ซึ่งพวกคุณหลายๆคนก็สามารถรู้สึกถึงมันได้จริงๆด้วย
พวกคุณคิดว่ากลไกของมันคืออะไร?

การสื่อสารประเภทนี้ จะบอกเล่าถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ณ.ที่แห่งนั้น
ซึ่งจะรวมไปถึงการตาย, และความโศกเศร้าเสียใจ และความกลัวด้วย
พลังงานเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดสด ส่งตรงเข้ามาสู่ต่อมไพเนียลของพวกคุณ
โดยโครงข่ายคริสตัลไลน์ของโลก ซึ่งมันก็จะมาถึงพวกคุณในรูปแบบของอารมณ์ความรู้สึก
ไม่ใช่ในรูปแบบของการสื่อสารแบบที่เป็นเส้นตรง
ซึ่งหลายๆคนอาจจะสามารถสัมผัสถึงมันได้ แต่หลายคนก็อาจจะไม่
ซึ่งถ้าใครที่เก่งๆทางด้านการรู้สึกถึงพลังงานได้หละก็ ก็จะเข้าใจและรู้สึกถึงสิ่งนี้ได้ก่อนเพื่อน

พวกคุณบางคนก็เก่งในเรื่องนี้มาก และพวกคุณก็จะมีความภาคภูมิใจ
ที่พวกคุณสามารถรู้สึกถึงพลังงานได้จริงๆในทุกๆที่ที่พวกคุณไป
พวกคุณสามารถรู้สึกถึงพลังงานของคนกลุ่มนั้นได้
พวกคุณสามารถรู้สึกถึงพลังงานของดินแดนแห่งนั้นได้
พวกคุณสามารถรู้สึกถึงพลังงานของโครงข่ายคริสตัลไลน์ของดินแดนแห่งนั้นได้
และพวกคุณก็สามารถรู้สึกถึงพลังงานของสถานการณ์ต่างๆได้อีกด้วย
แต่ทว่า..สิ่งที่พวกคุณกำลังรู้สึกถึงอยู่นั้นหนะ มันคืออะไร?

มันก็คือการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณดีๆนี่เอง!

มันคือการที่โครงข่ายคริสตัลไลน์พูดกับ “สัญชาตญาณหยั่งรู้” (intuition) ของพวกคุณ
มันไม่ได้มาจากสมองของพวกคุณ และมันก็ไม่ได้มาจากเชาว์ปัญญา (intellectual) ของพวกคุณอีกด้วย

นี่คือฟิสิกส์อย่างหนึ่ง พวกคุณรับรู้ถึงมันได้โดยใช้ต่อมไพเนียลของตัวเอง
แล้วจากนั้นก็แปลความหมายของมันออกมา และรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากมันได้แบบไม่เป็นเส้นตรง

ในกรณีของสนามรบดังกล่าวนี้ มีบางอย่างเคยเกิดขึ้นบนพื้นดิน ณ.ตำแหน่งที่พวกคุณกำลังยืนอยู่นั้น
และพลังงานของมันก็อาจจะทำให้พวกคุณถึงกับเข่าทรุดลงไปเลยก็ได้ นั่นแหละคือการสื่อสารหละ!

แต่อย่างไรก็ตาม ทำไมการสื่อสารที่เป็นการส่วนตัวมากๆ
จึงเป็นการสื่อสารที่ยากที่สุดต่อการแปลความหมายหละ?

นั่นก็เพราะว่า มันเป็นการสื่อสารจาก “พวกคุณ” ถึง “ตัวพวกคุณเอง” หนะสิ
นี่แหละคือสิ่งที่จะสอนในวันนี้ เพื่อเปิดเผยและพัฒนาแนวความคิดนี้ต่อไป

.........................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 9:

การสื่อสารจากจักรวาล


ตอนที่พวกคุณเดินเข้าไปในป่า แล้วต้นไม้พูดกับพวกคุณนั้น
เรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?

ก็ไกอากำลังพูดกับพวกคุณอยู่ยังไงหละ!
แล้วเสียงพูดนั้นหนะ มันจะเป็นเสียงยังไงนะ?
ฉันกำลังพูดกับพวกคุณอยู่หรือเปล่า?
พวกคุณเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังพูดไหม๊?

พวกคุณสามารถที่จะ “ได้ยิน” สิ่งเหล่านี้ได้ ในแบบของใครของมัน
แต่ก็จะไม่มีแบบไหนเลยที่จะต้องอาศัยกระบวนการส่งกระแสประสาทของพวกคุณ

ต้นไม้พวกนั้นกำลังลำบากอยู่หรือเปล่านะ?
พวกมันกำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า?
หรือบางทีพวกมันอาจจะกำลังเฉลิมฉลองอยู่ก็ได้?
ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดนี้ มีพร้อมอยู่แล้วสำหรับผู้ที่สามารถ “ได้ยิน” มันได้

“ครายออน จริงหรือเปล่าที่ว่าในป่านั้น มีสิ่งที่คุณเรียกว่าเทวะอยู่หนะ?”

ต่อไปนี้คือคำตอบของฉันหละนะ:
โอ๋..แน่นอนสิ! พวกคุณล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย?

ใช่..มันมีอยู่จริงๆ
พวกคุณกำลังถามว่าพวกเขาคืออะไรใช่ไหม๊?

พวกเขาก็คือภาคหนึ่งของไกอาที่มีความเป็นหลากมิติหนะสิ
และฉันก็ชอบวิธีการที่มนุษย์โลกใช้รับมือกับพลังงานหลากมิติซะด้วย
คือมนุษย์โลกมักจะไปทำให้พลังงานหลากมิติเหล่านี้กลายเป็นของ 3 มิติไปเสีย
คือ..เมื่อใดที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจพลังงานหลากมิติอันไหนได้
มนุษย์ก็จะปั้นแต่งพวกเขาให้เป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมา แล้วสวมเสื้อผ้าให้กับพวกเขา
(สวมเสื้อผ้าให้กับพวกเขา ตามความคิดของมนุษย์เอง) แล้วก็ตั้งชื่อให้กับพวกเขา
แล้วก็เอาพวกเขาไปใส่ในภาพยนตร์ของมนุษย์เองซะด้วย

(ปล.เทวะ หรือ deva ในแนวนิวเอช และในข้อความจากต่างมิติทั้งหลายนี้
ไม่ได้หมายถึงเทวดา หรือทวยเทพในแบบที่ชาวพุทธเข้าใจหรอกนะครับ
แต่เขาหมายถึง รูปธรรมชีวิตกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ใน “อาณาจักรเทวะ”
หรือ Devic Kingdom เช่น พวกจิตวิญาณของธาตุทั้ง 4
หรือที่เรียกว่า Elementals เป็นต้น – ผู้แปล)

พวกเขามีความสวยสดงดงาม! ซึ่งพวกคุณก็รู้ว่าพวกเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ
และพวกเขาก็อยู่ทุกแห่งทุกหนด้วย

จงเข้าไปในป่าแล้วพวกเขาจะพูดกับพวกคุณ
จงนั่งลงบนผืนหญ้าแล้วยินยอมให้พวกเขาสื่อสารกับพวกคุณ
พวกเขาคือส่วนหนึ่งของ “น้ำซุปแห่งพลังงานที่ชื่อว่าไกอา”
ซึ่งก็คือพระแม่แห่งธรรมชาตินั่นเอง
และไกอาก็คือบุคลิกภาพของความรักของพระเจ้าที่อยู่ในรูปแบบของธรรมชาติ

ที่รักทั้งหลาย พวกคุณจะไม่ได้รับสิ่งที่ไม่ดีจากเทวะเลย
พวกคุณจะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดีจากการไปกอดต้นไม้เลย
ซึ่งพวกคุณก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม๊?

แล้วสิ่งนี้มันบอกอะไรกับพวกคุณบ้างหละ
เกี่ยวกับความรู้สึกของไกอาที่มีต่อพวกคุณ?

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นแต่เพียงบางส่วนของเรื่องราวในหัวข้อ
“การสื่อสารจากผู้อื่นมาถึงพวกคุณ” เท่านั้นเองนะ

............................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 10:

การสื่อสารในทิศทางอื่น:
การสื่อสารจากแหล่งที่เป็นเส้นตรงไปสู่แหล่งที่ไม่เป็นเส้นตรง


มนุษย์โลกคือผู้ที่มีความคิดและจิตใจเป็นแบบเส้นตรง
และก็มีการสื่อสารแบบที่เป็นเส้นตรงด้วย เพราะด้วยเหตุนี้
พวกคุณจึงไม่มีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการติดต่อสื่อสารแบบหลากมิติอยู่เลย

แต่ตอนนี้ พวกคุณสามารถที่จะพัฒนาเครื่องมือที่จำเป็นเหล่านี้ขึ้นมาก็ได้แล้ว
ถ้าพวกคุณต้องการ ซึ่งพวกคุณหลายคนก็มีเรียบร้อยแล้ว

แต่โดยทั่วไปแล้ว ในฐานะมนุษย์โลกคนหนึ่ง พวกคุณจะมีก็แต่เฉพาะเครื่องมือ
ที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารแบบที่เป็นเส้นตรงเท่านั้น
แล้วถ้าเช่นนั้น..วิญญาณที่อยู่เบื้องบนจะทำยังไงกับพวกคุณหละ?

ที่รักทั้งหลาย นี่คือความจริง:
พวกเราไม่มีปัญหาอะไรเลยในการเข้าใจพวกคุณ!

นั่นก็เพราะว่าพวกเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแปลความหมายหนะสิ
พวกเรารู้อย่างชัดแจ้งในสิ่งที่พวกคุณกำลังพูดอยู่
และมันก็ไม่สำคัญเลยว่า พวกคุณจะพูดมันออกมา
หรือว่าจะแค่คิดมันอยู่ในใจก็ตาม พวกเราก็จะรู้อยู่ดี
ว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังสื่อสารอยู่นั้นหนะคืออะไร
เพราะว่าพวกเราอยู่กับพวกคุณตลอดเวลา

ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ซึ่งมีระดับความสั่นสะเทือนสูงกว่า
ตัวตนที่เป็นเนื้อหนังนี้ของพวกคุณ จะรู้ถึงความคิดในใจของพวกคุณเป็นอย่างดี

เมื่อใดที่พวกคุณนั่งลงแล้วทำสมาธิ พวกเราก็จะรู้ทันทีว่าพวกคุณกำลังจะทำอะไร
เพราะว่าพวกเรามองเห็นศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ที่อยู่ที่นั่น
เพราะว่าพวกคุณได้คิดถึงมันก่อนแล้ว ก่อนที่พวกคุณจะลงมือกระทำมัน
และนั่นแหละคือสิ่งที่พวกเรามองเห็นหละ

ฉันอยากจะบอกเคล็ดลับอะไรบางอย่างกับพวกคุณซักหน่อย
เกี่ยวกับวิธีการติดต่อสื่อสารกับพวกเรา ซึ่งนั่นก็คือ

เลิกแจกแจงรายละเอียดของสิ่งที่พวกคุณต้องการ
ให้พวกเรารู้ซะทีเถอะ เพราะว่าพวกเรารู้อยู่แล้วว่าพวกคุณต้องการอะไร!

แต่จงนั่งลงแล้วพูดกับพวกเราว่า
“วิญญาณที่อยู่เบื้องบนเจ้าขา ได้โปรดบอกข้าพเจ้า
ในสิ่งที่ท่านปราถนาที่จะให้ข้าพเจ้ารู้ด้วยเถิดเจ้าข้า” แทน

ที่รักทั้งหลาย พวกเรารู้ดี เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่อยู่ในชีวิตของพวกคุณอยู่แล้ว!

ต้องให้ฉันพูดประโยคนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งไหม๊?

พวกเรารู้ดี เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่อยู่ในชีวิตของพวกคุณอยู่แล้ว!

จงมาหาพวกเรา แล้วให้พวกเราพูดกับพวกคุณเถอะ
แค่ยินยอมให้พวกเราพูดเท่านั้นแหละ

และจงพยายามแปลความหมายของกลุ่มกระแสความคิด
ที่ผุดขึ้นมาในหัวของพวกคุณเป็นอันดับแรก
โดยปราศจากการวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆทั้งสิ้น เท่านั้นแหละ
จงฝึกให้คุ้นเคยกับสิ่งนี้ไว้ให้ดี

และตราบใดที่พวกคุณยังคุยกับพวกเราอยู่
มันก็จะไม่สำคัญหรอกนะว่า พวกคุณจะใช้วิธีการอะไร

พอมาถึงตรงนี้ อาจจะมีใครบางคนพูดแย้งขึ้นมาว่า

“เอ่อ..ครายออน มันน่าจะมีวิธีการที่ผิดอยู่นะ ในการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าหนะ”

ไม่หรอก มันไม่มีวิธีการไหนที่ผิดหรอก!

“อ้าว..แล้วคุณคิดยังไงกับกลุ่มความเชื่อทางศาสนาบางกลุ่ม
ที่จะต้องหันหน้าไปทางทิศใดทิศหนึ่งก่อน หรือจะต้องปูพรมสำหรับสวดมนต์ซะก่อน
หรือจะต้องสวมชุดอะไรพิเศษซะก่อน เพื่อที่จะให้การสักการะพระเจ้าเป็นไปอย่างถูกต้องหนะ?”

ที่รักทั้งหลาย ก็ปล่อยให้พวกเขาทำ ในสิ่งที่ขนบธรรมเนียมประเพณี
ในวัฒนธรรมของพวกเขา บอกให้พวกเขาทำเถอะ
เพราะว่ามันเป็นวิธีการเคารพพระเจ้าของพวกเขา!

แล้วมันมีวิธีอะไรที่ดีกว่านั้นอีกไหม๊หละ ที่จะทำให้พวกเขาพร้อมที่จะพูดกับพวกเราหนะ?

ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ความรักที่จะเข้าไปสู่การสื่อสารของพวกเขา
ก็จะเป็นความรักอันเดียวกันกับความรักที่จะเข้าไปสู่การสื่อสารของพวกคุณนั่นแหละ

เพราะว่าความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมของมนุษย์โลก
ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสำหรับผู้ที่อยู่ ณ.ฟากฝั่งโน้นของม่านพรางอย่างพวกเรา
เพราะว่าพวกเรามองมนุษย์โลกว่าเป็น “ภาคที่มีเนื้อหนัง ของชิ้นส่วนหนึ่งของพระเจ้า”
มนุษย์ทุกๆคนเลย!

ดังนั้น มันจึงไม่สำคัญเลยว่าพวกคุณจะสวมใส่เสื้อผ้าอะไร หรือจะนั่งอยู่บนอะไรก็ตาม
ชัดเจนไหม๊? มันไม่มีวิธีการใดที่ผิดหรอก ที่จะสื่อสารกับแหล่งกำเนิดแห่งการสรรสร้างนี้หนะ

“โอเค ครายออน ไม่มีก็ไม่มี แต่ว่ามีบางครั้งเหมือนกันนะ
ที่ฉันตะโกนด่าพระเจ้าหนะ แล้วมันจะเป็นอะไรไหม๊?
มันเป็นวิธีการสื่อสารที่ผิดไหม๊?”

ที่รักเอ๋ย..พวกเราได้ยินเสียงของคุณ แต่พวกเราไม่ได้ยินเสียงตะโกนด่าหรอกนะ
เพราะว่าการตะโกนด่าหนะ มันเป็นเรื่องของความเป็นเส้นตรง
ซึ่งเรื่องนี้มันยากที่จะอธิบายให้พวกคุณเข้าใจได้ แต่สิ่งที่พวกเราได้ยินหนะ
จะเป็น “ความคับข้องใจที่น่ารักน่าเอ็นดู” (loving frustration) ต่างหากหละ
มันคือความคับข้องใจที่น่ารักน่าเอ็นดู พวกเรามองไม่เห็นความโกรธที่ว่านั้นเลย

เพราะว่าคุณไม่ได้โกรธ แต่คุณแค่รู้สึกคับข้องใจเท่านั้นเอง
และนั่นแหละคือช่วงเวลาที่พวกเราอยากจะโอบกอดคุณมากที่สุดหละ

ยิ่งคุณตะโกนด่าพระเจ้ามากเท่าไหร่ ทวยเทพทั้งหลาย
ก็จะยิ่งมารายล้อมคุณมากเท่านั้นด้วย เพื่อที่จะไปจับมือของคุณเอาไว้!

เพราะฉะนั้นแล้ว คราวหน้า..ถ้าคุณตัดสินใจที่จะตะโกนใส่พระเจ้าอีกหละก็
คุณจะสามารถเปิดหัวใจของตัวเองออกมาด้วย ได้ไหม๊หละ
เพื่อยินยอมให้พวกเราโอบกอดคุณเอาไว้ในอ้อมแขนของพวกเรา สักครู่หนึ่ง?
ตกลงไหม๊?

ในช่วงเวลาที่คับข้องใจมากที่สุด ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่พวกคุณหาคำตอบอะไรไม่ได้เลย
หรือหาทางออกไม่เจอเลย พวกคุณจะแค่..ปล่อยให้ตัวเองถูกโอบกอดได้ไหม๊หละ?
ดีไหม๊? พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อการณ์นี้อยู่แล้ว

จิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลายเอ๋ย
พวกคุณจะต้องทำความคุ้นเคยกับการสื่อสารประเภทนี้ให้ดี
เพราะว่ามันมีพร้อมอยู่แล้วอย่างมากมาย!

.........................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 11:

การแสดงออกคือภาษาที่แท้จริงอย่างหนึ่ง


สิ่งที่พวกคุณแสดงออกมานั้น คือการ “พูดคุย” กับโครงข่ายคริสตัลไลน์ของโลก
และ คือการพูดคุยกับโครงข่ายพลังงานของไกอา

สิ่งที่พวกคุณคิดออกมานั้น ก็คือการพูดคุยกับสนามพลังงานแม่เหล็กโลก
ซึ่งพวกเราเรียกสนามพลังงานแม่เหล็กโลกนี้ว่า
“ที่ตั้งของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมวลหมู่มนุษยชาติ”

ดังนั้น ถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยก็ตาม
แต่การแสดงออกของพวกคุณ ก็คือการสื่อสารอย่างหนึ่งด้วย
ซึ่งมันจะสื่อสารไปถึงทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกๆคนที่อยู่รอบตัวของพวกคุณ

ซึ่งคำพูดที่พวกคุณพูดออกมาจากปากของตัวเองในแบบที่เป็นเส้นตรงนั้น
จะถูกได้ยินโดยร่างกายเนื้อของพวกคุณเองด้วยนะ

มีคุรุประเภทที่บรรลุได้ด้วยตัวเองซักกี่คนแล้ว ที่ได้บอกพวกคุณไปแล้วว่า
“สิ่งที่พวกคุณพูดออกไปนั้น มันจะย้อนกลับมาหาพวกคุณเอง” หนะ?

แล้วมันเป็นเพราะอะไร ทำไมผู้ที่วิตกจริตคิดว่าตัวเองต้องป่วยแน่ๆเลย
ถึงได้ป่วยเป็นโรคที่พวกเขากลัวมากที่สุดและพูดถึงอยู่เสมอได้จริงๆ?

นั่นก็เป็นเพราะว่าร่างกายเนื้อของพวกเขากำลังฟังพวกเขาอยู่
และก็กำลังมอบสิ่งที่พวกเขาร้องขอ ให้แก่พวกเขาอยู่หนะสิ

ร่างกายเนื้อของพวกคุณกำลังฟังพวกคุณอยู่,
โครงข่ายพลังงานทั้งหลายกำลังฟังพวกคุณอยู่
และแม้แต่มนุษย์โลกด้วยกันเองที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณก็กำลังฟังพวกคุณอยู่ด้วย

พวกคุณกำลังหัวหมุนอยู่กับบทละครชีวิตเรื่องเศร้าของตัวเองอยู่หรือไม่?

นี่ไง..เรามาถึงคำถามนี้อีกแล้ว
พวกคุณคิดว่ามนุษย์โลกคนอื่นๆจะสนใจเรื่องนี้ไหม๊?
พวกคุณเคยคิดถึงเรื่องนี้กันบ้างไหม๊?
อะไรคือสิ่งที่พวกคุณต้องการที่จะแสดงให้ใครซักคน
ได้เห็นถึงระบบความเชื่อของพวกคุณ ว่า “พระเจ้าอยู่ภายในตัวเราเอง” ?

พวกคุณต้องการที่จะแสดงให้พวกเขาได้เห็นว่า
พวกคุณเสียศูนย์มากน้อยแค่ไหนอย่างงั้นหรือ?
และพวกเขาก็ควรจะเป็นเช่นเดียวกันด้วย อย่างงั้นหรือ?
ลองคิดดูให้ดีนะ

พวกคุณกำลังแสดงออกให้ชาวโลกได้เห็น
ถึงความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นของตัวเองด้วยวิธีการใดอยู่?

จิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลายเอ๋ย..อะไรบ้างคือสิ่งที่พวกคุณได้เรียนรู้มาแล้ว
ตลอดทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงบัดนี้
และพวกคุณได้นำมันมาสู่งานปาร์ตี้ในวันนี้ด้วย?
อาการหัวหมุนยังงั้นเหรอ? หรือว่าคือความรัก?

“เอ่อ..ครายออน..เรื่องนี้..พูดหนะมันง่ายนะ แต่ทำหนะมันยาก
แล้วคุณจะหยุดอาการหัวหมุนที่ว่านี้ได้ยังไงกันหละ?
คุณจะหยุดมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อโลกที่ไร้ความเป็นธรรมนี้ได้ยังไง?”

ฉันเพิ่งบอกพวกคุณไปหยกๆนี่ว่า ถ้าเพียงแต่พวกคุณ
ยอมเปิดหัวใจของตัวเองออกมา และยอมให้การสื่อสารอันศักดิ์สิทธิ์บังเกิดขึ้น
มันก็จะไปสนับสนุนให้เกิดความสงบสุขขึ้นกับพวกคุณในทันที
ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “การตื่นขึ้นสู่วิญญาณ” (awakening to Spirit)

มันคือการออกมาจากนิสัยเดิมๆ และความกลัวเดิมๆทั้งหลาย
แล้วมาเริ่มทวงเอาส่วนนั้นของจิตวิญญาณเก่าแก่ของตัวเอง
ซึ่งก็คือ “พระเจ้าที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณเอง” คืนมา
ซึ่งมันมีพร้อมอยู่แล้ว สำหรับพวกคุณ และสำหรับมนุษยชาติทั้งมวล
และสำหรับผู้คนที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณด้วย

...........................

 

ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication), part-1

ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
วันที่: 22 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:San Antonio, Texas - February 22, 2014


ตอนที่ 12:

การสื่อสารข้ามมิติ (Multidimensional Communication)

การที่พวกคุณหลายคนเก่งในเรื่องพูดคุยกับสัตว์ต่างๆ
ก็เพราะว่ากระบวนการสื่อสารในรูปแบบของกลุ่มความคิด
(thought group communication) ของพวกเขาได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว
ซึ่งก็เท่ากับว่า พวกคุณกำลังอยู่บนเที่ยวบินที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่
“การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ” (Soul Communication)
ชนิดที่ดีที่สุดแล้วหละ และพวกคุณก็เริ่มที่จะคิดออกนอกกรอบแล้วหละ

เพราะว่าตอนที่พวกคุณมองเข้าไปในดวงตาของสัตว์เหล่านั้นนั้น
พวกคุณก็จะส่งภาพอะไรบางอย่างไปให้พวกมันด้วย ใช่ไหม๊?
และพวกมันก็เข้าใจด้วย ใช่ไหม๊?

ซึ่งเรื่องนี้มันควรจะแสดงให้พวกคุณได้เห็นว่า มันได้ผลจริงๆ!

มนุษย์โลกสามารถที่จะสร้าง “คุณสมบัติ” (attributes)
และ “คุณลักษณะเฉพาะ” (characteristics) ต่างๆ
ซึ่งเป็นของหลากมิติ (multidimensional)
และก็เป็นสิ่งที่จะถูกขับเคลื่อนด้วย
จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
(entirely consciousness driven) ขึ้นมาได้
แล้วส่งพวกมันออกไปสู่ที่ไหนก็ได้เท่าที่ต้องการ
โดยผ่านทางต่อมไพเนียล

(หมายเหตุ: ท่อนข้างบนนี้ค่อนข้างเข้าใจยาก แต่ผมเดาว่า
เขาหมายถึง มนุษย์สามารถที่จะสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้
ด้วยจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเอง ที่มีคุณสมบัติแบบหลากมิติ
เช่น ภาพนิมิต เป็นต้น และสามารถส่งมันออกไปที่ไหนก็ได้
โดยผ่านทางต่อมไพเนียลซึ่งอยู่ตรงตำแหน่งของตาที่ 3 ของตัวเอง - ผู้แปล)

รอบๆตัวของพวกคุณนั้น ยังมี “เหล่าผู้ช่วยเหลือ” (Helpers) อยู่ด้วย
ซึ่งพวกเราได้เคยพูดถึงเรื่องนี้กันไปแล้ว ฉันต้องลิสต์รายชื่อของพวกเขาอีกครั้งหนึ่งไหม๊?

รอบๆตัวพวกคุณมีรูปธรรมชีวิต และ กลุ่มของรูปธรรมชีวิต
ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาอยู่มากมาย ซึ่งบางส่วนของพวกเขา
ก็มาจากที่นี่ (จากดาวเคราะห์โลกดวงนี้) แต่บางส่วนก็ไม่ใช่

และก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians), ชาวอาร์คทูเรียน (Arcturians),
the Hathors และผู้ที่มาจากกลุ่มดาว Orion และ Sirius
(อันนี้แค่ยกตัวอย่างชื่อของพวกที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดขึ้นมาบางส่วนเท่านั้น)
เท่านั้นนะ แต่ยังมีพวกเขาอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน!

แล้วพวกคุณรู้ไหมว่าพวกเขามีอะไรที่เหมือนๆกันอยู่?

พวกเขาสื่อสารกันแบบไม่เป็นเส้นตรง
ผ่านทางกระแสความคิดเหมือนๆกันหมดหนะสิ!

ดังนั้น พวกคุณจึงสามารถที่จะสื่อสารกับพวกเขาได้
โดยใช้วิธีการสื่อสารแบบเดียวกับที่ใช้สื่อสารกับสัตว์นั่นแหละ

มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย พวกเรากำลังจะเปิดประตูไปสู่การสื่อสารแบบเต็มรูปแบบ
ก่อนที่พวกเราจะปิดการ channeling ในครั้งนี้
พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า มีอะไรบางอย่างที่พวกเราอยากจะให้พวกคุณรับรู้
และเข้าใจ ซึ่งนั่นก็คือ อย่าปล่อยให้การสื่อสารของพวกเรากลายเป็นเรื่องลึกลับไป!
อย่าทำให้มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดไป!

ฉันเพิ่งบอกพวกคุณจบไป เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆ
ของการสื่อสารถึง และ จาก Spirit ซึ่งในการ channeling ครั้งถัดไป
ฉันจะมาต่อในหัวข้อเรื่องใหม่ ที่ชื่อว่า “อะไรคือสิ่งกีดขวางของการสื่อสารนี้?”
อะไรคือตัวกรองบ้าง? พวกคุณจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้สื่อสารได้ดีขึ้น?

การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณนี้
เป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนที่จิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลาย
จะต้องเรียนรู้กัน เพื่อที่จะทำให้เกิดความสมดุล
และความสงบสุขขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

ซึ่งมันก็จะต้องเริ่มต้นขึ้นที่นี่และเดี๋ยวนี้ด้วย
มันจะต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจ
และด้วยการเปิดเผยความลึกลับของสายสัมพันธ์
ระหว่างพวกคุณกับ Spirit อันสวยสดงดงามซะก่อน

มันมีโครงสร้างอยู่ในเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ด้วยนะ
มันมีระบบที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาอยู่ในสิ่งเหล่านี้ด้วย
และมันก็ยังมีกึ๋นด้านจิตวิญญาณ (spiritual common sense)
อยู่ในสิ่งเหล่านี้อีกด้วย พวกเราขอเชิญพวกคุณให้มาค้นหามันด้วยตัวเอง

เพราะว่าการสื่อสารวิธีการนี้ จะไปทำให้เกิดวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณขึ้น
บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ และผู้ที่จะเป็นผู้นำด้านการสื่อสารแบบนี้
ก็คือบรรดาผู้ที่กำลังอ่านและกำลังฟังข้อความสื่อสารชุดนี้ อยู่ในขณะนี้นี่แหละ

พี่น้องเอ๋ย..นี่แหละคือบทเรียนสำหรับวันนี้หละ
มันสวยงามใช่ไหม๊หละ?
มันสวยสดงดงาม!

ทั้งหมดที่พวกเราต้องการจะทำก็คือการติดต่อสื่อสาร
และมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำมันซะที

ซึ่งการ channeling ในครั้งนี้ก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว
ว่าจะทำให้มันได้ผลได้อย่างไร ดังนั้น คำแนะนำสำหรับวันนี้ก็คือ
จะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร แม้แต่สิ่งที่พวกคุณกำลังได้ยินอยู่ในขณะนี้
ก็คือการ channeling ด้วย

การเปิดเผยความลึกลับของสิ่งที่ใครบางคนเรียกกันว่า
เป็นสิ่งที่น่าขนลุก, ไม่เป็นธรรมชาติ และ แปลกประหลาดออกมา
คือหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าของพวกคุณ

และการที่มันไม่ได้เป็นแบบเส้นตรง
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องมีความไม่ชอบมาพากลเสมอไป

สิ่งที่มีความยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความรัก พวกคุณสามารถอธิบายได้ไหม๊?
อาจจะไม่ได้..แต่พวกคุณก็สามารถที่จะแสดงมันออกมาให้เห็นได้

เพราะฉะนั้น จงไปเดี๋ยวนี้เลย ไปแสดงความรักของพระเจ้าที่อยู่ภายในตัวพวกคุณ
ออกมาให้ทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณได้เห็นกัน


And so it is.

KRYON

...............

 

ครายออนเขาจะมุขเยอะมาก
ผมอ่านไป แปลไป ก็นึกขำไปด้วย
เพราะครายออนมีอารมณ์ขันดีจริงๆ

แต่ข้อเสียก็คือ เขาจะเล่นคำเยอะมาก
และชอบพูดคำย่อๆของสิ่งที่เคยพูดไปแล้ว
จนทำให้ ถ้าใครไม่ได้ติดตามอ่านข้อความของครายออนมาโดยตลอด
ก็อาจจะงงได้ ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
ซึ่งแม้แต่ผมเอง ที่อ่านมาก็หลายปีแล้วนี่
ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่เลยครับ

แต่โดยรวมแล้ว ครั้งนี้ก้น่าจะแปลออกมาได้ถูกต้อง
ราวๆ 98 - 99% หละน่า..ฮิฮิ

เล่นเอาเหนื่อยเลย..เตรียมตัวนอนดีกว่า
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านนะครับ
.......................................

 

ขอบคุณ คร้าบบ (^^)

 

ขอบคุณค่ะ

 

ขอบคุณนะคะ(f)

 

ขอบคุณมากค่ะ คุณชยุต ที่กรุณาแปลข้อความมาให้สมช.ที่ติดตามได้อ่านกัน สำหรับตัวดิฉันอ่านแล้วก็ขำๆ อย่างที่คุณว่า แต่ใจความสำคุญที่พอสรุปได้คือ เราทุกๆคนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า แต่ต้องเปิดจิตดูภายในทุกขณะ โดยอย่าพยายามไปเพ่งโทษผู้ใดเหมือนดังที่พระพทธองค์ท่านสอนว่า จงตื่นอยู่ในปัจจุบัณขณะ และพิจารณา จนปัญญาเกิดขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านค่ะ ดิฉันเองก็พยายามสำรวมจิตไม่ส่งออกนอก เพราะเรามิใช่ผู้พิพากษาที่จะไปตัดสินว่าใครถูก หรือผิด แต่พวกเรามาเพื่อเติมเต็มและศึกษาซึ่งกันและกัน ที่สำคัญมอบความรักและเมตตาให้กันโดยออกมาจากจิตภายในที่แท้จริงนะคะ :z9

 

ส่วนตัวผมก็ชอบครายออนเหมือนกันนะครับ
ปล.อ่ะ.ลืมขอบคุณ อิๆ ขอบคุณคุณชยุตมากกกๆเลยล่ะครับที่สละเวลามาแบ่งปันสิ่งดีๆสำหรับพวกเราชาวแสงสว่าง (ผมมั่นใจว่าผมสว่างแล้ว และไม่เคยมั่นใจอย่างนี้มาก่อน)
..........................................................
ขออนุญาตโม้อีกที55555

 

รู้สึกว่า ครายออนจะเป็นคู่หู กับคุณชยุตด้วย นะเนี่ย อิอิอิอิ